(0)
ที่สุดแห่งตำนาน "มหาว่านยาสักล้านนา พญาปุริศาสตร์กินผี หนึ่งใน ๔ มหาอำมาตย์ของท้าวเวสสุวรรณ" อายุ 100 ปี +++องค์แชมป์งานสมาคม








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องที่สุดแห่งตำนาน "มหาว่านยาสักล้านนา พญาปุริศาสตร์กินผี หนึ่งใน ๔ มหาอำมาตย์ของท้าวเวสสุวรรณ" อายุ 100 ปี +++องค์แชมป์งานสมาคม
รายละเอียด+++รับประกันตามกฎ+++

รายการนี้เวปยังไม่ออกบัตรให้นะครับ แต่รับประกันตลอดชีพครับ

"มหาว่านยาสักล้านนา พญาปุริศาสตร์กินผี หนึ่งใน ๔ มหาอำมาตย์ของท้าวเวสสุวรรณ" อายุ 100 ปี ติดที่1 งานสมาคม ตนนี้เป็น "องค์ครู" ในการสร้างครั้งนึงจะได้ 30-40 ตน แต่จะมีลงรักปิดทองเป้นองค์บูชาเพียงองค์เดียว นับว่าสุดยอดหายากอย่างแท้จริง
จากพระเวทย์ดึกดำบรรพ์ว่าแต่ครั้งไตรเพทซึ่งว่าด้วยการตั้งโองการต่างๆ มีการว่ากล่าวถึงการกำเนิดเทพเจ้าเหล่าต่างๆตามลำดับชั้น ได้กล่าวถึง "พญาปุริศาสตร์" นั้นว่าเป็นหนึ่งใน ๔ มหาอำมาตย์ของท้าวเวสสุวรรณผู้เป็นเจ้าแห่งภูตผีปีศาจและยักษ์ทั้งปวง "พญาปุริศาสตร์" นั้นมีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อยดูแลพฤติกรรมของบริวารต่างๆ "พญาปุริศาสตร์" นั้นจะกินผีที่ไม่อยู่ในคำสั่งเป็นอาหาร ดังนั้นพวกภูตผีปีศาจจะเกรงกลัวพญาปุริศาสตร์มากเฉกเช่นเดียวกับท้าวเวสสุวรรณ คณาจารย์สมัยก่อนจึงสร้างเป็นรูปเคารพ, แผ่นยันต์, ผ้ายันต์ หรือหินชนวนไว้ให้ชาวบ้านติดตามบ้านเรือน ตามประตูทางเข้าหรือพกติดตัวไปในที่ห่างไกลทุรกันดารเพื่อขจัดปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายสิ่งไม่ดีต่างๆได้ หรือแขวนทางประตูหน้าและประตูหลังสำหรับบ้านที่มีคนป่วย เนื่องจากเชื่อว่าภูตผีปีศาจจะไม่มาซ้ำเติมโรคที่เป็นอยู่ให้หนักกว่าเดิม ทำให้คนป่วยมีโอกาสทำการเยียวยารักษาให้หายได้ในเร็ววัน ชิ้นนี้คาดว่าพระอาจารย์ผู้เรืองเวทย์ท่านได้สร้างไว้ให้ขจัดปัดเป่าทุกข์ภัยให้กับผู้ที่ครอบครองและบูชา

"มหาว่านยาโบราณล้านนา" หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า "ว่านยาสักล้านนา" ประก่อบว่านต่างๆ ที่มีอานุภาพทางด้านโชคลาภ เมตตามหานิยม ดีทางโภคทรัพย์ เป็นสิริมงคลต่อผู้ครอบครอง

... ถ้าจะกล่าวถึงการใช้ว่านในเมืองไทย "ว่านกับคนไทย" มีความผูกพันกันมาแต่โบราณกาลแล้ว ชาวสุวรรณภูมิ เชื่อถือเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ของพืชพันธ์บางชนิด ดังเช่นตำราว่านหลักของไทยเราเรียกว่า "กบิลว่าน" คำว่า "กบิลว่าน" นั้น น่าจะมีที่มามาจาก "ว่านของกบิลฤาษี" ว่านถูกนำมาใช้ในหลายรูปแบบด้วยกัน เช่นการอาบว่านยา ที่โด่งดังในเมืองไทยคือการ "อาบว่านยาในสายเขาอ้อ" ซึ่งมีกรรมวิธีที่ซับซ้อนมาก การนำว่านมาใช้อีกแบบคือการนำมาสัก เป็นวัฒนธรรมการสักของไทยใหญ่ล้านนา และลาว การนำว่านหรือยาไปใช้ของคนโบราณ อาจพกต้นสดหรือตากแห้ง หรือใช้กรรมวิธีอื่นในการถนอมยาเป็นต้นว่าทำการเคี่ยวหุงผสมเป็นสีผึ้ง หรือ แช่ในน้ำมัน แต่วิวัฒนาการขั้นสูงของมันคือการทำเป็น "ยาแท่ง" ดังเช่น "ยาสัก" ก็เป็นยาแท่งรูปแบบหนึ่งที่คณาจารย์รุ่นเก่าโบราณของล้านนา หรือฤาษี หรือว่าอาจจะเป็นหมอพระ พ่อหมอยาโบราณได้จัดทำไว้บ้างก็นำมาแกะเป็นรูปเคารพต่างๆ เช่นนำมาสร้างเป็นรูปพระพุทธ, ยักษ์, หรือเทพต่างๆ ในวรรณคดีแล้วลงรักลงชาดรักษาไว้ พกพาเป็นเครื่องรางของขลังแล้ว ยังมีลักษณะที่เก็บไว้ใช้เหมือน "ยาแท่ง" นับเป็นภูมิปัญญาในการเก็บรักษาว่านยา จึงไม่แปลกอะไรที่เราจะเห็นว่านยาสักที่เป็นรูปเคารพต่างๆ มีรอยบิ่นจากการฝน รอยคว้านแคะนำไปผสมหมึกสัก ฝนทา ฝนกิน เป็นยาสารพัดแก้ ส่วนของภาคกลางมีเช่นกัน คือ "ยาจินดามณี" ทางสายนครปฐมนั้นเองครับ

:: ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก "ร้านคุ้มเวียงแม" และ "ร้านบุราณแกลลอรี่" ใน ณ ที่นี้ด้วยครับ
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน7,500 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ100 บาท
วันเปิดประมูล - 18 เม.ย. 2561 - 12:10:58 น.
วันปิดประมูล - 22 เม.ย. 2561 - 17:07:43 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลNatchu (644)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 18 เม.ย. 2561 - 12:11:45 น.



เพิ่มเติม


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 18 เม.ย. 2561 - 12:12:22 น.



เพิ่มเติม


ข้อมูลเพิ่มเติม 3 - 18 เม.ย. 2561 - 12:12:54 น.



เพิ่มเติม


 
ราคาปัจจุบัน :     7,500 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     100 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    Teaker (1.3K)

 

Copyright ©G-PRA.COM
www1