(0)
@555฿ พระสมเด็จหลังยันต์ตรี.วัดราชนัดดาฯ.กรุงเทพฯ<ปี๒๕๑๒>#เนื้อผงน้ำมัน#<หลวงพ่อกวยและหลวงปู่โต๊ะร่วมปลุกเสกพิธีใหญ่>มีบัตรรับรองพระแท้จากเวป(D-Dพระ)ให้อีก1ใบ(เอื้ออนันต์)รับประกันตามกฎเวปทุกอย่างครับ








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่อง@555฿ พระสมเด็จหลังยันต์ตรี.วัดราชนัดดาฯ.กรุงเทพฯ<ปี๒๕๑๒>#เนื้อผงน้ำมัน#<หลวงพ่อกวยและหลวงปู่โต๊ะร่วมปลุกเสกพิธีใหญ่>มีบัตรรับรองพระแท้จากเวป(D-Dพระ)ให้อีก1ใบ(เอื้ออนันต์)รับประกันตามกฎเวปทุกอย่างครับ
รายละเอียด@555฿ พระสมเด็จหลังยันต์ตรี.วัดราชนัดดาฯ.กรุงเทพฯ<ปี๒๕๑๒>#เนื้อผงน้ำมัน#<หลวงพ่อกวยและหลวงปู่โต๊ะร่วมปลุกเสกพิธีใหญ่>มีบัตรรับรองพระแท้จากเวป(D-Dพระ)ให้อีก1ใบ(เอื้ออนันต์)รับประกันตามกฎเวปทุกอย่างครับ.
ราคาเปิดประมูล55 บาท
ราคาปัจจุบัน815 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ10 บาท
วันเปิดประมูล - 12 ต.ค. 2561 - 22:05:19 น.
วันปิดประมูล - 14 ต.ค. 2561 - 13:28:45 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลเอื้ออนันต์ (1.6K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 13 ต.ค. 2561 - 21:55:12 น.



พระรุ่นนี้หลวงพ่อกวยได้นำพระบางส่วนกลับไปด้วย โดยส่วนตัวผม ถือว่าเป็นของดีพิธีใหญ่ มวลสารเยี่ยม เกจิย์เก่า ดีครบสูตรพุทธคุณทุกทาง สภาพสวยเดิมสมบูรณ์พิมพ์คมชัดลึก พระชุดนี้ถือว่า เป็นของดีราคาถูก มีประวัติการสร้างที่แน่นอน ถือ เป็นพระนอกวัด(วัดโฆษิตาราม) ที่หลวงพ่อกวยท่านเศก น่าสนใจอีกรุ่นหนึ่ง
ปล. หลวงพ่อกวยท่านได้นำรูปแบบพระเครื่องบางพิมพ์ที่ท่านชื่นชอบในพิธีนี้ นำไปเป็นต้นแบบสร้างที่วัดโฆษิตาราม เลยทำให้หลายคนสับสนอลเวงมาจนถึงบัดนี้ครับ.


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 13 ต.ค. 2561 - 21:56:39 น.



ประวัติหลวงพ่อกวย ชุตินันธโร

เกิด 2 พฤศจิกายน 2448 ปีมะเส็ง เป็นบุตรของ นายตุ้ย-นางต่วน ปั้มสน อุปสมบท 5 กรกฎาคม 2467

มรณภาพ 12 เมษายน 2522

สิริอายุ 74 ปี 54 พรรษา



หลวงพ่อกวย

"หลวงพ่อกวย ชุตินธโร" อดีตเจ้าอาวาสวัดโฆสิตาราม (วัดบ้านแค) ต.บางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เป็นพระเกจิอาจารย์เรืองวิทยาคมรุ่นเก่าอีกรูปหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วภาคกลาง

ชาติภูมิ หลวงพ่อกวย เดิมชื่อ กวย ปั้นสน เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2448 ณ หมู่บ้าน บ้านแค หมู่ 9 ต.บางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท โยมบิดา-มารดา ชื่อ นายตุ้ย และนางต่วน เดชมา ท่านเป็นบุตรคนสุดท้องของบิดามารดา

ในช่วงวัยเยาว์มารดาได้นำมาฝากไว้กับหลวงปู่ขวด ณ วัดบ้านแค เพื่อให้เรียนหนังสือ

ครั้นเมื่อครบอายุบวช ได้เข้าพิธีอุปสมบท เมื่อวันที่ 5 กรกฎาคม 2467 ณ วัดโบสถ์ ต.โพธิ์งาม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท โดยมี พระชัยนาทมุนี เป็นพระอุปัชฌาย์, หลวงพ่อปา วัดโบสถ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ เเละ พระอาจารย์หริ่ง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ ได้รับฉายาว่า ชุตินธโร

เมื่ออุปสมบทได้มาอยู่จำพรรษาที่วัดบ้านแค ตอนนั้นหลวงปู่มา เป็นเจ้าอาวาสอยู่ พระกวยหัดเทศน์เวสสันดรชาดก หลังจากนั้นได้ไปเรียนวิชาแพทย์โบราณกับหมอเขียน เพื่อเรียนวิชารักษาโรคระบาด หรือโรคห่าเเละโรคไข้ทรพิษ

พ.ศ.2472 ได้เดินทางไปเรียนวิชาวิปัสสนากัมมัฏฐานและวิทยาคม ตลอดจนวิธีทำเครื่องรางของขลังกับ หลวงพ่อศรี วิริยโสภิต แห่งวัดพระปรางค์ จ.สิงห์บุรี

พ.ศ.2477 ท่านได้มาจำพรรษาที่วัดหนองแขม ต.ดงคอน อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เพื่อเรียนแพทย์แผนโบราณต่อกับโยมป่วน บ้านหนองแขม และเรียนแพทย์แผนโบราณต่อกับหมอใย บ้านบางน้ำพระ

ในขณะที่พักจำพรรษาที่วัดหนองแขม ได้มีพระภิกษุชื่อ แจ่ม เดินทางท่องเที่ยว ไปพบตำราเป็นสมุดข่อยอยู่ในโพรงไม้ แต่เอามาไม่ได้ เพราะตำรานั้นมีอาถรรพณ์แรงมาก จึงได้มาชักชวนพระกวยให้ไปดู ปรากฏว่ามีตำราอยู่โพรงไม้จริง มีรอยคนเอาพวงมาลัยดอกไม้ ธูปเทียนมาบูชาใต้โคนไม้

พระภิกษุกวยจึงได้จุดธูปบอกเล่าและอธิษฐานว่า "ถ้าหากว่าท่านจะให้ตำรานี้ให้ข้าพเจ้าเอาไปเก็บรักษาไว้ ข้าพเจ้าจะนำเอาตำรานี้ไปทำประโยชน์แก่วัดและช่วยเหลือประชาชนเท่านั้น" ก่อนอัญเชิญตำรานั้นมาเก็บไว้

ครั้งหนึ่ง ท่านได้ไปจำพรรษาที่วัดบางตาหงาย อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ ได้มาเรียนวิชากับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ ได้เรียนวิชาทำแหวนแขน, ตะกรุด, มีดหมอ และอื่นๆ ศิษย์ร่วมรุ่นของหลวงพ่อที่เป็นที่รู้จักกัน คือ หลวงปู่พิมพา วัดหนองตางู อ.บรรพตพิสัย

ต่อมา เมื่อช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หลวงพ่อกลับมาอยู่วัดบ้านแค หลวงพ่อได้สักให้ศิษย์ มีชื่อเสียงโด่งดังมาก ขนาดสักกันทั้งกลางวันกลางคืน

ในช่วงนั้น ข้าวยากหมากเเพง โจรร้ายเต็มบ้านเมือง โดยเฉพาะเเถบภาคกลางตอนล่าง นครสวรรค์ ชัยนาท อ่างทอง สุพรรณบุรี เป็นเเหล่งกบดานของโจรเสือร้ายหลายกลุ่ม ชาวบ้านเเคได้อาศัยบารมีหลวงพ่อกวย เพื่อคุ้มครองครอบครัวเเละทรัพย์สินของมีค่าต่างๆ ก็จะเอามาฝากหลวงพ่อที่วัด

จากคำบอกเล่าของคนเก่าแก่ที่บ้านเเค เล่าว่า พวกโจรเสือไม่มีใครกล้ามาลองดีกับหลวงพ่อกวย มีอยู่รายหนึ่งเป็นเสือมาจากอ่างทอง พาสมุนล้อมวัดบ้านเเคตอนกลางคืน เห็นว่าวัวควายของชาวบ้านที่ลานวัดมีเยอะมาก เเต่ก็โดนตะพดหลวงพ่อจนต้องรีบพาสมุนกลับเเละก็ไม่มาเเถวบ้านเเคอีกเลย เขาว่าในสมัยนั้น เมื่อโจรเสือเดินผ่านวัดหลวงพ่อ ต้องยิงปืนถวายทุกครั้ง

หลวงพ่อกวย ไม่ชอบการก่อสร้าง ชอบความเป็นอยู่สมถะ แม้กุฏิของหลวงพ่อก็เป็นไม้ทรงไทยโบราณ แต่การก่อสร้างนั้นหลวงพ่อยกหน้าที่ให้กรรมการวัด แม้การก่อสร้างก็ให้กรรมการวัดและชาวบ้านทำ ดังนั้น วัดบ้านแค จึงมีแต่กุฏิเก่าๆ

ลำดับสมณศักดิ์ วันที่ 5 ธันวาคม 2511 หลวงพ่อกวยได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นประทวน

ก่อนหน้านี้ ในปี พ.ศ.2521 หลวงพ่อกวย ได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพญาไท หมอได้วินิจฉัยโรคว่าเป็นโรคขาดอาหารมาเป็นเวลา 30 ปี แพทย์ได้ให้สารอาหารประเภทโปรตีนกับหลวงพ่อ เป็นเวลาถึง 1 เดือน ก็ยังไม่เพียงพอกับความต้องการของร่างกาย อยู่โรงพยาบาลได้ไม่นาน ท่านก็กลับวัด เมื่อกลับวัดหลวงพ่อก็ยังได้ฉันอาหารเพียงวันละ 1 ครั้ง เช่นเดิม อีกทั้งยังคงคร่ำเคร่งในการสร้างและปลุกเสกวัตถุมงคล

หลวงพ่อกวย มรณภาพด้วยอาการสงบ เมื่อวันที่ 12 เมษายน 2522 สิริอายุ 74 พรรษา 54

ปัจจุบัน วัดโฆสิตาราม เเละบรรดาศิษย์หลวงพ่อกวย ได้ยึดถือเอาวันที่ 12 เมษายนของทุกปี เป็นวันทำบุญประจำปี เพื่ออุทิศและรำลึกถึงหลวงพ่อกวย


พุทธคุณที่เล่าสืบทอดกันมา

พุทธคุณของท่านเด่นในทางเมตตามหานิยมครับ.


ข้อมูลเพิ่มเติม 3 - 13 ต.ค. 2561 - 21:58:19 น.



ประวัติ.หลวงปู่โต๊ะ กำเนิดที่ บ้านใกล้คลองบางน้อย ตำบลบางพรหม อำเภอบางคณฑี จังหวัดสมุทรสงคราม มีนายลอย และนางทับ เป็นบิดามารดา เกิดเมื่อวันอังคาร ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ปีกุน ตรงกับวันที่ 27 เดือนมีนาคม พ.ศ. 2430 มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน รวม 2 ท่านโดยท่านเป็นคนโต คือ
1. พระราชสังวราภิมณฑ์ (หลวงปู่โต๊ะ)
2. นายเฉื่อย รัตนคอน (ถึงแก่กรรมไปแล้ว)

ในวัยเด็กท่านเป็นเด็กที่เฉลียวหลาดว่องไว รู้ผิดชอบชั่วดี กตัญญู มีความขยันอดทน นิสัยอ่อนโยน
มันจะตามพ่อแม่ไปวัดเป็นประจำและสามารถจำบทสวดมนต์ได้อย่างแม่นยำ

ครั้นเมื่อท่านมีอายุย่างเข้า 17 ปี ก็ได้ทำการบรรพชาเป็นสามเณร ณ วัดประดู่ฉิมพลี เมื่อในปี พ.ศ. 2477 โดยมีพระอธิการสุข เจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลีในสมัยนั้นเป็นพระอุปัชฌาย์ ท่านได้ตั้งใจศึกษาพระปริยัติธรรม ท่องเรียนพระสูตรต่างๆ ได้อย่างแม่นยำและว่องไว สนใจในการเจริญสมาธิกรรมฐาน

เมื่ออายุครบ 20 ปีท่านก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ พัทธสีมาวัดประดู่ฉิมพลี เมื่อวันอังคาร เดือน 8 ขึ้น 7 ค่ำ ปีมะแม ตรงกับวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2450 เวลา 15.30 น. โดยมี
พระครูสมณธรรมสมาธาน (แสง) วัดปากน้ำภาษีเจริญ เป็นพระอุปัชฌาย์
พระครูอักขรานุสิต (ผ่อง) วัดนวลนรดิศ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
และพระครูธรรมวิรัติ (เชย) วัดกำแพง เป็นอนุสาวนาจารย์
มีฉายาในพระพุทธศาสนาว่า "อินฺทสุวณฺโณ" ท่านได้ตั้งใจในการศึกษาพระธรรม

ต่อมาพระอธิการคำเจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลีในสมัยนั้นได้ลาสิกขาบทออกไป ท่านจึงรับภาระหน้าที่เป็นเจ้าอาวาสวัดประดู่ฉิมพลี เมื่อท่านมีอายุได้ 26 ปี พรรษา 6

ด้วยความมุมานะท่านสอบได้ น.ธ. ตรีได้ เมื่อปี พ.ศ. 2455

ออกจาริกธุดงค์ไปศึกษากับพระอาจารย์รุ่ง (หลวงพ่อรุ่ง) วัดท่ากระบือ จังหวัดสมุทรสาคร จากนั้นก็ได้ไปศึกษาวิปัสสนากับหลวงพ่อโหน่ง วัดอัมพวัน (วัดคลองมะดัน) อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี และได้ธุดงค์ไปทางเหนืออีกหลายครั้ง พร้อมทั้งศึกษาวิปัสสนากัมมัฏฐานต่อกับพระอาจารย์หลายอาจารย์ด้วยกัน เมื่อออกพรรษาแล้วต่อจากนั้นท่านก็ได้เดินธุดงค์ไปทางภาคใต้ และได้จำพรรษาอยู่ที่ปัตตานี จากนั้นท่านได้เลยไปจำพรรษาอยู่ที่สิงคโปร์หลายปี เมื่อหลวงปู่กลับมาจำพรรษาอยู่ที่วัดประดู่ฉิมพลีตามเดิมแล้ว ท่านได้สร้างรอยพระพุทธบาทจำลอง ซึ่งทำด้วยไม้สักประดับมุก และได้นำไปประดิษฐานไว้ที่วัดในประเทศสิงคโปร์ (จำชื่อวัดไม่ได้) ปัจจุบันนี้รอยพระพุทธบาทจำลอง ได้กลายเป็นวัตถุโบราณไปแล้ว

ด้านการสร้างพระเครื่องหลวงปู่เริ่มจากการสร้างพระสมเด็จ ๑๓ พิมพ์ แจกให้ลูกศิษย์และชาวบ้านที่เข้ามาหาท่าน หลังจากนั้นมีการจัดทำพระกลีบบัวเนื้อเมฆพัด, พระสมเด็จพิมพ์ห้าชั้น, พระสมเด็จพิมพ์คะแนน และพระสมเด็จเนื้อผงผสมชานหมากก่อนปี 2500 หลังจากปี 2500 ไปแล้ว พระเครื่องของหลวงปู่ ลูกศิษย์แออนุญาตจากหลวงปู่ แล้วจัดทำและสร้างมาถวายให้ทั้งนั้น แต่หลวงปู่ท่านก็ตั้งใจปลุกเสกให้ เช่น พระปิดตาจัมโบ้, พระปิดตารุ่นปลดหนี้, พระปิดตาจัมโบ้รุ่นสอง ฯลฯ

หลวงปู่ได้มรณภาพในวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ.2524 เวลา 09.55 น. ท่านก็สิ้นลมด้วยอาการสงบดุจนอนหลับไป ณ กุฏิสายหยุด นับอายุได้ 93 ปี 10 เดือน กับ 22 วัน

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ ทรงพระกรุณาโปรดให้เชิญศพไปตั้งที่ศาลา 100 ปี วัดเบญจมบพิตร พระราชทานเกียรติยศศพเป็นพิเศษ พร้อมฉัตรเบญจาเครื่องประกอบเกียรติยศครบทุกประการ เสด็จฯ ไปทรงเป็นประธานในการทรงบำเพ็ญพระราชกุศล 7 วัน 50 วัน 100 วัน และตามโอกาสอันควรหลายวาระ ในการบำเพ็ญพระราชกุศลออกเมรุและพระราชทานเพลิงเผาศพ ณ เมรุหน้าพลับพลาอิสริยาภรณ์ วัดเทพศิรินทราวาส ก็ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเป็นประธาน นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณแก่พระราชสังวราภิมณฑ์ ตลอดจนศิษยานุศิษย์ ทุกคนหาที่สุดมิได้.

ตลอดเวลาที่อยู่ในสมเพศ ท่านได้ศึกษาพระธรรมอย่างแตกฉาน และเชี่ยวชาญในวิปัสสนาธุระ เป็นที่ศรัทธาของผู้คนทุกชนชั้น พระเครื่องที่หลวงปู่ปลุกเสกก็ยังเป็นสิ่งยืดเหนี่ยวจิตใจให้ลูกศิษย์ลูกหาและผู้บูชาอีกด้วยครับ.


ข้อมูลเพิ่มเติม 4 - 13 ต.ค. 2561 - 22:07:08 น.



ขอขอบพระคุณทุกเสียงเคาะ.ขอให้รวยยิ่งขึ้นไปอีกสิบเท่าร้อยเท่าพันเท่าครับ.


 
ราคาปัจจุบัน :     815 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     10 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    ipungto (113)

 

Copyright ©G-PRA.COM
www1