(0)
หลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย รุ่นสอง ปี2512 พิมพ์อุปคต (บัวเข็ม)








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องหลวงพ่อพระใส วัดโพธิ์ชัย จ.หนองคาย รุ่นสอง ปี2512 พิมพ์อุปคต (บัวเข็ม)
รายละเอียดเชิญร่วมประมูลสมทบทุนเป็นเจ้าภาพ ผ้าป่าสามัคคี วัดป่าศรีสุพจน์วนาราม อ.วังสามหมอ จ.อุดรธานี
รายได้จากการตั้งประมูลทั้งหมดไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆสมทบทุนในซองผ้าป่าสามัคคีทุกบาทครับผม
ราคาเปิดประมูล1 บาท
ราคาปัจจุบัน1,001 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ10 บาท
วันเปิดประมูล - 19 ต.ค. 2563 - 21:39:54 น.
วันปิดประมูล - 20 ต.ค. 2563 - 22:08:36 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลลูกพระใส (2.3K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 19 ต.ค. 2563 - 21:43:28 น.



พระบัวเข็มหรือพระอุปคุต พระผู้ขจัดอุปสรรค เป็นพระบูชาที่นิยมกันมากในกลุ่มชาวอินเดีย มอญ และชนชาวภาคเหนือ ภาคอีสาน พระบัวเข็มเริ่มเป็นที่รู้จักในหมู่คนไทย เมื่อครั้งพระมอญนำพระบังเข็มมาถวายพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๔ ซึ่งในขณะนั้นยังทรงผนวชเป็นพระภิกษุ) ในสมัยรัชกาลที่ ๓

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ ๕) ทรงกล่าวถึงความเป็นมาและความศักดิ์สิทธิ์ ตลอดจนอานิสงส์ที่ได้รับจากการบูชาพระบัวเข็มอย่างน่าสนใจ ในหนังสือ “พระราชพิธีสิบสองเดือน” พระราชนิพนธ์ของพระองค์ ซึ่งทรงพระราชนิพนธ์เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๓๑ นับเป็นเวลากว่า ๑๐๐ ปีมาแล้ว

พระบัวเข็มหรือพระอุปคุต นับเป็นพระอรหันต์พุทธสาวกหลังพุทธกาลถึง ๒๐๐ กว่าปี มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจ กล่าวคือ ตอนสมัยที่ยังไม่บวช ช่วยพ่อแม่ค้าขายในตลาดที่เมืองมถุรา (อินเดีย) ปรากฏว่า ประสบความสำเร็จดีมาก มีลูกค้ามาอุดหนุนมากมาย เงินทองเข้าบ้านตลอด ต่อมาบวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา มีความตั้งใจเจริญวิปัสสนากรรมฐานโดยลำดับ จนกระทั่งบรรลุพระอรหันตผล สำเร็จเป้นพระอรหันต์ เป็นพระอาจารย์สั่งสอนสมถกรรมฐานและวิปัสสนากรรมฐาน ลูกศิษย์ลูกหาถึง ๑๘,๐๐๐ รูป เล่ากันว่าท่านชอบจำพรรษาที่ใต้มหาสมุทร (สะดือทะเล)

ชื่อเสียงความรู้ความสามารถของท่านเผยแพร่สะพัดไปจนทราบถึงพระกรรณของพระเจ้าอโศกมหาราช พระองค์จึงเสด็จไปอาราธนาท่าน ให้มาคุ้มครองความเรียบร้อยในงานพิธีฉลองพระสถูปเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ๔๘,๐๐๐ องค์ ระหว่างนั้นมีพญามารมาก่อกวนในงานพิธี พญามารตนดังกล่าวคือ พระยาวัสวดี คู่อริของพระพุทธเจ้าเมื่อคราวจะตรัสรู้ พญามาตนนี้แหล่ะที่จะมาแย่งชิงรัตนบังลังก์ จนพระองค์ต้องตรัสเรียกนางสุนธรา แม่พระธรณีขึ้นมาเป็นพยาน โดยบีบมวยผมน้ำกรวด )ที่พระพุทธเจ้าทรงกระทำทุกครั้งที่ทรงบำเพ็ญกุศล) ไหลออกมาเป็นทะเลหลวงท่วมทับเสนามาทั้งหลายให้จมวอดวาย กระแสน้ำได้ซัดช้างคีรีเมขล์ให้ถอยร่นไปติดขอบจักรวาล พญามารวัสวดีตกตะลึงเป็นเป็นอัศจรรย์ จึงประนมหัตถ์ขึ้นถวายนมัสการ ยอมปราชัยพ่ายแพ้บุญบารมีของพระพุทธองค์ พญามารมาก่อกวนทำลายพิธีครั้งนี้ เข้าใจว่าเมื่อไม่มีพระพุทธเจ้า (เพราะเสด็จปรินิพพานไป ๒๑๘ ปีแล้ว) คงไม่มีใครขัดขวางได้ ปรากฏว่าถูกพระอุปคุตเนรมิตสุนัขเน่ามีกลิ่นเหม็นคลุ้งเต็มไปด้วยหมู่หนอนยั้วเยี้ยน่าขยะแขยง เอาไปหาเทพยดา พระอินทร์ ท้าวจตุโลกบาลมหาราช ตลอดจนพระพรหมก็ไม่อาจแก้พันธนาการนี้ได้

ในที่สุดพญามารจึงจำใจกล้ากลับมาหาพระอุปคุต เข้าไปกราบแทบเท้าของพระอุปคุตกล่าวรับสารภาพผิด แต่ก่อนจะแก้เอาสุนัขเน่าออกได้ พระอุปคุตเห็นว่าควรจะมัดพญามารไว้ก่อน โดยมัดติดกับภูเขา จนกว่างานพิธีของพระเจ้าอโศกมหาราชจะเสร็จสิ้น เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้พญามารถึงกับรำพึงว่า “ตัวเรานี้ผจญกับพระพุทธเจ้ามานักต่อนัก ไม่เคยมีเลยว่าพระพุทธเจ้าจะทำกับเราอย่างนี้ พระอุปคุตเป็นเพียงพุทธสาวกทำกับเราได้ขนาดนี้"

พระอุปคุตจึงกล่าวว่า “ดูก่อน พญามาร อาตมากับท่านเป็นคู่มรมานกัน เพราะเหตุนี้จึงไม่มีกรุณา การกระทำโทษแก่ท่านครั้งนี้ เพื่อจะยังใจให้ท่านมีจิตยินดีปรารถนาพุทธ๓มิ และพระพุทธเจ้าได้ตรัสพยากรณ์ไว้ว่า พระอุปคุตเถระจะได้ทรมานพระยาวัสวดีมาร ให้ละพยศหมดความอหังการ สิ้นความร้ายกาจในอนาคตกาล พญามารนั้นจะปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้าในภายหน้า ขอท่านจงตั้งใจละจิตบาทเสีย อย่าได้กระทำกรรมบาปต่อไปเลย”

ด้วยเหตุนี้ คนทางเหนือและทางอีสาน ตลอดจนชาวมอญ ต่างนิยมสร้างรูประอุปคุตบูชากันอย่างสนิทใจ คติคนโบราณนั้นจนถึงปัจจุบัน หากมีงานหรือพิธีสำคัญ ๆ ต้อกราบอาราธนาท่านพระอุปคุตออกมาตั้งบูชาไม่ให้อุปสรรคเกิดขึ้น หรือชีวิตท่านผู้ใดมีอุปสรรคก็ต้องบูชาสักการะพระอุปคุตขอพรจากท่าน ย่อมบังเกิดความราบรื่นในการดำเนินชีวิตอย่างน่าอัศจรรย์

หากสัปเหร่อเมื่อเจอผีดุ ๆ ก็ยังต้องใช้ พระคาถาพระมหาอุปคุตผูกมาร เพื่อไม่ให้ผีดุอาละวาด ดังนั้น หากท่านผู้ใดมีโอกาสนำพระอุปคุตหรือพระบัวเข็ม ไปบูชาสักการะประจำบ้านหรือที่ทำงาน ย่อมเป็นนิมิตแห่งการก้าวพ้นอุปสรรคปัญหาต่างๆ (หมายถึงอุปสรรคต่างๆ หมดไป) และบังเกิดโภคทรัพย์สมบัติมั่งมีเงินทองลาภผลพูนทวี เนื่องจากพระบังเข็มหรือพระอุปคุต เป็นพระอรหันตสาวกแห่งโชคลาภ ทั้งยังรอดพ้นจากศัตรูและภยันตรายได้

ประวัติความเป็นมา “พระอุปคุต หรือ พระบัวเข็ม”

ความเชื่อว่าพระมหาเถรอุปคุตเป็นพระอรหันต์ที่มีฤทธิ์อำนาจในทางปราบมาร บันดาลโชคลาภ นามพระอุปคุต แปลว่า “ผู้คุมครองรักษา” พระอุปคุตชอบวิเวกสงบ ท่านจึงเข้านิโรธสมาบัติ จำพรรษาอยู่ในกุฎิเรือนแก้ว กลางสดือทะเล โบราณจารย์มักจะสร้าง เป็นรูปพระอุปคุตแตกต่างกันไปหลายรูปแบบ เช่น นั่งอยู่ภายในกุ้ง หอย ปู ปลา หรือพระบัวเข็มอันเป็นสัญลักษณ์สำคัญทำให้ศรีษะแหลม เพราะที่ศรีษะคลุมด้วยใบบัวมีลักษณะแหลม จึงเรียกกันว่าพระบัวเข็ม พระอุปคุตรุ่นเก่าจะนิยมสร้างเป็นเนื้อสัมฤทธิ์ โละผสม ศิลปะเขมร เชื่อว่าพระอุปคุตมีอนุภาพในทางมหาอำนาจ ปราบศัตรูหมู่มารทั้งหลาย ป้องกันภยันตรายโดยเฉพาะภัยทางน้ำ และมีประสบการณ์ปาฏิหาริย์ ปรากฏหลายครั้งว่าผู้ที่มีพระอุปคุตบูชาอยู่กับตัวจะแคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพันชาตรี มหาอุด และโชคลาภ เมตตามหานิยม จึงทำให้มีผู้แสวงหาพระอุปคุตมาสักการบูชากันอย่างแพร่หลาย นอกจากนี้ยังใช้อาราธนาทำน้ำมนต์ป้องกันแก้ไขอาถรรพณ์จัญไร ถูกกระทำด้วยคุณไสยศาสตร์ต่าง ๆ

พระอุปคุตเถระ เป็นพระอรหันต์ที่ทรงมหิทธานุภาพ เป็นศิษย์ของพระมหากัสสปะ ชอบความวิเวกเข้านิโรธสมาบัติอยู่ภายในกุฎิเรือนแก้วใต้ทองทะเลลึก และไปบิณฑบาตในเมืองปาตลีบุตรเป็นประจำ เรื่องราวของท่านปรากฏเมื่อพระพุทธองค์ปรินิพพานไปแล้ว ๒๑๘ ปี พระอุปคุตเกิดในตระกูลพ่อค้า อยู่ในเมืองมถุราแคว้นสุรเสนะ มีพี่น้อง ๓ คน วันหนึ่งกำลังยืนขายเครื่องหอมอยู่ที่ร้าน มีพระอรหันต์รูปหนึ่งมากล่าวธรรมกถาทำให้พระอุปคุตเกิดดวงตาเห็นธรรม บรรลุเป็นพระอริยบุคคลชั้นโสดาบัน จึงขออนุญาตพ่อแม่ออกพรรพชาอุปสมบท มุ่งบำเพ็ญเพียร กระทั่งบรรลุเป็นพระอรหันต์อิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์มาก มีศิษย์เป็นพระอรหันต์ถึง ๑๘,๐๐๐ รูป

ก่อนพระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ได้ทรงพยากรณ์ไว้ว่าพระอุปคุตจะเป็นผู้ทำหน้าที่สืบทอดและพิทักษ์พระพุทธศาสนาประดุจดังพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ภายหน้าจะเป็นผู้ปราบพญามารที่คอยมาทำลายงานพิธีกรรมต่าง ๆทางพระพุทธศาสนา และพญามารจะคลายมิจฉาทิฏฐิละพยศยอมเข้ามาอยู่ในบวรพระพุทธศาสนา และพญามารจะแสดงอิทธิฤทธิ์เนรมิตตนเองแสดงให้เห็นเป็นรูปพระพุทธเจ้า เมื่อครั้งทรงพระชนม์ชีพอยู่ให้บรรดาพระสงฆ์สาวกได้เห็นเป็นอัศจรรย์ ต่อมาพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาได้สร้างวิหารและสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ กำหนดจัดให้มีการสมโภชครั้งใหญ่ตลอด ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน เพื่อให้งานสมโภชสำเร็จเรียบร้อยด้วยดี จึงขอให้พระสงฆ์ขีณาสพที่ทรงอิทธิฤทธิ์เป็นผู้คุ้มครองงานให้ปราศจากอุปสรรคปัญหาต่าง ๆ คณะสงฆ์ในนครปาตลีบุตร จึงตกลงกันว่าให้ไปอัญเชิญพระอุปคุตเถระที่จำพรรษาอยู่กลางสดือทะเลมาช่วยรักษาความปลอดภัยในงานสมโภชพระสถูปเจดีย์พระอุปคุตเถระรับนิมนต์ พระเจ้าอโศกมหาราช เห็นว่าท่านมีร่างการผายผอมอ่อนแอ เกรงจะทำหน้าที่ไม่สำเร็จจึงทดสอบฤทธิ์ด้วยการปล่อยช้างตกมัน ให้วิ่งมาทำร้ายระหว่างพระอุปคุตกำลังบิณฑบาตช้างก็ถูกพระอุปคุตสะกดให้แข็งเป็นหินนิ่งอยู่กับที่ ทำให้พระเจ้าอโศกมหาราชเลื่อมใสศัทธามากครั้นถึงงานสมโภชพระสถูปเจดีย์พญาวสวดีมารก็มุ่งมาทำลายงานสมโภช โดยใช้ฤทธิ์อำนาจของตนเอง ในที่สุดพระอุปคุตเถระก็ปราบมารจนสิ้นฤทธิ์ พระอุปคุตอธิฐานประคตเอวเป็นโซ่รัดพระญามารไว้กับภูเขา และเนรมิตให้ซากสุนัขเน่าไปคล้องคอพญามารไว้ไม่มีใครสามารถช่วยพญามารได้ เสร็จงานสมโภชแล้วพระอุปคุตจึงปล่อยพระญามาร ทำให้พญามารเลื่อมใสศัทธาอธิฐานเข้าสู่บวรพระพุทธศาสนาและตั้งจิตอธิฐานปรารถนาสำเร็จเป็น พระสัพพัญญู ในอนาคต

พระอุปคุตจึงขอให้พระญามารเนรมิตการเป็นรูปพระพุทธเจ้าเพื่อให้พระสงฆ์สาวกได้เห็นเหมือนเมื่อครั้งที่พระองค์ยังคงมีพระชนม์ชีพพญามารก็แสดงฤทธิ์เนรมิตกายเป็นพระพุทธเจ้าให้พระสงฆ์สาวกนับแสนรูปได้เห็นเป็นที่เจริญศัทธายิ่งนักตั้งแต่นั้นมาจึงถือคติว่าพระอุปคุตเป็นพระอรหันต์มีฤทธิทางปราบมาร บันดาลโชคลาภ ได้มีการสร้างรูปพระอุปคุตเป็นวัตถุมงคลรูปแบบต่าง ๆ ทั้งพระกริ่งอุปคุต พระบัวเข็ม พระอุปคุตบูชา พระอุปคุตจกบาตร

ปัจจุบันยังมีความเชื่อว่าพระอุปคุตยังมีชีวิตอยู่ ทุกวันเพ็ญขึ้น ๑๕ ค่ำตรงกับวันพุธ ชาวล้านนาจะเรียกว่า “วันเพ็งปุ๊ด” พระอุปคุตจะออกมาบิณฑบาตในร่างของเณรน้อย โดยจะออกมารับบาตรเวลาเที่ยง ทำให้เกิดประเพณีตักบาตรกลางคืนด้วยข้าวสาร อาหารแห้ง ดอกไม้ธูปเทียน เชื่อว่าผู้ใดได้ใส่บาตรพระอุปคุตจะพ้นจาก ความยากจนเข็ญใจ หายเจ็บหายไข้ มีโชคลาภ เจริญรุ่งเรือง มีสติปัญญาเฉียบแหลม ในงานพิธีกรรมต่าง ๆ จะมีการตั้งหอพระอุปคุตไว้ โดยสมมติว่าเชิญท่านมาจากท้องทะเล มหาสมุทร ใช้ก้อนหินจากแม่น้ำวางไว้บนหอสูง มีเครื่องอัฏฐบริขารพร้อม และจัดถวายภัตตาหารทำการสักการบูชา ตลอดงานจะทำให้งานพิธีกรรมต่าง ๆ สำเร็จเรียบร้อยด้วยดีไม่มีอุปสรรคปัญหาใดใด




วิธีบูชาพระบัวเข็ม หรือพระอุปคุต

การตั้งที่บูชา นิยมใช้ภารชนะใส่น้ำ แล้วตั้งองค์พระบัวเข็มหรือพระอุปคุตตรงกลาง โดยมีฐานรองเป็นลักษณะจำลองคลายกับว่าท่านประดิษฐาน (จำพรรษา) อยู่ในน้ำ (มหาสมุทร หรือสะดือทะเล) เพื่อตรงกับการเป็นอยู่จริงๆ ของท่าน (ตามประวัติของท่าน) แล้วบูชาด้วยดอกไม้ ดอกไม้ที่ต้องโฉลกคือ ดอกมะลิ ใช้ลอยน้ำบูชา กล่าวกันว่า หากใครบูชาด้วยดอกมะลิเป็นประจำ ก็จะนำโชคลาภและสวัสดีมงคลมาให้มิได้ขาด
ส่วนตำแหน่งที่ตั้ง พระบัวเข็มหรือพระอุปคุต ไว้บูชานั้น ควรตั้งในตำแหน่งที่อยู่ต่ำกว่า พระพุทธ เนื่องจากว่า พระบัวเข็มหรือพระอุปคุต เป็นพระอรหันต์ เป็นสาวกของพระพุทธเจ้านั้นเอง


 
ราคาปัจจุบัน :     1,001 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     10 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    Kan-eng (116)

 

Copyright ©G-PRA.COM