(0)
พระผงสุริยัน-จันทรา (สุริยันต์ใหญ่)7CM **เขียวจักรพรรดิ์**(ฮ่องเต้)วัดถลุงทองเทวะปฎิมากรรมแห่งมหาเทพที่งดงามวิจิตรบรรจงทรงคุณค่าน่าเก็บคับ






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องพระผงสุริยัน-จันทรา (สุริยันต์ใหญ่)7CM **เขียวจักรพรรดิ์**(ฮ่องเต้)วัดถลุงทองเทวะปฎิมากรรมแห่งมหาเทพที่งดงามวิจิตรบรรจงทรงคุณค่าน่าเก็บคับ
รายละเอียดพระผงสุริยัน-จันทรา (สุริยันต์ใหญ่)7CM **เขียวจักรพรรดิ์**(ฮ่องเต้)เทวะปฎิมากรรมแห่งมหาเทพที่งดงามวิจิตรบรรจงทรงคุณค่าน่าเก็บคับ
เทวะปฎิมากรรมอันเป็นมหามงคลทรงคุณค่าละเอียดอ่อนช้อย อีกวัตถุมงคลที่ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างเข้มขลังเกินบรรยาย รวมพล 16 สุดยอด 16 พระคณาจารย์ แห่งทักษิณ ร่วมแรงรวมใจปลุกเสกอย่างเข้มขลัง เพื่อเป็นอนุสรณ์ 118 ปี พ่อท่านคลิ้ง จนฺทสิริ(วัดถลุงทอง)..องค์นี้เนื้อผงเขียวจักรพรรดิ์(ฮ่องเต้)7 CM คับ
**มวลสารคร่าวๆ**
มวลสารเก่าข้าวก้นบาตร พ่อท่านคลิ้ง จนทศิริ
ผงลูกอมชานหมากพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์
ผงนะปัถมังพ่อท่านมุ่ย วััดปาระกำเหนือ
ผงจักรพรรดิ์ที่ใช้ทำวัตถุมงคลของหลวงปู่ดู่ วัดสะแก
ผงชิญบัญชรพ่อท่านไข วัดลำนาว ซึ่งท่านเป็นพระที่พ่อท่านคล้ายยกย่องว่าน่าเลื่อมใสและมีวาจาสิทธิ์ พ่อท่านไข่องค์นี้ทำวัตรตั้งแต่บวชจนปัจจุบุันไม่เคยขาดลบผงชิญบัญชรมีอาณุภาพสูง สวดภาวนาคาถาชิญบัญชรวันละไม่รู้กี่จบผงชิญบัญชรของท่านที่สร้างไว้จึง หาค่ามิได้
ดินกากยายักษ์ ลำพระยา ที่ใช้เป็นหลักในการสร้างพระหลวงพ่อทวด2497
ผงว่านจากพระเครื่องหลวงปู่ทวด2497 ที่หักชำรุด และว่านกว่า 200 ชนิดจากเขาตาชี ซึ่งเป็นเขาเดียวกับหลวงปู่ทิม วัดช้างไ้ห้ได้นำว่านจากเขานี้มาสร้างหลวงปู่ทวด
ผงอิทธิเจอาจารลาภ เรียกสูตร นาม สนธิตามแบบฉบับดั้งเดิมในสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)
ผงอิทธิเจหลวงปู่เลิศ ที่ได้รับตกทอดมาจากหลวงพ่อกลองวัดจันทร์ลอย
ผงธุปนั่งกรรมฐาน 9 พระคณาจารย์
ผงหักชำรุดจากพระผงพุทธสิหิงห์ สุริยันจันทราหลักเมืองนครศรีธรรมราช ปี 30
ข้าวก้นบาตรหลวงปู่ตั๋น สำนักปฎิบัติธรรมม่อนปู่อิ๋น เชียงใหม่ ผงมหาราชพ่อท่านนวล วัดไสหร้า นครศรีธรรมราช
ผงวิเศษพ่อท่านเนียมวัดบางไทร
ผงพระท่าเรือเก่า พ่อท่านเจิมวัดหอยราก
ดินอาถรรพ์ศักดิ์สิทธิ์ 7 นคร
**มวลสารทั้งหมดได้ผสมด้วยผงไม้หอม 9 ชนิด..9กลิ้น..9 สรรพคุณ เพื่อทำให้มวลสารเกิดความหอมที่เรียกว่าหอมใน รวมกับหัวน้ำมันหอมสกัดจากดอกไม้สด 9 ชนิด จากอินเดียเป็นหัวน้ำหอมที่เมื่อผสมลงในเนื้อพระแล้วแม้เก็บไว้นานเพียงใดก็ไม่คลายกลิ่นหอม เพราะเทพย่อมทรงโปรดในกลิ่นหอม การสร้างรูปเคารพของพระมหาเทพ จึงต้องการความหอมที่จรุงจิตติดใจที่แท้จริงมาผสม
***ตระกรุด**ที่บรรจุในองค์พระ จารมือทุกดอก
ในคัมภีร์ที่ชาวฮินดูสืบทอดกันมาเป็นเวลานับพันๆ ปี
พระพรหม คือเทพเจ้าผู้สร้างสรรพชีวิตในโลก สรรพสัตว์ในโลกเกิดจากการสร้างของพระพรหมทั้งสิ้น มิ
ได้ทรงสร้างแต่อย่างเดียวหากแต่ยังทรงอภิบาลมนุษย์ทั้งปวงที่ทรงสร้าง ทรงมีพระพักตร์ถึงสี่พระพักตร์ มีแปดพระกร เพื่อ
สอดส่องและอุ้มชูให้มนุษย์ไปสู่ความเจริญและผาสุก พระบาทข้างหนึ่งทรงทอดลงด้านล่างเพื่อเหยียบโลก แสดงถึงความห่วง
ใยต่อสิ่งที่พระองค์ทรงสร้างอยู่ตลอดกาล
ผู้ใดได้บูชาพระพรม ย่อมได้รับพรปกป้องคุ้มครองจากพระองค์บางตำรากล่าวไว้ว่า " พระพรหมผู้แผ่พรหม
รังสีอันเจิดจ้าจากพรหมโลกลงสู่มนุษยโลก ทุกวินาที หากเป็นที่น่าสลดใจว่า มีผู้ที่ได้รับพรหมรังสีนั้นแต่เพียงน้อยนิด ด้วยมิได้
รู้ซึ้งถึงวิธีที่จะรับพรหมรังสีนั้นอย่างแท้จริง"
พระพรหมจึงได้รับการอัญเชิญให้มาสถิต ณ พระพรหมภูมิทุกหนทุกแห่งในโลก ด้วยเหตุแห่งการทรงเป็น
พระผู้สร้าง มีพรหมวิหารธรรมที่สมเด็จพระบรมศาสดาทรงตรัสยกย่องในพรหมวิหารสี่ประการ อันได้แก่ เมตตา (มีความ
สงสาร) กรุณา (ให้ความช่วยเหลือ) มุทิตา (ช่วยโดยมิหวังสิ่งตอบแทน) อุเบกขา (แม้ช่วยมิได้ก็บันดาลให้มีผู้ช่วยเหลือได้ในที่
สุด)

พระพิฆเณศ เป็นพระโอรสในองค์พระศิวะมหาเทพและพระแม่ศรีมหาอุมาเทวี เมื่อทรงถือกำเนิดเป็นพระ
กุมาร องค์พระอิศวรจอมเจ้าเขาไกรลาส จึงทรงป่าวประกาศให้ปวงเทพมาร่วมกันแสดงความยินดีและประทานพร
ณ เพลานั้น องค์พระนารายณ์ทรงบรรทมหลังจากกลับจากอวตารลงมาปราบยุคเข็ญในมนุษยโลก ครั้นเมื่อ
ทรงสดับเสียงบันลือสังข์จึงทรงตื่นจากพระบรรทม ครั้นทรงทราบพระประสงค์ขององค์พระศิวะมหาเทพ ก็ทรงเผลอพระ
โอษฐ์ดำรัสด้วยยังไม่ทรงหายเหนื่อยว่า "ลูกหัวหายผู้นี้รบกวนจริง"
พระเศียรแห่งพระกุมารก็อันตรธานหายไป เมื่อเหล่าเทพยดาทั้งหลายมาประชุมพร้อมกันแล้ว จึงมีมติให้
เทพยดาส่วนหนึ่งออกค้นหาพระเศียรแห่งพระกุมาร หากแต่ว่ามิพานพบ เมื่อใกล้กำหนดสุริยะเทพจะชักรถพ้นไป เทพยดาองค์
หนึ่งเห็นช้างที่มีลักษณะเป็นมงคลนอนหันหัวไปทางทิศเหนือ จึงตัดแล้วนำมายังที่ชุมนุม องค์พระมหาเทพทั้งปวงจึงทรงร่วม
ต่อพระเศียรแห่งกุมารด้วยหัวแห่งช้าง ทรงพระนามว่า " พระพิฆเณศ" หรือเทพที่มีเศียรเป็นช้างนั่นเอง

พระมหาเทพทั้งปวงยังได้มีเทวประภาศิตแก่ปวงเทพยดาและเหล่ามนุษย์ทั้งปวง เพื่อให้ได้ตะหนักว่า "การ
บูชา สาธยาย บวงสรวงทั้งปวงบรรดามี หากมิได้เอ่ยพระนามแห่งพระพิฆเณศ โอรสแห่งพระศิวะและพระแม่ศรีมหาอุมาเทวี
เป็นปฐมแล้ว ถือว่าพิธีกรรมนั้นพระมหาเทพทุกพระองค์ได้ทรงรับรู้ เท่ากับว่าไม่มีการประกอบพิธีใดๆ ทั้งสิ้น
พระพิฆเณศทรงเป็นพระมหาเทพผู้กำจัดอุปสรรคทั้งปวงบันดาลความสำเร็จแก่สรรพสิ่ง กิจการงานใดที่มี
อุปสรรคไม่ว่าจะจากสิ่งใด หากเอ่ยพระนามบูชาพระพิฆเณศแล้วอุปสรรคทั้งปวงก็จะมลายไป บังเกิดความสำเร็จในกาลทุกเมือ
ทรงเป็นเทพเจ้าแห่งสรรพวิทยาการ ทรงเป็นเทพผู้รอบรู้ในวิชาการทุกชนิด จนต้องเอานาคราชรัดพระอุทรเพื่อป้องกัน วิชา
การทะลักล้นออกมา สมเด็จพระมหาธีรราชเจ้า พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงนำมาเป็นเครื่องหมายแห่งวิชาการ
และทรงสร้างพระคเณศเทวาลัย(ชาวบ้านเรียก เจ้าพ่อช้าง) ไว้ ณ พระราชวังสนามจันทร์ นครปฐม จนทุกวันนี้
นี่คือแนวคิดที่ผู้สร้างพระผงสุริยันใหญ่ มหาจักรพรรดิ ในวาระที่ได้จัดสร้างวัตถุมงคล รุ่น 118 ปี พ่อท่าน
คลิ้ง จนฺทสิริ วัดถลุงทอง ต.หินตก อ.ร่อนพิบูลย์ จ.นครศรีธรรมราช ที่ได้นำสองพระมหาเทพมาสร้างเป็น พระผงสุริยันใหญ่
มหาเทพจักรพรรดิ ในครั้งนี้
พระพรหม เทพเจ้าผู้สร้าง อันหมายความถึงการสร้าง การทำงาน การคิดริเริ่ม การดำเนินกิจการใดๆ ย่อม
เกิดจากการสร้างรังสรรค์แห่งพระพรหมเป็นปฐมบท หากพระพรหมมิได้สร้างมนุษย์หรือจะมีมนุษย์ในโลก มนุษย์ย่อมได้รูป
แบบมาจากพระพรหม
พระพิฆเณศ เทพผู้กำจัดอุปสรรคและบันดาลความสำเร็จในโลกสิ่งใดก็ตามที่สร้างตามแบบที่พระพรหม
ทรงสร้างโลก จะเกิดความสำเร็จสมปรารถนาได้ก็ด้วยพระพิฆเณศทรงบันดาล
ผู้บูชาพระผงสุริยันใหญ่ มหาเทพจักรพรรดิ จึงเป็นผู้สร้างกิจการงานใดๆ ย่อมสำเร็จผลดังที่ต้องการทุก
ประการด้วยบารมีแห่งพระพรหมผู้สร้าง กับพระพิฆเณศผู้บันดาลความสำเร็จ ทั้งยังเป็นสื่อรับพรหมรังสีอันเป็นบารมีพระพร
ที่พระพรหมทรงเปล่งพรหมรังสี ประทานมาจากพรหมโลกทุกวินาที ดังได้กล่าวมาแล้วข้างต้น
ท่านพระครูพิทักษ์เจติยานุการ เจ้าอาวาส วัดถลุงทอง และท่านพระครูวิชาญธรรมโชติ ได้ร่วมกันจัดสร้าง
พระผงสุริยันใหญ่ มหาเทพจักรพรรดิ ขึ้นเพื่อให้เป็นมหาอมตะพระผงที่ทรงคุณค่าและความศักดิ์สิทธิ์อันเป็นนิรันดร์

ด้านแรกได้ออกแบบพิมพ์ โดยอัญเชิญพระพรหมมาสถิตอยู่ตรงกลาง และได้บรรจุด้วยหัวใจพระพรหม คือ
เม กะ มะ อุ วงกลางแวดล้อมด้วยราหู 10 องค์ กำกับด้วย พระคาถาพระเจ้าสิบชาติคือ เต ชะ สุ เน มะ ภู วะ นา วิ เว ซึ่งเป็น
พระคาถาเกี่ยวกับโชคลาภ ล้อมด้วยรูปจักรแห่งพระนารายณ์ที่ได้บรรจุ ยันต์โสรฬ หรือมงคล 16 ประการ จักรพระนารายณ์
ปราบได้ทั้งไตรจักรเป็นที่คร้ามเกรงของยักษ์ร้ายไปจึงถึงปีศาจและรากษสทั้งปวง ล้อมด้วยกลีบบัวบานอันหมายถึงสมเด็จพระ
บรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
พระราหู เป็นเทพที่ได้รับการสร้างจากหัวผีโขมดพรมด้วยเทพมนต์ เป็นอสูรที่ด้านบนเป็นอสูร ด้านล่างเป็ฯ
นาคราช เมื่อเทพยดาประกอบพิธีกวนน้ำอมฤต พระราหูพรางกายด้วยฤทธิ์ซุ่มอยู่บนก้อนเมฆเพื่อรอเวลาน้ำอมฤตผุดขึ้นมาเธอ
ก็พุ่งลงไปจับน้ำอมฤต แม้พระนารายณ์จะทรงขว้างจักรกลดออกไปประหารพระราหู แต่ไม่ทัน แม้จักรกลดตัดร่างพระราหู
ขาดออกเป็นสองส่วน ก็หาได้สิ้นชีวิตเหตุเพราะได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไป ท่อนบนเป็นราหู ท่อนล่างเป็นพระเกตุพระราหูจึงกลาย
เป็นเทพกึ่งอสูรที่มีฤทธิ์น้อยกว่าพระมหาเทพ แต่เหนือกว่าเทพยดานพเคราะห์ทั้งปวง พระราหูเสวยอายุ หรือแทรกดาวนพ
เคราะห์ หรือเล็งดาวในเรือนเกิดของผู้ใด ย่อมทำให้ผู้นั้นเดือดร้อนใจเป็นไปต่างๆ นานา ต้องมีพลีกรรมเพื่อบูชาพระราหูเพื่อ
ให้บรรเทาโทษ ด้วยพระราหูเป็นเทพกึ่งอสูรที่ทางโหราจารย์กล่าวไว้ว่า " หากผู้ใดอ่อนน้อมบูชา ย่อมได้รับการอภิบาลรักษา
ผู้ใดไม่ลงต่อราหูเทวา ย่อมอยู่ไม่เป็นสุขทุกทิวาราตรี " การนำพระราหูมาไว้โดยรอบพระพรหม ก็เพื่อให้ปกปักรักษาดวงและ
บรรเทาโทษจากพระราหูในดวงกำเนิดนั่นเอง

ด้านที่สอง ได้อัญเชิญองค์พระพิฆเณศมาสถิตอยู่ตรงกลางในปางมหาปาฏิหาริย์ทรงเทพศาสตรตราวุธครบ
ถ้วน ได้บรรจุพระยันต์หัวใจอริยสัจสี่ คือพระธรรมที่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงตรัสรู้ ทุ สะ นิ มะ

รอบกลาง ล้อมรอบด้วยเทพยดา 12 นักษัตร อันเป็นปีเกิดทั้งสิบสองปีของมวลมนุษย์โลกอันเทพยดา 12
นักษัตร เปรียบเสมือนชีวิตของผู้ที่เกิด

ความหมาย คือ ไม่ว่าจะเกิดในปีนักษัตรใดก็ตาม ย่อมได้รับการคุ้มครองป้องกันภัยจากองค์พระพิฆเณศ กำ
กับด้วยพระคาถา หัวใจพุทธคุณ คือ อะ สัง วิ สุ โล ปุ สะ ภุ พะ ล้อมด้วยจักรพระนารายณ์ปราบไตรจักร บรรจุพระคาถาหัว
พาหุง ซึ่งเป็นพระคาถาเรียกลาภ คือ พา มา นา อุ กะ สะ นะ ทุ เอ และคาถาหัวใจพระอภิธรรมคือ สัง วิ ทา ปุ กะ ยะ ปะ ซึ่งเป็น
พระคาถาที่ป้องกันสิ่งอัปมงคลและภูตผีปีศาจได้ดี และกลีบบัวบานดุจเดียวกันกับในด้านแรกทุกประการ

มวลสารอิทธิวัสดุในการสร้าง พระผงสุริยันใหญ่
ท่านพระครุพิทักษ์เจติยานุการ และท่านพระครูวิชาญธรรมโชติ พร้อมคณะกรรมการจัดสร้าง ได้รวบรวม
อิทธิมงคลวัสดุนานาประการอันประกอบด้วย มหาว่าน 108 ชนิดครบสูตร ดังเช่น ว่านกระบือชนเสือ ว่านเพชรกลับ ว่านสบู่
เลือด ว่านทรหด ว่านกลิ้งกลางดง ว่านสาวหลง ว่านขอทอง ว่านถุงเงิน ว่านมหาระงับ ว่านปู่หลวง ฯลฯ ทั้งนี้ยังได้เพิ่มผงตะ
ไคร้หอม เพื่อรักษามวลสารให้มีความหอมในเนื้อเพิ่มขึ้นอีก
พระผงสุริยันใหญ่ มหาเทพจักรพรรดิ
มวลสารอิทธิมงคล ทางคณะกรรมการได้รวบรวมมวลสารที่นับได้ว่าเป็นอิทธิมงคลอันทรงคุณค่ายิ่ง อาทิ
1. มวลสารเก่าข้าวก้นบาตร พ่อท่านคลิ้ง จนฺทสิริ
2. ผงลูกอมชานหมากพ่อท่านคล้าย วาจาสิทธิ์
3. ผงนะปถมังหลวงพ่อมุ่ย ผงที่ทำลูกอม แท่นผงที่เขียนเพื่อลบผงปถมัง
4. ผงจักรพรรดิใช้สร้างวัตถุมงคลหลวงปู่ดู่ วัดสะแก
5. ผงชินบัญชรหลวงพ่อท่านไข่ วัดลำมะนาวซึ่งท่านเป็นพระที่พ่อท่านคล้าย ยกย่องว่าเป็นพระที่มีวัตร
ปฏิบัติน่าเลื่อมใสและมีวาจาสิทธิ์
พ่อท่านไข่องค์นี้ทำวัตรตั้งแต่บวชจนปัจจุบันไม่เคยขาด ลบผงชินบัญชรมีอานุภาพสูง สวดภาวนาชินบัญชร
คาถาวันละไม่รู้กี่จบ ผงชินยัญชรของท่านที่สร้างไว้จึงเท่ากับว่าได้ปลุกเสกด้วยชินบัญชรคาถาทุกวันนี้จนถึงทุกวันนี้ หาค่ามิได้
6. ดินกากยายักษ์ลำพระยา ที่ใช้เป็นหลักในการสร้างพระเครื่องเนื้อว่านหลวงปู่ทวด เมื่อปี 2497
7. ผงว่านจากพระเครื่องหลวงปู่ทวด ปี 2497 ทีหักชำรุดและว่าน 200 กว่าชนิดจากเขาตาชี ซึ่งเขาเดียวกัน
กับที่ท่านอาจารย์ทิม วัดช้างไห้ได้นำว่านที่เขานี้มาสร้างพระเครื่องหลวงปู่ทวด ปี 2497 อันเป็นที่โด่งดังไปทั่วประเทศ
8. ผงอิทธิเจอาจารย์ลาภ เรียกสูตร นามสนธิตามแบบฉบับดั้งเดิมในสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต)
9. ผงอิทธิเจหลวงปู่เลิศ ได้รับตกทอดมาจากหลวงพ่อกลอง วัดเทพจันทร์ลอย
10. ผงธูปนั่งกรรมฐาน 9 พระคณาจารย์
11. ผงหักชำรุดจากพระผงพระพุทธสิหิงค์ ปี พ.ศ. 2530
12. ข้าวก้นบาตรหลวงปู่ตั๋น สำนักปฏิบัติธรรมม่อนปู่อิ๋น จ.เชียงใหม่ ตากแห้ง
13. ผงมหาราชพ่อท่านนวล วัดไสหร้า
14. ผงวิเศษพ่อท่านเนียม วัดบางไทร
15. ผงพระท่าเรือเก่าพ่อท่านเจิม วัดหอยราก อ.ปากพนัง
16. ดินอาถรรพณ์ศักดิ์สิทธิ์ 7 นคร
มวลสารต่างๆ ได้กระทำพิธีบดในมงคลฤกษ์ เมื่อบดแล้วได้มีการนำผสมเข้าด้วยกัน มีการเจริญพระพุทธมนต์
เพื่อความเป็นสิริมงคลในทุกขั้นตอน
มวลสารต่างๆ ได้กระทำพิธีบดในมงคลฤกษ์ เมื่อบดแล้วได้มีการนำผสมเข้าด้วยกัน มีการเจริญพระพุทธมนต์
เพื่อความเป็นสิริมงคลในทุกขั้นตอน
เมื่อแม่พิมพ์ที่กดพระสำเร็จแล้ว ได้มีการเจิมและประกอบพิธีกรรมเพื่อเฉลิมฉลองแม่พิมพ์และมีการบวงสรวง
ตามขั้นตอน มวลสารทั้งหมดได้ผสมด้วยผงไม้หอมมงคล 9 ชนิด 9 กลิ่น 9 สรรพคุณ เพื่อทำให้มวลสารเกิดความหอมที่เรียก
ว่าหอมในรวมกับหัวน้ำมันหอมสกัดจากดอกไม้สด 9 ชนิดของแท้จากอินเดียว เป็นหัวน้ำมันหอมที่เมื่อผสมลงไปในเนื้อพระแล้ว
แม้เก็บไว้นานเพียงใดก็ไม่คลายกลิ่นหอมลงไปได้ ทั้งนี้เพราะเทพย่อมทรงโปรดในกลิ่นหอม การสร้างรูปเคารพของพระมหา
เทพ จึงต้องการความหอมที่จรุง จิตติดใจที่แท้จริงมาผสม เมื่อถึงวันประกอบพิธีผสมเนื้อผงคลุกรักตามกรรมวิธีการสร้างพระ
แบบโบราณ ได้มีกำหนดฤกษ์ที่เป็นฤกษ์อันเป็นมงคล มีพิธีบวงสรวงชุมนุมเทวดา ตั้งราชวัตรฉัตรธง พระเณรที่จะกดพิมพ์
ต้องปลงอาบัติทุกรูป เช่นเดียวกับฆราวาสที่ต้องสมาทานศีล 5 โดยเคร่งครัด ห้ามกล่าวคำหยาบหรือล้อเล่นแบบคะนองปากใน
ระกว่างการกดพิมพ์พระภายในปริมณฑลที่ได้ทำการกดพิมพ์พระนั้น ห้ามสตรีเข้าไปในบริเวณโดยเด็ดขาด ระหว่างทำพิธี
กดมีการจุดธูปและกำยานหอมของอินเดียตลอดเวลาโดยมีเจ้าหน้าที่คอยจุดเติม พราหมณ์ให้เหตุผลเรื่องนี้ว่า "การติดต่อ
ระหว่างมนุษย์โลกกับเทวโลกอันเป็นทิพยโลก มีสื่อคือควันธูปกละกำยาน อันเป็นสิ่งที่พระมหาเทพได้ทรงรับรู้ปละทรงประทาน
พร ตราบใดที่พิธีกรรมยังดำเนินไป ย่อมจะต้องต่อกลิ่นควันธูปให้ติดต่อกันไม่ขาดสาย เพื่อเป็นสิริมงคล .." ที่สำคัญเมื่อมีการ
เปลี่ยนเนื้อพระใหย่ทุกครั้งก็จะเปลี่ยนบายสีทุกครั้งด้วย
ราคาเปิดประมูล180 บาท
ราคาปัจจุบัน200 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ20 บาท
วันเปิดประมูล - 04 ต.ค. 2567 - 23:57:47 น.
วันปิดประมูล - 06 ต.ค. 2567 - 08:34:36 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลWasant2525 (199)(4)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     200 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     20 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    ถิรคุณ (1.4K)

 

Copyright ©G-PRA.COM
www1