(0)
@@*ศิวลึงค์ เนื้อหินทราบชมพู ประเทศกัมพูชา แท้ ๆ บูชาเพื่อความ เจริญรุ่งเรือง อุดมสมบูรณ์ สวยมาก ๆ ***เคาะแรก*** @@








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่อง@@*ศิวลึงค์ เนื้อหินทราบชมพู ประเทศกัมพูชา แท้ ๆ บูชาเพื่อความ เจริญรุ่งเรือง อุดมสมบูรณ์ สวยมาก ๆ ***เคาะแรก*** @@
รายละเอียดศิวลึงค์นี้คือสิ่งเคารพอย่างหนึ่งของผู้ที่นับถือศาสนาพราหมณ์ในอินเดีย
วัตถุเคารพนี้คือสัญญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของพระศิวะหรืออิศวร ซึ่งเป็นเทพเคารพสูงสุดของศาสนาพราหมณ์
ศิวลึงค์หรืออวัยวะเพศชายนี้ คือต้นกำเนิดของชีวิตและความอุดมสมบูรณ์ ชีวิตทุกชีวิตในโลก ดำรงอยู่ได้เนื่องมาจากผลของการร่วมกันระหว่างสาระสำคัญของเพศชายและหญิง
อนึ่งอำนาจในการสร้างสรรค์และสืบต่อของอวัยวะเพศนี้ เป็นปัจจัยสำคัญที่มีต่อความอุดมสมบูรณ์ของพื้นแผ่นดิน และพืชพันธุ์ธัญญาหารในโลกอีกด้วย
ลัทธิบูชาศิวลึงค์นี้ เกิดขึ้นในอินเดีย เมื่อ ๕,๐๐๐ ปีมาแล้ว หรือ ๓,๕๐๐ ปีก่อน คริสต์ศักราช เกิดขึ้นครั้งแรกที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอินเดีย บริเวณลุ่มน้ำสินธุในแคว้นปัญจาบ
จากหลักฐานทางโบราณคดีที่พบในบริเวณเมืองโบราณโมเฮนโจดาโร และฮารัปปา ในแคว้นปัญจาบตะวันตก และทางเหนือของเมืองการาจี เมื่อ ค.ศ. ๑๙๒๒ และ ๑๙๒๔(พ.ศ. ๒๔๖๕ และ ๒๔๖๗) ได้พิสูจน์เรื่องราวเกี่ยวกับลัทธิความเชื่อถือของคนในสมัยนั้น หลักฐานเหล่านี้มีที่ประทับตราทำเป็นรูปผู้ชาย ที่ศีรษะมีเขาสัตว์ และมีสัตว์อยู่ล้อมรอบ
รูปนี้อาจหมายถึงพระศิวะ เทพแห่งสัตว์นั่นเอง
การขุดค้นที่เมืองฮารัปปา ผู้ขุดค้นได้พบหินเล็ก ๆ รูปทรงกระบอกและรูปกลม หินรูปทรงกระบอกอาจหมายถึงสัญญลักษณ์อวัยวะเพศหญิง ซึ่งเป็นเครื่องหมายของชีวิต เลือดเนื้อ และการสืบต่ออายุ หรือเป็นสัญญลักษณ์ของความเป็นมารดาผู้ประทานความอุดมสมบูรณ์แก่ชีวิตของมนุษยชาตินั่นเอง
ในสมัยหลังต่อมา ชาวฮินดูได้นับถือตรีมูรติ เทพสามพระองค์ซึ่งประกอบด้วยพระพรหมผู้สร้างโลก พระวิษณุหรือนารายณ์ผู้บริหารโลก และพระศิวะผู้ทำลายโลก ลัทธินับถืออวัยวะเพศก็เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในคติลัทธิศาสนาสมัยนี้ด้วย
พระศิวะนั้นพระองค์เป็นเทพที่มีทั้งความกรุณาและโหดเหี้ยมน่าสะพรึงกลัวมีพระนามต่าง ๆ กันถึง ๔๘ พระนาม เช่น รุทร, อิศวร, มหาเทพ, มหากาล, ปรเมศวร, ปสุบดี, นิลกาฬ, ภูเตศวร, หรเทพ ฯลฯ เป็นต้น พระองค์คือเทพที่มีขี้เถ้าปกคลุมพระวรกาย พระเกศาสยายยาวเป็นเส้นตรง มีรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยวบนมุ่นมวยผม มีพระแม่คงคาแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์พุ่งออกมาจากยอดมวยผม พระเนตรโปน และมีพระเนตรที่ ๓ อยู่ตรงกลางหน้าผาก พระเนตรนี้ปิดอยู่ตลอดเวลา
พระศิวะทรงมีเครื่องประดับคือกำไลแกะ มีนาคหรืองูเห่าเป็นสังวาลพันรอบพระศอ และพระวรกายสรวมหนังสือ พาหนะของพระองค์คือ วัวนนทิ หรือนานดิน (Nandin) ซึ่งไทยเราเรียกว่า โคอสุภราช เป็นต้น
อาวุธสัญญลักษณ์ที่สำคัญของพระศิวะคือ ตรีศูล (Trident)
มีมเหสีคือพระนางอุมา หรือปารพตี มีโอรส ๒ องค์ คือ พระขันทกุมาร หรือกาติเกยะ เทพเจ้าแห่งสงคราม ทรงนกยูงเป็นพาหนุ และพระคเณศ หรือพิฆเณศร์ เทพเจ้าแห่งศิลป กรรมการศึกษา ทรงหนูเป็นพาหนะ
ชาวฮินดูที่นับถือพระศิวะ เรียกว่าพวกไศวเวษ ลัทธิไศวนิกาย พวกเขานับถือเทพองค์นี้ ๒ แบบด้วยกัน
แบบแรกบูชาพระองค์ในรูปมนุษย์มี ๒ กรบ้าง ๔ กรบ้าง มีหลายพระนามหลายปาง มีสัญญลักษณ์และถืออาวุธต่างกัน
อีกแบบหนึ่งคือศิวลึงค์ อวัยวะเพศชาย
รูปเคารพปางนี้ทำด้วยหินรูปทรงกระบอกประดิษฐานอยู่ในเทวาลัย และตามที่สาธารณะทั่วไป
ในอินเดียปัจจุบันนี้ เทวสถานที่ประดิษฐานศิวลึงค์ที่มีชื่เสียงที่สุดในอินเดีย คือ กลุ่มถ้ำวิหารที่เอลจูรา เอเลฟันตะ หน้าเมืองบอมเบย์ อินเดียตะวันตก
นอกจากนี้ในอินเดียตะวันออกแถบเบงกอล รัฐอัสสัม พิหาร ก็มีวิหารประดิษฐานศิวลึงค์รวมทั้งในอินเดียใต้บริเวณที่ราบสูงเดคข่าน ทามิลนาดู โอริสสา บูทเนสวาริ ปูรีมัทราส เป็นต้น
รูปเคารพศิวลึงค์ตามสถานที่ดังกล่าวเบื้องต้นนี้มีหลายแบบหลายลักษณะ เช่นมีรูปใบหน้าของคนหรือเทพเจ้าประดับอยู่ที่ผิวของหินแท่งทรงกระบอก เรียกว่า มุขลึงค์ และบางศิวลึงค์ มีรูปหน้าคนประดับอยู่ทั้ง ๔ ด้าน ๔ ทิศเรียกว่า จรุรมุขลึงค์
รูปหน้าคนนี้เขาเชื่อกันว่าเป็นพระพักตร์ของพระศิวะนั่นเอง
บางศิวลึงค์แปลกออกไปคือ มีรูปพระศิวะที่เป็นมนุษย์ยืนอยู่เต็มองค์ที่ผิวของหินที่สลักเป็นรูปอวัยวะเพศชาย ศิวะลึงค์ประเภทนี้มีชื่อว่า Gudimallam Linga และในอินเดียใต้และตะวันตก มีวิหารที่ประดิษฐานศิวลึงค์ทั้งแบบธรรมดาและแบบอยู่รวมกับอวัยวะเพศหญิงก็มี
นอกจากนี้ยังมีชาวฮินดูพวกหนึ่งนิยมทำรูปศิวลึงค์ขนาดเล็กมาห้อยคอเพื่อเป็นเครื่องรางของขลังวัตถุบูชาติดตัว เพื่อความเป็นศิริมงคลชาวฮินดูพวกนี้มีชื่อเฉพาะว่า ลิงคายัต (Lingayat Cult)
ส่วนศิวลึงค์ที่ประดิษฐานอยู่ที่สถานที่บูชากลางแจ้งทั่วอินเดียนั้น มีลักษณะหินรูปทรงกระบอกตั้งอยู่ตรงกลางและมีหินรูปทรงกลมแผ่นหนาเป็นฐาน บางรูปก็มีรูปปั้นเล็ก ๆ ของโคนนทิ นอนหมอบอยู่ตรงหน้าศิวลึงค์ และข้างซ้ายขวาของรูปเคารพนี้ จะมีรูปจำลองขนาดเล็กของตรีศูล อาวุธของพระศิวะปรากฎอยู่ด้วย
ประวัติกำเนิดของศิวลึงค์นี้พิสดารมาก มีหนังสือตำนานนิยายปรัมปราของอินเดียกล่าวถึงกันมากเหตุมากผล จะขอนำมากล่าวไว้บางเรื่อง อย่างเช่น คัมภีร์ฤคเวทที่แต่งระหว่าง ๓,๐๐๐-๒,๐๐๐ ปีก่อนคริสต์ศักราชกล่าวว่า ประชาชนในสมัยพระเวทนับถือพระเป็นเจ้าในแบบของอวัยวะเพศ (Shishna-Vevara)
หนังสืออุปนิษัทหรือปรัชญาของศาสนาพราหมณ์ก็กล่าวถึงศิวลึงค์ว่า เป็นวัตถุที่เกิดขึ้นมาเมื่อ ๕,๐๐๐ ปีก่อนคริสต์ศักราช สิ่งนี้คือพระเจ้าอิสาน ที่ทรงมีอำนาจเหนืออวัยวะเพศหญิงทั้งปวงในโลก เทพเคารพนี้ทรงเป็นประธานของชีวิตสัตว์โลกทั้งปวงด้วย
ส่วนคัมภีร์ปุราณะกล่าวไว้ถึงกำเนิดของศิวลึงค์น่าสนใจมากว่า
ครั้งหนึ่งพระศิวะกำลังสมัครสังวาสกับพระอุมาชายาในที่โล่งแจ้งบนเขาไกรลาส ในขณะเดียวกันนั้น เทพเจ้าองค์อื่น ๆ ได้เสด็จมาที่เขาไกรลาส เพื่อมาเฝ้าถวายความเคารพพระองค์ เทพทั้งหลายมาเห็นเหตุการณ์ต่อหน้าเช่นนั้นเข้าก็หมดความเคารพเลื่อมใสในพระศิวะทันที พากันหัวเราะเยาะเย้ย และแสดงอาการรังเกียจเดียจฉันท์
พระศิวะต่อมาทราบเรื่องนี้เข้าจึงโกรธและเสียใจจนสุดขีด ถึงกับถึงวิสัญญีภาพสิ้นลมหายใจทันที
แต่ก่อนที่จะสวรรคตพระองค์ได้ตรัสว่ารูปใหม่ของพระองค์คืออวัยวะเพศ ลึงค์ ซึ่งจะหมายถึงตัวแทนของพระองค์จะกลายเป็นวัตถุบูชาของผู้ที่นับถือพระองค์ต่อไปในกาลภายหน้า มนุษย์ผู้ใดบูชาลึงค์ในวันที่ ๑๔ ของเดือนมาฆ(กุมภาพันธ์) และบูชาต่อไปในคืนวันที่ ๑๕ ของเดือนนั้นผลบุญจะส่งให้คนนั้นไปจุติบนสวรรค์เขาไกรลาส
ยังมีหลักฐานอื่น ๆ กล่าวถึงกำเนิดที่มาของศิวลึงค์อีกอย่าง เช่นพระศิวะเองได้แสดงเป็นรูปศิวลึงค์ให้บรรดาสาวกของพระองค์ได้เห็นและจดจำ ในวันที่สาวกพากันบูชาเทพตรีมูรติ
วันนั้นพระพรหมและพระนารายณ์(วิษณุ) ได้แสดงอิทธิฤทธิ์ปรากฎให้เห็นในรูปเทพมนุษย์ ส่วนพระศิวะปรากฎร่างในรูปอวัยวะเพศชาย มีดวงตาของพระองค์ประดับประดาอยู่เต็มไปหมด สาวกที่เห็นวัตถุนั้นก็นับถือและเชื่อกันว่าเป็นตัวแทนของพระศิวะอย่างแท้จริง นับตั้งแต่นั้นมา
ตำนานอีกเรื่องหนึ่งกล่าวว่า เป็นเทพที่โปรดในการเสพย์เมถุนกับบรรดาชายาต่าง ๆ ดังนั้นมนุษย์จึงคิดค้นหาวิธีสร้างวัตถุบูชาขึ้นมาเพื่อให้ตรงกับเหตุการณ์หรือลักษณะของพระเป็นเจ้า
มีฤาษีตนหนึ่งชื่อว่า ภิกครุ ได้สร้างวัตถุบูชาเป็นอวัยวะเพศชายเพื่อบูชาพระศิวะ ซึ่งพระองค์ทรงโปรดมาก ดังนั้นจากตัวอย่างแรกที่ฤาษีทำไว้นี้เอง มนุษย์คนอื่น ๆ จึงบูชาเทพองค์นี้ด้วยอวัยวะเพศ นับตั้งแต่นั้นมาจนถึงปัจจุบัน
อีกตำนานหนึ่งกล่าวถึงกำเนิดศิวลึงค์เกี่ยวข้องกับรูปเคารพของพระศิวะในปางที่ชื่อ ลิงกตภวมูรติ มีเรื่องเล่าว่า
ครั้งหนึ่งพระพรหมและพระวิษณุทะเลาะวิวาทกันในเรื่องที่ว่าใครเป็นผู้สร้างโลกที่แท้จริง ในขณะวิวาทกัน ด้วยการใช้อาวุธประหัตประหารกันนั้น ได้มีอวัยวะเพศชายมหึมาเกิดขึ้นต่อหน้าพระพรหมและพระวิษณุ รูปนั้นแสดงอิทธิฤทธิ์ให้เทพทั้งสองละทิฐิพากันเคารพบูชาอวัยวะเพศชายนั้น ซึ่งปรากฎว่าจากการบูชา ทำให้พระศิวะพอพระทัย จึงปรากฎร่างให้เห็นชัดเจนอยู่บนผิวของอวัยวะเพศชาย เป็นรูปประหลาดมีแขนและขาเป็นพัน ๆ มีพระอาทิตย์ พระจันทร์และไฟเป็นตาดวงที่ ๓ กลางหน้าผาก พระศิวะกล่าวกับเทพทั้งสองว่า พระพรหมก็ดี พระวิษณุก็ดีเกิดมาจากสะเอวข้างซ้ายขวาของพระองค์นั่นเอง ดังนั้นพระองค์คือเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่สุด ตรัสจบศิวเทพก็อัตรธานหายไป
หลังจากเหตุการณ์นี้มา ศิวลึงค์ก็กลายเป็นวัตถุเคารพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของมนุษย์เทวดาพระเจ้าทั้งหลายมาจนปัจจุบัน
พิธีกรรมบูชาศิวลึงค์ในอินเดียเท่าที่ทราบมา เป็นไปในรูปของการบูชาประจำวันบ้างหรือบูชาในกรณีวันสำคัญเทศกาลนักขัตฤกษ์ทางศาสนาเช่น เทศกาลมหาศิวาราตรี ในเทศกาลนี้ชาวอินเดียจะทำพิธีกันใหญ่โตเอิกเกริก
ส่วนพิธีกรรมบูชาศิวลึงค์โบราณของอินเดียอื่น ๆ ก็มีพิธีหนึ่งชื่อ Saturnalia หรือพิธีพืชมงคล เขาทำกันเพื่อความอุดมสมบูรณ์ของแผ่นดินที่ใช้ในการเพาะปลูก พิธีนี้เริ่มต้นด้วยการบูชาศิวลึงค์ เพื่อความเป็นศิริมงคลและโชคดีนั่นเอง
การบูชาก็คือ เอาน้ำหรือน้ำนมราดรดส่วนบนของหินทรงกระบอก ให้น้ำไหลไปสู่ที่ฐานหินกลม ซึ่งมีร่องน้ำอยู่ น้ำจะไหลลงเบื้องล่าง และเอาข้าวตอกใบมะตูม ดอกไม้ ขนม โปรยลงบนหินแท่งนั้น พลางก้มลงกราบ หรือเอาศีรษะโขกหินเป็นการแสดงคารวะสูงสุด
มีอีกพิธีหนึ่งของอินเดีย บูชาศิวลึงค์เช่นกัน เรีกว่าพิธี Kartikai เขาทำกันในโบสถ์บนยอดเขาในเมือง Arunachala ซึ่งโบสถ์นี้สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์การเกิดขึ้นของพระศิวะในรูปของอวัยวะเพศชายเป็นครั้งแรก
พิธีนี้ทำกันทุกปีระหว่างปลายเดือนพฤศจิกายน หรือต้นเดือนธันวาคม
ทั้งหมดนี้คือเรื่องราวของศิวลึงค์ที่คนไทยรู้จัก เคยเห็นมา ในบ้านเราก็มีศาสนสถานที่สร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานศิวลึงค์อยู่หลายแห่ง ตามภาคต่าง ๆของประเทศ แสดงว่าไทยเรารับอิทธิพลวัฒนธรรมอินเดียมาใช้ และรับคติความเชื่อในพระเป็นเจ้าของศาสนาฮินดู มาปะปนกับพระพุทธศาสนามาเป็นเวลานานตั้งแต่ครั้งกรุงสุโขทัย อยุธยา จนถึงปัจจุบันนี้
ซากปรักหักพังของโบราณสถานวัตถุที่สร้างอุทิศให้ศาสนาฮินดูในบ้านเรา คือพยานที่สนับสนุนคำกล่าวที่ว่าศาสนาพราหมณ์และวัฒนธรรมอินเดียเคยมีอิทธิพลในภูมิภาคนี้มาเป็นพันปี

***ศิวลึงค์ เนื้อหินทราบชมพู ชิ้นนี้ เป็นผลงาน แกะมือ โดยช่าง ชาวกัมพูชา รูปแบบเดียวกับที่ บูชาอยู่ใน ปราสาทนครวัต นครธม ซึ่งได้รับการสืบทอดจากรุ่น สู่รุ่นมาเป็นพัน ๆ ปี ตาม ลัทธิความเชื่อ บูชาแล้ว อุดมสมบูรณ์ มั่งมีเงินทอง อายุยืนยาว ร่ำรวยมันคง
***ขนาด ยาว 4.5 นิ้ว สูง 4.5 นิ้ว กว้าง 3 นิ้ว **ตัวศิวลึงค์ ยาว 3 นิ้ว
**หินทรายสีชมพูแท้จาก เขมร แบบที่ใช้ทำปราสาท ส่งตรงจาก ประเทศกัมพูชา แท้แน่นอน ***
ราคา สุดคุ้ม ไม่ต้องเดินทางไปเอง
***เคาะแรก***
ราคาเปิดประมูล289 บาท
ราคาปัจจุบัน339 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ10 บาท
วันเปิดประมูล - 13 ส.ค. 2557 - 16:47:17 น.
วันปิดประมูล - 14 ส.ค. 2557 - 17:50:12 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลthriphop09 (11.2K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 13 ส.ค. 2557 - 16:47:46 น.



เสริมดวง ตามคติความเชื่อ


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 13 ส.ค. 2557 - 16:48:13 น.



งานทำจาก ช่างฝีมือกัมพูชา ที่ละชิ้น


 
ราคาปัจจุบัน :     339 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     10 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    Gvenus888 (1.8K)

 

Copyright ©G-PRA.COM
www1