(0)
หลวงพ่อประเทือง วัดหนองยางทอย จ.เพชรบูรณ์ รูปหล่อปั๊ม รุ่นแรก ปี24 สวยจิ๊ด








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องหลวงพ่อประเทือง วัดหนองยางทอย จ.เพชรบูรณ์ รูปหล่อปั๊ม รุ่นแรก ปี24 สวยจิ๊ด
รายละเอียดหลวงพ่อประเทือง วัดหนองยางทอย จ.เพชรบูรณ์ รูปหล่อปั๊ม รุ่นแรก ปี2524 สวยจิ๊ด จมูกโด่ง มากๆ
******************
รูปหล่อปั๊มรุ่นแรกปี2524 ทั้งแบบฝังกรุ และกะไหล่ทองครับ จัดสร้าง5000องค์ ฝังกรุ1606องค์ ที่เหลือจะเป็นกะไหล่ทอง หลวงพ่อปลุกเสกอย่างเข้มขลังเพื่อหาทุนสร้างวัดสร้างโรงเรียนในสมัยนั้น ผู้ใช้ติดตัวต่างมีประสบการณ์อยู่เสมอๆครับรุ่นนี้
**********
ชาติภูมิ<O:p></O:p>
หลวงพ่อประเทือง อติกฺกนฺโต ถือกำเนิดเมื่อวันที่ ๒ ธันวาคม พ.ศ.๒๔๗๑ (วันอาทิตย์ เดือนอ้าย ปีมะโรง) เป็นบุตรคนสุดท้องในจำนวนพี่น้องร่วมอุทรเดียวกัน ๕ คน ซึ่งเป็นชาย ๒ คน หญิง ๓ คน ของนายทำ นางมาก ยืนยง ณ บ้านคลองเม่า หมู่ที่ ๕ ตำบลโคนสะลุด อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี<O:p></O:p>
เริ่มการศึกษา <O:p></O:p>
เมื่อเจริญวัยสมควรได้รับการศึกษาได้แล้ว บิดามารดานำไปเข้าเรียนชั้นประถมที่โรงเรียนวัดคลองเม่า ซึ่งเป็นโรงเรียนประจำหมู่บ้าน จนกระทั่งจบชั้นประถมปีที่ ๔ อันเป็นชั้นสูงสุดของโรงเรียนในสมัยนั้น<O:p></O:p>
ครั้นจบการศึกษาแล้ว แม้จะมีความตั้งใจปรารถนาใคร่จะเล่าเรียนต่อก็ไม่มีโอกาสเนื่องจากฐานะทางครอบครัวยากจน ประกอบอาชีพกสิกรรม และไม่เอื้ออำนวยโดยประการทั้งปวงจึงอยู่ช่วยเหลือพ่อแม่ประกอบอาชีพเหมือนลูกหลานตามชนบททั่วไป ทั้งนี้ก็เพื่อต้องการที่จะแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวทิตาคุณต่อบุพพการีที่ได้โอบอุ้มอบรมเลี้ยงดู สั่งสอนมาด้วยความรัก ความเมตตาเอื้ออาทร และอีกประการหนึ่งก็เห็นว่าท่านเป็นบุตรคนสุดท้องที่พ่อแม่หวังจะได้พึ่งในบั้นปลายแห่งชีวิตต่อไปด้วย<O:p></O:p>
อพยพครอบครัว<O:p></O:p>
ในขณะที่อายุได้ ๑๔ ปี พ.ศ.๒๔๘๕ จังหวัดลพบุรีได้ประสบอุทกภัยครั้งใหญ่ขึ้นโดยน้ำได้ท่วมหนักเป็นประวัติการณ์ถึงหลังคาบ้านไปทั่วทุกหมู่บ้าน ข้าวกล้านาล่ม เสียหายอย่างย่อยยับ แรงงานจากแรงคนที่ได้ลงแรงไป ก็มาสิ้นสลายไปกับสายน้ำอันหฤโหดอย่างหมดสิ้น ปลายทางที่ไม่มีจุดหมายปลายทาง หมดหนทางที่จะประกอบอาชีพเลี้ยงครอบครัวได้แล้ว<O:p></O:p>
บิดามารดา จึงใคร่ครวญตัดสินใจอพยพครอบครัวทิ้งถิ่นฐานบ้านช่องอันเป็นถิ่นกำเนิด โดยย้ายไปอยู่ที่ตำบล เขาช่องแค จังหวัดนครสวรรค์เพื่อเริ่มต้นชีวิต ทางเลือกใหม่ที่ดีกว่า<O:p></O:p>
สู่ร่มกาสาวพัสตร์<O:p></O:p>
...ผู้ที่ได้รับการศึกษาดี ย่อมมีโอกาสได้รู้เห็นสัมผัสชีวิตในสิ่งที่ดีกว่า<O:p></O:p>
เมื่ออพยพครอบครัวมาอยู่นครสวรรค์ ได้ประกอบสัมมาชีพ ยกฐานะครอบครัวมีชีวิตเป็นอยู่ที่ดีขึ้น จนกระทั่งวันหนึ่ง บิดามารดาได้ปรารถนาที่จะให้ท่านได้บรรพชาเป็นสามาเณร เพราะเล็งเห็นว่า การบวชเณรเป็นโอกาสที่จะได้ศึกษาเล่าเรียนปฏิบัติธรรมวินัย ทั้งเป็นการผูกญาติสืบทอดพระพุทธศาสนาเป็นพระเพณีนิยมไปด้วย ซึ่งท่านเองเมื่อรู้เรื่องนี้แล้วก็ไม่ขัดข้องยินดีปฏิบัติตามความประสงค์ของบุพพการีทุกประการ<O:p></O:p>
บิดามารดา ได้นำไปบรรพชาที่วัดหนองแขม ต.ทุ่งทะเล อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ กับพระอาจารย์อ่อน เจ้าอาวาสวัดหนองแขม ผู้มีศักดิ์เป็นอาของท่าน ให้ช่วยดูแลอบรมสั่งสอน พระอาจารย์อ่อนรูปนี้เป็นพระสงฆ์ผู้คงแก่เรียน ทั้งเชี่ยวชาญด้านวิปัสสนากรรมฐานและแก่กล้าสรรพวิชาอาคมต่างๆ อีกด้วย<O:p></O:p>
ครั้นบรรพชาแล้วในพรรษาแรกๆ ได้ศึกษาข้อวัตรปฏิบัติ และวิชาอาคมกับหลวงอาพระอาจารย์อ่อน จนเป็นที่พอใจแล้ว หลวงอาคิดจะทดสอบหลานจึงคิดทดสอบความอดทนและวิชาที่สั่งสอนให้ แล้วออกอุบายที่จะพาไปเที่ยวโดยให้เตรียมข้าวของเท่าที่จำเป็นสำหรับในการเดินธุดงค์<O:p></O:p>
ออกธุดงค์กับพระอาจารย์อ่อน<O:p></O:p>
ในปีนั้น เมื่ออกพรรษาแล้ว พระอาจารย์อ่อน ได้นำสามเณรประเทืองเดินธุดงค์ไปยังจุดหมายปลายทางเพื่อนมัสการพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี แม้ว่ายังเป็นสามเณรอายุน้อยนิด ก็มีความอดทน แบกกลด ถือกรรมฐานกับพระอาจารย์อ่อนไปด้วย<O:p></O:p>
การเดินป่าในสมัยนั้น ประสบการความยุ่งยากลำบากเหลือเข็ญ ยังไม่มีรถยนต์ เป็นพาหนะเหมือนสมัยนี้ อีกทั้งตามป่าเขาลำเนาไพรยังชุกชุมไปด้วยไข้ป่า สัตว์ร้ายนานาชนิด เดินขึ้นเขาลงห้วยหาบ้านผู้คนก็ยากเย็นเต็มที แม้ว่าในตอนออกเดินทางจากวัดไปด้วยจิตใจที่มุ่งมั่นเข้มแข็ง แต่พอนานเข้าเอาเข้าจริงๆ แล้ว ได้สัมผัสกับความอดอยาก ลำบากในป่าเขา ก็เกิดอาการท้อแม้ใจขึ้นมาเหมือนกัน บางครั้งคิดอยากจะกลับวัดกลับบ้าน หลวงอาก็ปลอบโยนให้กำลังในอยู่เสมอๆ จะทำอย่างไรได้ เมื่อตัดสินในแล้วก็ต้องสู้ต่อไปให้ถึงที่สุด<O:p></O:p>
สำหรับการเดินธุดงค์นั้น พระอาจารย์อ่อนมีกฎอยู่ว่าห้ามถามห้ามพูดในสิ่งที่ไม่จำเป็นและให้เฉยๆ ไว้ เดินตามหลวงอาไปอย่างเดียว พอถึงเวลาปักกลด หลวงอาก็ปักให้ (กลดสมัยนั้น คล้ายกับมุ้ง ๔ สาย) พอปักกลดเสร็จก็แยกไปปักอีกที่หนึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ ๑๐วา ตกกลางคืนก็ร้องไห้แต่ไม่กล้าร้องเสียงดัง กลัวหลวงอาดุเอา ทำให้เกิดความกลัว คิดไปต่างๆ จิตใจก็ไม่สงบ ยิ่งได้ยินเสียงเสือร้อง ก็ร้องไห้ตามเสือไปด้วย คิดจะกลับวัดอย่างเดียว ที่ยิ่งไปกว่านั้น พอรุ่งเช้าอาหารบิณฑบาตก็ไม่มีฉัน เพราะอยู่ห่างไกลจากหมู่บ้าน จนบางครั้งต้องอาศัยข้าวตากแห้งที่เตรียมมาขบฉัน พอประทังชีวิตไปวันๆ หนึ่งก็เคยมี<O:p></O:p>
ครั้นรุ่งเช้าหลวงอาชวนออกเดินบิณฑบาต ก็คิดไปว่าป่าทั้งป่าจะไปบิณฑบาตที่ไหนกัน มองไปข้างไหนก็เห็นแต่ป่าทั้งนั้น แต่ก็ไม่กล้าถาม โดยหลวงอาสั่งว่า ทำอะไรก็ให้ทำตาม พอเดินไปถึงต้นไม้ใหญ่ หลวงอาเปิดบาตรไว้สักครู่แล้วก็ปิดบาตร เดินมาที่อีกต้นหนึ่งก็ทำเหมือนเดิมอีก ก็ปฏิบัติตามเหมือนหลวงอาทุกอย่าง ถึงจะสงสัยก็ไม่กล้าถามอยู่ดี<O:p></O:p>
สามเณรประเทือง คิดอยู่ในใจว่า หลวงอาทำอะไรแปลกๆ หรือท่านจะรู้เห็นอะไรที่เราไม่รู้ก็เป็นได้ ครั้นกลับมาถึงที่พักก็เปิดบาตรดู ว่ามีอะไรอยู่บ้างเห็นแต่ความว่างเปล่าแต่ก็ยังไม่กล้าถามอยู่ดีว่าท่านทำเพื่ออะไร แล้วหลวงอาก็สั่งให้เอาน้ำล้างบาตรนั้นมาดื่มกิน พอดื่มแล้วเหมือนกับว่า รู้สึกอิ่มอย่างแปลกประหลาดคล้ายกับว่าได้ฉันข้าวอย่างนั้นแหล่ะ สามารถอยู่ได้ตลอดทั้งวันโดยไม่รู้สึกหิวกระหายแต่อย่างใดเลย<O:p></O:p>
เมื่อปฏิบัติอยู่ป่านานวันเข้า อาหารที่เตรียมมาก็หมดไปโดยปริยาย สิ่งที่น่าแปลกอยู่อย่างหนึ่ง อาหารของหลวงอาไม่รู้จักหมด ครั้นถามท่านก็โดนดุว่าไม่ใช่กิจที่จะต้องรู้ ยังมีสิ่งที่เราไม่รู้ต้องปฏิบัติอีกมาก ท่านเปรียบเหมือนใบไม้ในกำมือกับไม้ในป่าทั้งหมด จึงไม่กล้าที่จะถามท่านอีก จะถามได้ในเรื่องของการปฏิบัติธรรมเท่านั้น พอพูดจบท่านก็หยิบเอามาจากย่ามให้ฉันเป็นดังนี้อยู่เสมอมิได้ขาด ได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจอยู่ตลอดมา ว่าทำไมข้าวตากแห้งของหลวงอาไม่รู้จักหมดสักที ท่านเอามาจากไหน ท่านมีคาถาอาคมอะไรหรือ<O:p></O:p>
กลับมาเยี่ยมบ้าน <O:p></O:p>
หลายปีที่สามเณรประเทือง เดินธุดงค์ไปกับพระอาจารย์อ่อน ก็ได้ร่ำเรียนวิชาอาคมอย่างเต็มกำลังความสามารถ แต่ก็หลายครั้งเหมือนกัน ที่คิดอยากจะกลับบ้านไปเยี่ยมโยมพ่อโยมแม่และญาติๆ ก็ยังไม่มีโอกาสสักครั้ง<O:p></O:p>
วันหนึ่งได้รับอนุญาตจากหลวงอาว่าถึงเวลาอันควรแล้วอนุญาตให้กลับไปเยี่ยมบ้านได้แล้ว พอกลับมาถึงวัดหนองแขม ก็กราบลาพระอาจารย์อ่อนไปเยี่ยมบ้านทันที ได้พูดคุยสนทนาเล่าเรื่องราวต่างๆ ในการออกธุดงค์เดินป่าที่เป็นไปอย่างยากลำบาก เมื่อโยมทั้งสองได้ฟังแล้วก็เกิดสงสารห่วงใยอย่างจับใจ ขอร้องอ้อนวอนให้สามเณร ลูกชายลาสิกขากลับมาอยู่กับพ่อแม่ดีกว่า เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตรายในระหว่างอยู่ป่า ในตอนแรกก็เห็นด้วยกับความคิดของโยมพ่อโยมแม่ จึงตัดสินใจที่จะลาสิกขาอย่างแน่นอน<O:p></O:p>
ครั้นกลับมาได้ถึงวัดได้กราบเรียนให้หลวงอาทราบเรื่องเอาเข้าจริงๆ แล้ว ได้รับโอวาทธรรมจากหลวงอาว่า การปฏิบัติธรรมกรรมฐานเท่านั้น ที่จะได้กุศลแรงกล้าที่สุด ไม่เพียงแต่บุคคลผู้ปฏิบัติเท่านั้น แม้ผู้เป็นบิดามารดาชื่อว่าผู้ได้เป็นญาติพระศาสนาก็พลอยได้บุญกุศลไปด้วย ได้ฟังโอวาทธรรมดังนั้น ท่านก็เห็นด้วยแล้วตัดสินใจที่จะไม่ยอมลาสิกขา ยังคงเดินธุดงค์ไปกับพระอาจารย์อ่อนต่อไปอีกหลายปี<O:p></O:p>
พระอาจารย์อ่อน เป็นพระที่นิยมศึกษาชอบแสวงหาความรู้และมีวิทยาคมแก่กล้า ทั้งชอบการปฏิบัติธรรมได้ถ่ายทอดสรรพวิชาอาคมให้สามเณรประเทืองทุกอย่างอย่างเช่น การหุงสีผึ้ง วิชานะหน้าทอง เป็นต้น<O:p></O:p>
ศึกษาวิชาอาคมกับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์<O:p></O:p>
พระอาจารย์อ่อน นับว่าเป็นพระที่เชี่ยวชาญเวทวิทยาคมมากทีเดียว และที่สำคัญยังมีความคุ้นเคยกับหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ ยอดพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงในสมัยนั้น ได้เดินทางไปสนทนาธรรมกับหลวงพ่อเดิมอยู่เป็นประจำ<O:p></O:p>
เมื่อกลับจากเดินธุดงค์แล้ว หลวงอาอ่อน ได้นำสามเณรประเทือง เดินทางไปวัดหนองโพธิ์ ฝากฝังไว้เป็นศิษย์คอยปรนนิบัติรับใช้ต้มน้ำร้อนน้ำชาอยู่ใกล้ชิดหลวงพ่อเดิมตลอดเวลา หลวงพ่อเดิมเรียกท่านว่า
**********
เสียงเล่าลือ

ประมาณปี 35-36 แถบบางขุนเทียนมีเสียงเล่าลือกันมากว่า มีนักศึกษาหนุ่ม ๆ คนหนึ่งโดนดักทำร้าย โดยใช้มีดปลายแหลมแทงจนจุกล้มฟุบลงไปกอง พวกที่รุมกินโต๊ะได้กระจายกันไป สักพักก็มีคนเข้าไปดูและพบว่านักศึกษาคนนั้น ไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่มีรอยฟกช้ำจากมีดและสหบาทาเท่านั้น ที่แปลกใจกันมากเพราะในคอนักศึกษาคนนั้น มีเหรียญของหลวงพ่อประเทือง วัดหนองย่างทอย เพชรบูรณ์ ที่ได้รับแจกมาจากงานทอดกฐินที่วัดของท่าน เมื่อไม่กี่วันก่อนเหรียญเดียวเท่านั้น ไม่มีตะกรุดหรือสักยันต์จากอาจารย์อื่นเลย ทำให้คนแถบวัดบางประทุนนอกและคนแถบวัดไทรต่างสนใจและอยากรู้จักว่าหลวงพ่อประเทืองเป็นใคร อยู่ที่ไหน เก่งอย่างไร เพราะตอนนั้น หลวงพ่อประเทืองไม่ได้เป็นพระที่มีชื่อเสียงโด่งดังอะไรนัก เมื่อคนและพระที่ประสบเหตุในวันนั้นได้รับทราบที่อยู่ก็มีการไปหาหลวงพ่อ จนเป็นที่เลื่องลือขึ้นอีก เพราะหลวงพ่อประเทืองเป็นพระที่มีความเมตตา และพระพัฒนาไม่ใช่พระทั่วๆ ไป ไม่สนใจเรื่องเงินเรื่องทองนัก บ้างก็ว่าท่านเป็นพระนักเลง ชอบเรื่องคงกระพันชาตรี ใส่พระของท่านแล้วชอบมีเรื่องมีราวกับคนอื่น ต่างก็กล่าวกันไปต่าง ๆ นานา
ราคาเปิดประมูล10 บาท
ราคาปัจจุบัน700 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ10 บาท
วันเปิดประมูล - 03 มี.ค. 2562 - 21:37:16 น.
วันปิดประมูล - 10 มี.ค. 2562 - 22:45:20 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลNakornyong (5K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     700 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     10 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    tone555 (1.9K)

 

Copyright ©G-PRA.COM