(0)
เหรียญคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ทองแดงกะไหล่เงิน รุ่นแรกปี 2511






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องเหรียญคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม ทองแดงกะไหล่เงิน รุ่นแรกปี 2511
รายละเอียดเหรียญคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติมวัดอาวุธ รุ่นแรกปี 2511

เหรียญรุ่นนี้ออกน้อย มี 2 เนื้อ คือทองแดงรมดำ และทองแดงกะไหล่เงิน เท่านั้น คุณแม่บุญเรือนเป็น อุบาสิกาที่เคร่งปฏิบัติธรรม จนบรรลุธรรมขั้นสูง
ผลสำเร็จของงานบุญ

ในระหว่างที่บวชเป็นชีนี่เอง ด้วยความตั้งใจจริง ในการบำเพ็ญเพียร หัดวิปัสสนากัมมัฏฐาน ทำใจให้สงบระงับ ฝึกใจให้แข็งแกร่งแก่กล้า มองเห็นธรรมอันวิเศษของ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ยังผลให้เป็นที่ทราบในหมู่ผู้ร่วมวิปัสสนาด้วยกัน ว่าคุณแม่บุญเรือนได้สำเร็จแล้วอย่างแท้จริง คือสำเร็จใน จตุตถฌาน หรือ ฌาน4 อันประกอบด้วย

ปฐมฌาน หมายถึง ฌาน ขั้นแรก มีองค์ 5 คือ ยังมีตรึก เรียกว่า วิตก และ ตรอง เรียกว่า วิจารณ์ เหมือนอารมณ์แห่งจิตของคนสามัญ ซ้ำยังมีปิติ คือ ความอิ่มใจ มีความสุข คือความสบายใจ เกิดแต่ความวิเวก คือ ความเงียบสงบ ประกอบด้วยจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่งลงไปได้ เรียกว่า “ เอกัคตา”

ทุติยฌาน หมายถึง ฌาน ชั้นสอง ซึ่งละวิตกและวิจารณ์ ในปฐมฌานลงไปได้ คงเหลือแต่ ปิติ และ สุขอันเกิดแก่สมาธิกับเอกัคตา

ตติยฌาน เป็น ฌาน ชั้นสาม คงเหลือแต่องค์สอง คือละปิติเสียได้ คงเหลือแต่สุขและเอกัคตา

จตุตถฌาน เป็น ฌานสำคัญชั้น 4 มีองค์ 2 คือละสุขเสียได้กลายเป็น อุเบกขาคือวางเฉย คู่กับเอกัคตา ฌาน 4 จัดเป็นรูปสมาบัติ มีรูปธรรมเป็นอารมณ์ สงเคราะห์เข้าไปในรุปาวจรภูมิ

ฌานทั้ง 4 นี่แหละที่เชื่อกันว่า แม่ชีบุญเรือน โตงบุญเติม ได้บำเพ็ญเพียรฝึกปฏิบัติจนประสบความสำเร็จ และด้วยเหตุที่ปรากฏต่อมาว่า แม่ชีบุญเรือน มีความเชี่ยวชาญในวิปัสสนากัมมัฏฐาน จนสามารถจะเข้าวิปัสสนาเมื่อใดก็ได้ และไม่จำเป็นต้องยึดสิ่งมีรูปเป็นอารมณ์ ทั้งอาจเข้าวิปัสสนาโดยลืมตาก็ได้โดยเร็วพลันด้วยเหตุนี้ ทางด้านอรูปฌาน ก็เชื่อว่าท่านสันทัดและบรรลุโดยลักษณะเดียวกัน

ด้วยความสำเร็จใน จตุตถานนั่นเอง เป็นเหตุให้แม่ชีบุญเรือน เป็นนักเสียสละชั้นยอด มีอารมณ์วางเฉย เป็น อุเบกขา สละความโลภ ความอยากได้ในทรัพย์สินต่าง ๆ อย่างสิ้นเชิง ดังนั้นคนที่รู้จักแม่ชีบุญเรือนมาก่อนก็ดี หรือเพิ่งจะมารู้จักก็ดี จะทราบคติธรรมข้อหนึ่งว่า “ คนที่จะไปหาท่าน จงไปหาด้วยการเป็นผู้รับ ส่วนท่านเป็นผู้ให้ เป็นผู้เสียสละ เป็นผู้บริการ” ท่านไม่ต้องการสิ่งใดของใคร แม้แต่ดอกไม้ ธูปเทียน ทรัพย์สินเงินทองใด ๆ ทั้งสิ้น

บรรลุอภิญญา 6

นอกเหนือจากการสำเร็จใน ฌาน ทั้ง4 แล้ว แม่ชีบุญเรือน ได้เพียรพยายามฝึกจิต และสมาธิอย่างแรงกล้า ทั้งได้ประกอบการบุญอันเป็นอานิสงศ์แห่งชีวิตอย่างสูงส่ง จนกล่าวว่าท่านสำเร็จรอบรู้ใน อภิญญา 6 กล่าวคือ

1. อิทธิวิธี คือแสดงฤทธิ์ได้ ปรากฏว่าแม่ชีบุญเรือนได้กระทำมาแล้วหลายวิธี เช่น อธิษฐานต้นมะม่วง ต้นเล็ก ๆ ให้ออกดอกได้ภายในคืนเดียว ย่นหนทางยาวให้สั้น เดินตากกลางฝนไม่เปียก เรียกฝนให้ตกได้ ขอให้ฝนหยุดตกได้ เป็นต้น

2. ทิพโสต หรือที่เรียกว่าหูทิพ แม่ชีบุญเรือน สามารถบอกเล่าเรื่องราวที่คนอยู่ใกล ๆ พูดกัน ให้คนใกล้ชิดท่านฟังได้อย่างถูกต้อง

3. เจโตปริยญาณ อันได้แก่การกำหนดจิตให้แก่ผู้อื่น ในเวลาที่แม่ชีบุญเรือน สนทนากับใคร ไม่ว่าใครจะคิดหรือจะพูดอะไรกับแม่ชี ท่านก็สามารถทราบได้ด้วย ฌานวิเศษของท่าน

4. บุพเพนิวาสานุสสติ ได้แก่การระลึกชาติได้ เรื่องนี้แม่ชีบุญเรือนได้เคยเล่าเรื่องราว ชาติภพก่อน ๆ ของท่าน ให้ลูก ๆ และคณะศิษย์ ได้ฟัง รวม 3 ชาติ หากจะว่าไปแล้วเรื่องระลึกชาติ เป็นเรื่องที่พิสูจน์ยาก แต่เห็นว่า แม่ชีบุญเรือนเป็นผู้ยึดมั่นในศีล 5 ละปฏิบัติธรรม เป็นอาจินต์ ก็ทำให้เชื่ออย่างมั่นคงว่าสิ่งที่ท่านพูดนั้นเป็นความจริง

5. ทิพจักษุ หรือตาทิพย์ การมองเห็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดที่พึงประสงค์ แม้ว่าวิ่งนั้นจะอยู่ห่างใกล ต่างบ้านต่างเมืองก็ตาม แต่เรื่องตาทิพย์นี้ แม่ชีบุญเรือน ได้บอกเล่าให้ลูก ๆ ละคณะศิษย์ฟังว่าแม้นว่าท่านจะได้ไว้ แต่ท่านก็คืนให้ไป มิได้นำมาใช้ ทั้งนี้เพราะหากใช้ตาทิพย์แล้ว จะมองเห็นสิ่งปฏิกูลมากมาย ท่านจึงงดเว้นเสีย โดยถือว่าคืนให้ทางธรรม จะมีการนำมาใช้บ้างในยามจำเป็นเท่านั้น
6. อาสวักขยญาณ คือ ทำให้พ้นจาก ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรค ทำให้ตนพ้นจากสิ่งอันไม่เป็นมงคลทั้งปวง ผู้พ้นจากอาสวะ ย่อมหมายถึงปราศจาก รัก โลภ โกรธ หลง แม่ชีบุญเรือนได้สำเร็จในข้อนี้ จะเห็นได้จากผู้ที่เดินทางมาหาท่านไม่ว่าจะใกล้หรือไกล จะยากดีมีหรือจน ก็จะได้รับความปรานีเสมอเท่าเทียมกัน

ความสำเร็จในการบำเพ็ญเพียรครั้งแรก

การบำเพ็ญเพียร ในพระพุทธศาสนา จนสำเร็จ จตุตถฌาน และ อภิญญาฌาน ปรากฏว่าท่านได้ทำสำเร็จครั้งแรก ตั้งแต่ยังบวชเป็นแม่ชีอยู่ที่วัดสัมพันธวงศ์ และ ได้ผลเป็นอิทธฤทธิ์อันเกิดจากการอธิษฐานเป็นครั้งแรกเมื่อราววันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6 พ.ศ. 2470 โดยในวันดังกล่าว แม่ชีบุญเรือน ได้กลับไปที่บ้านพักข้าราชการ ที่สถานีตำรวจสัมพันธวงศ์ คืนนั้นเข้านอนไม่หลับจนดึก สามีและบุตรบุญธรรมหลับมีอาการกัดฟันและกรน รู้สึกเกิดธรรมสังเวช และนึกเบื่อ จึงตั้งสัตย์อธิษฐานเข้าไปในศาลา พอสิ้นคำอธิษฐาน ตัวแม่ชีบุญเรือนก็เข้าไปอยู่ในศาลา ดังคำอธิษฐาน โดยที่ตัวท่านเองก็ไม่ทราบว่า ได้ออกจากห้องทางไหน และ เข้าศาลาทางไหน ในครั้งนั้นเพื่อนแม่ชีด้วยกัน ไม่ค่อยจะเชื่อกันนัก จนต่อมา อุบาสิกาฟัก ขอให้อธิษฐานใหม่ และได้ให้นางเล็ก นางคำ นางเทียบ ซึ่งดูเหมือนเป็นเพื่อนแม่ชีดูเป็นพยาน ได้ใส่กลอนประตูหน้าต่างศาลาเสียในคืนวันแรม 1 ค่ำเดือน 6 เวลาดึกสงัดปีเดียวกันนั้นเอง แม่ชีบุญเรือนก็ได้อธิษฐานจากสถานีตำรวจสัมพันธวงศ์เข้าไปศาลาได้เช่นเดียวกับคราวก่อน พวกที่คอยดูก็พากันแปลกใจไปตาม ๆ กัน

ต่อมา แม่ชีบุญเรือน ได้อธิษฐาน ไปเขาวงพระจันทร์ พบพระผู้วิเศษ ขอพระธาตุท่าน ๆ ก็ให้มา 1 องค์ แล้วได้กลับมาที่เดิมตามคำอธิษฐานพร้อมพระธาตุ การสามารถทำปากิหารย์ดังกล่าวที่ปรากฏขึ้นได้เป็นผลแห่งความสำเร็จครั้งแรก ทำให้ท่านอฺธิษฐานเมื่อเข้าสมาธิ ผ่านที่ปิดล้อม หรือไปที่ ไกล ๆ ได้ชั่วระยะเวลาลัดนิ้วมือเดียว ในขณะนั้นท่านมีอายุเพียง 33 เท่านั้น
การอธิษฐานของคุณแม่บุญเรือน

1. การอธิษฐานด้วยสัจจวาจา ด้วยความที่แม่ชีเป็นผู้บรรลุ ฌาน 4 และอภิญญา 6 ทำให้วาจาของท่านมีอิทธฤทธิ์ ที่จะพูดหรือสั่งการสิ่งใดในทางที่ชอบเกิดผงได้ เช่น อธิษฐานให้หายโรค ให้ร่ำรวยในทางที่ชอบ ให้ปลอดภัยจากอันตราย หรืออาจอธิษฐานให้เป็นไปตามคำอธิษฐานของท่านได้ เช่น ให้ฝนตก หรือให้ฝนหยุด อธิษฐานถวายพระพรแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ

2. อธิษฐานสิ่งของทั่วไป ได้แก่การนำสิ่งของต่าง ๆ มาให้ท่านอธิษฐาน เช่น น้ำ ปูน ไพลเกลือ พริกไทย การอธิษฐานต่าง ๆ เพื่อให้ผู้ที่นำไปใช้ได้หายจากโรคภัยไข้เจ็บ เช่น อธิษฐานปูนกินหมาก ให้เป็นยาทิพย์ รักษาโรคให้หาย แก้โรคนา ๆ ชนิด เช่น มะเร็ง วัณโรค โรคไต เป็นต้น

3. อธิษฐานของพิเศษเป็นครั้งคราว เช่น อธิษฐาน กรวด ทราย กันไฟไหม้ อธิษฐานก้อนหิน ศิลาน้ำ เพื่อใช้ป้องกันภัยบางประการ โดยเฉพาะศิลาน้ำ ใช้แทนของอธิษฐานของท่าน เวลาวายชนม์ไปแล้ว เมื่อใช้ศิลาน้ำใส่ในน้ำ ก็กลายเป็นน้ำอธิษฐาน ไว้รับประทานแก้และป้องกันโรค ทั้งใช้ป้องกันอันตรายต่าง ๆ ได้ด้วย

ณ โรงพักกลางนี่เอง ท่านได้ปวารณาตัวในทำนอง ขอช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ให้พ้นจากโรคร้าย และท่านได้เริ่มแนะนำ สั่งสอนธรรม แก่ผู้เลื่อมใสศรัทธา ท่านได้แสดงความปรารถนาที่จะไปช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ทั่วประเทศ ด้วยเหตุนี้ ราว พ.ศ. 2472 ท่านได้ไปอยู่เชียงใหม่ชั่วคราว

การไปอยู่จังหวัดเชียงใหม่ ท่านไปพำนักอยู่ที่วัดเจดีย์หลวง ท่านได้ปฏิบัติธรรม บำเพ็ญการบุญ และช่วยเหลือผู้ทุกข์ร้อนของผู้มาขอร้อง และได้ช่วยรักษาโรคด้วยการอธิษฐาน ปูนและน้ำ พริกไทย และสิ่งอื่น ๆ อีกมากมาย เช่นมีอยู่คนหนึ่ง อุจจาระผูกมาเป็นแรมปี ถ่ายอุจจาระไม่ออก รักษาแผนปัจจุบันและแผนโบราณเป็นเวลานานก็ไม่หาย ได้มาหาท่าน คุณแม่บุญเรือนได้อธิษฐานพริกไทยให้รับประทาน 3 เม็ดรุ่งขึ้นปรากฏว่า อุจจาระถ่ายคล่อง หายเป็นปกติ ด้วยการบำเพ็ญตัวที่จังหวัดเชียงใหม่นี่เอง ส่งผลให้ชื่อเสียง และเกียรติคุณของคุณแม่โด่งดังเป็นอันมาก จนมีหนังสือพิมพ์นำท่านไปลงข่าวอยู่หลายครั้ง

กลับกรุงเทพฯ และย้ายไปอยู่บ้านวิสุทธิกษัตริย์

ด้วยเหตุที่คุณแม่บุญเรือน ต้องทำการบุญ และอธิษฐานจิตอยู่บ่อยครั้ง ทำให้บรรดาสานุศิษย์เห็นว่าเมื่อกลับจากเชียงใหม่แล้ว จะไปอยุ่ที่โรงพักกลางอีกคงไม่เหมาะสม ทั้งไม่สะดวก เมื่อเวลามีผู้ไปหาบำเพ็ญการบุญกับท่าน เป็นการสมควรที่จะอยู่อย่างเอกเทศ ในที่สุด คุณนายพัธนี ได้ร่วมกับศิษย์ที่ใกล้ชิดช่วยกันเป็นผู้สร้างอาคารหลังเล็กขึ้นมาหลังหนึ่ง ในที่ดินคุณนายพัธนีเอง ณ ถนนวิสุทธิกษัตริย์ อยู่ใกล้กับโรงพิมพ์วิบูลย์กิจ บ้านอยู่ลึกจากถนนไป 2 ถึง 3 เส้น เป็นที่สงัดเงียบ และมีบริเวณกว้างขวางเพียงพอ

อาคารที่สร้างขึ้นนี้เป็นเรือนไม้มีขนาดพอสมควร มีห้องนอน ห้องพระ ห้องครัว ห้องโถงสำหรับผู้บำเพ็ญการบุญ จะร่วมสวดมนต์จำนวนราว 50 คนได้
เมื่อสร้างเสร็จได้เชิญคุณแม่ให้มาอยู่หลังจากท่านกลับมาจากเชียงใหม่ท่านได้ย้ายมาอยู่ที่บ้านวิสุทธิกษัตริย์ เมื่อราวต้นปี พ.ศ. 2492

ก่อตั้งสามัคคีวิสุทธิ

เนื่องจากผู้มาร่วมการบุญกับท่านที่บ้านนี้มากมาย มีผู้เจ็บป่วยที่มาขอให้ท่านรักษา จนหายจากโรคภัยไข้เจ็บเป็นจำนวนมาก คนจำนวนมาก จึงมายอมตัวเป็นศิษย์ เป็นลูก เป็นหลาน ฟังธรรมคำสั่งสอนจากท่าน เมื่อปฏิบัติตามก็ปรากฏว่า ได้รับความสุขทางใจอย่างประหลาด ผู้คนที่มาหาจึงคับคั่งขึ้นตามลำดับ และเพื่อให้ผู้ร่วมการบุและสานุศิษย์ มีความเป็นปึกแผ่น มีชื่อเรียกที่เหมาะสม คุณแม่บุญเรือนจึงขนานนามคณะของท่านว่า “ สามัคคีสุทธิ” และเรียกบ้านที่ท่านอยู่ว่า บ้านสามัคคีวิสุทธิ แต่คนที่คุ้นเคยบางคนจะเรียกว่า”บ้านวิสุทธิกษัตริย์” ก็มี

วัตรปฏิบัติทั่วไปที่บ้านสามัคคีวิสุทธิ วันธรรมดา คุณแม่ จะสวดมนต์ไหว้พระเป็นประจำ ทำกัมมัฏฐาน และรักษาโรคภัยไข้เจ็บให้แก่ผู้ป่วยที่มาหา

วันเสาร์ จะอธิษฐานด้วยสัจจวาจา และสิ่งของให้ผู้ป่วย เช่น ปูน ไพล ผลไม้ พริกไทย หลังจากนั้น 14.00 น.ท่านจะนำสานุศิษย์สวดมนต์เป็นเวลา 1 ชั่วโมง หลังจากนั้นทำ กัมมัฏฐานเป็นเวลา 15 นาที กว่าจะเสร็จก้ประมาณ 15.00 น. เป็นเช่นนี้ทุกวันเสาร์ ตลอดช่วงเวลาที่คุณแม่มีชีวิตอยู่

รับประกันตามกฎ
ราคาเปิดประมูล1,000 บาท
ราคาปัจจุบัน2,300 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 21 มิ.ย. 2556 - 17:41:54 น.
วันปิดประมูล - 25 มิ.ย. 2556 - 11:50:26 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลchaaim2246 (763)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     2,300 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    ประสิทธิ์ (1.2K)

 

Copyright ©G-PRA.COM
www1