(0)(0)
เหรียญมนต์พระกาฬเนื้อทองแดงเก่ารมดำแช่น้ำมนต์เลข83 (นำฤกษ์จำนวนสร้าง280 องศ์)หลวงปู่ขาน อินทปัญโญ 90ปี๖9พรรษา สำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมท่าวังน้ำบ่อหนองอ้อ ต.ดงเย็น อ.เมือง จ.มุกดาหาร








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน 0 โหวต

อ่านความคิดเห็น





ชื่อพระเครื่อง เหรียญมนต์พระกาฬเนื้อทองแดงเก่ารมดำแช่น้ำมนต์เลข83 (นำฤกษ์จำนวนสร้าง280 องศ์)หลวงปู่ขาน อินทปัญโญ 90ปี๖9พรรษา สำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมท่าวังน้ำบ่อหนองอ้อ ต.ดงเย็น อ.เมือง จ.มุกดาหาร
รายละเอียด เหรียญมนต์พระกาฬเนื้อทองแดงเก่ารมดำแช่น้ำมนต์เลข83 (นำฤกษ์จำนวนสร้าง280 องศ์)หลวงปู่ขาน อินทปัญโญ 90ปี๖9พรรษา สำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมท่าวังน้ำบ่อหนองอ้อ ต.ดงเย็น อ.เมือง จ.มุกดาหาร
พระครูสุทธิสิริคุณ(หลวงปู่ขาน อินทปัญโญ)เจ้าอาวาสวัดศรีสะอาดและเจ้าสำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมท่าวังน้ำบ่อหนองอ้อ ต.ดงเย็น อ.เมือง จ.มุกดาหาร
เหรียญมนต์พระกาฬปลุกเสกทั้งหมด2 วาระนะครับ
หลวงปู่เล่าให้ฟังว่าได้ไปเล่าเรียนศึกษาวิชาอาคมตำราหนังสือก้อมหรืออักษรธรรม อักษรขอมจากตำราใบลานเก่าจากฝั่งซ้าย หลวงปู่เก่งทางด้านไล่ผีปอบ
ได้มาจาก หลวงปู่เปลี้ยง พระรูปนี้เก่งมีรังศีสีแดงเก่งในทางฤทธิ์จิตเผิ่นนิ่งเก่งเก่งแล้ว

พรหลวงปู่ขอให้อายุมั่งขวัญอยู่รอดปลอดภัยเดินทางไปไหนขอให้อยู่รอดปลอดภัย สมปราถนาในทุกสิ่ง
พระเกจิดังมากด้วยเมตตา “เลี้ยงลิง” เห็นภาพจนชินตา เลี้ยงลิงจนเชื่องเคยได้ยินในสมัยพุทธกาล “ฤาษีเลี้ยงลิง” แต่นี่คือยุคปัจจุบัน พระสงฆ์
ประวัติ พระครูสุทธิสิริคุณ หรือ "หลวงปู่ขาน อินทปัญโญ" เจ้าอาวาสวัดศรีสะอาด บ้านดงเย็น ต.ดงเย็น อ.เมือง จ.มุกดาหาร และเจ้าสำนักปฏิบัติธรรมท่าวังน้ำบ่อหนองอ้อ
และเจ้าคณะตำบลดงเย็น สมญานาม"เทพเจ้าแห่งเทือกเขาดงเย็น" ได้ชื่อว่าเป็นพระเกจิที่มีพลังจิตแก่กล้า มีปฏิปทาน่าเลื่อมใส ปัจจุบัน สิริอายุ 90 ปี พรรษา 69
‘อินทปัญโญ’ แปลว่า ผู้มีปัญญาอันยิ่งใหญ่

ประวัติพระครูสุทธิสิริคุณ(หลวงปู่ขาน อินทปัญโญ)เจ้าอาวาสวัดศรีสะอาดและเจ้าสำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมท่าวังน้ำบ่อหนองอ้อ ตำบลดงเย็น อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร
ชาติกำเนิดเกิด
หลวงปู่ขานถือกำเนิดในสกุล ดีดวงพันธ์ บิดาชื่อนายลาน มารดาชื่อนางยอน ดีดวงพันธ์ ท่านเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ 2479 ที่บ้านดงเย็น อำเภอมุกดาหาร จังหวัดนครพนม
(ปัจจุบันคือจังหวัดมุกดาหาร) ชาวบ้านดงเย็นสืบเชื้อสายมาจากชาวไทญ้อ ครอบครัวของเด็กชายขาน ดีดวงพันธ์นั้นมีใบหน้าและจิตใจงดงาม เพราะครอบครัวเกิดในพื้นที่ที่เจริญด้วยธรรม
ทั้งผู้คนรอบข้าง จิตใจของเด็กชายขาน ดีดวงพันธ์จึงมีแต่ความรักและความเมตตาต่อทุกผู้คนและบรรดาสัตว์ผู้ต่ำกว่าทั้งหลายไม่ว่าหมู หมา แมวและวัวควาย เด็กชายขาน
จะให้ความรักและเมตตามาตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่เคยเบียดเบียนสัตว์ทุกชนิด พูดจาอ่อนหวาน นอบน้อมและมีน้ำใจ
ท่านเป็นคนรูปร่างเล็ก ขณะที่หลวงปู่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นท่านก็มีความประพฤติเรียบร้อยอุปนิสัยใจคออ่อนโยน เยือกเย็นทั้งยังมีความขยันหมั่นเพียร อดทน ต่ออุปสรรคหนักเอาเบาสู้
คอยช่วยเหลืองานในครอบครัวของพ่อแม่และญาติพี่น้องทำนา ทำไร่ โดยไม่เห็นแก่ความลำบากยากเย็นใดๆทั้งสิ้นเลย

ครั้นเมื่ออายุครบบวช ท่านมีความต้องการที่จะบวชเป็นอย่างยิ่งจึงอำลาบิดามารดาขอบวชท่านทั้งสองเห็นความตั้งใจมุ่งมั่นเช่นนั้นก็อนุญาตตามประสงค์
ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ พระครูเขมกิจโกศล เจ้าคณะอำเภอเลิงนกทา จังหวัดอุบลราชธานี(ปัจจุบันคือจังหวัดยโสธร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระแสน คันโท
เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระทา ปัญญาวุฑโท เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีฉายาว่า ‘อินทปัญโญ’ แปลว่า ผู้มีปัญญาอันยิ่งใหญ่ เมื่อบวชแล้วได้จำพรรษาที่วัดหลินซิ่ว ตำบลบุ่งค่า
อำเภอเลิงนกทา จังหวัดอุบลราชธานี จำพรรษา 1 พรรษาแล้วกลับมาจำพรรษาที่วัดศรีสะอาดแล้วกลับไปตั้งวัดขึ้นใหม่ที่บ้านห้วยกลอย เพราะญาติโยมที่นั่นมีความศรัทธาเลื่อมใสหลวงปู่
อยากจะสร้างวัดถวา ยหลวงปู่ก็เลยเดินทางไป สร้างวัดขึ้นที่นี่เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน อยู่ที่นี่ประมาณ 2 ปีแล้วหลวงปู่ก็ได้ย้ายไปอยู่วัดเกาะแก้ว บ้านคึมชาด ตำบลสวาท
อำเภอเลิงนกทา หลวงปู่จำพรรษาอยู่วัดนี้เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมเพื่อหวังอยากสอบได้เปรียญธรรมเป็นพระมหา เหมือนพระภิกษุรูปอื่นบ้างแต้ก็ไม่มีวาสนาสอบได้
หลวงปู่อยู่วัด เกาะแก้วประมาณ 3 พรรษา พอดีช่วงนั้นอาจารย์ผู้สอนองค์เดิมได้ลาสิกขาบทไปทำให้ขาดอาจารย์ผู้สอน หลวงปู่จึงได้รับหน้าที่สอนนักธรรมแก่พระภิกษุ-สามเณรที่วัดเกาะแก้ว
จากนั้นเมื่อปีพ.ศ 2509 กลับมาอยู่ที่วัดศรีสะอาด บ้านดงเย็น ตำบลดงเย็น อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร หลวงปู่ได้มีการพัฒนาวัดด้านต่างๆ มากมายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่หลวงปู่เข้ามารับตำแหน่ง
เจ้าอาวาส ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างวิหารบูรพาจารย์ ซุ้มประตู กำแพงวัด สมกับท่านเป็นพระสงฆ์นักพัฒนา เป็นนักเผยแผ่ศาสนาพุทธ และนักปฏิบัติธรรมที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย
และท่านยังเป็นที่เคารพนับถือของบรรพชิตและคฤหัสถ์ทั่วไปในจังหวัดมุกดาหารและจังหวัดใกล้เคียงกันอีกด้วย
และเมื่อปีพศ 2534 ได้ จัดงานฉลองอุโบสถวัดศรีสะอาดหลวงปู่จึงย้ายออกมาจากวัดแห่งนี้ก่อนเพื่อถือเคล็ดว่าการสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างศาล าสร้างกุฏิเสร็จแล้ว ให้ออกมาจำพรรษา
อยู่ที่อื่นก่อนครั้นหลวงปู่จะไปอยู่จำพรรษาณวัดในตำบลดงเย็นหรือวัดใกล้เคียงก็เกรงใจพระ เณรต่างๆ ด้วยเราเป็นถึงเจ้าคณะตำบลจึงไม่อยากสร้างความยุ่งยากวุ่นวายให้กับพระเณร
และญาติโยม ท่านก็เลยย้ายออกมาอยู่วัดเก่า ซึ่งเป็น ป่าดงพงไพรซึ่งเป็นวัดที่มีอายุนานมากพอสมควร เพื่อมาตั้งสำนักสงฆ์เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ในปีนั้นเกิดไฟไหม้ศาลาและกุฏิมีคนบอกว่า
สร้างศาลาหรือกุฏิขวางทางพญานาค ครั้งหนึ่งมีพญานาค งูตัวเท่าแขวน เชื่อว่าเป็นพญานาคมานอนใต้แคร่นอน มาอยู่กับหลวงปู่ 1คืน ขึ้นไปนอนกับหลวงปู่อีกด้วยได้ข้ามห้วยหนองคลองบึง
มาจากที่หลวงปู่บอกเล่า
มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพเมืองหลวงเพื่อศึกษาพระธรรมวินัยหรือเข้าวิปัสสนากรรมฐานที่คณะ 5 วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพฯ กับท่านเจ้าคุณพระเทพสุทธิโมลี เจ้าคณะภาค 10
อยู่ที่นั่นเพื่อจะสอบพระอุปัชฌาย์ด้วยและเข้าปฏิบัติธรรมกรรมฐานด้วยแต่หลวงปู่เห็นว่าการสอบพระอุปัชฌาย์นั้นยุ่งยากมีหลายขั้นตอน
หลวงปู่ก็เลยปฏิบัติธรรมกรรมฐานอย่างเดียว นั่งสมาธิ เดินจงกลม พอกลับมาที่วัดก็ปฏิบัติธรรมเอง หลวงปู่เล่าให้ฟังว่าได้ไปเล่าเรียนศึกษาวิชาอาคมตำราหนังสือก้อมหรืออักษรธรรม
อักษรขอมจากตำราใบลานเก่าจากฝั่งซ้าย หลวงปู่เก่งทางด้านไล่ผีปอบเป็นอย่างมากเนื่องจากสมัยก่อนดงเย็นแห่งนี้และใกล้เคียงมีผีปอบเยอะมากๆมีคนทำคุณไสยเยอะ
ชาวบ้านเดือดร้อนแต่ละครั้ง โดนปอบเข้าแต่ละทีโดนของ โดนคุณไสยก็มักจะมาหาหลวงปู่เพื่อให้หลวงปู่ก็จะทำพิธีปัดเป่าไล่ผีปอบ ไล่สิ่งชั่วร้ายเหล่านี้ออก หลวงปู่บอกว่าไม่เกิน 7 วัน
หายแน่นอนผีเข้าผีปอบก็ดี

หลักธรรมคำสั่งสอนของหลวงปู่ ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ดีมีถมไป ทำดีมีที่ไหน ทําชั่วได้ดีมีถมไป ก็คือทำชั่วได้ดีอยู่แต่ไม่จีรังยั่งยืนมั่นคงทำดีมีที่ไหนก็คือมีที่จิตใจเราเกิดความสุขจากใจ
เราเกิดขึ้นกับใจเรานั่นเองทำแล้วสบายใจและสั่งสอนตามหลักธรรมขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ให้ละทิ้งความโกรธ คนเราถ้าไม่โกรธเสียอย่างเดียวรับรองไม่มีความทุกข์ ท่านว่า
คนเราต้องมีขันติมีความอดทน อดกลั้น ละทิ้งโทสะ โมหะ ความโกรธ ความโลภและความหลงให้ได้ พวกนี้เป็นกิเลสตัวสำคัญของมนุษย์มากทีเดียว ต้องอดทนต่อสิ่งเหล่านี้ให้ได้ ฝึกทำจิตให้สงบ
เมื่อจิตสงบแล้ว อะไรมากระทบก็ไม่กระเทือน และที่สำคัญ ต้องตั้งใจที่จะปฏิบัติธรรม รักษาศีลห้าเอาไว้ให้มั่นและหมั่นภาวนาทั้งยามหลับยามตื่น ท่านว่าคนเรานั้นหากมีสติทุกขณะจิต
ภยันตรายก็จะไม่มีมากล้ำกราย ไม่ว่าจะขับรถ ขับเรือ ขึ้นเขาลงห้วยเข้าป่า มีสตินึกรู้เท่าทันทุกขณะย่างก้าว รับรองว่าปลอดภัย

วัตรปฏิบัติจะนั่งวิปัสสนากัมมัฏฐานภายในกุฏิวันละหลายชั่วโมง ยามว่างจากงานในวัด มักออกเดินธุดงค์ไปตามป่าเขาในภาคอีสาน บางปีก็ข้ามไปฝั่ง สปป.ลาว มักไปจำวัดอยู่ที่สำนักสงฆ์
ท่าวังน้ำบ่อหนองอ้อ ซึ่งเป็นสถานที่สงบสงัด มีสัตว์น้อยใหญ่นานาชนิด เช่น ลิงหลายพันตัวและพญาเต่าเผือก

ผู้คนในหมู่บ้านและจังหวัดใกล้เคียงนับถือหลวงปู่มาก แต่ละวันจึงมีญาติโยมจากทั่วสารทิศ เดินทางมากราบนมัสการ รับฟังธรรม และประพรมน้ำพุทธมนต์อย่างล้นหลาม เวลาชาวบ้านเดือด
เนื้อร้อนใจก็มาให้ท่านช่วยเหลือทั้งเรื่องดูที่ดูทาง ดูศพที่ฝังแล้วสูญหายหาไม่เจอ ชาวบ้านก็นิมนต์ท่านไปชี้ให้ดูว่าอยู่ตรงไหน

สมัยก่อนท่านไม่ทำวัตถุมงคล จะทำแต่ตะกรุดและคำหมาก ใครๆที่ไปหาก็จะได้แต่คำหมากมา บางคนนำเอาคำหมากมาใส่กรอบห้อยคอ ติดรถเดินทาง จนเกิดประสบการณ์แคล้วคลาดปลอดภัย
ขนาดรถตกคลองจมน้ำ แต่ทุกคนในรถไม่เป็นอะไรเลย

หลวงปู่เก่งทางด้านไล่ผีปอบเป็นอย่างมากเนื่องจากสมัยก่อนดงเย็นแห่งนี้และพื้นที่ใกล้เคียงมีผีปอบเยอะมากๆมีคนทำคุณไสยเยอะ
ชาวบ้านเดือดร้อนแต่ละครั้ง โดนปอบเข้าแต่ละทีโดนของ โดนคุณไสย ร้องห่มร้องไห้ หวยหวนก็มักจะมาหาหลวงปู่เพื่อให้หลวงปู่ก็จะทำพิธีปัดเป่าไล่ผีปอบ
ไล่สิ่งชั่วร้ายเหล่านี้ออก หลวงปู่บอกว่า ปอบเก่งมาจากไหนก็มาเถอะเอาอยู่มั่นใจมาก ไม่เกิน 7 วัน หายแน่นอนผีเข้าผีปอบก็ดี
มีลูกศิษย์ถามว่าท่านใช้วิชาอะไรไล่ปอบ ท่านบอกว่าไม่ตอบ

เหรียญมนต์พระกาฬสะท้อนกลับ ยันต์ด้านหลังเหรียญเป็นยันต์ หนุมานสี่กร เชิญธงทรงฤทธิ์ หนุมานเชิญธงหมายถึง...ชัยชนะ..คือ..แพ้ไม่เป็น. ชนะคู่แข่ง เหนือศัตรู ชนะอุปสรรค์ ชนะดวง
พระกาฬสะท้อนกลับ! “ผู้ใดคิดร้ายผลร้ายนั้นย่อมสะท้อนกลับหรือเพียงคิดเป็นศัตรู คนคิดก็แย่แล้ว”
หนุมานสี่กร ไม่กลัวใครใหญ่ที่สุด
หนุมานเป็นลูกของพระพายกับนางสวาหะ จึงเป็นผู้ที่ไม่มีใครฆ่าตายเมื่อถูกฆ่า แต่พอถูกลมเมื่อใดก็จะฟื้นขึ้นมาอีก และแถมยังมีเขี้ยวเป็นเพชร
ขนเป็นเพชรอีกด้วย แต่มีอยู่ครั้งหนึ่งที่หนุมานไปหยุดรถของสุริยะเทพเลยถูกพลังความร้อนเผาเอาจนตัวดำไปเลยทีเดียว
หนุมานนั้นมีหน้าที่ในการปราบปรามยักษ์จึงถูกหนุมานฆ่าตายไปหลายคน ส่วนนางเบญจกาย หลานทศกัณฑ์ก็ยังตกเป็นเมียของหนุมาน
และแถมยังได้นางมัจฉามาเป็นเมียอีกด้วย ดังนั้นหนุมานจึงเก่งทั้งทางด้านการบู้สู้รบและความรักด้วย
ด้วยเหตุนี้ โบราณอาจารย์ที่เก่งทางด้านพุทธคมท่านได้พิจารณาเห็นว่าสิ่งนั้น ๆ เป็นของดี ของศักดิ์สิทธิ์ ท่านจึงประยุกต์เอามาใช้เป็นเครื่องรางของขลัง
ทั้งนี้ก็เพื่ออานิสงฆ์ทางความเก่งกล้าสามารถและอยู่ยงคงกระพันชาตรีของหนุมานนั่นเอง
หนุมานอายุยืนยาว ไปไหน มีคนเมตตาช่วยเหลือ อยู่ยงคงกระพันธ์ฆ่ามิตาย พอโดนลมก็ฟื้นคืนชีพ แรงด้วยอิทฤธิ์ปาฏิหารย์
เหรียญมนต์​พระกาฬ มีอิทธิฤทธิ์ครอบคลุมรอบด้าน! สามารถช่วยดลบันดาลทรัพย์สิน ลาภยศ ความเจริญรุ่งเรื่องในหน้าที่การงาน และยังทำให้มีชื่อเสียงโด่งดังอีกด้วย เหมาะอย่างยิ่งสำหรับดารา นักแสดง หรือคนที่ต้องการพุทธคุณเป็นสิริมงคลแก่ตน…


วาระที่ 1 เมื่อวันที่ 29/5/64 เข้าร่วมปลุกเสกในวันไหว้ครูเสาร์5 พร้อมเหรียญรุ่นแรกหลวงปู่สุภาครับ พิธีเสกเหรียญรุ่นแรกเกิดพระอาทิตย์ทรงกรดเกิดขึ้นด้วยพ่อแม่ครูบาอาจารย์ท่านเมตตามาร่วมปลุกเสกวัตถุมงคลเหรียญรุ่นแรกเศรษฐีฐีพารวย ปล.สุภา กุสลจิตโตแห่งวัดสีสว่าง จ.ร้อยเอ็ด สถานที่ปลุกเสกวัด ณ.วัดป่าโนนนางชื้น..ต.ครั่งน้อง อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด

วาระที่ 2 ปลุกเสกไปเมื่อวันที่ 10 ก.ค 2564

เหรียญมนต์พระกาฬปลุกเสกแบบเข้มขลัง เหรียญอีก 1รุ่นที่น่าจับตามอง

⛳เทพเจ้าดงเย็นพระผู้เมตตาต่อวานร

เทพทรงดล มนต์มหากาฬ สะท้านกลับ ใครเล่นลับ

หลังศิษย์กู เดี๋ยวรู้ผล!! เทพประทาน มนต์พระกาฬ

บันดารดล!! ย้อนกลับจน มันย่อยยับ ให้ดับดวง!!

มหาสะท้อน มนต์สะท้าน มหากาฬเกิด

มนต์ชั้นเสิศ ต้านดำดับให้อับสูญ

ใครคิดร้ายมนต์ต้านกลับหลายเท่าทวีคูณ

มอบไว้ช่วยเกื้อกูลยามไกลครู

พวกเอ็งศิษย์ข้าเหมือนกัน ห้ามไปคิดคด ทรยศหักหลังทำร้ายกันเอง นี่คืออีกหนึ่งความเมตตาและรักลูกศิษย์

มารผจญ มนต์พระกาฬสะท้านกลับ

ให้ลาลับดับดิ้นสิ้นเป็นผง

พ่อขานเสกปลุกสร้างอย่างบรรจง

ก้มกราบลงน้อมในจิตศิษย์พระครู

พระครูสุทธิสิริคุณ(หลวงปู่ขาน อินทปัญโญ)เจ้าอาวาสวัดศรีสะอาดและเจ้าสำนักสงฆ์ปฏิบัติธรรมท่าวังน้ำบ่อหนองอ้อ ตำบลดงเย็น อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร ท่านเมื่อวันอาทิตย์ ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ 2479 ที่บ้านดงเย็น อำเภอมุกดาหาร จังหวัดนครพนม (ปัจจุบันคือจังหวัดมุกดาหาร) ชาวบ้านดงเย็นสืบเชื้อสายมาจากชาวไทญ้อ จิตใจของเด็กชายขาน ดีดวงพันธ์จึงมีแต่ความรักและความเมตตาต่อทุกผู้คนและบรรดาสัตว์ผู้ต่ำกว่าทั้งหลายไม่ว่าหมู หมา แมวและวัวควาย เด็กชายขาน จะให้ความรักและเมตตามาตั้งแต่เด็ก ๆ ไม่เคยเบียดเบียนสัตว์ทุกชนิด พูดจาอ่อนหวาน นอบน้อมและมีน้ำใจ ท่านเป็นคนรูปร่างเล็ก ขณะที่หลวงปู่ยังอยู่ในช่วงวัยรุ่นท่านก็มีความประพฤติเรียบร้อยอุปนิสัยใจคออ่อนโยน เยือกเย็นทั้งยังมีความขยันหมั่นเพียร อดทน ต่ออุปสรรคหนักเอาเบาสู้ ครั้นเมื่ออายุได้ 22 ปี ตรงกับปี พ.ศ.2502 ท่านมีความต้องการที่จะบวชเป็นอย่างยิ่งจึงอำลาบิดามารดาขอปวดท่านทั้งสองเห็นความตั้งใจมุ่งมั่นเช่นนั้นก็อนุญาตตามประสงค์ ปีพศ. 2502 ตรงกับอายุ 22 ปีได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ พระครูเขมกิจโกศล เจ้าคณะอำเภอเลิงนกทา จังหวัดอุบลราชธานี(ปัจจุบันคือจังหวัดยโสธร) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระแสน คันโท เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระทา ปัญญาวุฑโท เป็นพระอนุสาวนาจารย์ มีฉายาว่า ‘อินทปัญโญ’ แปลว่า ผู้มีปัญญาอันยิ่งใหญ่ เมื่อบวชแล้วได้จำพรรษาที่วัดหลินซิ่ว ตำบลบุ่งค่า อำเภอเลิงนกทา จังหวัดอุบลราชธานี จำพรรษา 1 พรรษาแล้วกลับมาจำพรรษาที่วัดศรีสะอาดแล้วกลับไปตั้งวัดขึ้นใหม่ที่บ้านห้วยกลอย เพราะญาติโยมที่นั่นมีความศรัทธาเลื่อมใสหลวงปู่ อยากจะสร้างวัดถวา ยหลวงปู่ก็เลยเดินทางไป สร้างวัดขึ้นที่นี่เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน อยู่ที่นี่ประมาณ 2 ปีแล้วหลวงปู่ก็ได้ย้ายไปอยู่วัดเกาะแก้ว บ้านคึมชาด ตำบลสวาท อำเภอเลิงนกทา หลวงปู่จำพรรษาอยู่วัดนี้เพื่อศึกษาพระปริยัติธรรมเพื่อหวังอยากสอบได้เปรียญธรรมเป็นพระมหา เหมือนพระภิกษุรูปอื่นบ้างแต้ก็ไม่มีวาสนาสอบได้ หลวงปู่อยู่วัด เกาะแก้วประมาณ 3 พรรษา พอดีช่วงนั้นอาจารย์ผู้สอนองค์เดิมได้ลาสิกขาบทไปทำให้ขาดอาจารย์ผู้สอน หลวงปู่จึงได้รับหน้าที่สอนนักธรรมแก่พระภิกษุ-สามเณรที่วัดเกาะแก้ว จากนั้นเมื่อปีพ.ศ 2509 กลับมาอยู่ที่วัดศรีสะอาด บ้านดงเย็น ตำบลดงเย็น อำเภอเมือง จังหวัดมุกดาหาร หลวงปู่ได้มีการพัฒนาวัดด้านต่างๆ มากมายอย่างต่อเนื่องตั้งแต่หลวงปู่เข้ามารับตำแหน่งเจ้าอาวาส ไม่ว่าจะเป็นการก่อสร้างวิหารบูรพาจารย์ ซุ้มประตู กำแพงวัด สมกับท่านเป็นพระสงฆ์นักพัฒนา เป็นนักเผยแผ่ศาสนาพุทธ และนักปฏิบัติธรรมที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมายและท่านยังเป็นที่เคารพนับถือของบรรพชิตและคฤหัสถ์ทั่วไปในจังหวัดมุกดาหารและจังหวัดใกล้เคียงกันอีกด้วย และเมื่อปีพศ 2534 ได้ จัดงานฉลองอุโบสถวัดศรีสะอาดหลวงปู่จึงย้ายออกมาจากวัดแห่งนี้ก่อนเพื่อถือเคล็ดว่าการสร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างศาล าสร้างกุฏิเสร็จแล้ว ให้ออกมาจำพรรษาอยู่ที่อื่นก่อนครั้นหลวงปู่จะไปอยู่จำพรรษาณวัดในตำบลดงเย็นหรือวัดใกล้เคียงก็เกรงใจพระ เณรต่างๆ ด้วยเราเป็นถึงเจ้าคณะตำบลจึงไม่อยากสร้างความยุ่งยากวุ่นวายให้กับพระเณรและญาติโยม ท่านก็เลยย้ายออกมาอยู่วัดเก่า ซึ่งเป็น ป่าดงพงไพรซึ่งเป็นวัดที่มีอายุนานมากพอสมควร เพื่อมาตั้งสำนักสงฆ์เรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน ในปีนั้นเกิดไฟไหม้ศาลาและกุฏิมีคนบอกว่าสร้างศาลาหรือกุฏิขวางทางพญานาค ครั้งหนึ่งมีพญานาคขึ้นไปนอนกับหลวงปู่อีกด้วยได้ข้ามห้วยหนองคลองบึงมาจากที่หลวงปู่บอกเล่า มุ่งหน้าเข้ากรุงเทพเมืองหลวงเพื่อศึกษาพระธรรมวินัยหรือเข้าวิปัสสนากรรมฐานที่คณะ 5 วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ กรุงเทพฯ กับท่านเจ้าคุณพระเทพสุทธิโมลี เจ้าคณะภาค 10 อยู่ที่นั่นเพื่อจะสอบพระอุปัชฌาย์ด้วยและเข้าปฏิบัติธรรมกรรมฐานด้วยแต่หลวงปู่เห็นว่าการสอบพระอุปัชฌาย์นั้นยุ่งยากมีหลายขั้นตอน หลวงปู่ก็เลยปฏิบัติธรรมกรรมฐานอย่างเดียว นั่งสมาธิ เดินจงกลม พอกลับมาที่วัดก็ปฏิบัติธรรมเอง หลวงปู่เล่าให้ฟังว่าได้ไปเล่าเรียนศึกษาวิชาอาคมตำราหนังสือก้อมหรืออักษรธรรม อักษรขอมจากตำราใบลานเก่าจากฝั่งซ้าย หลวงปู่เก่งทางด้านไล่ผีปอบเป็นอย่างมากเนื่องจากสมัยก่อนดงเย็นแห่งนี้และใกล้เคียงมีผีปอบเยอะมากๆมีคนทำคุณไสยเยอะ ชาวบ้านเดือดร้อนแต่ละครั้ง โดนปอบเข้าแต่ละทีโดนของ โดนคุณไสยก็มักจะมาหาหลวงปู่เพื่อให้หลวงปู่ก็จะทำพิธีปัดเป่าไล่ผีปอบ ไล่สิ่งชั่วร้ายเหล่านี้ออก หลวงปู่บอกว่าไม่เกิน 7 วัน หายแน่นอน
ราคาเปิดประมูล 650 บาท
ราคาปัจจุบัน -- ยังไม่มีผู้เสนอราคา --
เพิ่มขึ้นครั้งละ 30 บาท
วันเปิดประมูล อา. - 13 เม.ย. 2568 - 12:14:57 น.
วันปิดประมูล พ. - 23 เม.ย. 2568 - 12:14:57 น. (เหลือเวลา 1 วัน 19 ชั่วโมง 58 นาที)
ผู้ตั้งประมูล หนานหนัด (1.3K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     650 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     30 บาท

!!! ท่านต้อง login เข้าสู่ระบบก่อน จึงจะสามารถร่วมประมูลได้ !!!


 
(0)
  ประวัติการเสนอราคา
 
-- ยังไม่มีผู้เสนอราคา --


Copyright ©G-PRA.COM
www1