ชื่อพระเครื่อง | *เคาะเดียว* ๖ องค์ : พระผงอุปัจเทยยะ หลวงพ่อหนุน สุวิชโย วัดพุทธโมกขพลาราม จ.สกลนคร สายหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง |
รายละเอียด | *เคาะเดียว* ๖ องค์ : พระผงอุปัจเทยยะ หลวงพ่อหนุน สุวิชโย วัดพุทธโมกขพลาราม จ.สกลนคร สายหลวงพ่อฤๅษีลิงดำ วัดท่าซุง
ที่ระลึกงานบุญหล่อ พระพุทธอุปัจเทยยะ ชำระหนี้สงฆ์พร้อมปิดทองและสร้างวิหารประดิษฐานพระอุปัจเทยะ วัดพุทธโมกพลาราม จ.สกลนคร
ด้านหน้า เป็นรูปองค์ หลวงพ่ออุปัทเทยยะ พร้อมยันต์อุปัทเทยยะ ทั้งซ้าย-ขวา
ด้านหลัง เป็นรูปเหมือน หลวงพ่อหนุน สุวิชโย พร้อมยันต์ นะมะพะทะ คือ ธาตุ ๔
ยันต์อุปัจเทยยะ เป็นยันต์ของพระพุทธเจ้าในอดีตนานมากแล้วเป็นภาษาโบราณ มีความศักดิ์มาก
หลวงพ่อจะใช้เป็นยันต์ประธาน ในการลงวัตถุมงคลต่างๆ
มีพุทธคุณสมปรารถนาสำเร็จทุกประการ อธิษฐานได้ทุกเรื่องๆ
ถ้าให้ดี ท่องคาถาสมปรารถนา ของหลวงพ่อก่อน
อุปัจเทยยะ อาจาริยะ สุวิชโย วิสุทธิเทวา
ประสิทธิเม มหาพรหมมา มหาเทวา รักขะตุ สัพพะทา
พิธีพุทธาภิเษก ๒ วาระ
วาระแรก วันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๖๒ งานหล่อหลวงพ่ออุปัจเทยยะ ๔ ศอก ที่วัดพุทธโมกขพลาราม จ.สกลนคร
วาระที่ ๒ วันที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๒ มหาพุทธาภิเษก ข้ามคืน ในงานปริวาสกรรม โดย หลวงพ่อหนุน สุวิชโย นำคณะพระกว่า ๔๐๐ รูป ทำพิธีบวงสรวงอัญเชิญบารมี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ เทพเทวดาพรหม ครูบาอาจารย์มาร่วมประสิทธิ์ประสาท ในงานมหาพุทธาภิเษกอธิษฐานจิตข้ามคืน ที่วัดพุทธโมกพลาราม จ.สกลนคร
....................................................................
ขอนำประวัติพระอุปัทเทยยะจาก
วัดนาเดื่อ บ้านนาเดื่อ
ตำนานพระพุทธรูปลึกลับดำดินและยันต์อุปัทเทยยะ อันลือลั่น.! แห่งวัดพุทธโมกฯ
(พระพุทธรูป-ยันต์ คู่บารมีหลวงพ่อหนุน)
ก่อนจะพาคุณผู้อ่านโลดแล่น เข้าสู่เนื้อหาที่ลึกลงไปกว่านี้
ผู้เขียนอยากบอกว่า หากใครอ่านแล้วจะรู้สึก"ปรามาส" ก็แล้วแต่นะ ตาม ฉะ บาย ย
O.บทที่ ๑ ตอน พระพุทธรูปลึกลับดำดิน.O
....ดึกสงัด..หลังจากทำวัตรเสร็จ ๔ ทุ่ม ในคืนเดือนหงายของช่วงฤดูหนาวที่ผ่านพ้น ราวๆปี ๒๕๒๔-๒๕๒๕ (จำพ.ศ.ไม่ได้) ณ ภายในวิหารสวดมนต์วัดพุทธโมกฯ (หลังที่ว่านี้ อยู่ด้านหน้าโบสถ์หิน สมัยนั้นมุงด้วยหญ้าคา)
"ตอนนี้พระพุทธรูปองค์นั้นได้เสด็จมาถึงวัดพระคุณเจ้าแล้ว"
เสียงพูดของเด็กวัดรุ่นใหญ่วัยหนุ่มดังขึ้น ซึ่งเขากำลังคุยอยู่กับหลวงพ่อหนุนนั่นเอง ทั้งสองหันหน้าเข้าหากันในระยะห่างพอประมาณ แต่จะคุยกันด้วยเรื่องอะไรนั้น ผู้เขียนซึ่งนอนเล่นอยู่ใกล้ๆในระยะห่างประมาณ ๒ วา(อยู่ไกลไม่ได้กลัวผี555) ก็ไม่ได้สนใจอะไรตามประสาเด็กๆ (ตอนนั้นผู้เขียนอายุได้ประมาณ ๙-๑๐ ขวบ) แต่พอได้ยินประโยคที่ว่า "ตอนนี้พระพุทธรูปองค์นั้นได้เสด็จมาถึงวัดพระคุณเจ้าแล้ว" ประโยคนี้แหละที่กระตุ้นเร่งเร้าให้ผู้เขียนหันมาสนใจในบุคคลทั้งที่ ๒ ว่า เอ๊ะ..ผู้ใหญ่ ๒ คนนี้กำลังคุยเรื่องอะไรกัน? และสิ่งที่ชวนให้เกิดความพิศวง ชวนสงสัยอีกอย่างก็คือ..ตาเด็กวัดรุ่นพี่แข็ง..ไม่กะพริบ.!!?? (มาเข้าใจในภายหลังว่า อาการแบบนั้นเป็นอาการของพวกพรหมเขาลงมาประสานจิต หรือใช้กำลังฤทธิ์ควบคุมนั่นเอง แต่คนไทยเรานิยมเรียกว่า สิง หรือ เข้าสิง)
สักพักก็เห็นผู้ใหญ่ทั้ง ๒ หยุดคุยกัน แล้วก็จัดแจงแต่งดอกไม้ ๕ คู่ เทียนเบี้ย ๕ คู่ ใส่จาน แล้วพากันลุกเดินออกไปข้างนอก โดยมุ่งหน้าไปด้านทิศใต้บริเวณลานธรรมปริวาสฯ ซึ่งแต่ก่อนข้างๆลานธรรมนี้จะมีคลองน้ำธรรมชาติ อันเกิดจากการไหลเซาะของน้ำ หากเป็นช่วงหน้าแล้งคลองที่ว่าจะแห้ง และมีหาดหินลูกรังก้อนเล็กๆน่านังเล่นมาก ตอนนี้ผู้เขียนจึงอดไม่ได้ที่จะต้องลุกเดินตามไปดูด้วยความอยากรู้ โดยมีเด็กวัดรุ่นพี่เป็นผู้เดินนำทาง ตามด้วยหลวงพ่อหนุนถือขันธ์ดอกไม้เดินอยู่กลาง แล้วก็ผู้เขียนเดินรั้งท้าย(อย่างกระชันชิดพระกลัวผี)
สักพักก็มาถึงคลองน้ำ (ในปัจจุบัน จะเป็นบริเวณด้านขวามือหลังพระประธานลานธรรมปริวาสฯ)
พอลงมาไปถึงคลองก็เลี้ยวขวา เดินเลาะไปตามหาดหินลูกรัง เดินไปสักพักประมาณ ๓๐ วา เด็กวัดรุ่นพี่ก็นิ่ง ซึ่งมีความหมายว่า "ถึงแล้ว" จากนั้นหลวงพ่อหนุน
ก็นั่งลงด้วยอาการสำรวมระวังตั้งใจ วางขันดอกไม้ลง จากนั้นท่านก็ใช้มือทั้งสองข้าง คุ้ยหินลูกรังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่า ตอนนี้ผู้เขียนพยายามเพ่งสายตาฝ่าแสงจันทร์ในคืนเดือนหงายเพื่อที่จะเห็นให้ได้ว่า พระอาจารย์ท่านคุ้ยหาอะไรกัน.!? บรรยากาศตอนนั้น ดู สงบ..เงียบงัน..คุ้ยลึกลงไปไม่ถึงศอก ทันใดก็ปรากฎว่ามีวัตถุลักษณะกลมๆ มียอดแหลมๆ โผล่ปรากฎแก่สายตา. แม้ว่าแสงจันทร์คืนนั้นอาจจะให้ความสว่างได้ไม่มากนักก็ตาม แต่ลักษณะของสิ่งที่เห็นนั้น ทำให้ผู้เขียนมั่นใจร้อยเปอร์เซนว่า สิ่งนั้นคือ เศียรพระพุทธรูป.!! ผู้เขียนอุทานในใจ อ๋อ ที่แท้พวกผู้ใหญ่พากันมาเอาพระพุทธรูปนี่เอง
แล้วหลวงพ่อหนุนก็ใช้สองมือช้อนพระพุทธรูปองค์นั้นขึ้นมาด้วยอาการเคารพและระมัดระวังมาก ต่อจากนั้นจึงได้อุ้มองค์พระเข้าปะดิษฐานในวิหารเพื่อสักการะบูชา โดยมีเด็กวัดรุ่นใหญ่และผู้เขียนเดินตามมาติดๆ
พอวันต่อมาหลวงพ่อหนุนจึงสังเกตุดูเนื้อหรือลักษณะขององค์พระพุทธรูปว่ามีลักษณะอย่างไร จึงพอสรุปได้ว่าเป็นพระพุทธรูปเก่าแก่โบราณเนื้อดินเผา ฐานขององค์พระกว้างประมาณคืบ และพอพลิกใต้ฐานองค์พระขึ้นมาดู จึงได้เห็นอักขระโบราณประมาณ ๕-๖ ตัว
ซึ่งหลวงพ่อหนุนท่านเองก็อ่านไม่ออก
จากนั้นหลวงพ่อหนุนจึงได้นำองค์พระไปให้หลวงปู่เกตุ หรือท่านพระครูพิศาลสิกขยุต อดีตเจ้าอาวาสวัดยอดลำธารบ้านนาแก้ว ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ในละแวกรูปหนึ่งที่หลวงพ่อหนุนนับถือท่านอย่างมากได้ดู หลวงปู่เกตุ ท่านได้เมตตาอ่านและถอดใจความของอักขระนั้นว่า เป็นภาษาโบราณ แปลเป็นภาษาบาลีอ่านว่า อุปัทเทยยะ แปลจากบาลีมาเป็นภาษาไทยว่า ปราศจากอุปัทวันตรายต่างๆ(แนวๆนี้แหละ)
หลายๆวันต่อมา..ในทุกๆวันพระหรือวันธรรมดาที่มีพระ-เณร-โยม ไปวัดตอนกลางวันหรือไปฝึกพระกรรมฐานตอนกลางคืน หลวงพ่อหนุนท่านจึงมักจะนำเล่าที่มาของพระพุทธรูปลึกลับองค์นี้ให้บรรดาพระ-เณร-โยม ได้ฟังกันตามที่เวลาและโอกาศจะเอื้ออำนวย ว่าพระพุทธรุปองค์นี้มีที่มายังไง เหตุใดถึงได้ดำดินมาโผล่ที่วัดพุทธโมกฯ และอาศัยที่ผู้เขียนอยู่กับท่านประจำ(เฉพาะช่วงวัยเด็ก)พอได้ยินท่านเล่าบ่อยครั้งเข้า จึงทำให้ผู้เขียนพอจะลำดับเรื่องราวได้ดังต่อไปนี้...
oooooo
โปรดติดตามอ่านบทที่
๒ ตอน: หลวงพ่อหนุนผจญถ้ำคอยหาย(ใครเข้าไปแล้วไม่ได้กลับออกมา)..
หมายเหตุ แรงบันดาลใจที่ทำให้ผู้เขียน เขียนเรื่องนี้ขึ้นมาเพราะ
๑. กลัวจะเลือนหายไปจากความทรงจำ คงเพราะผู้เขียนอายุมากขึ้น(ปี ๒๕๖๐ ครบ ๔๓ ปี)
๒. ผู้อยู่ในเหตุการณ์คืนนั้นมีน้อยและแต่ละท่านก็จำวันเวลาคลาดเคลื่อนเสียแล้วผู้เขียนสังเกตุจากเวลาหลวงพ่อหนุนเล่าในงานปริวาสฯยุคปัจจุบัน ช่วงวันเวลาที่ท่านเล่าจะคลาดเคลื่อนไป เป็น ๑๐ ปี และพระเณรที่ทันยุคนั้น ปัจจุบันนี้ ยังเหลือแต่
๑.๑. พระครูอุดมธีรคุณ วัดสามัคคีเทวนาราม บ.หนองผือน้อย อ.กุสุมาลย์ จ.สกลฯ
๑.๒. หลวงตาเชย วัดป่าสันติวนาวาส บ.หนองกุง ต.ภูเงิน อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด
๑.๓. หลวงตาคง >>กองงานเลขาหลวงพ่อหนุน วัดพุทธโมกพลาราม บ้านนาเดื่อ<<
๓. มีญาติโยมผู้มีจิตศรัทธา คิดอยากจะสร้างพระพุทธรูปองค์นั้น(ขอเรียกท่านว่าหลวงพ่ออุปัทเทยยะละกันนะ)เป็นแบบจำลอง เพื่อให้มหาชนได้นำไปสักการะบูชาบ้าง เลยโทรมาถามประวัติพระพุทธรูปจากผู้เขียน ผู้เขียนเลยรับปากไปว่า ขอเวลาทบทวนความจำแล้วจะโพสท์ให้อ่านกัน
..ด้วยความหัวใจที่เคารพสักการะในคุณความดี ที่สถิตทั่วอนันตจักรวาล..
(((อึ่งอ่างสามฤดู เลือดนาเดื่อทุกอณูเนื้อ เชื้อเพลิงไม่ต้อง))) |
ราคาเปิดประมูล | 120 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 130 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 10 บาท |
วันเปิดประมูล | - 19 ต.ค. 2562 - 15:33:19 น. |
วันปิดประมูล | - 20 ต.ค. 2562 - 18:47:19 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
ผู้ตั้งประมูล | Somya_See (313)
|