(0)
พระขุนแผนผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม พระขุนแผนห้าเหลี่ยม พิมพ์ใหญ่ พร้อมเลี่ยมเก็บหลวงปู่ทิม เสก ผิวอย่างหนา ลุงสาย แก้วสว่าง หลวงปู่ทิม อิสริโกแห่งวัดละหารไร่นั้นในยุคสมัยที่ท่านได้ศึกษาเรีย
หยุดการประมูลนี้ชั่วคราว เนื่องจากสมาชิกโหวตพระเก๊ครบ 3 ท่าน
- click ดูรายละเอียด -









รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต


หยุดการประมูลนี้ชั่วคราว เนื่องจากสมาชิกโหวตพระเก๊ครบ 3 ท่าน
- click ดูรายละเอียด -


ชื่อพระเครื่องพระขุนแผนผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม พระขุนแผนห้าเหลี่ยม พิมพ์ใหญ่ พร้อมเลี่ยมเก็บหลวงปู่ทิม เสก ผิวอย่างหนา ลุงสาย แก้วสว่าง หลวงปู่ทิม อิสริโกแห่งวัดละหารไร่นั้นในยุคสมัยที่ท่านได้ศึกษาเรีย
รายละเอียดพระขุนแผนผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม พระขุนแผนห้าเหลี่ยม พิมพ์ใหญ่ พร้อมเลี่ยมเก็บผิวอย่างหนา ลุงสาย แก้วสว่าง หลวงปู่ทิม อิสริโกแห่งวัดละหารไร่นั้นในยุคสมัยที่ท่านได้ศึกษาเรียนรู้กับศาสตร์ที่มันลี้ลับซึ่งด้วยกาลเวลาสัมผัสที่ใคร่ควรนั้นสามารถที่จะพิสูจน์ทราบได้ว่าศาสตร์ที่มันลี้ลับนี้กับสิ่งต่างๆหรือเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นเห็นได้กันอย่างประจักษ์ชัดขึ้นหรืออาจจะเป็นสิ่งที่มันเหลือเชื่อก็ว่ากันได้ โดยเฉพาะการใช้หลักของคาถาอาคมที่สามารถทำให้เกิดเป็นปรากฎการณ์ต่างๆหรืออภินิหารใดๆเพื่อให้มีความน่าเชื่อถือหรือเพื่อให้รู้ว่าอาคมและไสยศาสตร์นั้นมีจริง เราจะเห็นว่าการลองของหรือการลองอาคมเพื่อให้รู้ว่าอานุภาพของความศักดิ์สิทธ์นั้นเป็นสิ่งที่เชื่อถือได้ และเป็นเรื่องที่ไม่ควรอย่างยิ่งที่จะมาลบลู่กัน บางครั้งเราจะได้ยินคำกล่าวที่ว่า ไม่เชื่อแต่อย่าลบลู่ ซึ่งเป็นคำกล่าวที่มีกันมานานแล้ว มันเป็นคำกล่าวที่เป็นบทวิเคราะห์ความหมายอย่างที่จะต้องมีการแยกแยะกันเพื่อให้เข้าใจในหลักของความเป็นจริงได้ การที่จะมีการเชื่อถือกันได้ก็อยู่ที่การรับรู้ในจิตที่ดีที่จะวิเคราะห์กันในสิ่งที่มันถูกต้องหรือวิเคราะห์ในสิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อตนเองและกับสังคมที่ยอมรับได้ เราจะเห็นว่าไสยศาสตร์และวิชาอาคมต่างๆนั้นเป็นสิ่งที่ลี้ลับ การที่จะมีการเชื่อถือให้สอดคล้องกับหลักของความเป็นจริงนั้นอาจจะเป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กันเพื่อให้เป็นที่เชื่อถือและยอมรับกันได้ว่าสิ่งที่ลี้ลับหรือปาฏิหารย์ที่เกิดจากไสยศาสตร์และอำนาจของวิชาอาคมนั้นเป็นเรื่องจริงที่ควรค่าแก่การพิจารณาหรือวิเคราะห์กับสิ่งที่เป็นประโยชน์และโทษที่จะต้องเผชิญและสัมผัสกันได้ยิ่ง

เราเคยได้เรียนรู้บทธรรมจากหนังสือและเรื่องราวต่างๆที่บันทึกตามหลักของพุทธศาสนาและศีลธรรมอันดี โดยในหลักปฏิบัติของพระพุทธเจ้านั้นสอนให้ทุกคนทำความดีพึงละเว้นความชั่วหรือการปฏิบัติในศีล 5 เพื่อให้ชีวิตนั้นพบแต่ความสุขความเจริญในจุดมุ่งหมายของปั้นปลายชีวิตและจุดหมายปลายทางที่จะนำไปสู่ทางแห่งนิพพานได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนนั้นจะต้องดำเนินตามแนวทางชีวิตของตัวเอง การที่ได้กำหนดแนวทางการดำเนินชีวิตของตัวเองเพื่อให้รู้ถึงสิ่งที่จะต้องดำเนินการให้มีความรับผิดชอบชั่วดีว่าเป็นอย่างไรหรือให้มีแง่คิดดีๆที่จะดำเนินความถูกต้องในหลักทิศทางการดำเนินของชีวิตได้ ซึ่งการกำหนดแนวทางการดำเนินชีวิตนั้นพระพุทธเจ้าท่านได้วางหลักคำสอนต่างๆไว้เพื่อให้คนเรานั้นมีจิตสำนึกที่ดีและถูกหลักในการดำเนินชีวิตเพื่อให้รู้ถึงคุณค่าของความเป็นคนสามารถมีหลักและจุดยืนในชีวิตของแต่ละคน เราจะเห็นว่าทุกคนที่เกิดมานั้นทั้งอารมณ์ความเปลี่ยนแปลงหรือความรู้สึกนึกคิดนั้นต่างกัน แต่จุดมุ่งหมายของชีวิตที่จะต้องเหมือนกันหรือไปสู่ทิศทางเดียวกันคือการดับหรือความตายที่ทุกชีวิตจะต้องมุ่งสู่ในจุดมุ่งหมายเดียวกันทั้งหมดได้ซึ่งมันเป็นเรื่องของสัจธรรมชีวิตที่เป็นไปโดยหลักของธรรมชาติที่กำหนดขึ้นมา

การแสดงให้เห็นถึงอานุภาพของความยึดมั่นในหลักธรรมที่ดีที่ได้แสดงพลังอำนาจของพุทธานุภาพที่ดีออกมาหรืออิทธิปาฏิหาริย์ต่างๆที่เกิดขึ้นนั้นในหลักของศาสนานั้นพระพุทธเจ้าท่านมิได้กำหนดหรือสั่งสอนให้มีความเชื่อถือกันเพื่อเกิดประโยชน์อันดีหรือความสุขที่สรรค์สร้างก็ดีหรือทางแห่งการอำนวยความสะดวกก็ดี โดยที่ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันก็ไม่ใช่หนทางแห่งการพ้นทุกข์หรือทางแห่งนิพพานไปได้ เป็นเรื่องที่จะต้องมีการศึกษาและวิเคราะห์กันอย่างจริงจังให้รู้ถึงที่มาแห่งผลของความเชื่อมั่นและศรัทธากันได้ ปาฏิหาริย์ไม่ได้อยู่เหนือธรรมชาติแต่เป็นไปตามกฎของธรรมชาติคือเกิดขึ้น ตั้งอยู่ หรือดับไป คนเราประสบความสำเร็จได้ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปตามกรรม เป็นไปตามกฎการกระทำของตัวเอง เพราะแต่ละคนทำกรรมมาไม่เหมือนกัน เราจะเห็นว่าในแต่ละคนนั้นจิตวิญญาณของความนึกคิดและการกระทำที่ได้ปฏิบัติตนไปในรูปแบบนั้นจะต่างกันออกไป ซึ่งการที่จะรู้ดีรู้ชั่วนั้นอยู่ที่การปลูกฝังของจิตสำนึก ซึ่งการปลูกฝังในจิตสำนึกที่ดีและถูกต้องนั้นเพื่อให้มีจุดมุ่งหมายในการยึดหลักธรรมที่ดีและเชื่อมั่นได้สามารถที่จะปฏิบัติตนให้เข้ากับสังคมได้ การที่ทุกคนได้เห็นหรือได้สัมผัสกับอานุภาพของหลักธรรมที่บ่งบอกถึงพลังแห่งพุทธานุภาพที่เชื่อมั่นได้ และพลังแห่งพุทธานุภาพที่ดีนั้นถือกันว่าเป็นพลังที่บริสุทธ์ที่ไม่มีพลังอำนาจใดที่จะเปรียบเหมือนหรือมาครอบงำได้ แต่การที่จะบ่งบอกได้ถึงพลังฤทธิ์อำนาจของพุทธานุภาพที่ดีนั้นอยู่ที่การเชื่อมั่นและความศรัทธาที่ดีกัน ซึ่งการที่ได้มีการเชื่อมั่นและศรัทธาที่ดีนั้นโดยเฉพาะการเชื่อถือในหลักพุทธศาสนาเพื่อให้ชีวิตได้ดำเนินไปให้ถูกต้องตามหลักทำนองคลองธรรมที่ดีซึ่งเมื่อได้ปฏิบัติให้ถูกหลักก็จะทำให้ปาฏิหาริย์ย่อมเกิดขึ้นในจิตที่ดีได้ ซึ่งเราจะเห็นว่าเมื่อเรามีจิตกุศลที่ดีปฏิบัติถูกต้องตามหลักพุทธศาสนาหมั่นดำเนินในการปฏิบัติแต่คุณงามความดีแล้วปาฏิหาริย์นั้นย่อมก่อเกิดขึ้นได้ในจิตที่มั่นคงและใจที่ปรารถนาอยู่อย่างเสมอได้ ซึ่งปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นมาอยู่ที่การเชื่อมั่นและศรัทธาในการประกอบคุณความดีได้ ซึ่งเราจะเชื่อได้ว่าเมื่อเราประกอบแต่คุณงามความดีมีจิตที่เชื่อมั่นแล้วผลบุญนั้นก็จะส่งผลที่ดีต่อตัวเราเองได้ซึ่งผลบุญที่ได้ส่งผลไปนั้นเราจะเชื่อกันได้ว่าคือปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นนั่นเองได้

เราจะเห็นว่าอนุภาพปาฏิหาริย์หรืออภินิหารนั้นไม่ได้บันทึกไว้ในหลักพระพุทธศาสนา แต่อาจเกิดขึ้นได้จากผลของบุญกุศลที่ดีที่สามารถมีพลังอำนาจพิเศษที่เกิดขึ้นได้ในสิ่งที่มนุษย์ธรรมดาไม่อาจที่จะมีได้ แต่ก็มิได้เกิดจากอภินิหารของคาถาอาคมหรือเวทย์มนต์ใดๆที่เกี่ยวเนื่องกันได้ ซึ่งก็เชื่อกันว่าอภินิหารอันบริสุทธิ์ที่เชื่อมั่นกันนี้เกิดจากบุญกุศลที่กระทำกันมาด้วยใจที่ยึดมั่นกันได้ การนับถือพระพุทธศาสนานั้นซึ่งการเกิดอภินิหารนั้นเริ่มตั้งแต่การสวดมนต์ นะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ซึ่งอะระหะโตนั้นแปลว่าพระอรหันต์ คือผู้ตัดกิเลสทั้งปวงให้หมดสิ้นไป ซึ่งเป็นกิเลสที่ปุถุชนคนธรรมดาไม่สามารถจะตัดสิ้นไปได้ การที่จะตัดได้จะต้องมีฌานพิเศษอันเป็นอภินิหารหรือจะต้องเป็นผลของบุญกุศล และคำว่าสัมมาสัมพุทธัสสะซึ่งก็แปลว่าพระพุทธเจ้าผู้ตรัสรู้เองโดยชอบ ซึ่งการตรัสรู้เองโดยชอบก็เกิดจากอภิหารของบุญบารมีที่พระพุทธเจ้าได้สร้างสะสมมา 500 ชาติ และการที่พระพุทธเจ้าสามารถมีพระโพธิญาณได้ด้วยด้วยอภินิหารที่เกิดจากการตรัสรู้เองโดยชอบได้ ซึ่งอภินิหารหรือปาฏิหาริย์ก็คือผลของบุญกุศลหรือบุญบารมี และการสร้างบุญสร้างกุศลแล้วได้ผลบุญขณะตายไปก็ได้ร่างเป็นเทพ เป็นพรม ได้วิมาน ได้ของทิพย์ ซึ่งก็เรียกได้ว่าเป็นอภินิหารที่ได้เกิดจากการสร้างบุญ หรือการนั่นสมาธิได้จิตสงบเป็นอุปจารสมาธิแล้วได้เห็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์หรือเทวดา หรือได้จิตสว่างรู้แจ้งในธรรมก็สามารถเรียกว่าเป็นอภินิหารได้ ซึ่งคนที่ไม่มีอภินิหารหรือไม่เห็นอภินิหารของกุศลที่ตนสร้างมาแสดงว่าไม่เชื่ออภินิหารไม่เชื่อผลของบุญกุศลต่างๆอภินิหารจึงไม่เกิดให้เห็น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นจะต้องมีศรัทธาความเชื่อมั่นเสียก่อน แล้วอภินิหารหรือปาฏิหาริย์ต่างๆก็จะสามารถที่จะเกิดขึ้นได้ ซึ่งทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่ที่จิตของแต่ละบุคคล ถ้าเพียงได้รู้และเห็นได้ไม่นำมาพิจารณาในจิตมุ่งแต่ในธรรมเราก็จะได้ธรรม ซึ่งเทวดาก็จะอนุโมทนาไปเพื่อให้จิตอยู่ในธรรม ซึ่งเมื่อเห็นเทพหรืออะไรก็ตามที่เป็นอภินิหารใดๆตามหลักของกรรมฐานนั้นจะไม่ให้ยึดมั่นถือมั่นกับสิ่งเหล่านี้ จงปล่อยวางทำจิตให้ว่าง แยกกันออกเทวดาก็ส่วนหนึ่ง ธรรมก็ส่วนหนึ่ง จิตในธรรมคือจิตที่ไม่ยึดมั่นต่อสิ่งใดในโลกนี้ เมื่อจิตอยู่ในธรรมหนักๆเข้า ปัญญาในธรรมก็จะเกิดขึ้นมาเอง
ราคาเปิดประมูล1,449 บาท
ราคาปัจจุบัน1,499 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 04 ก.ค. 2567 - 13:02:31 น.
วันปิดประมูล - 05 ก.ค. 2567 - 16:36:03 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลmahalap (5.2K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 05 ก.ค. 2567 - 09:58:47 น.

หยุดการประมูลรายการนี้ชั่วคราวโดยระบบอัตโนมัติเนื่องจากมีท่านสมาชิกเว็บไซต์ฯ โหวตจากรูปพระเก๊ครบ 3 ท่าน


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 05 ก.ค. 2567 - 11:25:37 น.

ขอยุติการประมูลเพื่อ ตามกฏ ครับ


 
ราคาปัจจุบัน :     1,499 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    Dachaphat (38)

 

Copyright ©G-PRA.COM
www1