| รายละเอียด | ความเป็นมาของกริ่งโปร่งฟ้า
การจัดสร้างพระกริ่งแต่โบราณมามักจัดสร้างเป็นลักษณะพระที่บรรจุเม็ดโลหะศักดิ์สิทธิ์ที่เรียกเม็ดกริ่งไว้ภายในองค์พระบริเวณใต้ฐาน เมื่อเขย่าจะมีเสียงเกิดขึ้นเสมือนการเอ่ยพระนามของพระพุทธเจ้านั่นเอง และก็มักสร้างกันในแบบลักษณะนี้สืบเนื่องกันมาจนเป็นแบบแผน แต่ในส่วนพระกริ่งนี้ก็ยังมีแบบพิเศษที่แยกแตกกันไปอีกตามแต่อุปเท่ห์ของคณาจารย์ แต่โบราณในส่วนของรูปแบบพระกริ่งโปร่งฟ้านั้น ตามที่เคยพบเห็นมามีการสร้างกันออยู่บ้างแต่มีจำนวนน้อยกว่าการสร้างแบบพระกริ่งทั่วไป เท่าที่ได้มีการสืบค้นกันมาพบว่า การสร้างพระกริ่งโปร่งฟ้ามีมาแต่การสร้างพระในประเทศทิเบตและจีน ซึ่งมีพระพุทธศาสนาฝ่ายมหายาน และด้วยจีนเป็นเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจและในด้านต่างๆ แต่โบราณ การสร้างพระกริ่งโปร่งฟ้าก็อาจจะสร้างขึ้นเพื่อเป็นพระชนะอุปสรรค ชนะศัตรู หรืออาจเป็นพระเสี่ยงทายในการเดินทาง หรือกิจการต่างๆ ที่ผู้ศรัทธาในองค์พระจะกระทำก็เป็นได้ ซึ่งก็อาจจะแฝงอุดมคติความคิดเกี่ยวกับปรัชญาในทางพระพุทธศาสนาไว้ด้วย หรืออาจจะเป็นเคล็ดวิชาเพื่อเป็นกำลังใจแก่ผู้ศรัทธาในองค์พระอีกประการหนึ่ง และด้วยลักษณะการที่มีช่องใต้ฐานทะลุผ่านองค์พระภายในจนถึงยอดพระเกศ เมื่อส่องดูจะแลเห็นช่องว่างตลอด อันหมายถึงสูญญตาหรือพระนิพพานก็เป็นได้ แต่จะด้วยเหตุผลใดก็ตามพระกริ่งโปร่งฟ้าก็มีพุทธลักษณะและคติที่พิเศษกว่าการสร้างพระกริ่งโดยทั่วไป ทั้งผู้คิดสร้างยังทรงภูมิปัญญาในด้านพุทธศิลป์และปรัชญาทางพระพุทธศาสนา เพราะจะต้องทำให้องค์พระเขย่าแล้วเกิดเสียง ซึ่งจะเสมือนการเอื้อนเอ่ยพระนามแห่งพระพุทธเจ้า และยังหมายถึงเสียงแห่งความสำเร็จสมปรารถนา เสียงแห่งชัยชนะเหนืออุปสรรคทั้งปวง ตามลักษณะองค์พระที่มีช่องแลดูโปร่งโล่งนั่นเอง คณะกองทุนหลวงปู่ปาน โสนันโทฯ ได้เคยจัดสร้างพระกริ่งโปร่งฟ้าถวายท่านหลวงตาม้า พระเถระผู้ดำเนินรอยตามพระบรมโพธิสัตว์องค์อาจารย์ของท่านผู้ที่หลายๆ ท่านทราบถึง มหาบารมีแห่งความเป็นพระศรีอาริยเมตไตรยนั่นคือ หลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เมื่อปีพ.ศ.2547 ในพิธีบวงสรวงบูรพกษัตริย์ได้มีการจัดสร้างพระกริ่งโปร่งฟ้าบรมจักรพรรดิ ซึ่งก็มีจำนวนการสร้างที่ไม่มากนักและในปัจจุบันก็เป็นที่แสวงหากันในหมู่ศิษยานุศิษย์และผู้ที่มีความเคารพนับถือในบารมีธรรมของท่านหลวงตาม้า ทั้งยังเป็นที่หวงแหนของผู้ที่มีไว้ครอบครองเพราะทราบถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระกริ่งโปร่งฟ้ารุ่นแรกนี้ ซึ่งท่านหลวงตาม้าได้เททองเองและนำไปเสกที่โบสถ์ปรกโพธิ์ค่ายบางกุ้ง จ.สมุทรสงคราม และหลวงตาม้าได้ปรารภถึงความศักดิ์สิทธิ์ของพระกริ่งโปร่งฟ้าชุดนี้ว่า สะเทือนทั้ง 3 โลกธาตุนะ อีกหน่อยจะหายาก ในปัจจุบันก็เป็นจริงตามที่ท่านได้เอ่ยวาจาไว้แล้ว
ครั้งนี้จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่ท่านหลวงตาม้าได้มอบหมายให้คณะกองทุนหลวงปู่ปาน โสนันโทฯ จัดสร้าง พระกริ่งโปร่งฟ้า ขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เพื่อสงเคราะห์เหล่าคณะศิษย์และผู้ศรัทธาอีกครั้ง โดยครั้งนี้ท่านหลวงตาม้าได้ดำริให้จัดสร้างทั้งเมตตาให้ดำเนินงานทำพิธีกรรมตามแบบโบราณประเพณีทุกประการ ทั้งให้ประกอบพิธีเททองและพุทธาภิเษกที่ถ้ำเมืองนะภายในวัดพุทธพรหมปัญโญ นับเป็นมหาเมตตาเป็นอย่างยิ่งที่ท่านหลวงตาม้าได้เมตตาสงเคราะห์ลูกหลายและเหล่าศิษยานุศิษย์ให้ได้ร่วมบุญครั้งประวัติศาสตร์ของถ้ำเมืองนะ และด้วยเวลาอันเหมาะสมจากการสร้างรุ่นแรกจนถึงรุ่นสองนี้นับเป็นเวลาได้ 9 ปี เท่ากับนวโลกุตระธรรมพอดี จึงถือเป็นความพิเศษแบบไม่ใช่บังเอิญที่ท่านหลวงปู่ดู่เคยกล่าวไว้ว่า ในพระพุทธศาสนาไม่มีคำว่าบังเอิญ ด้วยความเป็นอุดมมงคลเป็นอย่างยิ่งท่านหลวงตาม้าได้เมตตาให้นำชื่อจริงของท่านต่อท้ายไว้และแฝงด้วยพลังจักรพรรดิ์ตามแนววิชาของหลวงปู่ดู่ผู้เป็นอาจารย์ของท่าน โดยได้ถวายพระนามพระกริ่งรุ่นนี้ว่า พระกริ่งโปร่งฟ้าวิริยะธโรบรมจักรพรรดิ์
1. ได้นำต้นแบบพระกริ่งเจ้าสัวเบตงมาเป็นต้นแบบด้วยพุทธลักษณะที่อวบอิ่มงดงามและความหมายของคำว่า เจ้าสัว อันมีความหมายเหมือนกับคำว่า เศรษฐีหรือมหาเศรษฐี ในภาษาไทย ดังนั้นพระกริ่งโปร่งฟ้ารุ่นนี้จึงเสมือนดั่งว่าพระเดชพระคุณหลวงตาม้าได้เมตตาให้พรลูกหลานของท่านให้เป็นเศรษฐีมหาเศรษฐีโดยง่ายและโปร่งโล่งจากอุปสรรคทั้งปวง ให้บังเกิดทรัพย์ทั้งทางโลกและทางธรรมเกิดสมบัติจักรพรรดิ์ตักไม่พร่อง ไม่ขาด ทะลุเป้าหมาย สลายอุปสรรคทั้งปวงนั่นเอง
2. ด้านหลังองค์พระกริ่งได้อัญเชิญยันต์เฑาะพุทธะของหลวงปู่ปาน โสนันโท วัดบางนมโค มาสถิตไว้ อันหมายถึง คุณแห่งพระรัตนตรัยและบารมีของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ และพระโพธิสัตว์ทั้งหลายทั่วทั้งโลกธาตุมาสถิตไว้ที่องค์พระกริ่งนี้
3. ใต้พระยันต์นั้นได้อัญเชิญนามอันเป็นมงคลของหลวงตาม้าสถิตไว้เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ถึงการบำเพ็ญเพื่อพระโพธิญาณตามแนวทางหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ บูรพาจารย์แห่งหลวงตาม้านั่นเอง และเป็นอนุสติแก่ลูกหลานหลวงตาสืบต่อไป
4. ภายในฐานองค์พระกริ่งจารึกพระยันต์ นะปิดล้อม และพระคาถา หัวใจพระไตรสรณคมณ์ อันเป็นเคล็ดวิชาภูติพระพุทธเจ้าของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ เมื่อนำพระส่องดูหรือเขย่าพระให้เกิดเสียงเสมือนการสวดหรือเชิญพลังคุณพระให้มาสถิตเป็นมงคลแก่ผู้อาราธนาพระนั่นเอง และที่พิเศษกว่านั้นด้วยเมตตาแห่งองค์หลวงตาม้าได้พิจารณาและวินิจฉัยแบบต่างๆ เพื่อให้เป็นสิ่งมงคลสักการะแก่ลูกหลานได้นำพระไปกำกำภาวนาตามแนวทางที่ท่านได้ชี้แนะเพื่อเข้าถึงคุณพระรัตนตรัยปิดอบายภูมิ ซึ่งถือเป็นอุปสรรคของผู้บำเพ็ญพระโพธิญาณ
5. ได้รับการอุปถัมภ์จากบุคคลที่เคยสร้างพระเครื่องของหลวงปู่ดู่ พรหมปัญโญ และหลวงปู่สี พินทสุวัณโณ ที่เป็นที่นิยมและมีค่าในปัจจุบันได้เมตตาร่วมบุญมอบชนวนที่ท่านได้สะสมไว้และชนวนในการสร้างวัตถุมงคลของหลวงปู่ดู่และหลวงปู่สีแห่งวัดสะแก ท่านนั้นก็คืออาจารย์สุธันย์ สุนทรเสวี ได้เมตตามาเป็นผู้ผสมชนวนเนื้อนวะโลหะ จึงนับเป็นประวัติศาสตร์ที่บุคคลผู้ที่เคยได้สร้างพระถวายหลวงปู่ดู่และหลวงปู่สี ผู้เป็นอาจารย์ของหลวงตาม้าได้เมตตาร่วมเป็นประธานอุปถัมภ์การสร้างพระกริ่งโปร่งฟ้าของหลวงตาม้า ซึ่งในอนาคตน่าจะเป็นที่นิยมของบุคคลทั่วไปเช่นเดียวกับวัตถุมงคลของหลวงปู่ทั้งสองท่านอย่างแน่นอน
ที่สุดมวลสารในสายโพธิญาณ
มวลสารในการสร้างพระกริ่งตามบังคับได้แก่ ชนวนนวะโลหะสัมฤทธิ์ศักดิ์สิทธิ์ตามบังคับ คือ ชินเงิน, จ้าวน้ำเงิน, เหล็กละลายตัว, บริสุทธิ์(ตะกั่วนม), ปรอทสตุ, สังกะสี, ทองแดง, เงิน และทองคำตามลำดับ ยังมีพระยันต์ 108 และนะปถมังทั้ง 14 ดวง ตามบังคับซึ่งจะทำให้พระกริ่งที่สร้างเกิดความศักดิ์สิทธิ์ และท่านโบราณจารย์ยังเพิ่มเติมแร่ธาตุกายสิทธิ์และผ่านจารโลหะของเกจิคณาจารย์ต่างๆ เพื่อเพิ่มพูนความศักดิ์สิทธิ์แก่องค์พระ เป็นการบูชาคุณพระรัตนตรัยเจริญศรัทธาแก่พุทธศาสนิกชนทั้งหลายอีกด้วย ในการสถาปนา พระกริ่งโปร่งฟ้าวิริยธโรบรมจักรพรรดิ์ ครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากผู้ศรัทธามอบชนวนมวลสารมาร่วมสถาปนาหล่อหลอมเป็นองค์พระในครั้งนี้อย่างมากมาย แต่ที่สำคัญและจะต้องกล่าวถึงอันเป็นมวลสารสุดยอดในสายครูบาอาจารย์ที่บำเพ็ญเพื่อพระโพธิญาณได้แก่
1. หลวงปู่ทวด-หลวงปู่ดู่ ได้นำชนวนเหรียญเปิดโลกหลวงปู่ดู่ที่หลวงตาม้ามอบให้กับพระอาจารย์พงษ์ศักดิ์ คัมภีรธัมโม(ผู้สร้างพระผง 500 อรหันต์ของหลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา) เมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วและท่านอาจารย์ได้ตะไบเป็นผงชนวนและเกศาหลวงตาม้า ผงอังคารอัฐิธาตุหลวงปู่ดู่มาผสมและอุดพระกริ่งนำฤกษ์
2. หลวงปู่ปาน-หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ได้นำชนวนแร่ธาตุกายสิทธิ์โคตรเศรษฐีของคุณแม่ชีประทุม โชติอนันต์ ผู้เป็นศิษย์ของพระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำวัดท่าซุง ด้วยชื่อแร่โคตรเศรษฐีนี้พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีลิงดำเป็นผู้ตั้งให้กับคุณแม่ชีประทุม ครั้งเมื่อคุณแม่ชีประทุมได้นำธาตุกายสิทธิ์นี้ไปให้หลวงพ่อพิจารณา ซึ่งในโอกาสนี้ได้นำส่วนที่พระอาจารย์พงษ์ศักดิ์มอบให้และได้รับโดยตรงจากสำนักปฏิบัติธรรมศิษย์พระราชพรหมยาน(คุณแม่ชีประทุม โชติอนันต์) มาผสมในเนื้อพระและอุดเนื้อกายสิทธิ์
3. สายครูบาเจ้าศรีวิชัย-หลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนา เมื่อครั้งที่หลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนาได้ดำรงธาตุขันธ์อยู่ได้มอบหมายให้ท่านพระอาจารย์พงษ์ศักดิ์เป็นผู้สร้างพระผง 500 อรหันต์ และเหรียญครูบาเจ้าศรีวิชัย-ครูบาเจ้าชัยยะวงศา รวมถึงพระกริ่งเนื้อขวานฟ้าอุดผงหลวงปู่เทพโลกอุดรที่หลวงปู่ครูบาเจ้าชัยยะวงศาพัฒนาได้ชี้จุดให้ไปนำเอาผงนี้ออกจากถ้ำศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่ง มาผสมในทุกเนื้อและผสมพิเศษในเนื้อชนวนชุดกรรมการ ขวานฟ้านี้เรียกอีกอย่างหนึ่งวัชระธาตุหรือสายฟ้าพระอินทร์จะลงจากฟ้าใกล้บริเวณที่ฟ้าผ่าลงมา หรือฝังในต้นไม้ที่ถูกฟ้าผ่า แม้แต่หลวงปู่หลุย หลวงปู่ชอบ พ่อแม่ครูอาจารย์ทั้งสองท่านนี้ยังเคยนำขวานฟ้าที่ท่านได้เก็บไว้ในสมัยที่ออกธุดงค์นำมาให้ศิษย์จัดสร้างเหรียญของท่านทั้งสองจนโด่งดัง ดังนั้นมิใช่เรื่องง่ายเลยที่จะสามารถรวบรวมชนวนและธาตุกายสิทธิ์ต่างๆ เพื่อนำมาสถาปนาเป็น พระกริ่งโปร่งฟ้าวิริยธโรบรมจักรพรรดิ์ ด้วยเมตตาที่หลวงตาม้ามีต่อคณะกองทุนหลวงปู่ปาน โสนันโทฯ และด้วยบารมีธรรมของหลวงตาม้าที่ทำให้เกิด พระกริ่งโปร่งฟ้าวิริยธโร-บรมจักรพรรดิ์ รุ่น 2 นาม วิริยธโรบรมจักรพรรดิ์ จึงสามารถเป็นตำนานพระเครื่องชุดพิเศษอุดมไปด้วยความมงคลศักดิ์สิทธิ์เพื่อเป็นพุทธบูชาและมรดกธรรมแก่เหล่าศิษย์ลูกหลานของหลวงตาม้านั่นเอง ทั้งท่านยังกำชับว่า ให้ทำแบบโบราณ ทำพิธีโบราณเลย แล้วไปเทพระที่ถ้ำคนจะได้ไปสวดจักรพรรดิ์เสกกัน นี่คือความเมตตาของครูบาอาจารย์ที่มีต่อศิษย์หวังให้เกิดประโยชน์ทั้งทางโลกและทางธรรมสร้างนิสัยปัจจัยในพระโพธิญาณสืบไป
ขอขอบพระคุณข้อมูล romphosai ครับ
พระกริ่งโปร่งฟ้าวิริยะธโรบรมจักรพรรดิ์ เนื้อผงจักรพรรดิ ผสมผงสัมฤทธิ์ ก้นอุดกริ่ง หลวงตาม้า วัดถ้ำเมืองนะ มาพร้อมซองเดิมครับ (พิเศษ .....แถมพระผงจักพรรดิ์ อีก 1 องค์พร้อมบทสวดคาถาจักพรรดิอีก 1 ชุดครับ) |
(