(0)
++++++วัดใจ เริ่มเคาะเเรก 50 พระนาคปรกหลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู รุ่นเเรก2517 เเละเป็นรุ่นเดียวของท่าาน++++++








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่อง++++++วัดใจ เริ่มเคาะเเรก 50 พระนาคปรกหลวงพ่อพริ้ง วัดโบสถ์โก่งธนู รุ่นเเรก2517 เเละเป็นรุ่นเดียวของท่าาน++++++
รายละเอียดสวยเเท้ ดูง่าย ผิวเดิมๆ รับประกันตามกฏ หลวงพ่อพริ้ง นับว่าเป็นเพชรน้ำเอกของเมืองละโว้ธานีองค์หนึ่ง พระเดชพระคุณท่านนับว่าเป็นพระเถระ ที่ทรงคุณธรรมหลายประการ ใครๆ ที่ได้มาเยี่ยมเยือนหรือสัมผัสพูดคุย มักจะประทับใจในอริยาบทและวัตรปฏิบัติตลอดจนอุปนิสัยใจคอ อันเยือกเย็นของพระคุณท่าน หลวงพ่อเป็นพระที่พูดน้อย มีลูกศิษย์ลูกหามาก เป็นที่เลื่อมใสศรัทธาของหมู่ชนทุกระดับชั้นยิ่งในแถวถิ่นโก่งธนูด้วยแล้วใครไม่รู้จักหลวงพ่อก็

แสนจะเชยสิ้นดี เมื่อหลวงพ่อบวชแล้วก็หาโอกาสเดินธุดงค์วัตรไปในสถานที่ต่างๆหลายแห่ง บางแห่งต้องผจญกับสัตว์ร้ายนานาชนิดไม่ว่าจะเป็นผีสางนางไม้หรือภัยนานาประการ หลวงพ่อได้ประสบพบอยู่เป็นประจำจนชินชา หลวงพ่อต้องการหาความวิเวก ขณะเดินธุดงค์ก็ได้พบกับพระอาจารย์ต่างๆ อยู่ไม่น้อย ต่างก็ถ้อยทีถ้อยอาศัย แลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อเป็นการถ่ายทอดวิชาไสยศาสตร์เวทย์มนต์ ให้แก่กันและกัน และการที่หลวงพ่อมีวิริยะอุตสาหะอย่างล้นเหลือ หลวงพ่อได้ท่องบ่นตำราจากสมุดเก่าๆ และตำรับตำราต่างๆ ที่ได้ร่ำเรียนมาจากอาจารย์ต่างๆ ทั้งในจังหวัดลพบุรีและจังหวัดใกล้เคียงบ้านเช่น อยุธยา, อ่างทอง, สิงห์บุรี,สระบุรี และที่อื่นๆ อีกด้ววยหลวงพ่อพริ้งได้พยายามศึกษาร่ำเรียนด้วยตนเองบ้าง จนเป็นเกจิอาจารย์ที่เรืองวิชาน่าอัศจรรย์ยิ่งทีเดียวหลวงพ่อพริ้งมีพรสวรรค์อยู่ในตัว ท่านสามารถท่องบ่นหรือสวดมนต์เช้า-เย็น โดยไม่ต้องต่อจากพระในวัด เพียงแต่จดจำพระรุ่นพี่ๆ ในระยะแรกๆ ท่านท่องจำเจ็ดตำนาน สิบสองตำนานและสามารถท่องปฏิโมกข์ได้คล่องแคล่วสมบูรณ์ดีด้วยประการทั้งปวง นับว่าสติปัญญาของหลวงพ่อเป็นเลิศการเขียนการอ่านโดยมาก มักจะเรียกด้วยตนเองเสมอ ประกอบกับหลวงพ่อมีบารมีอันสูงส่ง อนาคตของหลวงพ่อจะต้องรุ่งเรืองในบวรพระพุทธศาสนาอย่างแน่แท้ถึงแม้ว่าหลวงพ่อจะเป็นพระหนุ่มในขณะนั้น แต่ก็เคร่งครัดในกฎระเบียบของพระธรรมวินัยในสมัยนั้น เรียนทั้งพระธรรมวินัย(พระปริยัติธรรม) และเรียนภาษาขอมรวมกันไปด้วยจากสำนักวัดไก่เตี้ยจนความรู้แตกฉาน ท่านได้รวบรวมตำรับตำราต่างๆ ไว้มากมาย เช่น ตำรายากลางบ้านตำราแพทย์แผนโบราณ ตำราเวทย์มนต์คาถา และตำราไวยาศาสตร์ ไวยเวท ไว้มากพอสมควรหลวงพ่อพริ้งเป็นพระเถรรูปหนึ่งที่ชาวลพบุรีและจังหวัดใกล้เคียงเคารพนับถือ

ท่านมาก หลวงพ่อได้มุ่งมั่นประกอบศาสนกิจ เพื่อบำรุงพุทธศาสนาโดยจิตมั่น เพื่อเจริญรอยตามเบื้องยุคลาบาทขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า หลววงพ่อจึงได้รับแต่งตั้ง ตามตำแหน่งต่างๆ ดังได้กล่าวข้างต้นการเผยแพร่ศาสนานั้นหลวงพ่อได้จัดอบรมให้มีการฟังธรรมฟังเทศน์ตาม

ไตรมาส มีอุบาสกอุบาสิกาและประชาชนโดยทั่วไปเข้ารับการอบรมเป็นจำนวนไม่น้อย การทำบุญกุศลหรืองานประเพณีต่างๆ ซึ่งเกี่ยวกับทางวัดแล้ว หลวงพ่อมีวิเทโศบายและอุบายให้คนทั้งหลายมาร่วมกันได้เป็นอันมาก หลวงพ่ออำนวยความสะดวกให้ในทุกกรณีเมื่อปี พ.ศ. 2504 หลวงพ่อได้มีอายุ 61 พรรษา บรรดาลูกศิษย์ลูกหาของหลวงพ่อได้อ้อนวอนให้หลวงพ่อออกวัตถุมงคล เพื่อจะได้ให้ศิษยานุศิษย์และญาติโยมผู้ใกล้ชิดไว้เป็นที่ระลึก และเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางใจ ปลายปี พ.ศ.2504 ก็มีศิษย์อ้อนวอนท่านอีก 'สร้างเถอะหลวงพ่อ' หมายถึงสร้างวัตถุมงคล หลวงพ่อท่านทนต่อคำรบเร้าอ้อนวอนของบรรดาศิษย์ไม่ไหว ท่านจึงพูดว่า 'จะเอาอย่างไร ก็เอากัน' หลวงพ่อบุญช่วย เขมโก ผู้เป็นผู้ช่วยของหลวงพ่อหาโอกาสนี้มานาน แต่ไม่กล้าออก ความเห็น จึงนมัสการกับหลวงพ่อขึ้นว่า ควรจะทำเป็นเหรียญ ซึ่งจะถาวรต่อการใช้ไว้นานๆ ไม่เหมือนกับพระเนื้อผง อันอาจจะเสียหายและหักง่าย จากการเสนอแนะของหลวงพ่อบุญช่วย และบรรดาลูกศิษย์ของหลวงพ่อจึงได้ตกลง ออกแบบเป็นรูปเหรียญสี่เหลี่ยม ด้านหน้ามีรูปของหลวงพ่อครึ่งองค์ ด้านหลังเป็นรูปพระพุทธ ใช้เนื้อทองแดงและทองแดงกะหลั่ยทอง ที่พื้นเหรียญ ออกไม่มากนัก ราคารุ่นนี้แพงเป็นพัน เพราะถือว่าเป็นเหรียญรุ่นแรก เหรียญนี้หลวงพ่อพริ้งได้นั่งปรกปลุกเสกเดี่ยวด้วยพุทธาคมอันเข้มขลัง นักเล่นเหรียญทั้งหลายมักจะเสาะหาเหรียญของหลวงพ่อรุ่นแรกนั้นเป็นจำนวนไม่น้อย ใครมีไว้ในครอบครองจงหวงแหน อย่าจำหน่ายจ่ายแจกเพราะเป็นของดี มีคนที่มีประสบการณ์มาแล้วจากเหรียญนี้ จากเหรียญรุ่นหนึ่งนี่เองทำให้หลวงพ่อพริ้งมีชื่อเสียงโด่งดัง จากเหรียญดังกล่าวแล้ว ยังมีแหวนรูปหลวงพ่อซึ่งเป็นแหวนลงยา มีทั้งแหวนทองคำ แหวนเงิน และอาปาก้า เป็นแหวน

ลงยา ปลุกเสกในคราวเดียวกัน และมีความนิยมไม่แพ้เหรียญ ลักษณะของแหวนด้านบนของหัวแหวนซึ่งมีรูปของหลวงพ่อ

จะมีลักษณะคล้ายรูปโล่ มีตัวอักษรสองข้าง ข้างขวามีคำว่า 'หลวง' ข้างซ้ายมีความว่า 'พ่อพริ้ง' ปัจจุบันเริ่มหายากเหมือนกัน

จำนวนการสร้างประมาณ 2,000 วง บรรดาลูกศิษย์ลูกหาต่างก็บูชาไว้ใช้คนละวงสองวง

วัตถุมงคลรุ่นแรกหนักแน่นไปในทาง

แคล้วคลาดคงกระพันชาตรี เพราะผู้ใช้ได้ประสบการณ์จากการใช้วัตถุมงคลของหลวงพ่อมากรายด้วยกัน

หลังจากหลวงพ่อได้สร้างวัตถุมงคลรุ่นแรกแล้ว ท่านก็ไม่คิดหรือจะออกของอีก ชั่วระยะไม่นานนักทั้งเหรียญและแหวน

เริ่มหมด คณะกรรมการต่างปรึกษาหารือกันจะขออนุญาตสร้างวัตถุมงคล

กรรมการปรึกษากันแล้ว จึงเรียนให้หลวงพ่อท่านทราบ หลวงพ่อก็ไม่ได้ตอบว่าอะไร 'จะให้สร้างหรือไม่ให้สร้างก็ไม่พูด'

เพราะหลวงพ่อท่านเป็นพระรักสันโดษและมักน้อย กรรมการต่างก็พากันกลับโดยมิได้ปริปากต่อไปอีก

กระทั่งปลายปี พ.ศ. 2505 กรรมการชุดเดิมนั่นแหละ เห็นว่าความต้องการของบรรดาลูกศิษย์และประชาชนคนทั่วไป

มีความเลื่อมใสศรัทธามาก ประกอบกับของที่ออกแต่ละครั้งไม่ทั่วถึงผู้ที่ใฝ่หาและความต้องการของประชาชน ศิษยานุศิษย์

และกรรมการจึงเรียกร้องอ้อนวอนให้หลวงพ่อออกของอีกสักรุ่นโดยบอกว่าวัตถุมงคลเมื่อปี 2504 ให้ได้บูชากันไปยังไม่ทั่วถึง

คณะกรรมการได้กราบเรียนให้หลวงพ่อทราบ หลวงพ่อก็ตอบสนองตามอัธยาศัยของบรรดาศิษย์และกรรมการ เมื่อหลวงพ่อ

อนุญาตต่างก็ดีอกดีใจไปตามๆ กัน และคณะกรรมการจึงติดต่อช่างหล่อพระท่ากระยางลพบุรีมาทำการหล่อรูปหล่อพิธีแบบโบราณ

พร้อมรูปหล่อองค์ใหญ่ที่วัดจากคำบอกเล่าของยายกิมฮวย พุ่มขจร(ปัจจุบันยังมีชีวิตอยู่) เจ้าของโรงหล่อทองเหลืองท่ากระยางพระหล่อแบบโบราณรูปทรงไม่สวยเท่าไรและหล่อได้

จำนวนน้อย กรรมการวัดจึงได้ลงไปกรุงเทพฯ มอบแบบตามที่ต้องการ สร้างวัตถุมงคลรุ่นปี

พ.ศ. 2505 เมื่อสร้างเสร็จก็นำมาให้หลวงพ่อปลุกเสกเดี่ยวจนครบไตรมาส(หนึ่งพรรษา) ลักษณะของรูปวัตถุ คือรูปของ

หลวงพ่อ(แบบเดียวกับหลวงปู่ทวดที่นิยมสร้างในปี 2505) เรียกว่ารุ่นหลังเตารีดมีทั้ง 2 แบบคือ แบบหนึ่งมีห่วง และแบบหนึ่งไม่มีห่วง แบบไม่มีห่วงหรือหูห้อย

นักสะสมเรียกว่ารุ่น หายห่วง หรือหมดห่วง ครั้นเมื่อหลวงพ่อปลุกเสกแล้ว ก็เปิดให้สาธุชนผู้เลื่อมใสเช่าบูชา นักสะสมบางคน

ต่างพากันสะสมและแสวงหากันเป็นจำนวนมากมีผู้ที่ไปถึงวัดไม่เว้นแต่ละวัน พระรุ่นหลังเตารีดของหลวงพ่อพริ้งครั้งนี้

เป็นแบบปั๊ม รมดำทำด้วยเนื้อทองผสม ทุกวันนี้เริ่มจะหายาก และราคาก็แพง และยังให้โรงงานสร้างรูปหล่อลอยองค์ขึ้นอีกในปี 2505 เรียกรุ่นที่มียันต์ที่ฐาน มีตัวอักษร ขอมอ่านว่า นะ มะ พะทะ ดินน้ำลมไฟ



ปี พ.ศ. 2506 หลวงพ่อมิได้ออกของหรือวัตถุมงคลใดๆ เพราะภารกิจติดนินมต์ แต่มีทางวัดการจัดทำล๊อคเกต รูปต่าง ๆของหลวงพ่อ

บรรดาสุจริตชนต่างพากันขอพรและขอบูชาวัตถุมงคลของหลวงพ่ออยู่เนืองนิจ วัตถุมงคลของ

หลวงพ่อมีหลายชนิด ที่วัดยังมีเหลือยู่อีกมาก ทางวัดได้จัดจำหน่ายจ่ายแจกให้เป็นที่ระลึกแก่ผู้ที่ไปเคารพกราบไหว้ท่าน

บางอย่างก็หมดไปแล้วบางอย่างยังเหลืออีกมาก หลวงพ่อพริ้งท่านได้มีเมตตาจิตปลุกเสกหลายครั้งหลายหน จนกระทั่งจำ

ไม่ได้ว่าแต่ละครั้งมีอะไรบ้าง ท่านเคยปรารถอยู่เสมอว่า ของของหลวงพ่อทุกชนิด ทุกอย่างมีคุณภาพเท่าเทียมกันหมด

ไม่ว่าจะปลุกเสกเมื่อใด วัตถุต่างๆ ที่หลวงพ่อได้สร้างไว้ก็มีอาทิเช่น แหวน, เหรียญ, รูปหล่อ, ตะกรุด, ผ้ายันต์, นกคุ้ม

ปลาตะเพียนเงินปลาตะเพียนทอง รูปหล่อลอยองค์ทั้งนั่งและยืน สมเด็จเนื้อผง 3 ชั้น (เล็ก-ใหญ่) พระสามพี่น้อง, ธงค้าขาย,

และรูปล็อกเก็ต

สำหรับปี 2507ได้มีการจัดสร้างรูปหล่อลอยองค์ มีตั้งแต่ขนาด 2 ซม. สูง 33 ซม. ขัดสมาธิ สังฆาฏิจรดแท่น ที่แท่นมีชื่อของหลวงพ่อ ด้านหลังจะมีหมายเลข 1 ไทย ที่ด้านหลังบอก พ.ศ.2507 และเหรียญรูปไข่ ด้านหลัง ปี2507 ได้รับความนิยมมากแล้วก็ว่างเว้นปี พ.ศ. 2508หลวงพ่อมิได้ออกของหรือวัตถุมงคลใดๆ เพราะภารกิจติดนินมต์ และงานล้นตัว หลวงพ่อท่านไม่ปฏิเสธ

การนิมนต์ ท่านจะรับนิมนต์ไม่เลือกชั้นวรรณะ ไม่ว่ามีหรือจน หลวงพ่อเป็นพระเถระที่ไม่ถือตัวไม่ว่าใครจะนิมนต์ไปฉันหอ,

ขึ้นบ้านใหม่, โกนจุก,งานบุญ,งานบ้าน,งานบวช,งานสวด,งานศพ ใครนิมนต์ไม่เคยขัดนอกจากป่วย วันหนึ่งหลวงพ่อท่านรับ

นิมนต์ไปเป็นอุปัชฌาย์ เจ้าภาพนำเอารถมอเตอร์ไซด์รับท่านไปในเส้นทางที่แสนลำบาก บางครั้งต้องวิ่งกลางทุ่งนา บางครั้ง

ต้องวิ่งบนคันนา บังเอิญรถมอเตอร์ไซด์ตกหล่นจากคันนา หลวงพ่อก็หล่นกลิ้นไปตามรถทั้งคนขับ เมื่อลุกขึ้นคนขับก็ถามว่า

หลวงพ่อเป็นอะไรบ้างครับ ก็ได้รับคำตอบจากหลวงพ่อ ไม่เป็นอะไรหรอก หลวงพ่อไม่เคยบ่นหรือปริปากแต่ประการใด

ทั้งที่เจ็บๆ เล็กๆ น้อยๆ ในเมื่อหลวงพ่อบอกว่าไม่เป็นอะไรคนขับก็ขับรถให้หลวงพ่อนั่งซ้อนท้ายไปจนถึงวัดที่บวชจนได้

นี่ก็แสดงว่า หลวงพ่อพริ้งท่านเปี่ยมล้นไปด้วย วิริยะคุณ เมตตาคุณ กิจนิมนต์ของหลวงพ่อไม่เคยว่างเว้น ไม่ว่างานพุทธาภิเษก

เล็กหรือใหญ่ จะมีชื่อของหลวงพ่อเสมอๆ ลงโฆษณาติดใบปลิวเกือบทั้งพิธี

นอกจากงานนิมนต์ดังที่กล่าวมาแล้ว งานในวัดของหลวงพ่อเองก็มีอยู่มากพอสมควรในยามว่างหลวงพ่อจะปลูกพืชผลไม้

ทั้งชนิดล้มลุกและยืนต้น ในขณะนั้นรั้วของวัดยังไม่เรียบร้อย เมื่อปลูกพืชมีผลออกมา วัวควายของชาวบ้านมักจะเข้ามาขบเคี้ยว

กัดกินทำให้พืชผลเสียหายอยู่เสมอ ทายกวัดก็ไม่กล้าไปว่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงดังกล่าวก็เข้ามากัดกินของในวัดเสียหาย ทายก

คนหนึ่งเห็นเข้าก็มาบอกกับหลวงพ่อให้ทราบ แทนที่หลวงพ่อจะโกรธแค้นท่านกลับสงบสติอารมณ์ แล้วท่านก็กล่าวขึ้นลอยๆ ว่า

'มนุษย์เรานี้ไม่ค่อยมีความเกรงอกเกรงใจกันเลย สัตว์เป็นเดียรฉานอย่างหนึ่งที่ไม่สามารถพูดได้เหมือนกัน

เมื่อคนปล่อยมันออกมามันก็ต้องหากินของมันไปตามประสาสัตว์ คนเรากินข้าวก็น่าจะมีความนึกคิดอะไรเหมาะ

อะไรไม่เหมาะ คนอย่างนี้คงไม่กินข้าวละมัง คงกินแกลบกินรำ'

หลังจากที่หลวงพ่อพูดออกไปได้ไม่กี่ปี เจ้าของสัตว์ผู้มีฐานะมั่งคั่งก็ประสบหายนะ กล่าวคือค้าขายก็ขาดทุน ออกเงิน

ให้เขากู้ก็ถูกโกง ทำอะไรก็ไม่เกิดมักผล ชีวิตในบั้นปลายสุดท้ายถึงกับซื้อเรือกระแชงล่องแกลบไปขายถึงกรุงเทพฯ ปัจจุบัน

พ่อค้าคนนั้นสิ้นชีวิตไปแล้ว

และอีกเรื่องหนึ่งที่อดกล่าวเสียมิได้นั้นคือภายในบริเวณวัดมีผลไม้หลายอย่างอาทิเช่น กล้วย,มะม่วง,ขนุน,ต่างก็ออกผล

ตามฤดูกาล ขนุนก็ออกผลใหญ่แก่ก็ซึ่งน่าจะติดบ่มได้แล้วทายกก็ไม่กล้าตัด ก็เรียนให้หลวงพ่อทราบว่า ขนุนแก่แล้วครับ

หลวงพ่อ ตัดได้แล้ว ถ้าไม่ตัดขโมยมันจะลักตัดนะครับ หลวงพ่อก็พูดขึ้นว่า 'ปล่อยมันเถอะขโมยมันไม่กล้าขึ้นไปลักตัด

ขนุนหรอก มันขึ้นเดี๋ยวมันก็ตกลงมาเองแหละ' อยู่มาได้ 2-3 วัน เจ้าขโมยเหมือนกับจะท้าทายคำพูดของหลวงพ่อ

ก็ค่อยแอบย่องขึ้นไปตัดขนุน ยังไม่ทีนได้มีโอกาสให้ได้จับลูกขนุนเลย เกิดพลาดท่าร่วงหล่นลงมาขาหัก พรรคพวกที่ไปด้วย

ซึ่งคอยอยู่ข้างล่างต้องรับภาระแบกขึ้นคอหนีกลับไปรักษาขา

จากสาเหตุที่เกิดขึ้น 2 ครั้ง 2 ครานี้ ทำให้สาธุชนในละแวกนั้นต่างก็โจษขานกันว่าหลวงพ่อพริ้นท่านมีวาจาสิทธิ์ เป็นที่

เกรงขามของสุจริตชนทั้งหลาย บรรดาสุจริตชนต่างพากันขอพรและขอบูชาวัตถุมงคลของหลวงพ่ออยู่เนืองนิจ วัตถุมงคลของ

หลวงพ่อมีหลายชนิด ที่วัดยังมีเหลือยู่อีกมาก ทางวัดได้จัดจำหน่ายจ่ายแจกให้เป็นที่ระลึกแก่ผู้ที่ไปเคารพกราบไหว้ท่าน

บางอย่างก็หมดไปแล้วบางอย่างยังเหลืออีกมาก หลวงพ่อพริ้งท่านได้มีเมตตาจิตปลุกเสกหลายครั้งหลายหน จนกระทั่งจำ

ไม่ได้ว่าแต่ละครั้งมีอะไรบ้าง ท่านเคยปรารถอยู่เสมอว่า ของของหลวงพ่อทุกชนิด ทุกอย่างมีคุณภาพเท่าเทียมกันหมดจนกระทั่งปี 2516 ถึงปี 2527 เป็นช่วงที่คนนิยมวัตถุมงคลหลวงพ่อมาก จึงมีการทำวัตถุมงคลให้หลวงพ่อปลุกเสกในงานต่าง ๆมากมายรวมทั้งหลวงพ่อยังไปร่วมปลุกเสกวัตุถมงคลให้กับเกจิอาจารย์อื่น ๆวัดต่าง ๆอีกวัตถุมงคลหลวงพ่อช่วงนี้จึงมีเยอะแยะมากมายหลายรุ่นตามปีพ.ศ.ระบุไว้ที่วัตถุมงคล



หลวงพ่อพริ้งมรณภาพที่โรงพยาบาลอนันทมหิดล ลพบุรี เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2527

เดินธุดงค์

หลวงพ่อพริ้งและคณะที่ออกเดินธุดงค์รวม 7 องค์ โดยมีหลวงพ่อพริ้งเป้นหัวหน้า ได้เดินมุ่งไปยังภาคเหนือ วันแรกของการเดินธุดงค์ถึง อ.โคกสำโรง เป็นเวลาเย็นมาก ประกอบด้วยอ่อนเพลีย เพราะเป็นการเดินทางวันแรก หลวงพ่อดูที่ทำเลที่ปักกรด ได้ แล้วพักผ่อนพอหายเหนื่อย หลวงพ่อพร้อมภิกษุทั้งหลาย ได้เจริญพระพุทธมนต์ และเจริญกรรมฐานบำเพ็ญภาวนา ในเวลาเช้าก็ออกบิณฑบาตร โปรดญาติโยมในแถบนั้น ชาวบ้านเมื่อทราบว่ามีพระธุดงค์มาก็มีความยินดีอย่างยิ่ง ได้นำเอาอาหารคาวหวานมาถวายมากมาย เพราะนานๆจะมีพระธุดงค์ผ่านมาซักครั้ง บ้างก็ขอให้ตัดจุกลูกหลานให้บ้าง บ้างก็ขอน้ำมนต์อาบเพื่อความเป็นมงคล บ้างก็ขอให้เจริญพระพุทธมนต์ที่บ้านฯลฯ หลวงพ่อพริ้งก็มิได้ขัดศรัทธา ฉลองศรัทธาทุกราย การเดินธุดงค์ของหลวงพ่อเป็นไปด้วยความลำบาก เพราะภูมิประเทศในภาคเหนือ ในยุคนั้นเต็มไปด้วยป่าดงดิบ และต้องผจญภัยกับสัตว์ร้ายนานาชนิด

ไล่พระกลับวัด

เมื่อเดินทางไปถึงจังหวัดนครสวรรค์ พระภิกษุหนุ่มที่ร่วมธุดงค์ได้ เกิดเล่นหูเล่นตากับสีกาสาว และตกกลางคืนได้มีมดขี้หมา เข้ามาอยู่ในกรดของพระหนุ่มสองรูปนั้นเต็มไปหมด และได้มีงูเหลือมใหญ่เลื้อยเข้ามาในกรด แต่มิได้ทำอันตรายใด ๆจนกระทั่งพระหนุ่มสองรูปนั้นไม่ได้นอนเลยลอดคืน รุ่งเช้าหลวงพ่อพริ้งจึงสั่งให้พระสองรูปนั้นเดินทางกลับวัดทันที หลวงพ่อบอกว่าพระทั้งสองรูปยังไม่มีอุปนิสสัย ที่จะเดินธุดงค์

เรียนคาถาบังไพร ตัดรุ้งและละลายเมฆ

หลวงพ่อเมื่อเดินทางมาถึงจังหวัดนครสวรรค์ บริเวณใกล้วัดหนองกระโดน เมื่อปักกรดเรียบร้อยแล้วหลวงพ่อได้เดินทางไปในวัดหนองกระโดนพร้อมพระภิกษุอีก 4 รูป เพื่อจะไปขอน้ำสงค์ ในขณะนั้นทางวัดหนองกระโดนทำการสร้างกุฏี อยุ่ หลวงพ่อพริ้งซึ่งเป็นช่างไม้อยุ่แล้วจึงขออาสาช่วยงานก่อสร้างกุฏี หลวงพ่อพวงซึ่งเป็นเจ้าอาวาสก็ไม่ขัดข้องเมื่อเลิกงานแล้ว หลวงพ่อพริ้งได้สนทนากับหลวงพ่อพวง เมื่อหลวงพ่อพวงทราบว่าหลวงพ่อพริ้งและคณะเป็นพระธุดงค์ประกอบกับ สนธนาเป็นที่ถูกอัธยาศัยซึ่งกันและกัน หลวงพ่อพวงถามว่ากรดปักอยุ่ที่ไหนหลวงพ่อพริ้งก็เรียนให้ทราบหลวงพ่อพวงก็บอกว่าไม่มี ในที่สุดก็ชวนกันมาดูที่กรด ปรากฏว่าไม่พบกรดของหลวงพ่อพริ้งจริง ๆ โดยหลวงพ่อพวงยืนหน้าแล้วถือกิ่งไม้เพียงกิ่งเดียวก็บังหลวงพ่อพริ้งไม่ให้เห็นกรด หลวงพ่อพริ้งและคณะได้ก้มกราบหลวงพ่อพวงพร้อมกับขอเรียนคาถาบังไพร และหลวงพ่อพวงไม่ขัดข้องและขอให้ หลวงพ่อพริ้งอยู่จำพรรษาด้วยกัน

สร้างวัดและโรงเรียน

คณะหลวงพ่อพริ้ง เดินทางมาถึงจังหวัดตากบ้านวังเจ้า เป็นเวลาตะวันบ่าย ชาวบ้านทราบว่ามีพระธุดงค์มายังหมู่บ้าน ก็เป็นที่ยินดีปรีดาอย่างยิ่ง รีบพากันมาปฏิบัติรับใช้เพราะชาวบ้านในท้องถิ่นนั้นไม่ได้พบพระมานานและชาวบ้านในถิ่นนั้นก็ได้บำเพ็ญกุศลกันอย่างเต็มที่และเป็นหมุ่บ้านที่ใหญ่มากและมีคืนหนึ่งหลวงพ่อเจริญวิปัสสนากัม

มัฎฐานแผ่เมตตาไปยังสรรพสัตว์ทั้งหลาย และในนิมิตรนั้นปรากกร่างของชายชรา นุ่งขาวมากราบหลวงพ่อและบอกว่าทนทุกข์ทรมานมานานมากไม่มีที่อยู่ช่วยสร้างที่อยู่ให้ด้วย ชายชราผู้นั้นก็กราบหลวงพ่อพริ้งแล้วร่างก็หายไป และรุ่งเช้าหลวงพ่อพริ้งก๋เล่าให้ชาวบ้านฟัง ปรึกษาเพื่อสร้างวัดเพื่อใช้บำเพ็ญกุศล ของชาวบ้าน ข่าวนี้เป็นที่ยินดีของชาวบ้านอย่างยิ่งชาวบ้านทุกคนช่วยกันหาไม้มาก่อสร้างวัด โดยมีหลวงพ่อพริ้งเป็นผุ้ดำเนินการก่อสร้างทั้งหมด และขุดบ่อน้ำสร้างโรงเรียนขึ้นหนึ่งหลังโดยเอาบุตรหลานชาวบ้านถิ่นนั้นมาเรียนหนังสือและ

หลวงพ่อพริ้งเป็นผุ้ทำการสอนร่วมกับพระที่เดินธุดงค์ช่วยกันสอน

ถูกลองวิชา

หลวงพ่อพริ้งอยุ่ช่วยชาวบ้านวังเจ้าเป็นเวลา 2 พรรษา และก่อนที่จะออกพรรษาที่ 2 เพียง 3 วัน หลวงพ่อพริ้งนั่งวิปัสสนากรรมฐานและทราบโดยฌาณว่า

โยมมารดาได้ถึงแก่กรรมเสียแล้ว และหลวงพ่อก็รอจนออกพรรษา แล้วหลวงพ่อพริ้งก็รีบเดินทางกลับจังหวัดลพบุรีในระหว่างที่เดินทางถึงจังหวัดกำแพงเพชร ในระหว่างทางได้พบกับพระภิกษุชรารูปหนึ่ง ซึ่งเดินธุดงค์มาเหมือนกันและได้นั่งสนทนากับพระภิกษุชรารูปนั้นได้รูดกิ่งไม้แล้วขว้างไปใบไม้

นั้นกลายเป็นกระต่ายและหลวงพ่อพริ้งก็ได้เอาผ้าสังฆาฏิม้วนแล้วขว้างออกไปบ้าง ผ้านั้นกลายเป็นเด็กวิ่งไล่จับกระต่าย แล้วก็หายไปทั้งกระต่ายและเด็ก หลวงพ่อพริ้งและพระภิกษุชรานั้นก็สนทนากันถุกอัธยาศัย๙ึ่งกันและกัน ภิกษุชราบอกวิชาย่นระยะทางให้กับหลวงพ่อพริ้ง และหลวงพ่อพริ้งก็แบ่งปันวิชาบังไพรให้กับภิกษุรูปนั้นนับเป็น

เวลาหลายช่วง หลวงพ่อบอกเอาไว้ผุ้ที่มาสัมภาษณ์หลวงพ่อ

ประมาณ 17 ปีที่หลวงพ่อพริ้งจาริกธุดงค์วัตร

เนื้อหาโดย ลิต ละโว้
ราคาเปิดประมูล20 บาท
ราคาปัจจุบัน1,040 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ30 บาท
วันเปิดประมูล - 26 ก.ค. 2558 - 17:44:42 น.
วันปิดประมูล - 27 ก.ค. 2558 - 18:47:17 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลreset_35 (2.5K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     1,040 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     30 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    pongxman (267)(2)

 

Copyright ©G-PRA.COM