(0)
เหรียญปั้ม-พิมพ์แจกทาน-2 เหรียญ ((เนื้ออัลปาก้า+นวะโลหะ-ผิวเดิมๆ)) ล.พ.เกษม เขมโก สนส.ไตรลักษณ์ จ.ลำปาง รุ่นปลอดภัยตลอดกาล ออก 31 มกราคม 2538 ((พร้อมกล่องเดิมๆ-สวยสมบูรณ์-ใหม่กริ๊บ)) รวม 2 เหรียญ








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต





ชื่อพระเครื่อง เหรียญปั้ม-พิมพ์แจกทาน-2 เหรียญ ((เนื้ออัลปาก้า+นวะโลหะ-ผิวเดิมๆ)) ล.พ.เกษม เขมโก สนส.ไตรลักษณ์ จ.ลำปาง รุ่นปลอดภัยตลอดกาล ออก 31 มกราคม 2538 ((พร้อมกล่องเดิมๆ-สวยสมบูรณ์-ใหม่กริ๊บ)) รวม 2 เหรียญ
รายละเอียด ----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

......................((เคาะแรก.....แดงเลยครับ)).......................
......................((เคาะแรก.....แดงเลยครับ)).......................
......................((เคาะแรก.....แดงเลยครับ)).......................

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

......................เป็นพระใหม่ -ไม่ผ่านการใช้.....รับประกันความแท้ให้ท่านแบบไม่จำกัดเวลาเลยครับ........

----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

.......................ชมแล้วชอบ...ก็เชิญท่านว่ากันต่อเลยครับ....................

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


.............((ขอบอก))....พุทธคุณในเหรียญนี้...จะแรงเหนือกว่าพิมพ์-รุ่นเดียวกันทุกๆเนื้อ...((ราคาหลักร้อยเบาๆแต่คุณภาพด้านพุทธคุณหลักล้านล้านล้าน))......อย่าได้สงสัย-อย่างนี้ต้องลองเคาะเอาไปบูชากันดู...อย่าเพิ่งเชื่อ/ไม่เชื่อผม.....ของยังงี้ต้องรู้ด้วยตัวเองครับ.....


.............((ขอบอก))....พุทธคุณในเหรียญนี้...จะแรงเหนือกว่าพิมพ์-รุ่นเดียวกันทุกๆเนื้อ...((ราคาหลักร้อยเบาๆแต่คุณภาพด้านพุทธคุณหลักล้านล้านล้าน))......อย่าได้สงสัย-อย่างนี้ต้องลองเคาะเอาไปบูชากันดู...อย่าเพิ่งเชื่อ/ไม่เชื่อผม.....ของยังงี้ต้องรู้ด้วยตัวเองครับ.....


.............((ขอบอก))....พุทธคุณในเหรียญนี้...จะแรงเหนือกว่าพิมพ์-รุ่นเดียวกันทุกๆเนื้อ...((ราคาหลักร้อยเบาๆแต่คุณภาพด้านพุทธคุณหลักล้านล้านล้าน))......อย่าได้สงสัย-อย่างนี้ต้องลองเคาะเอาไปบูชากันดู...อย่าเพิ่งเชื่อ/ไม่เชื่อผม.....ของยังงี้ต้องรู้ด้วยตัวเองครับ.....

------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

.......................((ขอบอก))........ถ้าท่านสมาชิกต้องการบูชาเหรียญรุ่นนี้-พิมพ์นี้ ด้วยศรัทธาในพุทธคุณที่มีประจุอยู่ในเหรียญนี้....เหรียญนี้เลยครับ....การันตีว่าพลังพุทธคุณที่ ลพ.เกษม เขมโก เสกประจุไว้เดิมได้ถูกเสกหนุนให้เต็มพิกัดแรงทุกๆด้าน.....และประกอบด้วยญาณ ภาค/ปางค์ ที่ 10 ของพระอรหันต์เจ้า สารีบุตรเถระ นามองค์เทพอาจารย์ปู่พรพระพรหม....และ ด้วยญาณ ภาค/ปางค์ ที่ 10 ของพระอรหันต์เจ้า โมคคัลลานะเถระ นามองค์เทพอาจารย์ปู่พันธุรัตน์.......ร่วมเสกซ้ำหลายๆครั้ง......

--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ราคาเปิดประมูล 778 บาท
ราคาปัจจุบัน 818 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ 20 บาท
วันเปิดประมูล พ. - 08 ม.ค. 2568 - 09:45:34 น.
วันปิดประมูล พฤ. - 09 ม.ค. 2568 - 09:51:59 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูล ราษีเมถุน (3.9K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 พ. - 08 ม.ค. 2568 - 10:00:35 น.



ข้อมูลเพิ่มเติม 4 พฤ. - 31 ม.ค. 2562 - 19:51:16 น.

..(((เล่าสู่กันฟังเบาๆ)))......มานึกย้อนหลังไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา....มีเพื่อนที่ทำงานท่านหนึ่งถามผมว่า.....คุณๆจะมีวิธีไหนแนะนำให้ผมไปบอกภรรยาผมได้งัยบ้าง-เขาชอบให้ผมพาไปวัดโน้น วัดนี้ (เข้าใจว่าเขาคงจะทนเบื่อรับส่งมานานนะ...555) เพื่อไปเรียนการฝึกนั่งสมาธิ วัดโน้นวัดนี้เปลี่ยนไปเรื่อยๆไม่อยู่เป็นที่-แล้วก็บ่นว่าสำนักนั้น/สำนักนี้สอนนั่งสมาธิไม่ดี-คงหมายความว่าตัวภรรยาเขาไปฝึกนั่งสมาธิ/ฝึกเดินจงกรมเพื่อทำสมาธิ ณ สำนักนั้นๆแล้ว-จิตเขาไม่สามารถเข้าถึงซึ่งสมาธิได้เลย-เธอจึงกระเสือกกระสน-ให้สามีพาตะลอนเปลี่ยนไปวัดนั้นวัดนี้เรื่อยๆตามที่ได้ยินมาจากปากคนอื่นๆ-เพื่อเสาะหาวัดที่ว่า สามารถที่จะสอนให้เธอฝึกจิตจนสามารถเข้าถึงซึ่งสมาธิได้จนเป็นผลสำเร็จหรือเปล่านั่นเอง.....

.....ผมพิเคราะห์จากคำบอกของเพื่อนผู้เป็นสามีเธอแล้ว-เห็นว่าข้อแรก-จิตของเธอนั้นเป็นผู้ที่มีความตั้งใจสูงมีความมั่นคงแน่วแน่+และมีความปรารถนาอย่างแรงกล้า ที่จะฝึกจิตเขาให้เข้าถึงซึ่งความสงบ-จนจิตเคลื่อนเข้าถึงขั้นสมาธิให้ได้-....นับว่าเป็นทุนเดิมที่เข้มแข็งอยู่แล้ว....ไม่น่าจะเป็นการยากที่จะแนะวิธีให้เธอลองไปคิดสรุปยอดหาหนทาง/วิธีที่จะนำไปปฏิบัติดู-อย่าทำมั่วไปทุกอย่างเสียเวลา-ไม่ได้ผลหรอก....

........โดยผมบอกให้เขาไปบอกภรรยาว่า-ผมแนะนำให้เขาลองหาข้อสรุปแยกรูปแบบของวิธีการฝึกเข้าสมาธิที่เขาได้เข้าไปเรียนจากสำนักต่างๆมา-ไม่ว่าจะเป็นวิธีเข้าสมาธิโดยวิธีการเดินจงกม/การนั่งสมาธิ/การนอนสมาธิ-ให้เห็นรูปแบบที่ชัดเจนเข้าใจง่ายดูสิว่าเขาเข้าใจว่ามันจะมีกี่วิธี-แล้วค่อยๆทดลองฝึกหาว่าแต่ละวิธีนั้น-จะมีวิธีไหนบ้างที่ถูกกับจริตเรา+และคิดว่าน่าจะเอามาใช้สำหรับตัวเอง...แล้วจงเอาวิธีนั้นมาใช้ประจำตัวเราตลอดไป......(สำหรับผมใช้วิธีกลั้นใจกำหนดจิต-ผ่านทะลุกลางกระหม่อมพุ่งทะลุขึ้นฟ้าไปสุดๆแล้วไปแตกสว่างที่ข้างบนโน่นเลยทีเดียวครับ-ไม่เสียเวลา-แค่อึดใจเดียวเท่านั้น-ไม่ต้องมาดูลมหายใจเข้าพุทธ-หายใจออกโธ/ หรือต้องมาฝึกเดินจงกม-ยก-ย่าง-วาง...)

.....ผมบอกเพื่อนว่า.....การที่ภรรยาของเขาเที่ยวตระเวนเสาะหาวิธีการที่จะเข้าถึงซึ่งสมาธิให้ได้จากสำนักสอนต่างๆนั้น-ก็น่าจะเป็นการดี-เป็นการเปิดโอกาสให้ตัวเองได้หาความรู้/ได้เห็น วิธีการถ่ายทอด/วิธีการสอนของครูบาอาจารย์จากสำนักต่างๆ-ทำให้เราได้คิด-เกิดการเปรียบเทียบ และทำให้มีทางเลือกหลายวิธีที่จะเอามาลองฝึกดู-คิดว่าเธอก็น่าจะพบสัก 1 วิธีที่เข้าไปเรียนรู้มาจากสำนักไหนสำนักหนึ่งที่สอนวิธีต่างๆนั้นให้-ในบั้นปลายเธออาจจะพบกับวิธีที่ถูกกับจริตเธอและยึดถือเอามาเป็นต้นแบบใช้ในการฝึกของตัวเองเป็นประจำก็ได้......

......ผมแนะว่าเราไปเรียนรู้วิธีการปฏิบัติจากสำนักต่างมาก็หลายสำนัก....เราก็ต้องรู้จักหาข้อสรุปให้ได้ว่า-จุดมุ่งหมายของแต่ละสำนักนั้น-เขาต่างก็มีวิธีการถ่ายทอด/สอน-เพื่อให้จิตเราเข้าถึงสมาธิได้อย่างไร-มีวิธีที่แตกต่างกันอย่างไร-จะเห็นได้ว่าหลักใหญ่ๆก็คือ ทุกคำสอน/ทุกๆวิธีที่แต่ละสำนักให้ฝึกปฏิบัตินั้นต่างก็มีจุดมุ่งหมายสุดท้ายเหมือนกันคือ....เพื่อให้ผู้เข้ามาฝึกฝนได้ฝึกฝนจิตสงบรวมเป็นหนึ่งเดียว-จนจิตของเราสามารถเคลื่อนเข้าถึงซึ่งสมาธิได้ในที่สุดนั่นเอง.....

......แต่จะแตกต่างกันในวิธีการปฏิบัติที่สอนให้เดินทางไปถึงจุดสมาธินั้นได้อย่างไรเท่านั้นเอง....ซึ่งก็เป็นเทคนิคการถ่ายทอดให้แก่ศิษย์แต่ละสำนักได้เข้าใจกัน.....ไม่ว่าสำนักไหนจะมีวิธีการสอนให้นั่งภาวนาพุทโธ/สัมาอรหัง/ยุบหนอ-พองหนอ/เห็นหนอ/หรือสอนให้กำหนดจิตดูสัมผัสตามเส้นทางเดินเข้า-ออก ของลมหายใจที่ผ่านเข้าออกรูจมูกทั้งสองของเรา....หรือให้กำหนดจิต(นึกเอาเอง)เห็นอสุภะ-คือให้มองดูกายเราตั้งแต่หัวลงมา-หากถลกหนังหัวเข้าไปเห็นทีละชั้น-เห็นกะโหลก-เห็นสมอง ตามลำดับ ผม-ขน-เล็บ-ฟัน-หนัง....หรือการเดินจงกมโดยกำหนดจิตไว้ที่ปลายเท้าเมื่อย่างก้าวแต่ละก้าว-ก็ให้จิตมีสติอยู่ที่นั่นเพียงจุดเดียว-อย่าให้จิตส่าย-วอกแวก.....

.....นี่แหละครับ-คือวิธีการที่จะทำให้จิตของท่านนิ่งเป็นหนึ่งเดียวจนเคลื่อนเข้าสู่ความสงบ และเคลื่อนเข้าสู่สมาธิในที่สุด......ถ้าท่านทำจิตให้รวมอยู่ที่จุดเดียวได้จนสงบ จิตก็จะเคลื่อนเข้าสู่ความเป็นสมาธิโดยลำดับของเขาเองไปเรื่อยๆ....ต่อไปเราแค่พยุงสติเรา-โดยให้มีสติรู้ตัวเราว่าเป็นเราอยู่เสมอตามเขาเข้าไปเรื่อยๆ-อย่าเผลอปล่อยจิตให้ล่องลอย...ฝึกไปบ่อยๆ.แล้วท่านก็จะรู้ว่า.....มนุษย์เราๆทีมองเห็น/สัมผัสกันอยู่ทุกๆวันจนชินนี้.....มันสามารถแบ่งออกเป็น 2 ส่วนได้นะครับ....มิใช่มีแค่ตัวตนเราเพียงหนึ่งเดียว.....จิตกับร่างกายของเราเป็นคนละส่วนกัน-สามารถแยกออกจากกันได้ครับ....จิตจะเห็นกาย-กายจะเห็นจิต...ต่างส่วนต่างเห็นกันได้.....หากท่านฝึกสมาธิจนเข้าถึงซึ่งสมาธิได้-แล้วท่านก็จะรู้/จะเห็นตามที่ผมว่ามานี้เอง........ขอพอ-ให้รู้แค่นี้ก่อนนะครับ-นี่ก็พูดลึกมากไปแล้ว......ทุกเวลานาทีที่อยู่ในสมาธิเราต้องมีสติอยู่ตลอดเวลาอย่าได้เผลอไผลยินดีกับสิ่งที่ได้พบ/เห็น-ให้ใช้ปัญญาพิจารณา-บอกได้แค่นี้ครับ..

......สรุปแล้วก็คือการรวมจิตให้เป็นหนึ่งอยู่ที่จุดใดจุดหนึ่งจนแน่นิ่งไม่ส่ายไปที่อื่นสักพักแล้ว-จิตของเราก็จะเข้าสู่สภาวะสงบ และเคลื่อนเข้าสู่สมาธิลึกๆตามลำดับเองครับ.....

......เราไปเสาะหา/เรียนรู้วิธีการที่จะทำให้จิตของเราสงบ-จนเข้าถึงซึ่งสมาธิได้-จากสำนักต่างๆได้......แล้วนำเอาวิธีนั้นๆมาลองฝึกปฏิบัติที่บ้านเราก็ได้.....บางที-ผมว่าท่านไม่จำเป็นต้องไปค้างแรมที่วัดเป็นเวลานานเช่นภรรยาของเพื่อนผมที่เขามาถามผมหรอก....ฝึกเองที่บ้านเราก็ได้ครับ-ไม่จำเป็นที่จะต้องไปอยู่ที่วัดในหมู่คนที่มากมาย+มากเรื่อง....เพียงแค่-ก่อนที่ท่านจะล้มตัวลงนอนทุกครั้ง….แค่วันละ 10-30 นาที.+ความตั้งใจมั่น....ใช้เวลาราวๆ 3 เดือนน่าจะรู้ผลกันแล้วครับ......

.......ถ้าท่านฝึกจนชำนาญคือจิตเราสามารถสงบนิ่งจน เข้า-ออก จากสมาธิได้กลับไปกลับมาจนชำนาญแล้ว.....ขั้นต่อไปท่านก็จะสนุก+อยากรู้อยากเห็นว่าในมิติใหม่ที่เราเพิ่งมาพบ/ซึ่งเป็นอีกโลกหนึ่งที่ต่างจากเรา/โลกหลังความตาย/โลกแห่งจิต-วิญญาณ-กายทิพย์-กายละเอียด -ผี (แล้วแต่สำนักไหนจะเรียกว่าอย่างไร) ที่ต่างจากเรานั้น....

.....เท่าที่ทราบมา....องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ว่า.....วิธีที่จะฝึกจิตเราให้เข้าถึงซึ่งสมาธิได้มีอยู่ด้วยกัน 44 วิธี (ต้องขออภัยต่อท่านผู้รู้ด้วย-หากคำบอกเล่าเกี่ยวกับเรื่องนี้ของผมคลาดเคลื่อน-เพราะจำได้คลับคล้ายคลับคลา เท่านั้นครับ) ให้ลองเลือกไปใช้ฝึกดูว่า-วิธีไหนจะถูกกับจริตของเรา-เมื่อพบแล้ว-ก็จงใช้วิธีนั้นนั่นแหละเป็นแนวทางถือปฏิบัติในการฝึกฝนต่อไป.....แล้วท่านก็จะประสบความสำเร็จแน่นอนครับ.....

......ศาสนาพุทธของเรา....เป็นศาสนาที่ว่าด้วยเรื่องของจิต/วิญญาณ-กายทิพย์/ผี+สติแล้วจะทำให้เกิดปัญญา ครับ.....ดังนั้นตัวตนของเราที่เป็นคน/มนุษย์กันอยู่ทุกวันนี้แยกออกเป็น 2 ส่วนจากกันได้นะครับ....ส่วนแรกคือร่างกาย/กายหยาบ/กายสังขาร แล้วแต่สำนักไหนจะเรียกว่าอย่างไร.....ส่วนที่ 2 คือส่วนที่เป็นจิตใจ/จิต/วิญญาณ/ดวงวิญญาณ/กายทิพย์/กายละเอียด/ผี ครับ....ส่วนที่เป็นจิตนี้-ขณะที่เรามีชีวิต-ถ้าท่านฝึกสมาธิได้สำเร็จ-ก็จะสามารถแยกออกจากร่างเป็นคนละส่วนได้อย่างชัดเจน....แต่ถ้ายังฝึกสมาธิไม่ได้ถึงขั้นจิตเข้าสู่ความเป็นสมาธิได้แล้ว....ท่านก็จะแยกออกจากกายไม่ได้/ได้ยาก-เว้นแต่เมื่อจิตท่านตกใจอย่างแรง-เวลานั้นบางท่านจิตก็สามารถออกจากร่างได้เช่นกัน.....แต่แน่นอนที่สุดเมื่อท่านตายลงไป-ดวงจิต/จิต/ดวงวิญญาณ/กายทิพย์/กายละเอียด/ผี (แล้วแต่สำนักไหนจะเรียกว่าอย่างไร) เขาก็จะแยกออกจากร่างไปโดยธรรมชาติของเขาเองครับ.....

..........งั้นเรามาฝึกแยกจิตออกจากร่างของเราในขณะที่เรายังไม่ตาย-โดยผ่านการฝึกนั่งสมาธิให้สำเร็จนี่แหละ-จะได้รู้ได้เห็นในสิ่งที่คนอื่นไม่ปฏิบัติก็ไม่รู้-ดั่งพุทธองค์ทรงชี้ทาง/แนะ/โดยตรัสไว้ว่าสิ่งเหล่านี้....ปัจจัตตังเวธิตัพโพ....เป็นสิ่งที่รู้ได้ด้วยเฉพาะตัวเอง-จะบอกให้คนอื่นรู้+ให้เชื่อแบบที่เรารู้/เห็นมาไม่ได้-เพราะภูมิธรรมเราไม่เท่ากัน-บอก/สอนกันไปไม่รู้เรื่องแน่นอน-เผลอๆทะเลาะกันเปล่าๆ-เพราะหาว่าอีกฝ่ายที่บอกว่าบ้า/เพ้อเจ้อ-จะเกิดการเหยียดหยามเยาะเย้ย-ถากถาง-ดูแคลนกันครับ...เพราะภูมิธรรมไม่เหมือนกัน.....พุทธองค์ ถึงทรงต้องห้าม ยิ่งกับสงฆ์สาวกของพระองค์แล้ว กำหนดเป็นโทษปรับขั้นปาราชิก .เรียกว่าผิดศีล อวดอุตริมนุษย์ธรรม ต้องขาดจากความเป็นพระตลอดชีวิต ถ้าท่านอยากรู้ตามที่ผมบอกมา-ก็ขอให้ฝึกนั่งสมาธิกันเอาเอง-เมื่อได้แล้วท่านก็จะรู้+เข้าใจตามที่ผมว่ามากันเองนะครับ.....ผมขอเป็นกำลังใจให้กับสมาชิกทุกๆท่านที่ตั้งใจจะลองฝึกปฏิบัติสมาธิกันนะครับ.....ผมบอกได้ว่าไม่ยากเกินกว่าที่ท่านจะสามารถทำกันได้ครับ....ทุกท่านทุกคนทำกันได้.....ขอให้มีความมั่นคงในจิตเท่านั้นก็จะสำเร็จแน่นอน.....


 
ราคาปัจจุบัน :     818 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     20 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    Lungpai (520)

 
(0)
  ประวัติการเสนอราคา
 ผู้เสนอราคาราคาเวลา
  ท่านรอง888 (1.1K) 798 บาท พ. - 08 ม.ค. 2568 - 09:51:59 น. (ถึงราคาขั้นต่ำแล้ว)
  Lungpai (520) 818 บาท พ. - 08 ม.ค. 2568 - 17:16:31 น.

Copyright ©G-PRA.COM
www1