(0)
หลวงพ่อสง่า วัดหนองม่วง จังหวัดราชบุรี รุ่น3 (พิเศษ) ปี พ.ศ.2523 เนื้อ ฝาบาตรหายาก (มีกล่องเดิม)








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องหลวงพ่อสง่า วัดหนองม่วง จังหวัดราชบุรี รุ่น3 (พิเศษ) ปี พ.ศ.2523 เนื้อ ฝาบาตรหายาก (มีกล่องเดิม)
รายละเอียด***พิจารณาแล้วชอบ ท่านพร้อมรับได้ใส่ราคาได้เลยครับ

รับประกันพระเเท้ตามกฎทุกประการครับ กรุณาศึกษากติกาก่อนเคาะประมูลครับจะได้ไม่เสียเวลาด้วยกันทั้งสองฝ่าย

หลวงพ่อสง่า อนุปุพฺโพ อดีตเจ้าอาวาสแห่งวัดหนองม่วงจังหวัดราชบุรี มีนามเดิมว่า สง่า เล่ห์ปะสุวรรณ เกิดเมื่อวันที่ 11มีนาคม 2459 เป็นบุตรของนายเขี้ยมและนางเม้า เล่ห์ปะสุวรรณ ณ บ้านหม้อ ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี ชีวิตในวัยเยาว์ของท่านได้รับการศึกษาจากโรงเรียนวัดบ้านหม้อโดยมีบรรดาพระภิกษุสงฆ์ เป็นผู้อบรมสั่งสอนวิทยาวิชาการ อีกทั้งบางวันยังต้องนอนค้างที่วัดเพื่อช่วยปรนนิบัติรับใช้ พระสงฆ์อยู่เสมอๆ ดังนั้นชีวิตของหลวงพ่อสง่าจึงอยู่ใกล้ชิดกับพระและวัดมาโดยตลอดจนกระทั่ง ท่านเรียนจบชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จึงได้ออกจากโรงเรียนมาช่วยครอบครัวทำไร่ทำนา อุปนิสัยของท่านในวัยหนุ่มก็เหมือนกับวัยรุ่นในสมัยนั้นส่วนใหญ่ทั่วไป คือเมื่อเสร็จจากการทำงานก็มักไปเที่ยว เล่นสนุกสนานกับเพื่อนๆไปตามเรื่อง บางครั้งท่านก็ไปเที่ยวยังหมู่บ้านอื่น เพื่อเสาะแสวงหาความรู้ด้านคาถาอาคมจากครูอาจารย์ที่เก่งๆ แต่ก็ยังไม่เป็นที่พอใจจนกระทั่งทราบมาว่าที่วัดไทรอารักษ์ มีอาจารย์ที่เชี่ยวชาญคาถาอาคมอยู่รูปหนึ่ง ท่านจึงดั้นด้นไปพบเพื่อขอเรียนวิชาแต่หลวงพ่อวัดไทรอารักษ์ กลับตั้งคำถามว่ามาจากที่ใดและพอทราบว่ามาจากบ้านหม้อ ท่านจึงปรารภขึ้นว่า "หาหญ้ากินไกลคอกเหลือเกินนะเรา อย่าลืมหญ้าปากคอกดูบ้างว่าหญ้าปากคอกนั้นงามขนาดไหน" นายสง่าในขณะนั้นได้แต่คิดถึงถ้อยคำปริศนาที่หลวงพ่อวัดไทรฯได้พูดถึงแต่ก็คิดไม่ออก จนกระทั่งไม่นานท่านจึงไขปริศนาได้ว่า หญ้าปากคอกที่พูดถึงนั้นก็คือท่านพระครูเจ้าอาวาส วัดบ้านหม้อนั่นเอง ท่านจึงได้ปวารณาตัวเป็นศิษย์เพื่อเล่าเรียนวิชาอาคมนานนับปี จนมีความรู้แคล่วคล่องในบทสวด คาถาอาคม อักขระเลขยันต์พอควร ต่อมาในปี 2481 ท่านได้ตัดสินใจอุปสมบทที่วัดบ้านหม้อ จ.ราชบุรี ขณะมีอายุได้ 22 ปีโดยมี พระอธิการกลิ่น วัดคงคาเป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์เกลี้ยง วัดเฉลิมอาสน์เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอาจารย์เช้งและพระอาจารย์แป๊ะ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ (สมัยนั้นใช้พระคู่สวดในพิธีกรรมถึง 3 รูป) ได้รับฉายาว่า อนุปุพฺโพ ครั้นอุปสมบทแล้วท่านได้อยู่จำพรรษาที่วัดบ้านหม้อ เพื่อศึกษาพระธรรมวินัยจนสามารถ สอบได้นักธรรมชั้นตรีและโทตามลำดับ รวมถึงวิชาอาคมที่ได้รับการถ่ายทอดมาจาก พระอาจารย์แป๊ะ พระอาจารย์เปีย วัดบ้านหม้อและวิชาการแพทย์แผนโบราณ วิชาสมุนไพร จนกระทั่งเรียกได้ว่ามีความเชี่ยวชาญยากหาใครเทียบในเวลานั้น ต่อมาในปี 2484 ทางวัดหนองม่วง อ.บางแพ จ.ราชบุรี ขาดพระสงฆ์ผู้นำที่จะดูแลวัด ชาวบ้านและไวยาวัจกรจึงได้พร้อมใจนิมนต์ท่านให้มาดูแลและพัฒนาวัดหนองม่วง หลวงพ่อสง่าพิจารณาดูแล้วเห็นด้วยกับเจตนาอันบริสุทธิ์ของชาวบ้าน ท่านจึงได้ย้ายมาอยู่ ที่วัดหนองม่วงตามคำขอและได้พัฒนาวัดให้ดีขึ้น ตามที่ชาวบ้านต้องการดังที่เห็นในปัจจุบัน โดยได้ใช้วิชาความรู้ที่เรียนมาให้เกิดประโยชน์กับชาวบ้านอย่างสูงสุด

การศึกษาพุทธาคม
หลวงพ่อสง่าเริ่มศึกษาคาถาอาคมและอักขระเลขยันต์ มาตั้งแต่ตอนสมัยเป็นหนุ่ม ทั้งวิชาสักยันต์ รดน้ำมนต์ ครั้นเมื่อท่านได้อุปสมบท แล้วก็ยังให้ความสนใจอย่างต่อเนื่องด้วยว่า แม้ไม่ใช่กิจของสงฆ์แต่ก็เป็นความนิยมของคนสมัยนั้น เพื่อให้เกิดศรัทธายึดเหนี่ยวทางจิตใจ โดยหลวงพ่อท่านได้เป็นอาจารย์สักยันต์อยู่หลายปีจนกระทั่งได้ข่าวว่า ผู้ที่ท่านสักให้ส่วนมากไปกระทำความชั่ว เป็นนักเลงเพราะฮึกเหิมลำพองในความคงกระพันของรอยสักที่หลวงพ่อสักให้ ท่านจึงได้เลิกพิธีกรรมการสักทั้งหมด เพราะเห็นว่าสิ่งนี้ไม่เกิดแก่นสารที่แท้จริง หลังจากนั้นเมื่อมีเวลาว่างท่าน ท่านได้ไปขอต่อวิชากับ หลวงปู่ดี วัดบ้านยาง อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี ซึ่งเก่งในด้านการสร้างพระปิดตามหาอุตม์ คงกระพันชาตรี, หลวงพ่อเปลี่ยน วัดใต้ จ.กาญจนบุรี โดยได้รับการถ่ายทอดวิชาลบผงอิทธิเจ ปถมัง และการเขียนยันต์ 108, หลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง ได้วิชามหาอุตม์, หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอมได้ครอบครูนะเมตตาและได้รับการสอนวิชาเจริญวิปัสสนา และท่านยังมีครูบาอาจารย์ท่านอื่นๆอีกมากมาย ปฏิปทากิตติคุณและคุณธรรมของหลวงพ่อสง่า หลวงพ่อท่านจะมีเมตตาธรรมสูงส่งยิ่งนัก ท่านได้พัฒนาวัดหนองม่วง และพัฒนาคนในชุมชนวัดหนองม่วง ให้รู้จักหลักการดำเนินชีวิตอย่างปกติสุข สอนให้ทุกคนรู้จักอดทน ให้หมั่นเพียรพยายามพึ่งตนเองเป็นหลัก เอาชนะใจตนเองให้ได้ ท่านจะเน้นวิถีชีวิตอย่างชาวบ้านดั่งที่ท่านพร่ำสอนศิษย์เสมอว่า "คนเราถ้าไม่รวยก็อย่าจน ให้มีหิริโอตัปปะ ให้มีความอดทนและเพียรพยายามจะไม่อดตาย ความจนความรวย เราไม่ได้เอามาตั้งแต่เกิด แต่เราทำตัวเราให้รวย ให้จนได้ทั้งนั้น เป็นหนี้ก็เอามาให้พระแก้ เราต้องแก้ที่ต้นเหตุคือตัวเราเอง หาได้ใช้เป็น ใช้ให้น้อย หาพอเพียงก็จะไม่จน" อนิจจัง วัตสังขารา สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง เกิดแก่เจ็บตายเป็นเรื่องธรรมดา หลวงพ่อสง่าท่านก็ไม่อาจพ้นจากพระพุทธพจน์บทนี้ได้ หลวงพ่อสง่าท่านได้ละสังขารลงอย่างสงบ เมื่อวังอังคาร แรม 4 ค่ำ เดือน 4 ปีวอก ตรงกับวันที่ 29 เดือนมีนาคม ปี 2547 สิริอายุรวม 78 ปี พรรษาที่ 56

อภินิหารยิงไม่เข้า เหรียญหลวงพ่อสง่า วัดหนองม่วง ปี พ.ศ. 2511
เรื่องเล่าเรื่องนี้ได้บอกเล่าจากปากของคุณลุงทวี บ้านของท่านอยู่ใกล้กับวัดหนองม่วง ทุกวันนี้ท่านยังมีชีวิตอยู่ คุณลุงทวีได้กรุณาเล่าให้ฟังว่า ท่านเคยโดนศัตรูของท่านยิงด้วยปืน11มม.จนหัวโนเป็นลูกมะนาว แต่ลูกปืนไม่อาจละคายกายของท่านได้ และมีอีกครั้งหนึ่งท่านโดนยิงด้วยปืน m16 ลูกปืนก็ไม่อาจยิงท่านเข้า มีแต่รอยช้ำเป็นจ้ำๆ มีบ้างนัดเข้าติดหนังอยู่เลยต้องใช้มือแกะออก คุณลุงทวีท่านจะพกมีดตามประสาคนต่างจังหวัดทั่วไป เวลาไปไร่ไปนาก็ต้องติดมีดติดตัวไปด้วย คุณลุงทวีท่านเล่าว่า โดนยิงจนหมดแมกกาซีนจุกจนลุกไม่ขึ้นแต่ท่านยังกัดฟันลุกขึ้นมาชักมีดแบบปาดตาลเข้าต่อสู้กับมือปีนที่มากัน2คน มือปีนเมื่อเห็นว่าลูกปืน m16 ยังไม่ละคายผิวกายของคุณลุงทีวซ้ำร้ายแกยังคว้ามีดปาดตาลลุกขึ้นมาสู้ ก็เลยตกใจรีบขับรถมอเตอร์ไซด์หลบหนีไปอย่างรวดเร็ว ในตัวของคุณลุงทวีท่านจะพกตะกรุดโทนของหลวงพ่อสง่ากับคล้องเหรียญหลวงพ่อสง่า วัดหนองม่วง รุ่น 1 และรุ่น 4 หรือที่วงการเรียกกันว่ารุ่นปี 2511และ รุ่นปี 2530 คุณลุงทวีบอกว่า "ก็มีนี้แหละที่หลวงพ่อสง่าให้กับแกไว้ใช้กับหลวงพ่อกรุณาลงกระหม่อมให้แก" จริงๆแล้วหลวงพ่อสง่าท่านสำเร็จวิชากสิณไฟในด้านคงกระพันธ์ชาตรี จึงทำให้วัตถุมงคลของท่านออกไปทางเหนียวและเป็นมหาอุดต์ ซึ่งทำให้ข่าวนี้แพร่กระจายไปจนทั่ว ทำให้คนในพื้นที่จังหวัดราชบุรีและใกล้เคียง โดยเฉพาะข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ต่างมุ่งหน้าเข้ามาที่วัดหนองม่วง เพื่อขอบูชาเหรียญรุ่นนี้เป็นจำนวนมากในสมัยที่หลวงพ่อสง่ายังมีชีวิตอยู่

อภินิหารเหรียญหลวงพ่อสง่า วัดหนองม่วง หลอมไม่ละลาย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 เมษายน 2547 ที่วัดบางสองร้อย อ.เมือง จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นวัดที่หลวงพ่อสง่า ให้การอุปภัมท์อยู่ ได้ทำพิธีเททองหล่อประธานเพื่อไว้ในพระอุโบสถ เนื่องจากได้สร้างพระอุโบสถหลังใหม่ ปกติประธานฝ่ายสงฆ์คือหลวงพ่อสง่า แต่เนื่องจากหลวงพ่อสง่าท่านได้มรณภาพลงก่อนแล้วในวันที่ 29 มีนาคม 2547 ทางคณะกรรมการวัดและลูกศิษย์ของหลวงพ่อสง่าที่ทราบเรื่อง จึงได้รวบรวมเงินค่าจ้างและให้ทางวัดบางสองร้อย ดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่หลวงพ่อสง่าตั้งใจไว้ ในพิธีที่จะทำการหล่อประธานนั้น คณะลูกศิษย์ของหลวงพ่อสง่าได้เตรียมเหรียญหลวงพ่อสง่า ปี 2537 รุ่นไร้ห่วงเนื้อโลหะผสมหรือบ้างท่านเรียกเนื้อนวะโลหะจำนวนประมาณ 40-50 เหรียญเพื่อนำมาหลอมรวมกับโลหะต่างๆที่หลวงพ่อสง่าได้จัดเตรียมไว้ให้ก่อนที่ท่านจะมรณะภาพ ต่อมาเมื่อช่างหล่อได้ทำการหล่อหลอมโลหะต่างๆได้เวลานานพอสมควรแล้ว คณะกรรมการได้นำเหรียญหลวงพ่อสง่ารุ่นนี้ใส่ลงไปทั้งหมดเพื่อที่จะเริ่มทำพิธีเททอง แต่ผลที่ออกมาคือเหรียญหลวงพ่อสง่า รุ่นปี 2537 ยังคงลอยไม่จมและไม่ยอมละลาย ช่างหล่อจึงได้ใช้ตะบวยที่ตักน้ำโลหะ คนและทิ้งไว้อีกประมาณ 30 นาที ซึ่งอุณหภูมิในเตาหลอมขณะนั้นประมาณ 1500-2000 องศา เหรียญหลวงพ่อสง่าก็ยังไม่ยอมละลาย ช่างหล่อเลยต้องตักเหรียญหลวงพ่อสง่าออกมา แล้วจึงทำการหล่อพระต่อไปจนแล้วเสร็จ หลังจากเสร็จพิธีแล้วช่างหล่อก็นำเหรียญหลวงพ่อที่ไม่ยอมละลายนั้นมาแบ่งกัน บางคนได้มากบ้างน้อยบ้างซึ่งทุกคนเคยทำงานหล่อพระมา10-20 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้มาก่อนเลย ภาพนี้ได้มาจากช่างที่ทำพิธีหล่อพระในวันนั้น ที่ได้พระส่วนแบ่งมา แล้วนำไปถ่ายรูปเก็บไว้ จึงนำมาให้ชมกัน เพราะบุญบารมีความเข้มขลังจากการปลุกเสกของหลวงพ่อสง่า จึงทำให้เกิดเหตุการณ์มหัศจรรย์นี้

สำหรับวัตถุมงคลของหลวงพ่อสง่านั้น มีประสบการณ์อย่างมากมาย เช่นตะกรุดโทน เหรียญรุ่นแรก เหรียญรุ่นหลอมไม่ละลาย ซึ่งเป็นที่แสวงหาของทหารตำรวจ เพราะกล่าวกันว่า ใครแขวนพระของหลวงพ่อสง่าแล้ว จะหนังเหนียว แคล้วคลาด ปลอดภัยทุกคน
ราคาเปิดประมูล99 บาท
ราคาปัจจุบัน519 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ10 บาท
วันเปิดประมูล - 23 ธ.ค. 2563 - 19:11:39 น.
วันปิดประมูล - 01 ม.ค. 2564 - 21:38:25 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลSitipol (1.6K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 23 ธ.ค. 2563 - 19:12:49 น.



*


 
ราคาปัจจุบัน :     519 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     10 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    mongkol46 (247)

 

Copyright ©G-PRA.COM