(0)
พระชัยวัฒน์กริ้ง ((เนื้อโลหะ+กะไหล่ทองเดิมๆ)) หลวงพ่อพระใส วัดโพธิชัย หนองคาย ((ก้นอุดกริ่ง-เขย่าดังลั่น))








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องพระชัยวัฒน์กริ้ง ((เนื้อโลหะ+กะไหล่ทองเดิมๆ)) หลวงพ่อพระใส วัดโพธิชัย หนองคาย ((ก้นอุดกริ่ง-เขย่าดังลั่น))
รายละเอียด------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

.................เคาะแรก.....แดงเลยครับ...............
.................เคาะแรก.....แดงเลยครับ...............
.................เคาะแรก.....แดงเลยครับ...............

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

..................เป็นพระใสชัยวัฒน์ก้นอุดกริ่ง..สวยตามภาพ...............

.................((รับประกันความแท้ให้ท่านแบบไม่จำกัดเวลาครับ))..........

-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ราคาเปิดประมูล108 บาท
ราคาปัจจุบัน338 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ10 บาท
วันเปิดประมูล - 03 พ.ค. 2562 - 09:45:36 น.
วันปิดประมูล - 04 พ.ค. 2562 - 13:56:28 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลราษีเมถุน (3.7K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 03 พ.ค. 2562 - 18:18:53 น.



....((อยากเล่าให้ท่านฟังครับ)).......พระพุทธรูปหลวงพ่อพระใส....ผมเคยบูชาแบบเป็นครอบสำหรับตั้งบูชาหน้ารถมา หลายองค์.....เมื่อปี 2533 ...เอามาบูชาตั้งหน้ารถ 1 องค์.....วันนั้นขับรถกลับบ้านราวๆ 5 ทุ่ม พวกแว้นปิดถนนแข่งกันเป็นร้อยคัน-ในทิศทางฝั่งสวนกันกับผม-แต่ถนนเส้นที่ว่าไม่มีเกาะกลางคั่นคงมีแต่การตีเส้นแบ่งเขตเป็นเกาะกลางไว้....

.........ช่วงที่พวกแว้นขับแข่งกันมาด้วยความเร็วจัด-เขาเกี่ยวกันเสียหลักล้มลงพื้นถนน-รถมอไซด์สไลด์ครูดมากับพื้นผิวถนน-จนเห็นสะเก็ดไฟลุกโชนราวหางจรวจพ่นไฟตอนทะยานขึ้นจากฐานยิง-หรือเหมือนกับดาวหางกำลังวิ่งก็มิผิด-มอไซด์คันใหญ่ 250 ซี.ซี.วิ่งมาชนประสานงากับรถของผมขณะที่วิ่งอยู่ 50-60 กม/ชม....มอไซด์คันใหญ่ที่ล้มครูดถนนทั้งคนทั้งรถสะบัดหลุดออกจากการเกี่ยวกันในช่วงไกล้กับที่จะถึงรถผม-ปะทะเข้าอย่างแรงกับรถผมทั้งคนทั้งรถ...คนขับร้องเสียงหลงดังมากลอยข้ามผ่านหลังคารถผมไปไกลตกตายคาที่-ส่วนขาท่อนล่างหน้าแข้งลงไปขาดกระเด็น 1 ข้าง.....

.......ส่วนมอโซด์เขารุ่น 250 ซีซี.ชนก๊อปปี้ปะทะกับหน้ารถผมจนน๊อตยึดแท่นเครื่องยนต์ขาด-เครื่องยนต์รถดันย่นเคลื่อนมาติดช่วงเบรค-คลัช-จนเท้าผมซ้น-ล้อแม็กหน้าขวายางระเบิดหลุดออกจากวงล้อ-กระทะล้อแตกหลุดออกเป็นเสี่ยงๆจากดุมหัวเพลาปีกนก....ล้อซ้ายแค่ยางระเบิด....มอไซด์ยังหมุนพลิกกระเด็นหลายตลบ-เปิดแก้มขวาหน้ารถยนต์ออกจาตัวรถเสียหายทั้งแถบ...ฝากระโปรงรถหลุดเปิดออกไปด้วย....แรงชนปะทะหนักหน่วงมาก......จนรถผมต้องขายเป็นซากไปเพียง 10000.-คันนี้ป้ายแดงใช้มา 10ปีกว่านิดๆนี้......

..........เหตุการณ์ขณะรถมอโซด์พลิกหมุนตลบจะเข้ามาปะทะกับรถผม-ตามองเห็นชัดเจนว่ามันจะมีแรงส่งทะลุทิ่มเข้ามาในกระจกหน้ารถอัดผมตายแน่นอน-((ตอนนั้นผมติดในรถออก/ขยับไปไหนก็ไม่ได้เพราะโครงสร้างรถมันเบี้ยวเสียรูปไปแล้ว-ประตูก็เปิดไม่ออก))-เพราะมันเป็นเส้นทางที่แรงส่งให้ต้องพุ่งมาที่หน้าผมอย่างเดียว.......

......แต่บัดดลก็ให้รู้สึกว่ารถของเรามีความแข็งแรงเหมือนหุ้มด้วยเกราะเหล็กเป็นเหมือนรถถังของทหาร-ถูกมอไซด์หมุนพลิกตีตลบตลบก็ไม่สะท้านสะเทือนทรงตัวแน่นปึ๊ก-มอไซด์หมุนพลิกเบนออกขวามือเหนี่ยวเอาแก้มขวาหน้ารถเปิดออกจากตัวรถผ่านกระจกมองข้างขวาคนขับเกี่ยว/ปะทะหูช้างข้างขวา-เบี่ยงมุมเปลี่ยนทิศไปอีกทาง....ผมจึงไม่ได้ถูกมอไซด์อัดทะลุกระจกหน้าเข้ามาในระดับปะทะอก+หน้าตัวเรา.....

........ด้วยบารมีของ หลวงพ่อพระใส ล้วนๆครับงานนี้ไม่มีองค์ใดอื่นนอกจากท่านครับ...รักษาข้อเท้าซ้นอยู่ 4 เดือนจึงหาย-แต่ยังเสียวข้อเท้าเป็นหลายปี....จึงกราบขอบคุณและขอพรบารมีจากท่านประจำครับ......

...........ลืมบอกอีกคนที่เสียหลักเกี่ยวกันไถลมาแยกหลุดจากกันก่อนที่อีกคันจะมาปะทะกับผม......รายนั้นไปตายที่โรงพยาบาลอีก 1 สัปดาห์ให้หลังต่อมาครับ....เป็นคดีกันอยู่ร่วม 3 ปี.....ตำรวจและอัยการสั่งไม่ฟ้องครับ.....ขออโหสิกรรมให้เขา....ไม่คิดฟ้องเรียกค่าเสียหายคืน...


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 03 พ.ค. 2562 - 18:20:41 น.



.....ผมต้องยอมรับจริงๆเลยว่า....ข่าวคราวที่ได้ยินมาเกี่ยวกับบารมีในพุทธคุณของหลวงพ่อจากหนองคายองค์นี้....ข่าวแต่ละข่าวที่เกี่ยวกับท่านนั้น.....มักจะเป็นข่าวเกี่ยวกับการปกปักรักษาคุ้มครองชีวิตของผู้ที่มีความเชื่อ+ศรัทธาในองค์ท่านในยามที่ทุกๆคนเจอเหตุการณ์ที่คับขันอันตรายถึงชีวิตกัน....แต่ละรายจะมีพระรูปรอยท่านบูชาติดตัว/ติดรถ เป็นประจำครับ....

........เมื่อเกิดเหตุอันถึงอันตรายต่อชีวิตแล้ว.....เป็นอันแคล้วคลาดจากความตาย-เจ็บหนักๆกันทุกๆคน......จากข้อมูลข่าวหลายๆข่าวนานนับ 20-30 ปีที่ผมเเฝ้าสังเกตุผ่านมาเหล่านี้.....ทำให้พอสรุปแบบฟันธงชัดเจนลงไปได้เลยว่า.....หากพุทธศาสนิกชน-ไม่อยากตายโหงกันละก้อ......ขอให้ท่านได้บูชาพระเครื่องหลวงพ่อพระใส หนองคายติดตัว/ติดรถท่านไว้บ้างสักองค์-ผมว่าน่าจะเป็นพิมพ์ไหนก็ได้นะครับ-คนท้องถิ่นเขาว่าท่านศักดิ์สิทธิ์ทุกๆรุ่นเหมือนๆกันแหละ....แล้วท่านก็จะได้รับรู้เช่นผม-ที่ได้มีประสบการณ์นานมาแล้ว-ดังข้อความที่เล่าไว้ข้างบน......

........บูชาท่านติดตัว และใช้จิตที่สงบแน่วแน่ส่งถึงองค์ท่านขอพรจากท่านได้โปรดเมตตาให้การคุ้มครองมิได้ขาดเสมอมา-แล้วผลสำเร็จก็จะมีมาให้เห็นเมื่อถึงเวลาคุับขันนั้นเราจะรับรู้/สัมผัสได้เลยครับ...ว่าท่านมาช่วยเราเองโดยไม่ต้องเรียกร้องถึงท่านเลยครับ-ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นจริงได้นะ....ถ้าท่านไม่ได้เจอด้วยตัวเองสักครั้งเช่นที่ผมเจอมาแล้ว.......
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ข้อมูลเพิ่มเติม 3 - 03 พ.ค. 2562 - 18:54:16 น.



----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

…....(((เล่าสู่กันฟังเบาๆ)))......มานึกย้อนหลังไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา....มีเพื่อนที่ทำงานท่านหนึ่งถามผมว่า.....คุณๆจะมีวิธีไหนแนะนำให้ผมไปบอกภรรยาผมได้งัยบ้าง-เขาชอบให้ผมพาไปวัดโน้น วัดนี้ (เข้าใจว่าเขาคงจะทนเบื่อรับส่งมานานนะ...555) เพื่อไปเรียนการฝึกนั่งสมาธิ วัดโน้นวัดนี้เปลี่ยนไปเรื่อยๆไม่อยู่เป็นที่-แล้วก็บ่นว่าสำนักนั้น/สำนักนี้สอนนั่งสมาธิไม่ดี-คงหมายความว่าตัวภรรยาเขาไปฝึกนั่งสมาธิ/ฝึกเดินจงกรมเพื่อทำสมาธิ ณ สำนักนั้นๆแล้ว-จิตเขาไม่สามารถเข้าถึงซึ่งสมาธิได้เลย-เธอจึงกระเสือกกระสน-ให้สามีพาตะลอนเปลี่ยนไปวัดนั้นวัดนี้เรื่อยๆตามที่ได้ยินมาจากปากคนอื่นๆ-เพื่อเสาะหาวัดที่ว่า สามารถที่จะสอนให้เธอฝึกจิตจนสามารถเข้าถึงซึ่งสมาธิได้จนเป็นผลสำเร็จหรือเปล่านั่นเอง.....

.....ผมพิเคราะห์จากคำบอกของเพื่อนผู้เป็นสามีเธอแล้ว-เห็นว่าข้อแรก-จิตของเธอนั้นเป็นผู้ที่มีความตั้งใจสูงมีความมั่นคงแน่วแน่+และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะฝึกจิตเขาให้เข้าถึงซึ่งความสงบ-จนจิตเคลื่อนเข้าถึงขั้นสมาธิให้ได้-....นับว่าเป็นทุนเดิมที่เข้มแข็งอยู่แล้ว....ไม่น่าจะเป็นการยากที่จะแนะวิธีให้เธอลองไปคิดสรุปยอดหาหนทาง/วิธีที่จะนำไปปฏิบัติดู-อย่าทำมั่วไปทุกอย่างเสียเวลา-ไม่ได้ผลหรอก....

........โดยผมบอกให้เขาไปบอกภรรยาว่า-ผมแนะนำให้เขาลองหาข้อสรุปแยกรูปแบบของวิธีการฝึกเข้าสมาธิที่เขาได้เข้าไปเรียนจากสำนักต่างๆมา-ไม่ว่าจะเป็นวิธีเข้าสมาธิโดยวิธีการเดินจงกม/การนั่งสมาธิ/การนอนสมาธิ-ให้เห็นรูปแบบที่ชัดเจนเข้าใจง่ายดูสิว่าเขาเข้าใจว่ามันจะมีกี่วิธี-แล้วค่อยๆทดลองฝึกหาว่าแต่ละวิธีนั้น-จะมีวิธีไหนบ้างที่ถูกกับจริตเรา+และคิดว่าน่าจะเอามาใช้สำหรับตัวเอง...แล้วจงเอาวิธีนั้นมาใช้ประจำตัวเราตลอดไป......(สำหรับผมใช้วิธีกลั้นใจกำหนดจิต-ผ่านทะลุกลางกระหม่อมพุ่งทะลุขึ้นฟ้าไปสุดๆแล้วไปแตกสว่างที่ข้างบนโน่นเลยทีเดียวครับ-ไม่เสียเวลา-แค่อึดใจเดียวเท่านั้น-ไม่ต้องมาดูลมหายใจเข้าพุทธ-หายใจออกโธ/ หรือต้องมาฝึกเดินจงกม-ยก-ย่าง-วาง...ไม่บ่อยนักช่วงพักเที่ยงกลางวัน-กินข้าวเสร็จ-ผมก็จะนั่งสมาธิที่เก้าอี้ทำงาน-ขึ้นไปพักผ่อนสมองบนนั้นเบาสมองคลายเครียดได้-ดีกว่าฟุบหลับที่โต๊ะ))....

.....ผมบอกเพื่อนว่า.....การที่ภรรยาของเขาเที่ยวตระเวนเสาะหาวิธีการที่จะเข้าถึงซึ่งสมาธิให้ได้จากสำนักสอนต่างๆนั้น-ก็น่าจะเป็นการดี-เป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้หาความรู้/ได้เห็น วิธีการถ่ายทอด/วิธีการสอนของครูบาอาจารย์จากสำนักต่างๆ-ทำให้เราได้คิด-เกิดการเปรียบเทียบ และทำให้มีทางเลือกหลายวิธีที่จะเอามาลองฝึกดู-คิดว่าเธอก็น่าจะพบสัก 1 วิธีที่เข้าไปเรียนรู้มาจากสำนักไหนสำนักหนึ่งที่สอนวิธีต่างๆนั้นให้-ในบั้นปลายเธออาจจะพบกับวิธีที่ถูกกับจริตเธอและยึดถือเอามาเป็นต้นแบบใช้ในการฝึกของตัวเองเป็นประจำก็ได้......

......ผมแนะว่าเราไปเรียนรู้วิธีการปฏิบัติจากสำนักต่างมาก็หลายสำนัก....เราก็ต้องรู้จักหาข้อสรุปให้ได้ว่า-จุดมุ่งหมายของแต่ละสำนักนั้น-เขาต่างก็มีวิธีการถ่ายทอด/สอน-เพื่อให้จิตเราเข้าถึงสมาธิได้อย่างไร-มีวิธีที่แตกต่างกันอย่างไร-จะเห็นได้ว่าหลักใหญ่ๆก็คือ ทุกคำสอน/ทุกๆวิธีที่แต่ละสำนักให้ฝึกปฏิบัตินั้นต่างก็มีจุดมุ่งหมายสุดท้ายเหมือนกันคือ....เพื่อให้ผู้เข้ามาฝึกฝนได้ฝึกฝนจิตสงบรวมเป็นหนึ่งเดียว-จนจิตของเราสามารถเคลื่อนเข้าถึงซึ่งสมาธิได้ในที่สุดนั่นเอง.....

......แต่จะแตกต่างกันในวิธีการปฏิบัติที่สอนให้เดินทางไปถึงจุดสมาธินั้นได้อย่างไรเท่านั้นเอง....ซึ่งก็เป็นเทคนิคการถ่ายทอดให้แก่ศิษย์แต่ละสำนักได้เข้าใจกัน.....ไม่ว่าสำนักไหนจะมีวิธีการสอนให้นั่งภาวนาพุทโธ/สัมาอรหัง/ยุบหนอ-พองหนอ/เห็นหนอ/หรือสอนให้กำหนดจิตดูสัมผัสตามเส้นทางเดินเข้า-ออก ของลมหายใจที่ผ่านเข้าออกรูจมูกทั้งสองของเรา....หรือให้กำหนดจิต(นึกเอาเอง)เห็นอสุภะ-คือให้มองดูกายเราตั้งแต่หัวลงมา-หากถลกหนังหัวเข้าไปเห็นทีละชั้น-เห็นกะโหลก-เห็นสมอง ตามลำดับ ผม-ขน-เล็บ-ฟัน-หนัง....หรือการเดินจงกมโดยกำหนดจิตไว้ที่ปลายเท้าเมื่อย่างก้าวแต่ละก้าว-ก็ให้จิตมีสติอยู่ที่นั่นเพียงจุดเดียว-อย่าให้จิตส่าย-วอกแวก.....

.....นี่แหละครับ-คือวิธีการที่จะทำให้จิตของท่านนิ่งเป็นหนึ่งเดียวจนเคลื่อนเข้าสู่ความสงบ และเคลื่อนเข้าสู่สมาธิในที่สุด......ถ้าท่านทำจิตให้รวมอยู่ที่จุดเดียวได้จนสงบ จิตก็จะเคลื่อนเข้าสู่ความเป็นสมาธิโดยลำดับของเขาเองไปเรื่อยๆ....ต่อไปเราแค่พยุงสติเรา-โดยให้มีสติรู้ตัวเราว่าเป็นเราอยู่เสมอตามเขาเข้าไปเรื่อยๆ-อย่าเผลอปล่อยจิตให้ล่องลอย...ฝึกไปบ่อยๆ.แล้วท่านก็จะรู้ว่า.....มนุษย์เราๆทีมองเห็น/สัมผัสกันอยู่ทุกๆวันจนชินนี้.....มันสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วนได้นะครับ....มิใช่มีแค่ตัวตนเราเพียงหนึ่งเดียว.....จิตกับร่างกายของเราเป็นคนละส่วนกัน-สามารถแยกออกจากกันได้ครับ....จิตจะเห็นกาย-กายจะเห็นจิต...ต่างส่วนต่างเห็นกันได้.....หากท่านฝึกสมาธิจนเข้าถึงซึ่งสมาธิได้-แล้วท่านก็จะรู้/จะเห็นตามที่ผมว่ามานี้เอง........ขอพอ-ให้รู้แค่นี้ก่อนนะครับ-นี่ก็พูดลึกมากไปแล้ว......ทุกเวลานาทีที่อยู่ในสมาธิเราต้องมีสติอยู่ตลอดเวลาอย่าได้เผลอไผลยินดีกับสิ่งที่ได้พบ/เห็น-ให้ใช้ปัญญาพิจารณา-บอกได้แค่นี้ครับ..

......สรุปแล้วก็คือการรวมจิตให้เป็นหนึ่งอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งจนแน่นิ่งไม่ส่ายไปที่อื่นสักพักแล้ว-จิตของเราก็จะเข้าสู่สภาวะสงบ และเคลื่อนเข้าสู่สมาธิลึกๆตามลำดับเองครับ.....

......เราไปเสาะหา/เรียนรู้วิธีการที่จะทำให้จิตของเราสงบ-จนเข้าถึงซึ่งสมาธิได้-จากสำนักต่างๆได้......แล้วนำเอาวิธีนั้นๆมาลองฝึกปฏิบัติที่บ้านเราก็ได้.....บางที-ผมว่าท่านไม่จำเป็นต้องไปค้างแรมที่วัดเป็นเวลานานเช่นภรรยาของเพื่อนผมที่เขามาถามผมหรอก....ฝึกเองที่บ้านเราก็ได้ครับ-ไม่จำเป็นที่จะต้องไปอยู่ที่วัดในหมู่คนที่มากมาย+มากเรื่อง....เพียงแค่-ก่อนที่ท่านจะล้มตัวลงนอนทุกครั้ง….แค่วันละ 10-30 นาที.+ความตั้งใจมั่น....ใช้เวลาราวๆ 3 เดือนน่าจะรู้ผลกันแล้วครับ......

.......ถ้าท่านฝึกจนชำนาญคือจิตเราสามารถสงบนิ่งจน เข้า-ออก จากสมาธิได้กลับไปกลับมาจนชำนาญแล้ว.....ขั้นต่อไปท่านก็จะสนุก+อยากรู้อยากเห็นว่าในมิติใหม่ที่เราเพิ่งมาพบ/ซึ่งเป็นอีกโลกหนึ่งที่ต่างจากเรา/โลกหลังความตาย/โลกแห่งจิต-วิญญาณ-กายทิพย์-กายละเอียด -ผี (แล้วแต่สำนักไหนจะเรียกว่าอย่างไร) ที่ต่างจากเรานั้น....

.....เท่าที่ทราบมา....องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า.....วิธีที่จะฝึกจิตเราให้เข้าถึงซึ่งสมาธิได้มีอยู่ด้วยกัน 44 วิธี ((ต้องขออภัยต่อท่านผู้รู้ด้วย-หากคำบอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ของผมคลาดเคลื่อน-เพราะจำได้คลับคล้ายคลับคลา เท่านั้นครับ)) ให้ลองเลือกไปใช้ฝึกดูว่า-วิธีไหนจะถูกกับจริตของเรา-เมื่อพบแล้ว-ก็จงใช้วิธีนั้นนั่นแหละเป็นแนวทางถือปฏิบัติในการฝึกฝนต่อไป.....แล้วท่านก็จะประสบความสำเร็จแน่นอนครับ.....

......ศาสนาพุทธของเรา....เป็นศาสนาที่ว่าด้วยเรื่องของจิต/วิญญาณ-กายทิพย์/ผี+สติแล้วจะทำให้เกิดปัญญา ครับ.....ดังนั้นตัวตนของเราที่เป็นคน/มนุษย์กันอยู่ทุกวันนี้แยกออกเป็น 2 ส่วนจากกันได้นะครับ....ส่วนแรกคือร่างกาย/กายหยาบ/กายสังขาร แล้วแต่สำนักไหนจะเรียกว่าอย่างไร.....ส่วนที่ 2 คือส่วนที่เป็นจิตใจ/จิต/วิญญาณ/ดวงวิญญาณ/กายทิพย์/กายละเอียด/ผี ครับ....ส่วนที่เป็นจิตนี้-ขณะที่เรามีชีวิต-ถ้าท่านฝึกสมาธิได้สำเร็จ-ก็จะสามารถแยกออกจากร่างเป็นคนละส่วนได้อย่างชัดเจน....แต่ถ้ายังฝึกสมาธิไม่ได้ถึงขั้นจิตเข้าสู่ความเป็นสมาธิได้แล้ว....ท่านก็จะแยกออกจากกายไม่ได้/ได้ยาก-เว้นแต่เมื่อจิตท่านตกใจอย่างแรง-เวลานั้นบางท่านจิตก็สามารถออกจากร่างได้เช่นกัน.....แต่แน่นอนที่สุดเมื่อท่านตายลงไป-ดวงจิต/จิต/ดวงวิญญาณ/กายทิพย์/กายละเอียด/ผี (แล้วแต่สำนักไหนจะเรียกว่าอย่างไร) เขาก็จะแยกออกจากร่างไปโดยธรรมชาติของเขาเองครับ.....

..........การที่พุทธองค์ทรงตรัสให้เราชาวพุทธเราได้ฝึกนั่งสมาธิกัน....พระองค์ทรงทราบอยู่แล้ว่า....มนุษย์เราสามารถฝึกแยกจิตออกจากร่างของเราในขณะที่เรายังไม่ตาย-โดยผ่านการฝึกนั่งสมาธิให้สำเร็จได้-และจะได้รู้ได้เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่ปฏิบัติก็ไม่รู้-ดั่งพุทธองค์ทรงชี้ทาง/แนะ/โดยตรัสไว้ว่าสิ่งเหล่านี้....ปัจจัตตังเวธิตัพโพ....เป็นสิ่งที่รู้ได้ด้วยเฉพาะตัวเอง-จะบอกให้คนอื่นรู้+ให้เชื่อแบบที่เรารู้/เห็นมาไม่ได้-เพราะภูมิธรรมเราไม่เท่ากัน-บอก/สอนกันไปไม่รู้เรื่องแน่นอน-เผลอๆทะเลาะกันเปล่าๆ-เพราะหาว่าอีกฝ่ายที่บอกว่าบ้า/เพ้อเจ้อ-จะเกิดการเหยียดหยามเยาะเย้ย-ถากถาง-ดูแคลนกันครับ...เพราะภูมิธรรมไม่เหมือนกัน.....พุทธองค์ ถึงทรงต้องห้าม ยิ่งกับสงฆ์สาวกของพระองค์แล้ว กำหนดเป็นโทษปรับขั้นปาราชิก .เรียกว่าผิดศีล อวดอุตริมนุษย์ธรรม ต้องขาดจากความเป็นพระตลอดชีวิต ผมเองถึงจะเป็นฆราวาส แต่ก็ไม่สมควรที่จะบอก/พูดอะไรที่ได้รู้ได้เห็นมาขากการเข้าสมาธิให้ท่านได้รู้เช่นกันกับพระแต่ก็พูด/บอกท่านได้ในบางเรื่องบางอย่าง....ในนั้นก็มีกฏเกณฑ์ของเขา+และด้วยมารยาทของเราด้วยที่จะไม่บอก-ถึงแม้จะไม่มีกฏข้อห้ามใดๆครับ.......ถ้าท่านอยากรู้ตามที่ผมบอกมา-ก็ขอให้ฝึกนั่งสมาธิกันเอาเอง-เมื่อได้แล้วท่านก็จะรู้+เข้าใจตามที่ผมว่ามากันเองนะครับ.....ผมขอเป็นกำลังใจให้กับสมาชิกทุกๆท่านที่ตั้งใจจะลองฝึกปฏิบัติสมาธิกันนะครับ.....ผมบอกได้ว่าไม่ยากเกินกว่าที่ท่านจะสามารถทำกันได้ครับ....ผมทำมาได้กว่า 30 ปีแล้ว....ทุกท่านทุกคนก็ทำกันได้เช่นกัน.....ขอให้มีความมั่นคงในจิตเท่านั้นก็จะสำเร็จแน่นอน.....

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

........เพื่อบันทึกเหตุการณ์ในแต่ละครั้งไว้เป็นหลักฐาน+ประวัติ-ว่าได้มีการอัญเชิญญาณขององค์เทพอาจารย์ปู่ต่างๆ/ญาณขององค์พระพุทธปฎิมา/หลวงพ่อต่าง.....ลงประทับร่างของอาจารย์ฆราวาสสายทอง อยู่สุข-เสกวัตถุมงคลให้จริงๆ....ผมจึงต้องมีการขยาย+ติดรูปของวัตถุมงคลบางพิมพ์ที่นำเข้าเสกซ้ำเหล่านี้ไว้เป็นประวัติ-หลักฐาน....เช่นการพุทธาภิเศก ที่วัด/เกจิ ท่านเสก/อธิษฐานจิตให้แก่วัตถุมงคลต่างๆ เช่นกันครับ.....

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

.............((ขอบอกครับ)).....ท่านอย่าได้เป็นชาวพุทธเฉพาะแต่ในข้อมูลทะเบียนราษฏร์กันนะครับ......ขอให้ทำตัวเป็นชาวพุทธที่เข้าถึงพุทธะกันจริงๆ.....ด้วยการปฎิบัติบูชา....คือการนั่งสมาธิกันให้ได้.....แล้วท่านจะรู้ว่าพุทธแท้ๆนั้นเป็นอย่างไร.....ผลที่ตามมามากมายมหาศาลเลยครับ ((สมเด็จฯพระญาณสังวรท่านเคยนิพนธ์กล่าวไว้ว่า พุทธองค์ ตรัสไว้ว่า การทำบุญด้วยการปฎิบัติบูชาโดยการฝึกนั่งสมาธิจะได้บุญมากกว่าการทำบุญอย่างอื่น..... ((ผู้ที่ทำสมาธิเพียงให้จิตสงบ นานเพียงชั่วไก่กระพือปีก ช้างกระดิกหู งูแลบลิ้น จะได้อานิสงส์มากกว่าพระที่บวชรักษาศีลครบ 227 ข้อ ไม่เคยขาด+ไม่ด่างพร้อย นานถึง 100 ปี))......ขอเพียงท่านสมาชิกมีความเชื่อมั่น และมีความศรัทธาในหัวใจเต็มเปี่ยมจริงๆ แล้วท่านก็จะได้รับรู้สิ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นไปได้ครับ....

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


 
ราคาปัจจุบัน :     338 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     10 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    hassa2521 (332)(6)

 

Copyright ©G-PRA.COM
www1