ชื่อพระเครื่อง |
พระภูธราวดี ปางประทานพร ปี 2506 อาจารย์นำ |
รายละเอียด |
พระภูธราวดี ปางประทานพร ปี 2506
พระภูธราวดี อาจารย์นำ แก้วจันทร์ ปี 2506 ปางประทานพร (ยืน) ด้านหลังหลังยันต์ภูทราวดี
มีทั้งสีน้ำตาลแบบเนื้อดินผสมว่านและสีดำแบบว่านผสม นับได้ว่าเป็นพระเครื่องอีกหนึ่งชุดที่มีทั้งเจตนาสร้างดี มวลสารดี พิธีเยี่ยม นอกจากนั้นทางด้านพุทธคุณก็ไม่แพ้ใครประสบการณ์นับครั้งไม่ถ้วนจากผู้ที่ได้บูชาติดตัว
เป็นพระเครื่องชุดภูธราวดี ที่ทำพิธีพุทธาภิเษกครั้งใหญ่ที่วัดพระปฐมเจดีย์...พิธีพุทธาภิเศกของพระชุดภูทราวดี มีทั้งสิ้น 3 ครั้งด้วยกันได้แก่
ครั้งที่1 และ ครั้งที่2 ที่จังหวัดนครศรีธรรมราชโดยทั้งการกดพิมพ์พระเนื้อดิน และหล่อพระเนื้อโลหะต้องเตรียมการและจัดทำกันอยู่เป็นเดือน ๆ โดยผู้ที่กดพิมพ์ มีทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน ข้าราชการ ผู้ที่กดพิมพ์และช่วยหล่อพระจะต้องนุ่งห่มขาว รับศีลสมาทานทุกวัน หากผู้ใดออกนอกปะรำพิธี ก่อนกลับเข้าในพิธี ต้องประพรมน้ำพระพุทธมนต์ก่อน รวมถึงต้องรับศีลใหม่ ผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดต้องถือพรมจรรย์ ห้ามรับของต่อจากมือผู้หญิงรวมถึงห้ามคนนอกและผู้หญิงเข้าใกล้ในเขตพิธีด้วย เมื่อเข้าที่เป็นที่เรียบร้อย จึงใช้ไม้ที่มีนามเป็นมงคลลงเลขอักขระเป็นเชื้อเพลิง เมื่อสุมไฟได้ที่ จะต้องมีพระสวดชัยมงคลคาถา 9 รูป เมื่อนำพระขึ้นมาจะต้องประพรมด้วยน้ำมันจันทร์หอมอย่างดีจึงจะนำไปเข้าพิธีพุทธาภิเศกต่อไป( เป็นเรื่องแปลกที่ขณะที่จัดสร้างพระชุดนี้ได้เกิดมหาวาตภัยขึ้นที่แหลมตะลุมพุก วิหารทั่วไปในวัดล้วนได้รับความเสียหายแต่ภายในเขตพิธีอันได้แก่ วิหารหลวง ไม่มีสิ่งใดได้รับความเสียหายเลยแปรากฏหลักฐานว่าเข้าร่วมพิธีพุทธาภิเศกของพระแม้แต่กระเบื้องมุงหลังคาสักแผ่นเดียว
ครั้งที่ 3 ทำพิธีพุทธาภิเศกที่จังหวัดนครปฐม มีทั้งพราหมณ์ พระไทย พระจีน พระญวน ในนิกายต่าง ๆ รายนามพระคณาจารย์ต่าง ๆ เท่าที่รวบรวมได้ซึ่ง พระเครื่องภูธราวดี เป็นพระเครื่องที่สร้างโดย พล.ต.ท.ประชา บูรณธณิต และ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช เมื่อปีพ.ศ. 2506 อันเป็นพระเครื่องเนื้อดินผสมว่าน และผงพระพุทธคุณของท่านอาจารย์ต่างๆ มูลเหตุในการส้รางพระเครื่องครั้งนี้เพื่อเป็นของขวัญที่ระลึกในการที่ท่านนายพลทั้งสองจะเกษียณอายุราชการและท่านทั้งสองห่วงชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ จึงสร้างพระขึ้นเพื่อคุ้มครองป้องกันชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์ เพื่อแจกจ่ายแก่ช้าราชการและประชาชนทั่วไปตามสมควร ดังนั้นการสร้างพระเครื่องครั้งนี้ จึงสร้างถูกต้องตามพิธีโบราณกาลและบรรจุด้วยพุทธาคมจากพลังจิตของท่านคณาจารย์ต่างๆ ที่ร่วมปลุกเสก พล.ต.ท.ประชา บูรณธณิต เกิดเมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ.2446 ท่านเป็นชาวนครราชสีมาโดยกำเนิด บรรพบุรุษท่านสืบสายรับราชการทางตุลาการ ท่านคือทายาทสายตรงของเจ้าเมืองนครราชสีมาในอดีต เข้าเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจห้วยจรเข้ นครปฐม รุ่น 2465 จบหลักสูตรเป็นนายร้อยตำรวจปี พ.ศ.2468 พล.ต.ท.ประชา บูรณธณิต เคยดำรงตำแหน่งเป็นผู้บังคับการตำรวจกองปราบปรามและผู้บังคับการตำรวจภูธร สมัยนั้นมีเพียงกองบัญชาการเดียวดูแลพื้นที่ภูธรทั่วประเทศ ผลงานที่ส่งผลให้ท่านมีชื่อเสียงโด่งดังคือการปราบปรามlสือร้ายมากมาย เช่น lสือผาด lสือเจริญ lสือใบ ฯลฯ การปะทะกับคนร้ายหลายครั้งที่ถึงขั้นต้องวิสlมัญเป็นเหตุให้ท่านถูกคนร้ายยิlด้วยปืuหลายครั้งแต่ก็ไม่เข้าเป็นเพียงเขียวช้ำ จนได้รับฉายาว่านายพลหนังเหนียว เฉพาะคดีสำคัญๆที่ถูกบันทึกไว้เป็นประวัติดีเด่นของกรมตำรวจขณะนั้นมีจำนวน 42 เรื่อง ได้รับเกียรติเป็นนายพลอัศวิน แหวนเพชร คนแรกของกรมตำรวจในสมัยของ พล.ต.อ.เผ่า ศรียานนท์ ท่านเกษียณอายุราชการในปี พ.ศ.2506 ถึงแก่อนิจกรรมด้วยโรคเส้นโลหิตหัวใจอุดตันเมื่อวันที่ 4 มกราคม พ.ศ.2529 พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดชเป็นชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชเดิมชื่อ บุตร์ นามสกุล พันธรักษ์ ตามเอกสารราชการระบุเกิด เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2446 ท่านขุนพันธรักษ์เป็นทายาทสืบเชื้อสายมาจากหมอหลวงประจำพระราชสำนักของเจ้าเมื่อนครศรีธรรมราช เข้าศึกษาในโรงเรียนนายร้อยตำรวจห้วยจรlข้ รุ่น 2468 และจบการศึกษาในปี พ.ศ. 2472 จากนั้นก็เริ่มต้นชีวิตในเครื่องแบบสีกากีอยู่ในพื้นที่ทางภาคใต้ ท่านได้ชื่อว่าเป็นนายตำรวจมือปราบ ตามประวัติมีบัญชีรายชื่อlสือร้ายที่ถูก พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดชยิllสียชีวิตจำนวน 62 รายที่ขึ้นชื่อได้แก่ lสือเมือง lสือสังข์ และกลุ่ม ขุนโจร อะแวสะดอ ผู้มีอิทธิพลแถบเทือกเขาบูโด จังหวัดนราธิวาส พ.ศ.2489 อธิบดีกรมตำรวจได้ขอตัวท่านขึ้นมาเป็นรองผู้อำนวยการกองปราบปรามพิเศษกรมตำรวจ เพื่อปราบปรามโจรร้ายคดีสำคัญของประเทศหลายกลุ่มไม่ว่าจะเป็นกลุ่มโจรพิจิตร กำแพงเพชร และลุ่มน้ำเจ้าพระยา เรื่อยลงมาจนถึงสุพรรณบุรีจนได้รับฉายาจากซุ้มโจรต่างๆว่า ขุนพันธ์ดlบแดง ต่อมาได้ย้ายกลับสู่ภาคใต้อีกครั้งเพื่อกวาดล้างชุมโจรใหม่ กระทั่งขึ้นเป็นผู้บังคับการตำรวจภูธรเขต 8 ถึงแก่อนิจกรรมอย่างสงบด้วยโรคชรา เมื่อวันพุธที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ.2549 สิ่งของหายากที่ต้องนำมาเป็นส่วนผสมเนื้อพระนั้นประกอบด้วย หัวว่านป่าสำคัญกว่า 400 ชนิด ดินสังเวชนียสถาน 4 แห่งจากประเทศอินเดีย และผงพุทธคุณของสมเด็จพุทธาจารย์โต ผงจากกรุพระนางตรา ผงจากพระอาจารย์ผู้ทรงคุณวุฒิต่างๆ น้ำพระพุึทธมนต์ในพิธีสำคัญต่างๆ จากพระอุโบสถทั่วประเทศ ฯลฯ ส่วนแบบพิมพ์ท่านจำลองอย่างองค์พระร่วงโรจนฤทธิ์ เนื่องจากท่านทราบว่าเป็นพระประทานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สร้างขึ้นด้วยพระราชศรัทธาขององค์พระมหากษัตริย์และเป็นที่สักการะบูชากราบไหว้ของชาวไทยและชาวต่างประเทศ ด้านหลังมียันต์ตัว "นะ" ขึ้นยอดเป็นอุนาโลม อยู่ในกรอบรูปทรงคล้ายพระเจดีย์กดจมลึกลงไปในเนื้อพระ จากข้อความคำบันทึกของ พล.ต.ท.ประชา บุรณธนิต ที่เขียนไว้เมื่อ พ.ศ.2506 กับคำบอกเล่าของ พล.ต.ต.ขุนพันธรักษ์ราชเดช ที่ลงในหนังสือพุทธรันดร ปี พ.ศ.2520 ต่างให้รายละเอียดต่างๆได้ตรงกันเช่น วัสดุที่ใช้สร้างพระ การทำพิธี เหตุการณ์มหัศจรรย์อันเป็นนิมิตดี ทั้งๆที่ท่านทั้งสองได้ให้รายละเอียดต่างวาระกัน เรื่องที่เล่าทุกอย่างน่าจะเป็นจริงอย่างแน่นอน รายชื่อเกจิอาจารย์ที่เข้าร่วมปลุกเสกพระเครื่องภูธาวดี ที่องค์พระปฐมเจดีย์มีดังนี้ 1.หลวงพ่อน้อย วัดธรรมศาลา 2.หลวงพ่อเงิน วัดดอนยายหอม 3.พลวงพ่อเต๋ วัดสามง่าม 4.หลวงปู่เพิ่ม วังกลางบางแก้ว 5.หลวงพ่อบุญธรรม วัดพระปฐมเจดีย์ 6.หลวงพ่อห่วงวัดท่านใน 7.หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี 8.พระครูอาคมสุนทร วัดสุทัศน์ฯ 9.หลวงพ่อคล้าย (วาจาสิทธิ์) วัดสวนขันธ์ 10.หลวงปู่ทิม วัดช้างให้ 11.หลวงพ่อปาน วัดเขาอ้อ 12.อาจารย์คง วัดบ้านสวน 13.อาจารย์หมุน วัดเขาแดงตะวันออก 14.อาจารย์นำ แก้วจันทร์ (ขณะนั้นยังเป็นชีปะขาวอยู่) |
ราคาเปิดประมูล |
100 บาท |
ราคาปัจจุบัน |
300 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ |
50 บาท |
วันเปิดประมูล |
อ. - 05 พ.ย. 2567 - 19:53:21 น. |
วันปิดประมูล |
พฤ. - 07 พ.ย. 2567 - 12:47:16 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
ผู้ตั้งประมูล |
twopiece1234 (61)
|