(0)
พระมหาสิทธิโชค ท่านพ่อบัณฑูรสิงห์ธรรมบัณฑิต (เจิม คุณาบุตร) วัดเกตุมดีศรีวราราม จ.สมุทรสาคร เนื้อดิน






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องพระมหาสิทธิโชค ท่านพ่อบัณฑูรสิงห์ธรรมบัณฑิต (เจิม คุณาบุตร) วัดเกตุมดีศรีวราราม จ.สมุทรสาคร เนื้อดิน
รายละเอียดพระมหาสิทธิโชค ท่านพ่อบัณฑูรสิงห์ธรรมบัณฑิต (เจิม คุณาบุตร) วัดเกตุมดีศรีวราราม จ.สมุทรสาคร เนื้อดิน
เปิดกรุ เมื่อวันที่ ๑๔ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๒๗ วัดเกตุมดีศรีวราราม จ.สมุทรสาคร โดย พระเดชพระคุณ พระครูภาวนาวรคุณ (หลวงพ่อใหญ่) ได้ทำพิธีเปิดกรุพระบรมธาตุเกตุมวดีย์ (องค์เดิม) ได้พบพระเนื้อดินที่สร้างโดย ท่านพ่อบัณฑูรสิงห์ นำมาบรรจุไว้เพื่อสืบอายุพระพุทธศาสนา จำนวนมาก ๘๔,๐๐๐ องค์ ซึ่งถ้านับจากอายุการสร้างถึงปัจจุบันก็มีอายุได้ ๑๐๐ กว่าปีแล้ว

พระกรุเนื้อดินที่พ่อท่านบัณฑูรสิงห์ได้สร้างบรรจุกรุไว้นี้ หลวงพ่อใหญ่ได้ขนานนามว่า “ หลวงพ่อมหาสิทธิโชค ” เป็นพระเนื้อดินเผาพิมพ์สี่เหลี่ยมเป็นรูปพระพุทธแบบต่างๆ มีทั้งที่ประทับสัตว์แบบ หลวงพ่อปานก็มี ว่ากันว่าท่านพ่อบัณฑูรสิงห์ได้ทำพิธีพลีดินจากสถานที่สำคัญต่างๆ และดินจากสังเวชนียสถานทั้ง 4 มาผสมสร้าง เสร็จแล้วได้นิมนต์ หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค และ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก อยุธยา ซึ่งเป็นสหธรรมิกกันมาร่วมอธิษฐานจิตก่อนบรรจุกรุ
ราคาเปิดประมูล130 บาท
ราคาปัจจุบัน190 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ20 บาท
วันเปิดประมูล - 16 ต.ค. 2567 - 18:57:07 น.
วันปิดประมูล - 17 ต.ค. 2567 - 20:05:51 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลPukki9585 (2.3K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 16 ต.ค. 2567 - 18:58:18 น.



นำประวัติ ท่านพ่อบัณฑูรสิงห์ธรรมบัณฑิต (เจิม คุณาบุตร) มาลงให้อ่านครับ

ท่านพ่อบัณฑูรย์สิงห์ เกิดเมื่อวันที่ ๒๘ เมษายน พ.ศ.๒๔๓๔ ตรงกับวันอาทิตย์ขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๖ ปีเถาะ เกิดที่หมู่ ๘ ต.บางโทรัด อ.เมือง จ.สมุทรสาคร หมู่บ้านเกิดของท่านเรียกว่า "บ้านบน" เพราะอยู่เหนือศูนย์กลางคือวัดขึ้นไปข้างบน ท่านพ่อเป็นบุตรคนที่ ๒ ของปู่แพ คุณย่านุ่ม คุณาบุตร มีพี่และน้องร่วมบิดามารดาเดียวกันทั้งหมด ๖ คน คือ

๑. นางสาวเจือ คุณาบุตร
๒. ท่านพ่อบัณฑูรย์สิงห์ (เจิม คุณาบุตร)
๓. แม่เจียม คุณาบุตร หรือบุญเลี่ยม
๔. พ่อแถบ คุณาบุตร (โยมบิดาของหลวงพ่อวัดเกตุมดีฯ)
๕. พ่อพ้อง คุณาบุตร
๖. พ่อยอด คุณาบุตร

ชีวิตเมื่อเยาว์วัยของท่านพ่อตามคำบอกเล่าของพ่อแถบ คุณาบุตร ว่าท่านสงบเสงี่ยม และสามารถอดกลั้นต่ออารมณ์ต่าง ๆ ได้ดีเป็นเยี่ยม เมื่อายุได้ ๑๑ ปี ได้ไปเรียนหนังสืออยู่กับหลวงพ่อเพชร เจ้าอาวาสวัดตรีจินดาราม (วัดสามจีน) สมุทรสาคร พออายุได้ ๑๔ ปี จึงได้ย้ายไปอยู่กับหลวงพ่อสมุห์เทศ วัดใหญ่บ้านบ่อ สมุทรสาคร เพื่อเรียนหนังสือต่อในชั้นสูงขึ้นไปอีก

เมื่ออายุได้ ๑๕ ปี จึงได้บวชเป็นสามเณร เมื่อท่านเรียนหนังสือได้สูงขึ้นหลวงพ่อเห็นว่าเป็นเด็กดีมีแวว ทั้งสติปัญญาก็เฉลียวฉลาดกว่าเพื่อน หมดความรู้ที่อาจารย์จะสอน จึงได้แนะนำให้มาศึกษาต่อกับอาจารย์ทองดี (เปรียญ) ที่วัดบางพลีใหญ่ เหนือบ้านเกิดขึ้นไปอีกตำบลหนึ่ง ท่านพ่อได้ศึกษาภาษามคธ-บาลี ทั้งเรียนหนังสือขอมไปด้วย

ท่านพ่อบวชเป็นสามเณรอยู่จนอายุ ๒๐ ปีบริบูรณ์ บิดามารดาจึงจัดการอุปสมบทให้เป็นพระภิกษุ ณ วัดบางพลีใหญ่นั่นเอง พระอุปัชฌาย์ของท่านพ่อ คือหลวงพ่อนิล วัดตึก สมุทรสาคร หลวงพ่อเทศ หลวงพ่อนิตย์ วัดใหญ่บ้านบ่อเป็นกรรมวาจาจารย์

เมื่อท่านพ่ออุปสมบทแล้ว ญาติโยมได้นิมนต์ให้มาอยู่ที่สำนักสงฆ์บางโทรัด เพราะใกล้บ้าน โปรดญาติโยมได้สะดวก สำนักสงฆ์บางโทรัด ปู่แพ ย่านุ่ม คุณาบุตร ซึ่งเป็นโยมบิดามารดา เป็นผู้สร้าง จึงต้องการให้ท่านพ่อมาดูแลและบูรณะให้ดีขึ้นไปอีก

เมื่อท่านพ่อย้ายมาอยู่ตามความตั้งใจของโยมบิดามารดา สำนักสงฆ์แห่งนี้มีพระอยู่ ๒ หรือ ๓ รูปเท่านั้น กุฏิก็โย้เย้แทบจะพังมิพังอยู่แล้ว โบสถ์ที่จะใช้ทำสังฆกิจก็ไม่มี เมื่อท่านพ่อมาอยู่สำนักนี้ ท่านก็ได้สร้างหรือซ่อมสิ่งที่ชำรุดทรุดโทรม ให้ดีขึ้นและใช้การได้ต่อไป

เมื่ออยู่ได้ ๓ พรรษา ก็ได้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้า และได้ดำเนินการขอพระราชทานวิสุงคามสีมา และได้สร้างพระอุโบสถขึ้น เป็นแบบเรือนไทยเตี้ย ๆ สำเร็จพร้อมทั้งปรับปรุงกุฏิที่โย้เย้ให้ดีเหมือนเดิมจนใช้การได้ นับตั้งแต่นั้นมา ก็มีโบสถ์สำหรับสงฆ์ทำสังฆกิจได้ในวัด โดยไม่ต้องไปอาศัยวัดอื่น ทั้งศาลาการเปรียญและเสนาสนะอื่น ๆ ก็ซ่อมให้ดีขึ้น

ท่านได้ไปเรียนกรรมฐานกับหลวงพ่อรุณ วัดช้างเผือก อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงครามและขอเดินธุดงค์ร่วมกับหลวงพ่อรุณทุกป ได้เข้าอยู่ปริวาสกรรมก่อนเดินธุดงค์ ได้บรรลุธรรมในขณะอยู่ปริวาส

ตามคำบอกเล่าของท่านว่าได้เห็นในร่างกายโปร่งชัดเจน เหมือนกระจกแก้วในไปทั้งร่าง ครั้งแรกแปลกใจ แต่เก็บความรู้สึกไว้สอบสวนอยู่่ทุกคืน และโอกาศที่ได้นั่งกรรมฐาน จนแน่ชัดแล้วจึงคิดว่าเมื่อเราเห็นในตัวชัดแจ้งอย่างนี้แล้ว ในดินตรงหน้านี้มีอะไรบ้าง ก็เห็นในพิ้นดินแจ้งไปหมด สงสัยที่ตรงไหนตรงนั้นก็เห็น ไม่มีสิ่งใดบังกั้นเลยเป็นเวลานาน

เมื่อเข้าหมู่สงฆ์หลวงพ่อรุณทราบด้วยฌาน ก็ยกย่องในหมู่คณะสงฆ์นั้นว่า "คุณเจิม" รู้ธรรมแล้ว (ปกติหลวงพ่อรุณท่านไม่ได้พูดหรือสอนมาก เพราะท่านสร้างบารมีเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า) ได้แต่บอกวิธีปฏิบัติให้ เมื่อใครปฏิบัติดีท่านก็ยกย่องขึ้น

ต่อมาท่านพ่อได้พิจารณาถึงว่า ท่านได้เกิดมากี่ชาติสร้างบารมีอะไรมา ท่านก็ระลึกชาติแต่หนหลังได้ว่า เกิดมาแล้ว ๙๒ กัลป์ เคยอธิษฐานสร้างบารมีเป็นพระโพธิสัตว์มาตลอด ได้รับพยากรณ์จากพระสมณโคดมพุทธเจ้าพระองค์นี้ในชาติที่เกิด เป็นช้างนาราคิริงและจะเกิดมาในตระกูลสามัญชนอีกเพียงชาตินี้เท่านั้น ต่อไปก็จะไปเกิดเมื่อพระศรีอาริยเมตตรัยมาตรัสรู้เป็นพระสัมสัมพุทธเจ้า ท่านจะเป็นพระพุทธอุปัฏฐากบำรุงอยู่ตลอด ถึงพระศรีอริยเมตตรัยดับขันธ์ปรินิพพาน ท่านพ่อก็จะยับยั้งอยู่ดุสิตเทวโลก จนกว่าถึงสมัยที่ท่านจะมาตรัสรู้เป็นพระสัมสัมพุทธเจ้าพระองค์ที่ ๑๐ ในพุทธกาลหน้า

ท่านบวชได้ ๕ พรรษา พิจารณาว่าต่อไปจะเริ่งสร้างบารมี ถ้าจะอยู่ในสมณเพศก็จะคับแคบ เพราะจะต้องสงเคราะห์ญาติด้วยอาการต่าง ๆ จะทำให้พระธรรมวินัยของพระสมณโคดมแปดเปื้อนเป็นมลทิน ทั้งจะทำให้ผู้ที่เพ้อเจ้อโง่เขลา เบาปัญญาต้องมีโทษต่าง ๆ อีกด้วย ท่านก็เลยปลงจิตลาสิกขาบทจากสมณเพศมาปฏิบัติธรรมในฐานะฆราวาส โดยตั้งอยู่ในศีล ๕ เป็นปกติ วันพระก็รับศีลอุโบสถเป็นประจำ ส่วนอาชีพอื่น ๆ ตามบรรพบุรุษก็ถือแบบทำมาโดยตลอดเยี่ยงบุคลสามัญทั้งหลาย

บิดามารดาเห็นสมควรให้ครองเรือนโดยสู่ขอแม่เรียบ รสทองให้แต่งงานอยู่กินแบบบุคคลทั่วไป ท่านก็อนุโลมตาม ลาสิกขาบทมาได้ ๕ ปี ก็แต่งงานอายุ ๓๐ ปี แต่ยังมิได้บอกใครว่าได้บรรลุธรรมอันใด

ท่่านทำนาเกลือเมื่อหน้าแล้ง พอหน้าฝนท่านก็ข้ามมาฝั่งตรงข้ามคือ วัดเกตุมดีฯ ในปัจจุบัน แต่สมัยก่อนเหมือนยังอยู่ในป่าห่างจากบ้านเดิมประมาณ ๒ กิโลเมตร ท่านได้มาแผ้วถางที่บริเวณพระธาตุองค์เก่าที่เหลือแต่ซากหักพังบริเวณใกล้ ๆ ท่าน ปลูกข้าวปีหนึ่ง ๆ ก็ได้ข้าวพอสมควร แต่มักจะมีฝูงนกใหญ่ ๆ มากิน ท่านไม่ไล่และไม่ให้ใครไล่ ท่านบอกว่าให้ทานนกกินก็แล้วกัน (ต่อมาท่านจึงบอกว่าไม่ประสงค์จะมาปลูกเอาข้าวจะมานั่งพักอยู่ เพื่อนั่งตรวจสถานที่ให้แน่นอนว่า เป็นที่สร้างบารมีแน่ชัดหรือไม่)

เมื่อท่านอายุได้ ๓๕ ปี ท่านก็ได้เปิดเผยการปฏิบัติธรรมจะขอเริ่มสร้างบารมี โดยครั้งแรกท่านได้ไปกราบบิดามารดาของท่านที่เท้า แล้วบอกว่าได้รู้เห็นธรรมอย่างนั้น ๆ มาตั้งแต่บวช ต่อไปนี้สมควรที่จะสร้างบารมีต่อไปแล้ว ขอให้พ่อแม่ตั้งทุนขึ้นเพื่อสร้างเสริมองค์ำพระธาตุเก่าแก่นี้ก่อนเป็นคนแรก เมื่อบูรณขึ้นแล้วก็ให้พ่อแม่ปลูกต้นโพธิ์อธิษฐานไว้ข้างองค์พระธาตุคนละต้น (ขณะที่ขยายองค์พระธาตุจึงได้ขอตัวตัดออกไป) แต่ส่วนหนึ่งที่แตกจากรากลอดองค์พระธาตุ ดูเหมือนกับมือจะซ้อนองค์พระธาตุข้างที่ทรุดไว้ ปัจจุบันนี้ต้นโพธิ์ส่วนที่แตกออกมานี้ก็ยังอยู่

ท่านเริ่มสอนกรรมฐานตามแบบที่เรียนมาจากหลวงพ่อรุณ วัดช้างเผือกสืบมา แต่ถ้าเป็นคฤหัสถ์จะต้องให้สมาทานศีลห้า ข้อใดข้อหนึ่งตามที่ตนจะรักษาได้ตลอดชีวิตก่อน แล้วท่านจะบอกให้เรียนกรรมฐาน ต่อจากนั้นท่านก็บูรณะวัดบางโทรัด แล้วเปลี่ยนชื่อเป็นวัดบัณฑูรย์สิงห์ในปัจจุบัน โดยสืบต่อจากพ่อแม่ของท่านได้สร้างมา และเปลี่ยนจากเดิมทุกอย่าง จากไม้มาเป็นคอนกรีตทั้งหมด

ท่านได้สอนธรรมมาโดยตลอด และสถานที่เกตุมดีฯท่านให้เป็นสำนักปฏิบัติธรรมของลูกศิษย์ ที่มุ่งสู่ความสงบโดยแท้จริง และสามารถมาพักเพื่อปฏิบัติธรรมติดต่อ

ท่านพ่อบัณฑูรสิงห์ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตริตาภรณ์มงกุฎไทย ( ต.ม. ) เมื่อวันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ ๒๕๐๓

ท่านได้สร้างบารมีโดยตลอดมาถึงอายุ ๗๒ ปี เมื่อ พ.ศ.๒๕๐๖ ท่านได้ถึงแก่กรรมทิ้งขันธ์ละโลกนี้ไป เหลือไว้ให้แต่อาณาเขตบริเวณพระธาตุเกตุมวดีย์ พร้อมทั้งอธิษฐานจิตไว้ ๓ ประการ ณ เกตุมวดีย์มงคลสถานแห่งนี้

๑. ผู้ใดเคยเป็นญาติมาแต่อดีต เมื่อเกิดขึ้น ขอจงมาสร้างกุศลบารมีอธิษฐานต่อไป ณ สถานที่นี้
๒ ผู้ใดได้ทำบุญสร้างกุศลมามาก ขอจงมาสร้างบารมีและอธิษฐานต่อไป ณ สถานที่นี้
๓. ผู้ใดได้สร้างบารมีอธิษฐานเป็นพระโพธิสัตว์ เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ขอจงอธิษฐานสร้างบารมีต่อไป ณ สถานที่นี้

ขอขอบคุณเจ้าของข้อมูลเป็นอย่างยิ่ง


 
ราคาปัจจุบัน :     190 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     20 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    ยศยิ่งเจริญ (524)

 

Copyright ©G-PRA.COM
www1