ชื่อพระเครื่อง |
พระผงสมเด็จอุปัจเทยะ หลังรูปเหมือนหลวงพ่อหนุน สุวิชโย วัดพุทธโมกพลาราม สายหลวงพ่อฤาษีลิงดำ 2 องค์+ลูกอมหนุนเงินล้าน วัดใจเคาะเดียวเบาๆครับ |
รายละเอียด |
พระผงสมเด็จอุปัจเทยะ หลังรูปเหมือนหลวงพ่อหนุน สุวิชโย เนื้อผงรุ่น "หนุนเงินล้านล้าน" วัดพุทธโมกพลาราม สกลนคร สร้าง ปี ๒๕๖๔
มาพร้อม กอมผงพุทธคุณ เนื้อผงเหล็กไหลนาคราช รุ่น "หนุนเงินล้านล้าน"
อุปัจเทยยะ ซึ่งหมายถึง "พ้นจากภัยอันตรายทั้งปวง" เป็นบารมีของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน (ปัจจุบัน คือ พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์, พระพุทธรูปโบราณพูดได้ เป็นพระคู่บารมีหลวงพ่อหนุน ประจำวัดพุทธโมกพลาราม)
🐉 แร่เหล็กไหลพญานาค (แร่บังบด) 🐉
ผงเหล็กไหลนาคราช เหล็กไหลบาดาล พบที่แขวงคำม่วน สปป.ลาว พบเป็นผงสีดำ ไหลวนอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงอย่างน่าอัศจรรย์ ชาวบ้านที่ลาวใช้แม่เหล็กดูดขึ้นมาให้ พบเป็นผงระยิบระยับสวยงามมาก ต้องใช้กล้องส่องพระตรวจดู แม่เหล็กดูดติด ผงเหล็กไหลนาคราชแม่น้ำโขงนี้ มีลักษณะเหมือนดั่งเนื้อเหล็กปนหิน ไหลวนอยู่กับที่บริเวณริมแม่น้ำโขง ถือเป็นเหล็กไหลชั้นยอดอีกชนิดหนึ่ง แม่เหล็กสามารถดูดติดได้ เนื้อเป็นคล้ายเหล็กปนหิน สีดำ มีผงสีเงินแวววาวอัศจรรย์ เป็นของบารมีสูง มีพลังงานมหาศาล เหมาะแก่การใช้ป้องกันเขี้ยวงาต่างๆ แคล้วคลาดกันภัย นิยมหากันมาแต่โบราณ มีคุณวิเศษด้านโชคลาภค้าขายร่ำรวย ป้องกันไฟ ดับพิษ เข้าป่า สัตว์มีพิษไม่กล้ามาเข้าไกล้ พกติกตัวไปมีแต่เงินทองไหลมาเทมา ไม่ขาดสาย เป็นของทนสิทธิ์ที่หายากอีกชนิดหนึ่ง บูชา หน้าร้าน หน้ารถ ติดตัว ติดกระเป๋าเดินทาง แคล้วคลาดปลอดภัย ค้าขายมีกำไร ดูดทรัพย์ ป้องกันสิ่งไม่ดี วิญญาญร้าย กันคุณไสย ขับไล่เสนียดจัญไร สารพัดกัน กำไว้ในมือเจริญภาวนาดีนัก
--------------------------------------------------------------------------
ตามที่ทราบกันทั่วไปในหมู่คณะศิษย์ของหลวงพ่อหนุน สุวิชโย ว่าท่านมักจะแจกวัตถุมงคลชนิดหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนหินแร่สีดำปนน้ำตาล หรือมีลักษณะคล้ายหินที่มีสนิมเหล็กติดอยู่ รูปร่างไม่จำกัด บ้างกลม บ้างตะปุ่มตะป่ำ ซึ่งท่านมักจะนำมาแจกให้กับลูกศิษย์ที่เข้ามากราบขอพรมาเป็นเวลาหลายปี ทั้งนี้ ท่านเมตตาอธิบายง่ายๆ ว่าพกติดตัวไว้ในกระเป๋าสตางค์ ติดไว้ที่ป้ายร้านค้าหรือบริษัทก็ตาม จะก่อให้เกิดมงคลใช้ในการเจรจา การค้าขาย โดยท่านว่ามีคุณในเรื่องการค้าและโชคลาภพอสมควร แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับศรัทธา ลูกศิษย์หลายคนมักจะเรียกหรือรู้จักแร่ชนิดนี้ในชื่อ
แร่ทรหด หรือ เหล็กไหลพญานาค
--------------------------------------------------------------------------
พระเดชพระคุณหลวงพ่อหนุน สุวิชโย เคยปรารภกับคณะศิษย์อยู่หลายครั้งในปกิณกธรรมสนทนาว่า แร่ชนิดนี้เป็นแร่ของเมืองบังบด ซึ่งอยู่ในรอยต่อของหุบเขา ซึ่งมีขนาดพื้นที่กว้างใหญ่และทางเข้าไปมีลักษณะคล้ายถ้ำ มีความลึกมาก มนุษย์ธรรมดายากจะเข้าไปได้ ว่ากันว่าคนที่อยู่อาศัยในเมืองบังบดมีอายุขัยยืนยาวกว่ามนุษย์ธรรมดา ซึ่งท่านว่าอาจจะเป็นคนธรรพ์หรือวิทยาธรก็เป็นได้ และเราไม่สามารถเห็นตัวเขาได้ถ้าเขาไม่ต้องการจะให้เห็น
เมื่อมีลูกศิษย์เรียนถามว่าแร่ดังกล่าวมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ผู้ดูแลรักษาอยู่หรือไม่ พระเดชพระคุณหลวงพ่อจึงเล่าถึงตอนนำแร่ชนิดนี้กลับมาในประเทศไทย ครั้งแรกขนแร่ชนิดนี้มาสามกระสอบ ปรากฏว่าระหว่างทางรถกระบะคันที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อนั่งไปด้วยเกิดอาการหมุนคว้างสามรอบกลางถนน แล้วมีเสียงดังขึ้นมาทางใจว่า ทำไมไม่ชวนไปด้วย ท่านจึงกล่าวว่า แร่เหล่านี้น่าจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองอยู่ด้วยเป็นแน่
ในเรื่องนี้มีครั้งหนึ่ง ลูกศิษย์ท่านนึงได้มีโอกาสเข้าฝึกกรรมฐานที่จังหวัดเชียงใหม่ ภายใต้การนำของพระเดชพระคุณหลวงพ่อ หลังจากสมาทานพระกรรมฐานเสร็จแล้ว พอเข้าสมาธิซึ่งต้องพยายามจับภาพพระไว้เป็นอนุสติ ปรากฏว่าภาพพระที่คุ้นเคยนึกไม่ออก ปรากฏแต่เป็นภาพพระสมเด็จแร่ จึงพยายามจับภาพไว้ก่อน แล้วภาวนาพุทโธ ตามที่หลวงพ่อเมตตานำปฏิบัติจิตก็เคลื่อนไป ใจนึกอยากไปบูชาพระเบื้องบน (พระบนพระนิพพาน) ก็เห็นภาพตนเองถือถาดบูชาครูไปยังที่แห่งหนึ่ง ซึ่งมีพระยืนอยู่มากกว่า ๒ องค์ แต่ไม่แน่ใจว่ากี่องค์ แต่องค์ที่ชัดเจนท่านหนึ่งแต่งกายแบบพระสงฆ์ห่มจีวรลดไหล่สูงสง่า ต่างจากพระทั่วไปออกจะคล้ายๆแขกขาว ท่านหันมารับถาดแล้วหยิบพระแร่คืนให้
(วันนั้นผมเพิ่งได้รับคืนพระสมเด็จแร่กลับมาก่อนฝึกกรรมฐานหลังจากที่หล่นหายไปก่อนหน้านี้ จึงนำวางไว้ในถาดบูชาครู) แต่องค์ที่ผมมีและใส่ไว้ในถาดเป็นแบบเลี่ยมสแตนเลส ส่วนองค์ที่พระท่านยื่นให้เลี่ยมทองสวยงาม ก็นึกดีใจรีบรับคืน ซักพักจิตเคลื่อนถอยออกมารู้ตัว ภาพนั้นจึงเลือนไปแล้วลืมตา
เนื่องจากเวลาฝึกยังเหลืออีกกว่าชั่วโมง
เลยหยิบพระแร่ขึ้นมากำแล้วพยายามเข้าสมาธิอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่เหมือนรอบแรก หาวหนักมาก ขาซ้ายก็รู้สึกเมื่อย จึงนั่งชันเข่าซ้ายและเท้าแขนขวากับเก้าอี้ข้างๆ รู้สึกตัวเองคล้ายกับคนมีอายุแต่ผอมหน่อยแล้วหาวหนักๆ อีกครั้ง พอหยุดหาวจิตก็ดูสงบมากภาพที่ปรากฏคล้ายๆยืนอยู่บนยอดเขาที่หนึ่งแล้วมองเห็นยอดเขาหลายๆ ยอดเขามีหุบเขา ดูจะลึกมาก แสดงว่าที่ยืนอยู่สูงมาก แสงแดดกำลังสวย ความรู้สึกบอกว่าเป็นแหล่งต้นทางของแร่ที่นำมาทำพระ แต่เหมือนจะยังไม่มีบุญได้เข้าไป (หลวงพ่อว่าข้างในมีของอัศจรรย์อีกมาก) แล้วจิตก็ถอยออกมาแต่ยังไม่ลืมตา รู้สึกว่าชายคนนั้นยังอยู่กับผม เลยตั้งจิตถามว่ามีอะไรไหม จิตรับรู้ว่าท่านเป็นผู้ดูแลแร่เหล่านี้ ท่านสื่อว่าคนส่วนใหญ่ได้รับแร่ไปก็เอาไปเก็บไว้เฉยๆ (ทั้งที่เป็นพระและที่เป็นเม็ดหรือก้อน)
หากจะให้ได้ผลจริง ต้องนำมาพก นำมาใช้และบอกกล่าวผู้ดูแลรักษาแร่ เมื่อทำบุญกุศล ก็ให้นึกถึงเขาด้วย เขาช่วยสงเคราะห์ได้หลายเรื่อง
แม้แต่เรื่องการปฏิบัติ เมื่อนำเรื่องมาเรียนถามความเห็นพระเดชพระคุณหลวงพ่อ ท่านก็รับรองว่าเป็นจริงและเผยแพร่ได้ อีกประการหนึ่งพระเดชพระคุณหลวงพ่อมักเตือน ให้ระมัดระวังการพกก้อนแร่เหล่านี้ติดตัวว่า ไม่ควรพกมากตั้งแต่ ๕ เม็ดขึ้นไปมักจะพบว่า เครื่องใช้ไฟฟ้า เครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องมืออิเลคทรอนิคส์ โทรศัพท์มือถือ มักจะมีปัญหาขัดข้อง อาจเสียหายขัดข้องโดยไม่มีสาเหตุ บางครั้งแม้แต่รถยนต์ก็เคยเกิดอาการแปลก ๆ โดยท่านกล่าวว่า
แร่นี้ก้อนเล็กก้อนใหญ่มีผลเหมือนกัน
ทั้งนี้ก็เป็นประสบการณ์ที่คณะศิษย์เคยนำมากราบเรียนหลวงพ่อให้ทราบ ท่านจึงเมตตานำมาเล่าบอกต่อไป จึงน่าคิดต่อไปว่า นอกเหนือจากเรื่องที่แร่ดังกล่าวมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ดูแลรักษาแล้วนั้น แร่ชนิดนี้ก็น่าจะมีอานุภาพในตัวอีกด้วยหรืออาจจะเรียกว่ามีกายสิทธิ์ในตัวหรือ คำที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อมักใช้คือ แร่พวกนี้มีรังสี โดย พระเดชพระคุณหลวงพ่อเมตตาเล่าให้ฟังว่าท่านสังเกตว่าเมื่อนำแร่ชนิดนี้มาแกะสลักเป็นองค์พระ และนำมาการอธิษฐานจิตพุทธาภิเษก มักจะเกิดอาการร่างกายรู้สึกซาบซ่านเป็นพิเศษ
ท่านเลยกล่าวว่า คงเป็นเพราะคุณสมบัติของแร่ที่มีความสามารถในการซึมซับและประจุ พลังงานได้มากเป็นพิเศษนั่นเอง มีครั้งหนึ่งในระหว่างที่ผมได้ติดตามพระเดชพระคุณหลวงพ่อกลับจากกิจนิมนต์ทางภาคเหนือในระหว่างนั้นได้ฟังซีดีเรื่องราวที่มีผู้กล่าวถึงการเกิดอาวุธอนาคต
นั่นก็คือ อาวุธรังสี ซึ่งมีอำนาจทำลายล้างสูงมากยากจะป้องกันได้ ขณะนั้นเองพระเดชพระคุณหลวงพ่อได้หันมาหาผมซึ่งนั่งเบาะด้านหลัง พร้อมยกมือซึ่งในมือถือแร่หินก้อนเล็กๆ พร้อมกล่าวว่า นี่ไงกันรังสีได้ เราพูดมานานแล้วไม่ค่อยมีคนเข้าใจ แต่บางอย่างมันจะเกิดขึ้นในรุ่นต่อไป พวกเราอาจจะไม่ทัน ให้เล่าบอกลูกหลานไว้มอบต่อไว้ให้เป็นมรดก
และเมื่อคืนวันเสาร์ที่ ๑๘ ตุลาคม ๒๕๕๗ ณ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต
ก่อนที่หลวงพ่อจะเดินทางกลับสกลนคร
หลวงพ่อย้ำอีกครั้ง ตอนที่มีลูกศิษย์มาปรึกษาเรื่องที่โรงงานฟ้าผ่า ซึ่งท่านแนะนำให้หาสะเก็ดดาวมาไว้กันไฟกันฟ้า แต่ท่านไม่ได้มีติดตัว ตอนนี้มีแต่แร่นี้กันรังสีได้ แล้วท่านก็ล้วงออกมาจากอังสะ ผมเลยพูดว่า แร่ทรหด ท่านก็ว่า ไม่ใช่ นั่นเขาใช้เรียกแร่ที่มาจากสถานที่แห่งหนึ่งในประเทศไทย แต่อันนี้ไม่ใช่ ผมเลยพูดต่อว่า อ๋อ เหล็กไหลพญานาค ท่านก็กล่าวว่า เหล็กไหลอะไร ต้องเรียกให้ถูกว่ามันคือ หินเมืองบังบด
พระเดชพระคุณหลวงพ่อเคยกล่าวว่า ผมน่าจะเคยมีบุญสัมพันธ์กับผู้ดูแลแร่เหล่านี้ เป็นหน้าที่ที่ต้องเล่าบอกอธิบายให้คนอื่นเข้าใจให้ถูกต้อง วันนี้ผมจึงกราบขออนุญาตทำหน้าที่นี้เท่าที่สติปัญญามีผนวกกับการรับฟังและรับรู้ของผม เพื่อเป็นปกิณกธรรมระลึกถึงความดีงามและความเมตตาปรารถนาดีที่พระเดชพระคุณพระครูวิชัยสารคุณ หลวงพ่อหนุน สุวิชโยมีต่อลูกศิษย์และทุกคนบนโลก
๒๓ ตุลาคม ๒๕๕๗ ๒๓.๕๙ น. ณ ศาลาริมน้ำ วัดพุทธโมกข์
# ขออนุญาติเจ้าของบทความด้วยนะครับ |
ราคาเปิดประมูล |
130 บาท |
ราคาปัจจุบัน |
150 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ |
20 บาท |
วันเปิดประมูล |
ศ. - 10 ม.ค. 2568 - 12:58:50 น. |
วันปิดประมูล |
อ. - 14 ม.ค. 2568 - 23:04:58 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
ผู้ตั้งประมูล |
เปลือกไม้ (7.7K) 
|