(0)
เสื้อยันต์เกราะเพชรธงมหาพิชัยสงคราม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง สุดยอดของความหายากครับ








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องเสื้อยันต์เกราะเพชรธงมหาพิชัยสงคราม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง สุดยอดของความหายากครับ
รายละเอียดเสื้อยันต์เกราะเพชรธงมหาพิชัยสงคราม หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ผ่านพิธีพุทธาภิเษกในพิธีชาตรี ซึ่งเป็นพิธีใหญ่ ด้านหน้าของเสื้อยันต์ประกอบด้วย ยันต์ธงมหาพิชัยสงคราม 2 ฝั่งซ้าย-ขวา ซึ่งเป็นยันต์ที่อยู่บนยอดธงออกรบสมัยโบราณ ตามตำราวิชานี้เป็นตำราพระร่วงที่หลวงพ่อท่านสืบทอดมา ส่วนด้านหลังเป็นยันต์เกราะเพชรหลวงพ่อปาน สำหรับเสื้อยันต์นี้หลวงพ่อท่านสร้างไว้จำนวนไม่มากนัก คาดว่ามีการสร้างไว้จำนวนไม่เกิน ตัว ถือว่าเป็นวัตถุมงคลอีกชิ้นนึงของหลวงพ่อที่เป็นสุดยอดแห่งความหายาก นานๆจะเจอในสภาพที่สมบูรณ์ไม่ผ่านการใช้งานซักตัว
รายละเอียด
ผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม ซึ่งเป็นยันต์ที่อยู่บนยอดธงออกรบสมัยโบราณ ตำราวิชานี้เป็นตำราพระร่วงที่หลวงพ่อเราสืบทอดมาเป็นท่านสุดท้าย..ถึงแม้ท่านอื่นนำไปทำผลมากที่สุดจะแค่ 10% เท่านั้น ท่านบอกไว้
เรื่องผ้ายันต์แดงธงมหาพิชัยสงคราม ไว้เพื่อเตือนความจำไว้ดังนี้
๑. ความศักดิ์สิทธิ์ ของธงมหาพิชัยสงครามมีมากมาย
๒. ผู้นำไปใช้ หากนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น เป็นโจร-ปล้น-ฆ่าเขา-โขโมยเขา ธงนี้ไม่คุ้มครอง ซ้ำยังให้ผลร้ายกับผู้นั้นด้วย หากถูกยิง ลูกปืนจะเข้าแสกหน้าทะลุท้ายทอยทุกราย
๓. ธงมหาพิชัยสงคราม ไม่ใช่ ไสยศาสตร์ แต่เป็นพุทธศาสตร์ จึงไม่เสื่อม (หากใช้ในทางที่ดี)
๔. เวลาทำพิธีพุทธาภิเษกนั้น ธงแดงมหาพิชัยสงคราม กับ ผ้ายันต์เกราะเพชรซึ่งมีรูปหลวงพ่อปาน และ รูปยันต์เกราะเพชรนั้น ทำเหมือนกัน มีคุณภาพเหมือนกัน ทุกประการ ใช้แทนกันได้
๕. เรื่องป้องกัน หรือบรรเทาอุบัติเหตุ ไฟไหม้บ้าน พายุใหญ่ หรือวาตภัย

มีผู้เล่าให้ฟังเสมอว่ามีผลดีอย่างอัศจรรย์ ส่วนเรื่องอื่นๆ ต้องอธิษฐานขอ และผลขึ้นอยู่กับความมั่นคงของจิตของแต่ละคนด้วย ในสมัยนั้น ผกค.มีอิทธิพลสูง ได้ยึดเทือกเขาภูพานเป็นฐานใหญ่ของเขา และยังท้าทายฝ่ายทหารว่า หากจะตีเขาได้จะต้องใช้กำลังหลายกองพล และใช้เวลาหลายเดือนจึงจะสำเร็จ พล.ต. ยุทธศิลป์ เกสรสุข (ยศในขณะนั้นปัจจุบันมียศ พล.ท.) ซึ่งเป็นรองแม่ทัพ จึงนำเรื่องนี้มากราบเรียนหลวงพ่อ หลวงพ่อท่านเป็นพระ จะไปรบกับเขาก็ไม่สมควร แต่ท่านก็มีวิธีช่วยเป็นกำลังใจให้กับทหารได้ดังนี้
๑. ท่านเดินทางไปพร้อมกับคณะ เพื่อทำพิธีบวงสรวงก่อนที่ฐานทัพของทหาร
๒. แจกผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงคราม ให้กับทหารในหน่วยนั้นทุกคน (ผ้ายันต์สีแดง)
๓. ให้ฤกษ์แก่ฝ่ายทหาร ทั้งนี้หมายถึงให้ฤกษ์ดีว่าเป็นมงคล ไม่ได้ระบุให้เข้าไปตีกันรบกัน เพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์ ส่วนเขาจะไปทำอะไรกันนั้น พระท่านต้องอุเบกขา

ภายในธง ประกอบด้วย พระบารมี แห่ง พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยะสงฆ์เป็นหลัก
ดังในยอดธง มี พุทธะสังมิ ซึ่งเป็น คำย่อของ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง คัจฉามิ เป็นการสรางความมั่นคงต่อ พระรัตนะตรัย เป็นการประกาศขอยึดเป็นสรณะที่พึ่งอันสูงสุด
ถัดมา คือ อะ สัง วิ สุ โล พุ สะ พุ ภะ ซึ่งเป็นคำย่อ ของพุทธคุณ อันมี ตั้งแต่ อะระหัง จนถึงภควาติ
เป็นการนำใจที่เคารพแล้ว เข้าถึงความเป็นพุทธะ คือความสะอาด สว่าง สงบ ตามที่องค์สมเด็จพระจอมไตรได้ตรัสสั่งและสอน
ถัดมาอีกในวงกลมแต่ล่ะวง นับได้ 10 วง เปรียบถึง บารมี 10 ประการ ภายในวงใหญ่ ได้อัญเชิญรูปภาพเปรียบแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อยู่ตรงการภายในวงกลม คือองค์สมเด็จองค์ปฐมต้นสุด รอบมีรูปองค์พระทั้ง 28 พระองค์ตามปรากฏในพระคัมภีร์ต่างๆ เช่น คัมภีร์พระไตรปิฎก เป็นต้น รอบกลับบัวมี คาถาบารมี 30 ทัศ ซึ่งกลับบัวเทียบเสมือนรัศมีแห่ง พระพุทธคุณ พระบารมี ที่แผ่กระจาย ปกคลุมผู่ที่ได้ครอบครอง และทั่วไปโดยรอบด้าน
กล่าวโดยสรุป ธงมหาพิชัยสงครามนี้ มีคุณทั้งทางโลกและทางธรรม ในทางโลกเป็นไปตามโลกธรรมต่างๆ ส่วนในทางธรรมแล้ว เปรียบประมาณค่ามิได้ คือ การเข้าถึงไตรสรณะคมส์ การบำเพ็ญบารมี 10 ให้สมบูรณ์บริบูรณ์ เพื่อละสังโยชน์ 10 ประการ เป็นทางแห่ง มรรคผล พระนิพพานในที่สุด
ภายในดอกบัวใหญ่ที่ปรากฏภาพพระพุทธเจ้านั้น เป็นพระนามของพระพุทธเจ้าทั้ง 28 พระองค์ กลีบบัวใหญ่บรรจุด้วยพระคาถาอาวุธพระพุทธเจ้านั่นคือ บารมี 10 ประหนึ่งว่าวงกลมทั้ง 10 วงบนยันต์ ก็คือบารมี 10 นั่นเอง ที่ยอดพุ่มของธง เป็นคำย่อของบท อิติปิโสฯ และบนยอดธงบรรจุคาถา พุท ธะ สัง มิ คือคำย่อของไตรสรณาคม ในวงย่อยแต่ละวง มีคำว่า พุท ธะ มะ อะ อุ นะ โม พุท ธา ยะ อยู่ด้วย ที่บัวดอกเล็กเป็นคาถา บารมี 30 ทัศ บทว่า อิ ติ ปา ระ มิต ตา ติง สาฯ
ยันต์นี้ไม่เพียงแต่มีชัยในทางโลกธรรม หากแต่เป็นเครื่องหมายเตือนพระโยคาวจรทั้งหลายว่า หัวใจของการชนะกิเลสทั้งปวงอาศัยบารมี 10 เป็นเครื่องประหาร เมื่อสามารถทรงบารมีทั้ง 10 ประการครบถ้วน ท่านก็ชนะหมดโลก คือ ชนะกิเลสในใจของท่านทั้งหลายนั่นเอง
จึงถือได้ว่าพุทธานุภาพของยันต์พิชัยสงครามนี้ เป็นคุณแก่ท่านที่มีไว้ครอบครองแท้จริง
สงครามที่เหลืออยู่คือสงครามที่ท่านรบกับใจตัว ขอท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ชนะสมดังปรารถนาเถิด
หมายเหตุ : *มะ อะ อุ - อุ อะ มะ - อะ มะ อุ

จำนวนการสร้างไม่แน่ชัดครับ แต่น่าจะมีการสร้างเพียงหลักร้อยครับ
ราคาเปิดประมูล1,000 บาท
ราคาปัจจุบัน9,500 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 01 มิ.ย. 2560 - 16:39:13 น.
วันปิดประมูล - 07 มิ.ย. 2560 - 12:45:58 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลchampromklao (847)(1)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 01 มิ.ย. 2560 - 16:39:56 น.



ยันต์มหาพิชัยสงครามด้านขวาครับ

* หลวงปู่มหาอำพัน วัดเทพศิรินทราวาส ได้เมตตาเขียนอธิบานไว้ดังนี้
อะ - อรหัง สัมมาสัมพุทโธ
อุ - อุตตะมัง ธัมม มัชฌะคา
มะ - มหาสังฆัง ปะโพเธสิ อิจเจตังรตนัตตะยัง
ยอดธง
พุท-ธะ-สัง-มิ
ย่อมาจากไตรสมณคมณ์-พุทธังสรณังคัจฉามิ ธรรมมังสรณังคัจฉามิ สังฆังสรณังคัจฉามิ
บนพานใต้เสาธง
อะ
สังอะ
วิสังอะ
สุวิสังอะ
โลสุวิสังอะ
ปุโลสุวิสังอะ
สะปุโลสุวิสังอะ
พุสะปุโลสุวิสังอะ
ภะพุสะปุโลสุวิสังอะ

ยันต์กลม 1
ธา ลัง ถะ
ตัง มะ ติ
ตะ โน ยา
กลมดำ 2 ล้อมด้วย
ระมิติงสา-พัญญูมาคะ-ตาธิมนุปัตโต-โสจะเตนะโม
แถวกลาง
ปิ
ติ
โพติ อิ ติธา
ติ
สัพ
ถอดพิศดารมากจาก
อิติปาระมิตาติงสา อิติสัพัญญูมาคะตา อิติโพธิมนุปปัตโต อิติปิโสจะเตนะโม
วงกลมแถว 3
วงซ้าย นะโมพุทธายะมะอะอุ แบบตาหมากรุก(ม้า)อนุโลม
วงขวา นะโมพุทธายะมะอะอุ แบบตาหมากรุก(ม้า)ปฏิโลม
กลมแถว 4
กลมซ้าย
จะ ติ ยา
ลัง มะ นา
ธา ตัง ตะ
กลมขวา
ชิ ติ ยา
โส มะ เต
เน นา ชิ
อะ เต สะ ตา สะ มะ เต ถุ
ถะ ภะ สิ โล เพ วิ ติ มา
ติน วะ ภะ ธา ชุ นุ นา มา
ตะ นิ สะ เถ นิ รุ เม จะ


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 01 มิ.ย. 2560 - 16:40:34 น.



ยันต์ธงมหาพิชัยสงครามด้านซ้ายครับ

ประสบการณ์
ผมจำได้ว่า หลวงพ่อทำพิธีตั้งแต่เช้ามาก เพราะจากรูปถ่ายที่ นาวาตรีประชา สิกขวานิช ร.น.ถ่ายไว้ ปรากฏพุทธนิมิตเป็นฉัตร ๕ ชั้น ทอดมาตามแสงแดดครอบคลุมองค์หลวงพ่อเท่านั้น ยังทำมุมน้อยมาก (มีรูปถ่ายอยู่ที่บ้านสายลม และที่วัดท่าซุง) หลังพิธีแล้ว ฝ่ายทหารก็นำหลวงพ่อ หลวงปู่ครูบาธรรมชัย และคณะเข้าห้องยุทธการ เพื่อฟังบรรยายสรุปของฝ่ายทหาร

เมื่อบรรยายจบ ปรากฏว่ามีนายทหารที่ฉลาด ถามได้ถามหลวงพ่อกับหลวงปู่ว่า ขณะนี้พวกผกค.เขาอยู่ที่ไหนบ้าง โดยให้ท่านเอาไม้เท้าช่วยชี้ไปในแผนที่ทหาร ปรากฏว่าท่านชี้จุดให้ทันทีทันใด โดยไม่ต้องคิดหรือต้องเสียเวลา เหล่าทหารต่างร้องอือพร้อม ๆ กันหลายคน และบอกว่าตรงจุดเป๋งเลยครับหลวงพ่อ บางคนไม่ฉลาดถามก็ถามวิธีเข้าโจมตี หลวงพ่อท่านก็ปฏิเสธเพราะไม่ใช่กิจของสงฆ์

ส่วนวิธีถามที่ฉลาดผมขอสงวนไว้ก่อนครับ จากนั้นก็คุยกันในเรื่องอื่น ๆ ผมฟังไป ๆ คงจะตื่นเต้นมาก เลยเกิดทุกข์หนัก ต้องขอตัวขอเวลานอกไปพิจารณาทุกข์ที่ห้องสุขา และผมคงจะพิจารณาทุกข์ ขณะกำลังบรรเทาทุกข์แล้วมีผล คือ เห็นอริยสัจ เพราะธรรมะของพระองค์ท่านแนะนำวิธีปฏิบัติไว้ชัดว่า ให้ปฏิบัติ ตลอดเวลาทุกเวลา ทุกโอกาส ทุกสถานที่ และทุกอิริยาบถ คือ เป็นอกาลิโก

ผมก็ปฏิบัติตามท่านอย่างเพลิดเพลิน พอจบภารกิจส่วนตัวของผมแล้ว ก็ออกมารีบเดินเข้าห้องยุทธการ ปรากฏว่าไม่มีใครอยู่เลยสักคนเดียว ชักใจไม่ดีรีบวิ่งออกมาข้างนอก ก็ปรากฏว่ารถหลวงพ่อและคณะหายไป ไม่พบใครสักคนเลย หันรีหันขวางอยู่ บังเอิญมีนายทหารท่านหนึ่งท่านจำผมได้ เห็นผมจึงถามว่าคุณมากับหลวงพ่อใช่ไหม ผมก็ตอบว่าใช่ครับ

ทหารผู้นั้นก็บอกว่าหลวงพ่อกับคณะไปนานแล้ว คุณไปอยู่ที่ไหนมา ก็ตอบไปว่าอยู่ในห้องน้ำครับ ท้องมันไม่ค่อยดี ขณะนั้นผมเองรู้สึกเง็งไปหมด (ไม่ใช่งง เพราะมันเป็นความรู้สึกที่เกินกว่างง) แต่เคราะห์ยังดีที่ นายทหารท่านนั้นช่วยแก้สถานการณ์ให้ทันควัน โดยส่งรถจิ๊ปเล็ก พร้อมคนขับให้ผมกระโดดขึ้นพร้อมกับท่านรีบบึ่งตามคณะหลวงพ่อไปจนทัน การปฏิบัติธรรมของผมเป็นที่ครื้นเครงของพวกเราทุก ๆ คนที่ได้หัวเราะกันจนฉี่จะออก

หลังจากที่หลวงพ่อและคณะได้เยี่ยมให้กำลังใจกับทหารตามหน่วยต่าง ๆ แล้วก็กลับไปกทม. และจากนั้นอีกไม่กี่วัน พล.ต.ยุทธศิลป์ ก็สั่งทหารแค่หนึ่งกองร้อยเข้าโจมตีที่มั่นของผกค.เป็นการหยั่งเชิง โดยมีตัวท่านเป็นผู้สั่งการอยู่ข้างบนเครื่องบิน ผลปรากฏว่าดีมากเกินคาดหมาย แต่มีรายงานจากวิทยุว่ามี ทหารเสียชีวิต ๑ นาย ท่านเกิดสงสัยว่ามันตายได้อย่างไร เพราะท่านมั่นใจว่า ทหารของท่านต้องไม่มีใครตาย ท่านให้แค่บาดเจ็บเท่านั้น

จึงสั่งลงมาจากเครื่องบินให้ค้นตัวทหารที่ตายว่า พบอะไรติดตัวบ้าง โดยเฉพาะผ้ายันต์แดง ธงมหาพิชัยสงคราม ทหารก็รายงานว่าไม่พบผ้ายันต์แดงเลยในตัว ท่านรู้สึกผิดหวังมากที่เขาไม่พกเอาผ้ายันต์แดงแดงไปด้วยทั้ง ๆ ที่สั่งแล้ว เมื่อถอนตัวกลับฐานทัพ ก็สอบข้อเท็จจริงเรื่องพลทหารที่ตายว่าชื่ออะไร อยู่หน่วยไหน ทำไมจึงไม่มีผ้ายันต์สีแดง ก็พบว่าเป็นทหารที่เพิ่งย้ายกลับเข้ามาเมื่อวานนี้เอง จากหน่วยทหารราชบุรี (อ.ปากห่อ) ท่านจึงถึงบางอ้อ

วันที่ สอง ท่านเพิ่มหน่วยจู่โจมเป็นสองกองร้อย ผลปรากฏว่ามีตาย ๒ คน และก็มีสาเหตุจากไม่มีผ้ายันต์แดงติดตัวเช่นกัน เพราะเพิ่งย้ายเข้ามาจากหน่วยอื่นความลับไม่มีในโลกทั่วทั้งกองทัพรู้ข่าวรู้อิทธิปาฏิหาริย์ของผ้ายันต์ธงมหาพิชัยสงครามกันหมด ผลก็คือ ทหารทุกคนที่ไม่มีผ้ายันต์ สีแดง จะไม่ยอมออกโจมตีในวันต่อไป จึงเดือดร้อนถึงท่านรองแม่ทัพ ดังนั้น เพื่อขวัญและกำลังใจของลูกน้อง ท่านรองจึงต้องบินมาหาหลวงพ่อในคืนนั้นเพื่อขอผ้ายันต์แดงไปแจกลูกน้องให้ครบทุกคน

วันที่ ๓ ทุกคนมีขวัญและกำลังใจเต็ม ๑๐๐% ใช้กำลังเป็น ๓ กองร้อย ปรากฏผลว่าสามารถยึดฐานใหญ่และฐานย่อยของภูพานได้ทั้งหมดชนิดที่ผกค. ขวัญกระเจิงไม่ยอมสู้ด้วย เพราะวันที่ ๓ นี้ทหารทุกคนถือปืนวิ่งเข้ายึดฐานโดยไม่มีใครยอมหมอบ หรือวิ่งเข้าหาที่กำบังเหมือน ๒ วันแรก ทุกคนดาหน้าเข้ายึดเอาดื้อ ๆ โดยไม่กลัว ไม่ยอมหลบลูกปืนสักคน จึงยึดได้ด้วยเวลาอันสั้น และไม่มีใครเสียชีวิตเลย

ผมนึกภาพเอาเองนะครับว่า หากผมเป็นผกค. ผมก็คงต้องวิ่งหนีเอาตัวรอด เพราะยิงเท่าใดก็ไม่โดนตัว หรือโดนก็ไม่เข้าคงดาหน้าเข้ามาเต็มไปหมด เหมือนกับยิงทหารที่ทำจากหุ่น (เหมือนในสมัยขุนแผน ท่านเป็นแม่ทัพเสกหุ่นให้เป็นทหารรบที่ไหนก็ชนะหมด) พอหลวงพ่อท่านทราบข่าวจากท่านรองแม่ทัพ ท่านพร้อมคณะไปเยี่ยมทหารหน่วยนั้นในวันต่อมา

หลังจากได้คุยกับทหารหน่วยพิเศษนี้แล้ว ผมพอจะสรุปผลย่อ ๆ ได้ดังนี้
๑. ขณะที่ฝ่าย ผกค.ยิงปืนเข้าใส่พวกเรานั้น ส่วนใหญ่บอกว่าไม่โดนแต่เฉี่ยวหรือเฉียดตัวไป รู้สึกว่าลูกปืนมันวิ่งมาเต็มไปหมด แต่ไม่ยักโดนตัว
๒. บางคนบอกว่า บางครั้งก็โดน แต่ไม่เข้า ไม่รู้สึกเจ็บ มีความรู้สึกคล้าย ๆ มีแมลงหรือผึ้งบินมาชนตัวเท่านั้น
๓. มีอยู่ ๑ ราย ที่เล่าว่าขณะที่เดินไปบ้าง วิ่งไปบ้าง ยิ่งปืนใส่ข้าศึกบ้าง รู้สึกหิวจึงเอามือล้วงมาม่า (เส้นหมี่) กินไปด้วย แต่แปลกใจว่าทำไมมาม่ามันถึงแข็งและเหนี่ยวนัก เลยคายออกมาจากปากดู ปรากฏว่ามันไม่ใช่มาม่า แต่เป็นลูกปืนที่ข้าศึกยิงมาโดนตัวแต่ไม่เข้า ลูกกระสุนแบนเหมือนถูกบี้ แล้วจึงหล่นลงไปในกระเป๋าเสื้อที่มีมาม่าอยู่
๔. บางคนเล่าว่า ขณะวิ่งไปยิงไปนั้น บางครั้งก็มองเห็นข้าศึกที่ซุ่มอยู่ข้างทาง แต่มันไม่ยักยิง เห็นตามันค้างคล้ายกับหุ่นหรือคนตกใจ ข้อนี้ขออนุญาตวิจารณ์ว่าคงเป็นอานุภาพของผ้ายันต์แดง ทำให้เกิดอาการ “ นะจังงัง ” ขึ้น หรือเพราะมันตกใจจริง ๆ ที่ไม่เคยเห็นคนที่ไม่ยอมหลบลูกปืน จึงมีสภาพคล้ายเห็นผี แล้วตกใจตาค้าง
๕. เรายึดได้ฐานใหญ่มาก จนไม่น่าเชื่อ เพราะฐานนี้มีทั้งร.พ.และเวชภัณฑ์มากมาย มีโรงพละศึกษา, สนามบาส, โรงครัวขนาดใหญ่พร้อมเสบียงกินได้เป็นปี, อาวุธมากมาย, เครื่องปั่นไฟและน้ำมัน โดยเฉพาะราวตากผ้า ท่านรองแม่ทัพบอกว่าต้องใส่รถ ๑๐ ล้อทั้งคันอาจจะขนไม่หมด แสดงว่ามันมีกำลังพลไม่ใช่น้อยเกินกว่าที่เราคาดคะเนไว้อีก และมีการทดน้ำไว้ใช้ด้วย แสดงว่าเขาอยู่มานานหลายปี
๖. เนื่องจากเราใช้กำลังพลน้อยแค่ ๓ กองร้อย หากจะยึดพื้นที่ไว้ก็เสี่ยงเกินไปเพราะตอนกลางคืน มันอาจหวนกลับมาใหม่ก็ได้ จึงสั่งทำลายและเผาให้หมด สำหรับผมคิดเอาเองว่าหากผมเป็นผกค. ก็ไม่ขอยอมหันหลังกลับมาตียึดคืนแน่ ๆ เพราะเข็ดไปจนตาย จะไม่ขอพบทหารผี (ทหารหุ่น) เหล่านี้อีก
๗. เป็นจริงตามคาดหมาย เพราะตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นตันมา ผกค.ก็หายซ่าไปเลย

เรื่องของหลวงพ่อท่าน ยังมีอีกมาก ยากที่ผมจะเล่าให้ฟังหมดได้ และโดยธรรมแล้ว อะไรก็ตามที่มันมากเกินไป ผลมันแทนที่จะมากตามส่วนกลับไม่ได้ผลหรือกลับเป็นผลเสีย เช่น ยาทุกชนิด หากใช้เกินขนาดล้วนเป็นโทษแก่ผู้ใช้ทั้งสิ้น ร่างกายของคนก็เช่นกัน หากส่วนใดเจริญมากไป ก็กลายเป็นมะเร็ง สมจริงตามคำสอนของพระพุทธองค์ที่ตรัสไว้ใน “ปฐมเทศนา” ความว่าอย่าตึงไป (เครียดเกินไป) อย่าหย่อนไป (อยากมากเกินไป,ขี้เกียจมากไป) จะไม่มีผล ให้เดินสายกลาง ผมจึงต้องขอจบเรื่องไว้อีกตอนหนึ่งเพียงแค่นี้ แต่ก่อนจะจบขอสรุป เรื่องผ้ายันต์แดงธงมหาพิชัยสงคราม ไว้เพื่อเตือนความจำไว้ดังนี้
๑. ความศักดิ์สิทธิ์ ของธงมหาพิชัยสงครามมีมากมาย เขียนอีก ๒-๓ ตอนก็ไม่จบ ที่เล่าให้ฟังนี้เป็นเพียงตัวอย่างบางเรื่องเท่านั้น
๒.ผู้นำไปใช้ หากนำไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น เป็นโจร-ปล้น-ฆ่าเขา-โขโมยเขา ธงนี้ไม่คุ้มครอง ซ้ำยังให้ผลร้ายกับผู้นั้นด้วย หากถูกยิง ลูกปืนจะเข้าแสกหน้าทะลุท้ายทอยทุกราย
๓. ธงมหาพิชัยสงคราม ไม่ใช่ ไสยศาสตร์ แต่เป็นพุทธศาสตร์ จึงไม่เสื่อม (หากใช้ในทางที่ดี)
๔. เวลาทำ พิธีพุทธาภิเษกนั้น ธงแดงมหาพิชัยสงคราม กับ ผ้ายันต์เกราะเพชรซึ่งมีรูปหลวงพ่อปาน และ รูปยันต์เกราะเพชรนั้น ทำเหมือนกัน มีคุณภาพเหมือนกัน ทุกประการ ใช้แทนกันได้
๕. เรื่องป้องกัน หรือบรรเทาอุบัติเหตุ ไฟไหม้บ้าน พายุใหญ่ หรือวาตภัย มีผู้เล่าให้ฟังเสมอว่ามีผลดีอย่างอัศจรรย์ ส่วนเรื่องอื่นๆ ต้องอธิษฐานขอ และผลขึ้นอยู่กับความมั่นคงของจิตของแต่ละคนด้วย


ข้อมูลเพิ่มเติม 3 - 01 มิ.ย. 2560 - 16:41:11 น.

เครดิตข้อมูลที่มาจากเวปวัดท่าขนุน

วัตถุมงคลของหลวงพ่อที่อาตมาประจักษ์ชัดในอานุภาพมากที่สุด เชื่อมั่นติดตัวเป็นที่พึ่งสุดท้ายในยามคับขันตลอดมา คือธงมหาพิชัยสงคราม ด้วยธงเล็ก ๆ ผืนเดียวนี่แหละ ที่ช่วยอาตมารอดจากการบอมบ์ด้วยปืนใหญ่ อย่างไม่ลืมหูลืมตาของฝ่ายตรงข้ามมาแล้ว ทั้งยังรอดจากจรวดอาร์พีจี และกระสุนปืนที่ระดมมาเป็นห่าฝนยิ่งกว่าปาฏิหาริย์...!

ธงมหาพิชัยสงครามนั้นสร้างขึ้นตามตำราพระร่วง เป็นธงนำทัพในสมัยนั้น กว่าจะเขียนเสร็จกว่าจะปลุกเสกเป็นที่เรียบร้อย ก็กินเวลาเป็นเดือน ๆ แต่มีอานุภาพคุ้มกับความเหนื่อยยาก ผืนเดียวคุ้มกันได้ทั้งกองทัพ ตามตำรากล่าวว่า เพียงถือด้ามธงเข้าไปในป่า รับรองว่าไม่อดตาย ป้องกันอันตรายและเสนียดจัญไรทุกชนิด ซ้ำยังดึงดูดแต่สิ่งที่ดีมีมงคลเข้ามาสู่ผู้ใช้อีกด้วย ให้มีแต่ความสุขความเจริญทุกประการ... หลังจากอาจารย์แจง ชาวสวรรคโลกตาย หลวงพ่อก็ไปขอตำราพระร่วงที่ท่านยืมไปจากหลวงปู่ปานคืนมา เปิดดูแล้วชอบยันต์มหาพิชัยสงครามที่สุด แต่วิธีทำตามที่ระบุในตำรา มันช่างยากเย็นเหลือประมาณ นิสัยของหลวงพ่อนั้น ถ้าอะไรมันยากก็ไม่เอาซะเลยหมดเรื่อง...! จึงปล่อยทิ้งคาตำราไว้อย่างนั้นเอง...

คืนหนึ่ง...ปรากฏท้าวมหาพรหมองค์หนึ่ง เสด็จมาหาหลวงพ่อบอกว่า หลวงพ่อเป็นเชื้อสายสุดท้ายของพระร่วง ขอให้ช่วยทำธงมหาพิชัยสงครามขึ้นมา ของวิเศษชิ้นนี้จะได้ไม่สูญหายไปจากโลก ถ้าผิดจากหลวงพ่อแล้ว คนอื่นเอาไปทำเท่าใดก็ไม่เป็นผล เพราะไม่ใช่เชื้อสายกัน หลวงพ่อท่านปฏิเสธไม่ขอทำ บอกว่า “มันยาก”... ท่านท้าวมหาพรหมพยายามขอร้องให้หลวงพ่อทำให้ได้ ต่อรองกันจนในที่สุดท่านขอแค่ว่า ถ้ากลัวเขียนยากก็ให้ลูกศิษย์ไปจ้างเขาพิมพ์มา แล้วตั้งเครื่องบวงสรวงไว้ ท่านจะเสด็จมาทำพิธีให้เอง...! เป็นอันว่าตกลงตามนี้ หลังเสร็จพิธีท่านบอกว่า “ลง” ให้หนักที่สุด อย่าให้ใครเอาไปทดลองปลุก จะทานอานุภาพไม่ไหว ถึงตายเอาง่าย ๆ ....!

ระยะแรกหลวงพ่อท่านแจกให้เฉพาะทหาร และต้องเป็นทหารที่อยู่แนวหน้าเท่านั้น อานุภาพประจักษ์ชัดเป็นที่เลื่องลือ ขนาดรถจิ๊ปโดนกับระเบิดแหลกราญหมดทั้งคัน ยังลุกขึ้นมายิงกับฝ่ายตรงข้ามได้หน้าตาเฉย ตกอยู่ในวงล้อมชนิดหนึ่งต่อร้อยยังฝ่าออกมาได้ ชนิดที่กลับถึงฐานเพื่อนเผ่นกระเจิง...นึกว่าผีหลอกเพราะจำหน่ายว่าตายไปแล้ว...! อาตมาขึ้นชายแดนคราวนั้น สิ่งเดียวที่ติดกระเป๋าไปคือธงมหาพิชัยสงครามที่รับมาจากหลวงพ่อ ภารกิจหลักอย่างหนึ่งของอาตมาคือ ๒-๓ วันต้องเข้าไปอรัญประเทศ เพื่อซื้ออาหารสดมาเลี้ยงกำลังพล ระยะทาง ๕๐ กิโลเมตร มีโจรเขมรดักปล้นทุกวัน ออกไปลำบากยากเข็ญขนาดนั้น แต่เพื่อขวัญและกำลังใจของเพื่อน ๆ ก็ต้องยอมเสี่ยงเอา...

รถขนเสบียงนั้น จ่าสิบเอกสมชัย สะอิ้งทอง รับมาจากตอนยานยนต์ มีธงมหาพิชัยสงครามติดอยู่ด้วย เก่าแก่จนแทบจะกลายเป็นสีขาว ไม่ทราบว่าใครเอามาติดไว้ตั้งแต่เมื่อไร วันเกิดเหตุนั้น อาตมากับลุงจ่าและเพื่อนทหารอีกหนึ่งนาย ออกไปรับเสบียงตามปกติ... ขาไปสะดวกราบรื่นดี ขากลับมาถึงทางช่วงสุดท้ายเลยบ้านนางามไปเล็กน้อย เป็นรอยต่อระหว่าง ร้อยร. ๙๑๐๒ กับ ร้อยร. ๙๑๐๓ ซึ่งเป็นเขตติดต่อระหว่างกองร้อยของอาตมากับกองร้อยข้างเคียง เสียงจรวดอาร์พีจีก็ลั่น...แ..ว้..ด...ด...!

จุดอ่อนของจรวดทำลายรถถังชนิดนี้คือ ขณะถูกส่งออกจากลำกล้องจะมีเสียงดังให้รู้ตัวชั่วเสี้ยววินาที จ่าสมชัยกระทืบเบรคทันที เสียงตูมสนั่นฝุ่นตลบ จรวดมหาประลัยตกห่างจากหน้ารถไม่ถึง ๑๐ เมตร แรงอัดระเบิดกระแทกทุกคนผงะหงายหลัง...! ถ้าไปด้วยความเร็วเดิมรับรองเละทั้งคัน...! ไม่ทราบว่าลุงจ่าแกเหยียบคลัชเปลี่ยนเกียร์อีท่าไหน รถทั้งคันกระโจนพรวดอย่างกับเหาะ พร้อม ๆ กับเสียงแ..ว้...ด ตูม สนั่นขึ้นอีกครั้ง ตรงที่รถเพิ่งกระโจนออกมากลายเป็นหลุมมหึมา แรงอัดอากาศกระแทกจนตับไตไส้พุงแทบขย้อนออกทางปาก...!

ยอดพลขับเหยียบคันเร่งจนมิด ยี.เอ็ม.ซี.คู่ใจทะยานแข่งกับเสียงจรวดที่ลั่นตามมาอีกอย่างจะไม่ให้รอดกันเลย แถมด้วยกระสุนปืนเล็กกลแตกกราวไล่หลังมา ผู้ที่รับไปเนื้อ ๆ คือ ป่าไผ่ข้างถนน ขาดระเนนระนาดด้วยฤทธิ์อาวุธสงครามนานาชนิด...!

สิงห์ทะเลทรายประจำกองร้อยของเราสวนออกมาเร็วทันใจดีเหลือเกิน เอ็ม.๖๐ผงาดร่าพ่นมัจจุราชหัวทองแดงเข้าหาฝ่ายตรงข้ามเป็นห่าฝน เท่านั้นเอง...ฟาดกันนัวไม่รู้ว่าใครเป็นใคร จนกองร้อยทหารพรานที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ ต้องยกกำลังมาเสริมทั้งกองร้อย...!

จ่าสิบเอกสมชัย สะอิ้งทอง กลายเป็นวีรบุรุษไปเลย แต่ลุงจ่าแกบอกอยู่คำเดียวว่า “ไม่ใช่ฝีมือผม...ผมทำแบบนั้นได้ซะเมื่อไหร่..เดชะบุญคุณพระคุ้มแท้ ๆ ....!” แต่ไม่มีใครฟังแกเลย ต่างคว้าพระที่คอของลุงจ่าไปดูกันเป็นการใหญ่ แต่สรุปไม่ได้ว่าองค์ไหนช่วย...!

อีกไม่กี่วันต่อมา หมู่ปืนเล็กลาดตระเวนของสิบเอกอภิชาติ อินต๊ะรัตน์ ไปถูกล้อมกรอบที่เนิน ๔๒... สิบเอกบุญยูร ทรัพย์อุปการ ตัดสินใจขับรถปาฏิหาริย์คันนี้ ลุยเข้าไปกลางวงล้อมช่วยพรรคพวกทั้งหมดออกมา ชนิดที่รถไม่ระคายเลยแม้เท่ารอยแมวข่วน...! ทุกคนอัศจรรย์ใจเหลือที่จะกล่าว รถคันเท่าบ้านเท่าตึก ฝ่ายตรงข้ามยิงไม่ถูกซักนัด...! มีเพียงพลทหารวรรณะ ใสรังกาบาดเจ็บที่ข้อเท้าคนเดียว...!

อานุภาพธงมหาพิชัยสงครามที่เด่นชัดที่สุดที่อาตมาพบ เกิดขึ้นเมื่อฝ่ายตรงข้ามถล่มกองร้อยของอาตมาด้วยปืนใหญ่ขนาด ๑๕๕ ม.ม.เสียงระเบิดปานฟ้าผ่าปลุกทุกคนขึ้นมาตอนใกล้รุ่ง อาตมากระโดดลงหลุม ปืนกลหนักขนาด ๑๒.๗ ม.ม.ระดมยิงสวนไปอย่างหูดับตับไหม้ หมู่ ค. ๘๑ เผ่นเข้าประจำที่ ส่งกระสุนตอบโต้อย่างกับเด็กหาญสู้ผู้ใหญ่...!

ตามปกติแล้วหมู่ปืนใหญ่ที่ชำนาญมาก ๆ ภายในสามวินาทีจะยิงได้ ๑ นัด อาตมาให้อย่างช้าหกวินาทีต่อนัดเลยเอ้า ...ปืนใหญ่ทั้งสามกระบอกรุมบอมบ์อยู่ ๑๕ นาที ๔๕๐ นัด...! มัจจุราชแตกอากาศ ที่รัศมีแห่งความตายของแต่ละนัดเท่ากับ ๕๐๐ เมตร ไม่ทราบว่าวิ่งชนกำแพงอะไร ตกอยู่แค่แถวหน้าฐานทั้งหมด กระทั่งข้ามฐานยังข้ามไม่ได้เลย...!

“ผืนเดียวคุ้มได้ทั้งฐาน” เสียงหลวงพ่อที่บอกขณะอาตมารับมอบธงจากท่านดังก้องขึ้นในใจ อาตมาขนลุกซู่ไปทั้งตัว สาธุ...พระเดชพระคุณคุณหลวงพ่อ ถ้าไม่ได้บารมีท่านช่วยคุ้มครอง ลูกคงตายไปหลายวาระแล้ว...!


 
ราคาปัจจุบัน :     9,500 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    Chanatuth (239)

 

Copyright ©G-PRA.COM
www1