(0)
พระกริ่งบาเก็งเนื้อชนวน กริ่งรุ่นแรกหลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน จ.อ่างทอง








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องพระกริ่งบาเก็งเนื้อชนวน กริ่งรุ่นแรกหลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน จ.อ่างทอง
รายละเอียดเนื้อชนวน , ตอกโค๊ด , จัดสร้างเมื่อปี 2547 พระกริ่งรุ่นแรก พระกริ่งบาเก็ง ออกเมื่องานกฐินปี 47 ครับ ผสมชนวนศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงปู่ท่านสั่งให้หามาใส่ และจ้าวน้ำเงิน พระกริ่งรุ่นนี้มีทั้งประสพการณ์ด้านคงกระพัน ส่งเสริมความเจริญก้าวหน้า และเมตตา มหานิยม ด้วยครับ เรียกว่าครบเครื่อง สภาพสวยผิวเดิมๆ

ประวัติ พระเดชพระคุณพระครูสุภัทรธรรมโสภณ (หลวงพ่อทรง ฉนฺทโสภี ) วัดศาลาดิน ( มอญ )


( โดยพระครู อุปถัมท์ธรรมรังสี วัดไผ่แหลม )


ประวัติ


เดิมชื่อ ทรง วารีรักษ์ เกิดวันอังคารที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2466 บิดาของท่านนามว่า จัน มารดานามว่า กอง วารีรักษ์ เกิดที่บ้านม่วงเตี้ย ตำบลม่วงเตี้ย อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง


หลวงพ่อเรียนจบชั้นประถมปีที่ 6 ที่โรงเรียนวัดยางมณี เมื่ออายุครบ 20 ปี ได้อุปสมบทที่วัดยางมณี เลขที่ ต.ม่วงเตี้ย อ.วิแศษชัยชาย จ.อ่างทองเมื่อวันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2486 เดือน 5 ปีมะแม


พระอธิการชวน (พระครูสุกิจวิชาญ) เป็นพระอุปัชฌาย์


พระอธิการสุวรรณ วัดไร่ เป็นพระกรรมวาจาจารย์


พระอธิการชั้ว วัดตูม เป็นพระอนุสาวนาจารย์


ตำแหน่งต่าง ๆ ในทางคณะสงฆ์
พ.ศ. 2513 ได้เป็นเจ้าอาวาสวัดศาลาดิน
พ.ศ. 2525 เป็นเจ้าคณะตำบลม่วงเตี้ย
พ.ศ. 2535 ได้รับพระราชทางเป็นพระครูสัญญบัตรชั้นโท ในราชทินนามที่ พระครูสุภัทรธรรมโสภณ
พ.ศ. 2547 เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะตำบลม่วงเตี้ย


ชีวะประวัติ ในวัยเยาว์หลวงพ่อเป็นคนใฝ่รู้ในด้านต่าง ๆ เสมอมา ช่วยบิดาทำมาหากินมาตลอด และมีจิตใจฝักใฝ่ในทางศาสนา ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนจนจบ ป.6 ในสมัยนั้น ซึ่งส่วนใหญ่จะจบแค่ ป. 4 จึงเป็นการเรียนจบที่สูงสามารถ เป็นครูสอนตามโรงเรียนได้ จนมาถึงวัยครบ 20 ปี หลวงพ่อก็ตั้งใจบวชทดแทนคุณมารดาบิดา แต่ในใจลึกของหลวงพ่อนั้น ตั้งใจศึกษาในด้านพระพุทธศาสนาอย่างจริงจัง ทั้งในด้านธรรมะ ด้านการสวดมนต์ ด้านพุทธาคมพระเวทย์ หลวงพ่อได้ศึกษาพิธีกรรมการปลุกเสกวัตถุมงคลที่จะทำให้เกิดความเข้มขลังแก่ผู้ที่ได้นำไปใช้ในทางสุจริต หลวงพ่อสวดพระปาฎิโมกข์ได้ ซึ่งเป็นบทที่สวดได้ยาก ผู้ที่สวดได้จะต้องเป็นผู้มีบุญญาธิการเพราะต้องนั่งสวดให้พระฟัง จะเป็นพระผู้ใหญ่ระดับใดก็ต้องนั่งต่ำกว่า ถ้าไม่มีบุญกุศลแล้วจะทำให้ผู้สวดต้องมีอันเป็นไปต่าง ๆ เช่น สึกหาลาเพศ สติวิปลาสได้


หลวงพ่อได้ศึกษาวิทยาคมกับหลวงพ่อดัง ๆ ในยุคนั้น หลายรูปด้วยกัน เช่น การทำเบี้ยแก้ หลวงพ่อได้ศึกษาจากตำราที่สืบทอดของหลวงพ่อพัก วัดโบสถ์ จอมขมังเวทย์ ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการทำเบี้ยแก้เป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นที่ต้องการหาเช่ากันในปัจจุบันหลวงพ่อได้ศึกษาและเรียนเคล็ดวิชามาเป็นอย่างดีทำให้หลวงพ่อทรงมีความเชี่ยวชาญในการทำเบี้ยแก้ เพราะการทำเบี้ยนั้นไม่ใช่ทำกันง่ายต้องมีกรรมวีธีหลายอย่าง และต้องไปตามหลักวิชาที่ถูกต้องตามโบราณ ส่วนราคาก็สูง ถึงแม้จะเป็นของใหม่ก็ตาม ทำให้คิดได้ว่าราคาจะสูงขึ้นไปอีกอย่างไม่ต้องสงสัย


หลวงพ่อยังได้ศึกษาจากพระอุปัชฌาย์คือ พระครูสุกิจวิชาญ(หลวงพ่อชวน) ที่มีความเชี่ยวชาญการทำเชือกกล้วยคาดเอว ซึ่งเป็นที่เรื่องลือในแถวบ้านย่านนั้น เรื่องไฟไม่ไหม้


ศึกษาจากพระอธิการชั้ว วัดตูม ซึ่งเป็นพระอนุสาวนาจารย์ของหลวงพ่อ เพราะพระอธิการชั้วก็จัดว่ามีความรู้ในวิชาอาคมองค์หนึ่งในพื้นที่ หลวงพ่อก็ได้รับประสิทธิ์ประสาทสรรพวิชาต่าง ๆ


ศึกษาหลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน ( ศิษย์หลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ) และหลวงปู่คำ วัดโพธิ์ปล้ำ ที่เป็นเกจิอาจารย์ในอดีตที่ได้สร้างวัตถุมงคลเป็นที่ยอมรับกันในวงการพระเครื่องทั่วไป ซึ่งหลวงพ่อทั้งสององค์คือหลวงพ่อนุ่มและหลวงปู่คำ จะเชี่ยวชาญเรื่องการทำวัตถุมงคลเป็นอย่างมาก เช่น เบี้ยแก้ เหรียญ และอื่น ๆ ผู้ที่ได้รับวัตถุมงคลของท่านแล้วจะเป็นผู้ที่แคล้วคลาดในภยันอันตรายต่าง ๆ หลวงพ่อก็ได้มีโอกาสศึกษาและได้รับคำแนะนำ


และหลวงพ่อยังได้ศึกษาจากฆราวาสที่เก่งในด้านอาคม เวทมนต์ คาถา ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในแถวย่านบ้านนั้น คือ หมอฟู และหมอเปรี้ยว ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันว่าเป็นที่พึ่งของคนชาวบ้านที่ได้รับความเดือนร้อนโดยประการต่าง ๆ เช่น เรื่องโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้ยินมาว่าฆราวาสที่มีอาคมขนาดนอนกลางวันยังต้องลงมุ้งเพราะกลัวโดนของที่มีผู้ที่มีเวทมนต์ทำแล้วปล่อยมา เมื่อมาโดนเข้าแล้วอาจได้รับอันตรายได้ ซึ่งหลวงพ่อก็ได้รับความรู้ที่แตกฉานในวิชาอาคมต่าง ๆ เป็นอย่างดี


และในภายหลังหลวงพ่อก็ได้นำสรรพวิชาความรู้ที่ได้ศึกษามาจากครูบาอาจารย์ต่าง ๆ เพื่อสร้างวัตถุมงคลในการที่จะเกิดประโยชน์สูงสุดกับผู้ที่บูชา ฉะนั้นวัตถุมงคลของหลวงพ่อจึงมากด้วยพลานุภาพและมีผู้เสาะแสวงหากันเป็นอย่างมากและที่เห็นได้อย่างชัดเจนคือ ความที่หลวงพ่อเป็นพระที่สมถะ ความเป็นอยู่ของหลวงพ่อจัดว่าอยู่แบบเรียบง่าย มีจิตใจที่เปี่ยมล้นไปด้วยเมตตาเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งผู้ที่ได้เข้าใกล้หลวงพ่อจะรับรู้ได้ แม้กระทั่งตอนอาพาธหลวงพ่อก็ยังเมตตาให้ลูกสิษย์ลูกหาได้พบตลอด ไม่เลือกที่รักมักที่ชัง ว่าจะ เป็นคนที่ร่ำรวยหรือคนยากจนก็ตามในการที่หลวงพ่อเป็นอุปัชฌาย์ที่มีหน้าที่ต้องบวชของกุลบุตรที่มีวัยครบ 20 ขึ้นปี หลวงพ่อทรงจัดว่ามีผู้ที่ต้องการให้ไปเป็นอุปัชฌาย์มากที่สุด บวชกุลบุตรในจังหวัดอ่างทองและจังหวัดใกล้เคียง จนแทบไม่มีวันหยุดพัก จึงถือได้ว่าหลวงพ่อเกิดมาเพื่ออนุเคราะห์ให้กับคนทั้งหลายอย่างแท้จริง


เปรียบเสมือนเทพเจ้าที่มีแต่คำว่าให้เสมอมา ความเป็นจริงหลวงพ่อนั้นเป็นที่เลื่องลือมานานมาก แต่หลวงพ่อก็ยังถือวัตรปฏิบัติในสมณสารูปอย่างเคร่งครัดไม่เคยเปลี่ยนแปลง ก็ยังเป็นที่พึ่งของคนทั่วไปได้เสมอ จะเห็นได้จากองค์ฟ้าหญิงอุบลรัตน์ฯ ได้เสด็จมาหาหลวงพ่อที่วัด และยังคนที่มีชื่อเสียงมากมายที่เข้ามาสักการะองค์หลวงพ่อ ให้หลวงพ่อได้ช่วยเพื่อช่วยให้มีชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจ เพื่อปรึกษาสนทนาธรรมและเพื่อความเป็นศิริมงคลแก่ชีวิตและด้วยที่หลวงพ่อได้เป็นผู้ให้กับคนมากมาย


บางครั้งแทบจะไม่ค่อยได้พักผ่อนอย่างพอเพียงกับผู้ที่มีอายุมากขึ้น ความตรากตรำนั้นทำให้สุขภาพทรุดโทรมและในท้ายที่สุดหลวงพ่อก็ได้มรณภาพด้วยอาการอันสงบ ก่อนที่หลวงพ่อจะมรณภาพ ( พระครูอุปฯ )ได้เคยไปเยี่ยมอาการอาพาธของหลวงพ่อหลวงพ่อมีสีหน้าที่สดใส ไม่มีอาการหวั่นไหวในมรณะภัย และยังสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาไม่ให้เสียใจในการที่ต้องจากไปให้มีความสมัครสมานและสามัคคีกัน จึงถือได้ว่าหลวงพ่อเป็นที่พึ่งของคนทั้งหลายอย่างแท้จริง หลวงพ่อทรง วัดศาลาดิน(มอญ) เป็นเกจิอาจารย์เรืองเวทย์เพียงหนึ่งเดียวของจังหวัดอ่างทอง
วัตถุมงคลของท่านนั้นได้ทำหลายอย่าง แต่ละอย่างเป็นที่ศรัทธาเสาะหาของประชาชนทั่วไป แต่ที่มีความเข้มขลังที่สุด ได้แก่ เหรียญรุ่นแรกหรือที่เรียกกันว่า “เหรียญบิน” เนื้ออัลปากร้า ในปี พ.ศ.2513 และ เบี้ยแก้ซึ่งเป็นเครื่องรางอันมหัศจรรย์ยิ่งที่บุคคลใดมีไว้แล้วจะมีความปลอดภัยแคล้วคลาดเมตตามหานิยม


หลวงพ่อได้มรณะภาพเมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2550 ด้วยอาการอันสงบเวลา 22.50 น. สิริอายุ 83 ปี 8 เดือน 64 พรรษา


ผมยกมาไม่ได้ดัดแปลงข้อความอะไรเลย ขยายความนิดเดียว ท่านพระครูบอกว่าให้ผมดัดแปลงได้ แต่ดูๆแล้วภาษาไทยท่านดีกว่าผมเยอะ ผมอย่าไปยุ่งกับท่านจะดีกว่าจะเห็นว่าตามข้างบนนั่นท่านมีอาจารย์ตามลำดับเป็นอย่างนี้


๑) สายหลวงพ่อพัก วัดโบถส์ อันนี้ยืนยันอีกท่าน ว่าหลวงพ่อไม่ทัน หลวงพ่อพัก แต่ได้ตำรามา อันนี้ผมไปสืบอีกสายคือสาย เบ็นอยุธยา เบ็นแนะนำว่าท่านอาจจะศึกษามาจาก หลวงพ่อผ่อน วัดขุมทอง ซึ่งเป็นบุตรบุญธรรมของหลวงพ่อพัก หลวงพ่อเคยบอกผมเองว่า รู้จักคนมีตำราหลวงพ่อพักอยู่ที่โพธิ์ทอง แต่ตายไปซ่ะก่อน เลยติดตามไม่ได้ไม่งั้นผมคงได้เห็นตำราหลวงพ่อพักได้ถ่ายรูปมาอวด


๒) หลวงพ่อ ชวน วัดยางมณึ วัดดั้งเดิมของท่านตอนบวช องค์นี้เก่งมากครับ เขาซื้อตะกรุดโทนเนื้อทองแดงของท่านกัน ถ้าไม่แน่ใจจะตกลงกันว่า เอาไปลองยิง ถ้ายิงไม่ออกก้เป็นตะกรุดหลวงพ่อชวนครับ เรียกว่ามั่นใจถึงขนาดนั้น


๓) หลวงพ่อ ชั้ว วัดตูม (องค์นี้ผมไม่มีข้อมูลท่านเลย จะพยายามหามาน่ะครับ ให้ บันทึกนี้สมบูรณ์ในอรรถรส ให้เห็นภาพของหลวงพ่อทรงที่เรามองไม่เห็น)


๔) หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน ถ้าหลวงพ่อทรงได้วิชาหลวงพ่อเดิมน่าจะมาจากท่านนี้ หลวงพ่อนุ่มเป็นพระอุปัฌาย์ และพระ อาจารย์ของหลวงพ่อ มี วัดม่วงคัน สหธรรมมิก สนิทมากของท่านอีกองค์ ยันต์หลังเหรียญบินของท่าน ก็ ก็อบมาจากยันต์หลังเหรียญของหลวงพ่อนุ่มครับ


๕) หลวงพ่อคำ วัดโพธิ์ปล้ำ องค์นี้เป็นปรมาจารย์ทางเบี้ยแก้ สายอ่างทอง ท่านหนึ่ง ไม่เป็นรองใคร เบี้ยมีเอกลักษณ์ เล่นหาได้ มีหลายขนาด มีประสบการณ์ ถ้าเล่ากัน บันทึกได้หลายเล่ม ผมพึ่งฟัง รุ่นน้องเล่าให้ฟังว่า ไปหาของตามบ้านในวิเศษฯ เจอบ้านหนึ่งมีเบี้ย คนสามีเล่าให้ฟังว่า เมียแกฆ่าตัวตาย โดยปืนลูกซอง (คงจะเอาปืนจอคางแล้วเอานิ้วกระดิกไก) ปรากฎว่าแชะๆครับ นึกขึ้นได้ แกมีเบี้ยหลวงพ่อคำอยู่ในตัว พอเอาเบี้ยออก เปรี้ยง ดับครับ เรื่องแบบนี้คงไม่มีใครโกหกมาเล่าน่ะครับ พยานยังมีอยู่ เบี้ยหลวงพ่อคำค่อนข้างมีราคา และปริมาณเยอะพอหาได้ แต่หาแท้ๆยากน่ะครับ ที่เล่นกันน่ะ .....สะรู้ตู้ครับ


๖) อาจารย์ฆราวาส หมอฟู


๗) อาจารย์ฆราวาส หมอเปรี้ยว อาจารย์ฆราวาส หมอฟู กับหมอเปรี้ยวนี้ เป็นศิษย์ ของ หมอน้อย ฆราวาสผู้วิเศษ ( ท่านนี้เก่งจริงๆ ) ของวิเศษชัยชาญ มีท่านหนึ่ง เป็นเขยของ อาจารย์หมอน้อย แต่ผมจำไม่ได้แล้วว่าท่านไหน อันนี้เป็นข้อสรุปของหลวงพี่พระครู อุปถัมท์ธรรมรังสี ส่วนอาจารย์องค์อื่นท่านไม่ทราบ จากที่ผมศึกษามาน่าจะมี


๘) หลวงพ่อมุ่ย วัดดอนไร่ องค์นี้สรรพคุณเกินกว่าคำที่จะหามาบรรยาย อันนี้ในมุมมองท่านพระครู หลวงพ่อมุ่ยน่าจะเป็นสหธรรมิกรุ่นพี่ ที่นับถือกันมากกว่า ผมเอาตามท่านว่าก็แล้วกัน เป็นเด็กอย่าไปอวดรู้ผู้ใหญ่ แต่หลวงพ่อทรงบอกผมเองว่า ไปหาบ่อยมาก เหมือนผมไปหาหลวงพ่อทรง เรียกว่า ว่างก็ไป การไปหาบ่อยๆ แล้วมานั่งมองหน้ากันคงไม่น่าใช่ หลวงพ่อมุ่ยท่านคงเอ็นดูพระหนุ่มใหญ่องค์นี้มากพอสมควร เพราะขนาดสร้างเหรียญบินรุ่นแรก ท่านก็มานั่งเป็นประธานให้ หลวงพ่อทรงก็ใฝ่รู้วิชา หลวงพ่อมุ่ยน่าจะแนะนำ"อะไร "มาให้บ้าง อันนี้ผมเคยกราบเรียนถามหลวงพ่อทรงตรงๆว่า หลวงพ่อเรียนอะไรมาจากหลวงพ่อมุ่ยบ้างครับ ท่านว่าแอบเรียนมาบ้าง


๙) หลวงพ่อซวง วัดชีปะขาว องค์นี้เป็นอาจารย์หลวงพ่อเกรียงวัดวังน้ำเย็น เพื่อนสนิทท่าน ทั้ง สามองค์ คือ หลวงพ่อ เกรียง หลวงพ่อทรง หลวงพ่อมี เคยถีบจักรยาน ไปเที่ยวกันไกลๆ ข้ามจังหวัดยังมี สมัยยังหนุ่มโดยนัดมาเจอกัน การถีบไปเที่ยวกันเฉยๆ คงไม่ใช่ แต่ไปเรียนวิชากันมากกว่า เพราะแต่ล่ะท่าน อาคมขลังทั้งนั้น อาจารย์องค์หนึ่งที่น่าจะไปหาคือหลวงพ่อ ซวง นี่เอง


๑๐) หลวงพ่อ ภู (หรือ พู ) วัดดอนรัก หลวงพ่อทรงมีรูปหลวงพ่อพู ใส่กรอบติดที่หัวนอนของท่าน ในที่พักส่วนตัวท่านที่บ้านหลาน คนไม่รัก ไม่นับถือกันคงเอารูปมาไว้หัวนอนน่ะครับ หลวงพ่อพู นี้ ท่านที่เล่นตะกรุดควรทราบว่า ตะกรุดของท่านคือสุดยอดตะกรุดของสยามประเทศดอกหนึ่ง ไม่เป็นรองใครในแผ่นดินไทยนี้เด็ดขาด พกใส่กระเป๋ากางเกงได้ คาดเอวได้ มีทั้งโทนและ คาดเอว เป็นสุดยอดของปรมาจารย์ของอ่างทองท่านหนึ่ง ในยุคหนึ่ง ทั้งตำรวจ ทั้งมือปืน ในอ่างทองต่างคาดตระกรุดของหลวงพ่อพู เพราะประสบการณ์ฉกาจฉกรรณ์มาก อันนี้เขาบอกผมมา หลวงพ่อทรงท่านก็ ดำเนินรอยตามมาในการทำตะกรุด โดย ตะกรุดเอกของท่านก็คือ ตะกรุดมหาจักร และ เทพรัญจวน


๑๑) หลวงพ่อวัดปากน้ำ อาจารย์อีกองค์ของหลวงพ่อเกรียง อันนี้หลวงพ่อเกรียงท่านบอกผมเอง ว่าไปเรียนกับหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตอนผมไปขอตะกรุดท่านกับเพื่อน (ตอนนั้นผมไปหาท่านที่วัด วังน้ำเย็น ประมาณ พ.ศ. ๒๕๓๒/๓๔ เสียดายที่ไม่ได้คุยท่านละเอียด และถามท่านถึงหลวงพ่อทรง ไม่งั้นผมคงเจอหลวงพ่อทรงมาก่อนหน้านี้หลายปี ) หลวงพ่อวัดปากน้ำมีบารมีมากขนาดไหน หลวงพ่อเกรียงไปเจออะไรดีๆ คงมาบอกเพื่อนมั่ง นอกจากนั้น หลวงพ่อวัดปากน้ำยังเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อผาด วัดไร่ ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่อทรง เมื่อออกจากวัดยางมณี ก็ไปจำพรรษาอยู่กับหลวงพ่อผาด ถึงประมาณ ๖ ปี ซึ่งหลวงพ่อผาดก็เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อวัดปากน้ำเหมือนกัน มีรูปหล่อขนาดเท่าองค์จริงของหลวงพ่อวัดปากน้ำ ตั้งบูชาตรงที่ๆท่านรับแขก หลวงพ่อทรงน่าจะศึกษามาด้านนี้บ้าง แต่ศึกษาแบบเสือ ซ่อนเล็บ ไม่คุย ไม่อวด ทำให้พลังจิตท่านสูงยิ่ง


ผมจบประวัติของหลวงพ่อทรงอย่างคร่าวๆ น่ะครับ ท่านอาจจะมองเห็นว่า หลวงพ่อไม่ได้ไปศึกษา วิทยาคมที่ไหนไกลๆ แบบธุดงค์ไป หรือ ไปหาอาจารย์ไกลๆแบบที่เขาเขียนกัน ( เช่นไปหาหลวงพ่อเดิมถึงวัดหนองโพ ) เพราะคณาจารย์แถวอ่างทองลุ่มแม่น้ำน้อย ยุคนั้น เก่งจริงๆ ไม่ว่าพระหรือ ฆราวาส สืบเชื้อสายวิชาของลูกวิเศษชัยชาญ มาตั้งแต่ยุครบกับพม่า เช่นหลวงพ่อพัก วัดโบถส์ หลวงพ่อ นุ่ม วัดนางใน หลวงพ่อ หรุ่ม วัดบางจักร หลวงพ่อพู วัดดอนรัก หลวงพ่อผ่อนวัดขุมทอง ( บุตรบุญธรรมหลวงพ่อพัก ) หลวงพ่อ ชวน วัดยางมณี หลวงพ่อชั้ว วัดตูม หลวงพ่อกลุ่ม วัดฝาง(องค์นี้ก็อิทธิฤทธิ์ สุดยอด มีคนจัดให้เป็นเบอร์หนึ่งด้านอิทธิฤทธิ์ ของวิเศษฯที่เดียว ท่านเป็นศิษย์หลวงพ่อวัดมะขามเฒ่า และเรียนมาอีก ร้อยกว่าอาจารย์!!!! ) หลวงพ่อกร่าย วัดโพธิ์ศรี ฯลฯ ยังมีที่ดังเงียบๆอีกน่ะครับ นอกนั้นยังมีจังหวัดข้างเคียง เช่น สุพรรณบุรี ( หลวงพ่อมุ่ย ) และสิงห์บุรี ( หลวงพ่อซวง ) แสดงให้เห็นว่า หลวงพ่อไม่ต้องไปไหนไกล ถึง อิสาน หรือ เหนือ เพราะอาจารย์เก่งๆ รอบตัวเยอะ แค่ นั่งเรือ หรือ ถีบจักรยานไปก็เหลือเฟือแล้วที่จะศึกษาให้เก่งได้ครับ
ราคาเปิดประมูล2,000 บาท
ราคาปัจจุบัน2,500 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 17 พ.ค. 2561 - 15:44:40 น.
วันปิดประมูล - 25 พ.ค. 2561 - 10:09:48 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลสุริยันจันทรา (6.7K)(18)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 17 พ.ค. 2561 - 15:47:29 น.

นื้อชนวน , ตอกโค๊ด , จัดสร้างเมื่อปี 2547 พระกริ่งรุ่นแรก พระกริ่งบาเก็ง ออกเมื่องานกฐินปี 47 ครับ ผสมชนวนศักดิ์สิทธิ์ที่หลวงปู่ท่านสั่งให้หามาใส่ และจ้าวน้ำเงิน พระกริ่งรุ่นนี้มีทั้งประสพการณ์ด้านคงกระพัน ส่งเสริมความเจริญก้าวหน้า และเมตตา มหานิยม ด้วยครับ เรียกว่าครบเครื่อง สภาพสวยผิวเดิมๆ


 
ราคาปัจจุบัน :     2,500 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    toy3434 (364)(1)

 

Copyright ©G-PRA.COM