(0)
เหรียญพระพุทธบาทหลวงปู่ทิม วัดราชธานี ปี2473 จ.สุโขทัย เนื้อทองแดง









ชื่อพระเครื่อง เหรียญพระพุทธบาทหลวงปู่ทิม วัดราชธานี ปี2473 จ.สุโขทัย เนื้อทองแดง
รายละเอียด เหรียญ ‘รอยพระพุทธบาท’
พระราชประสิทธิ์คุณ (ทิม ยสทินโน)
วัดราชธานี อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย
มีเหรียญรอยพระพุทธบาทเหรียญหนึ่งนับว่าน่าสนใจเป็นอย่างยิ่ง เป็นเหรียญที่สร้างขึ้นโดยพระราชประสิทธิ์คุณ (ทิม ยสทินโน) อดีตเจ้าอาวาสวัดราชธานี อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย และอดีตเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย
หลวงพ่อทิมนับว่าเป็นพระภิกษุที่มีความสนใจในโบราณสถานและโบราณวัตถุเป็นอย่างยิ่ง นามสมณศักดิ์ของหลวงพ่อทิมก่อนหน้านั้นคือ ‘พระโบราณวัตถาจารย์’ บ่งชี้ได้เป็นอย่างดีถึงความสนใจในด้านนี้
หลวงพ่อทิมได้รวบรวมโบราณวัตถุต่างๆ ไว้มากมาย และได้มอบให้แก่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติรามคำแหง จังหวัดสุโขทัย ในบรรดาโบราณวัตถุต่างๆ อาทิเช่น
- พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย พุทธศตวรรษที่ ๒๐ โดยได้จากวัดลาวลำพัน เมืองเก่าสุโขทัย บริเวณฐานมีจารึก
- สถูปหินทรายจำลอง สถูปหินทรายจำลอง ศิลปะสุโขทัย พุทธศตวรรษที่ ๑๙-๒๐ ฐานล่างเป็นฐานสี่เหลี่ยมเจาะเป็นซุ้มพระพุทธรูปด้านละ ๔ ซุ้ม ส่วนกลางทรงกลม มีซุ้มพระพุทธรูป ๘ ซุ้ม ส่วนบนเป็นสถูปทรงกลมเจาะเป็นซุ้มพระพุทธรูป ๘ ซุ้ม ต่อด้วยองค์ระฆังกลม ปล้องไฉน และปลียอด
- พระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะสุโขทัย พุทธศตวรรษที่ ๑๙ (ปัจจุบันอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติสวรรวรนายก
- พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัยแบบหมวดใหญ่ พุทธศตวรรษที่ ๒๐
- พระพุทธรูปทรงเครื่องปางสมาธิ ศิลปะอยุธยา พุทธศตวรรษที่ ๒๑-๒๒
- เศียรพระพุทธรูปสำริด ศิลปะสุโขทัยตอนปลายมีอิทธิพลศิลปะอยุธยา
- พระพิมพ์ดินเผารูปพระลีลา ศิลปะสุโขทัย พุทธศตวรรษที่ ๑๙-๒๐
- ตุ๊กตาสังคโลกเคลือบสีเขียว อายุราวพุทธศตวรรษที่ ๒๐-๒๑ ผลิตจากเตาทุเรียงที่ศรีสัชนาลัย เป็นรูปคนอุ้มเด็กติดอยู่ในชาม สันนิษฐานว่าเกิดจากความผิดพลาดระหว่างการนำเขาเตาเผา
นอกจากนั้นหลวงพ่อทิมยังได้อัญเชิญรอยพระพุทธบาทจำลองสมัยสุโขทัย ที่เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดนาเชิงคีรี อำเภอคีรีมาศ ไปประดิษฐานที่วัดไทยชุมพล ตำบลธานี อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๖๒
และรอยพระพุทธบาทจำลองอีกรอยหนึ่งที่หลวงพ่อทิมได้เกี่ยว ข้องด้วย คือรอยพระพุทธบาทจำลอง สมัยสุโขทัยที่ประดิษฐานอยู่ ณ วัดตระพังทอง รอยพระพุทธบาทจำลอง รอยนี้จำหลักเป็นลายมงคล ๑๐๘ สลักบนศิลาขนาดกว้าง ๑.๒๕ เมตร ยาว ๒.๐๙ เมตร หนา ๐.๒๒ เมตร เป็นรอยพระบาทเบื้องขวา ที่ขอบมีดอกจันโดยรอบ ๕๔ ดอก ภายในรอยพระบาทจำหลักเป็นลายชาดกต่างๆ
ตามประวัตกล่าวว่า พระมหาธรรมลิไททรงให้จำลองมาจากประเทศศรีลังกา เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๑๙๐๒ และนำไปประดิษฐานไว้ที่เขาพระบาทใหญ่ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศหรดี (ตะวันตกเฉียงใต้) ของตัวเมืองเก่า ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๗๓ หลวงพ่อทิมได้อัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่ เกาะกลางสระน้ำ โดยสร้างเป็นมณฑปครอบไว้ แล้วได้จัดงานนมัสการเมื่อวันขึ้น ๖ ค่ำ เดือน ๔ และได้สืบทอดเป็นประเพณีนมัสการรอยพระพุทธบาทมาจนถึงปัจจุบัน
เหรียญรอยพระบาทที่หลวงพ่อทิมสร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๓ ก็เป็นเหรียญที่ระลึกเนื่องในรอยพระพุทธบาทวัดตระพังทองในครั้งนั้น เป็นเหรียญปั๊มรูปไข่
มีหูในตัว ด้านหน้าตรงกลางเป็นรูปรอยพระพุทธบาท มีรูปบุคคล ๕ รูปเข้าใจว่าเป็นพระภิกษุ เพราะแกะศรีษะล้านนั่งพับเพียบพนมมือ พื้นที่โดบรอบเหรียญแกะรูปต้นไม้ ส่วนด้านหลังเป็นอักขระขอม มีด้วยกัน ๒ แบบ คือ แบบหนึ่งอักขระขอมว่า ‘อุ มะ อะ’ ด้านบนเป็นอุณาโลม อีกแบบหนึ่งอักขระขอมว่า ‘ระ อุ มะ ระ อุะ มะ’
วัดตระพังทอง ตั้งอยู่บนถนนจรดวิถีถ่อง หมู่ที่ ๓ บ้านเมืองเก่า ตำบลเมืองเก่า อำเภอเมือง จังหวัดสุโขทัย เป็นวัดที่สร้างขึ้นเมื่อครั้งสมัยสุโขทัยเป็นราชธานี ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของตัวเมืองเก่า ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดถึงผู้สร้าง ชื่อ ‘ตระพัง’ หมายถึง สระน้ำ
กล่าวสำหรับหลวงพ่อทิม มีชื่อเดิมว่า ขาว มุ่งผล เกิดเมื่อวันเสาร์ เดือนสิงหาคม พ.ศ. ๒๔๒๔ ที่ตำบลไผ่ดำ อำเภอป่าโมก จังหวัดอ่างทอง ได้เริ่มเรียนหนังสือที่วัดมหาดไทย จังหวัดอ่างทอง ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อจาก ‘ขาว’ เป็น ‘ทิม’ และได้มีโอกาสติดตามพระภิกษุเข้าไปเรียนหนังสือในกรุงเทพมหานคร ได้บรรพชาเป็นสามเณรและเรียนหนงัสือที่วัดนวลนรดิส จนจบชั้น ๓ แล้วจึงลาสิกขากลับมายังบ้านเกิดที่จังหวัดอ่างทอง
ต่อมาเมื่ออายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุ และกลับมาจำพรรษา ณ วัดอนงคาราม กรุงเทพมหานคร ทำหน้าที่สอนหนังสือขอมแก่นักเรียนและนักธรรม และได้รับสมณศักดิ์เป็น ‘พระสมุห์’ ฐานานุกรม คอยทำหน้าที่รับเสด็จสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ปรากฏว่าเป็นที่โปรดฯ สมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส จึงทรงส่งไปดำรงตำแหน่งเจ้าคณะแขวงเมืองสุโขทัย เพื่อดูแลงานการพระศาสนาต่างพระเนตร เมื่อหลวงพ่อทิมมาดำรงตำแหน่งเจ้าคณะแขวงเมืองสุโขทัย และเป็นเจ้าอาวาสวัดราชธานี ได้ร่วมมือร่วมแรงกับชาวบ้านก่อตั้งโรงเรียนนักธรรมตรีขึ้น
หลวงพ่อทิมดำรงสมณศักดิ์เป็นพระครูชั้นประทวนได้ ๘ เดือน ก็ได้รับตราตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ และได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ชั้นสัญญาบัตรที่ ‘พระครูวินัยสาร’ ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะแขวงอำเภอเมือง และอำเภอกงไกรลาศ ในปี พ.ศ. ๒๔๗๒ ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย ในปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระราชาคณะชั้นสามัญที่ ‘พระโบราณวัตถาจารย์’ และในปี พ.ศ. ๒๕๐๘ เป็นเจ้าคณะจังหวัดสุโขทัย มีสมณศักดิ์สุดท้ายที่ ‘พระราชประสิทธิ์คุณ’
หลวงพ่อทิม มรณภาพเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๓ สิริรวมอายุได้ ๘๙ ปี
ส่วนวัดราชธานีมีความเป็นมาคือ เดิมมีชื่อว่า ‘วัดป่าละเมาะ’ เพราะ ตั้งอยู่บนเกาะเต็มไปด้วยป่าละเมาะ ต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น ‘วัดท่านี้’ เพราะมีท่าเรือข้ามฟากไปมาค้าขายจุดที่สำคัญระหว่างคลองแม่ลำพันจากด้านเหนือ คือเมืองเชลียง ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น ‘วัดธานี’ ตามชื่อหมู่บ้าน จนต่อมาในสมัยพระราชธานีมาเป็นเจ้าเมืองสุโขทัยไดทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดธานี แล้วเปลี่ยนชื่อเป็น ‘วัดราชธานี’ สืบมาจนปัจจุบัน
วัดราชธานีเป็นวัดเก่าแก่จากหลักฐานทางโบราณสถานและโบราณวัตถุที่หลงเหลืออยู่ เป็นก้อนอิฐที่นำมาก่อสร้างพระเจดีย์ มีขนาดกว้าง ๖ นิ้ว ยาว ๑๒ นิ้ว หนา ๑.๕ นิ้ว ซึ่งนักโบราณคดีสันนิษฐานว่าเป็นเจดีย์สมัยสุโขทัย
เดิมทีในวิหารวัดราชธานีมีพระพุทธรูปสมัยสุโขทัยปางต่างๆ เป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปสมัยอู่ทอง สมัยลพบุรี เป็นจำนวนมาก ปัจจุบันได้นำไปเก็บรักษาไว้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ภูมิภาคที่ ๓ สุโขทัย ที่เหลือนอกนั้นได้ถูกเพลิงไหม้พร้อมกับกุฏิและอุโบสถเมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๑
ในสมัยก่อนวัดราชธานีเป็นสถานที่ที่ทางราชการ พ่อค้า ประชาชน ใช้ประกอบรัฐพิธีที่สำคัญ เช่น พิธีถือน้ำพิพัฒนสัตยา อีกทั้งยังเป็นวัดที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีอุโบสถ วิหาร ศาลาการเปรียญ พิพิธภัณฑสถาน ศาลาวัด นอกจากจะใช้บำเพ็ญกุศลแล้ว ยังใช้เป็นสถานที่เรียนหนังสือของเด็กนักเรียนชั้นประถมศึกษาแห่งแรกในเมืองสุโขทัย และโรงเรียนมธัยมศึกษาสตรีประจำจังหวัดเคยตั้งอยู่
และที่สำคัญคือ พระพุทธรูปประจำอุโบสถ อันเป็นที่เคารพสักการะของชาวสุโขทัย มีชื่อเรียกขานกันว่า ‘หลวงพ่อเป่า’
ชัยณรงค์ เกียรติกังวาฬไกล
อย่าง .งามๆ..!!
7 ปี
ตอบกลับ
วิศรุต จันทร์สว่าง
กราบสาธุ
7 ปี
ตอบกลับ
Kenchiro Nakrob
ขออนุญาตครับ ผมมีหนึ่งเหรียญเนื้ิทองแดงกะไหล่เงิน รุ่นนี้เป็นขอบเลื่อยครีบ
ราคาเปิดประมูล 500 บาท
ราคาปัจจุบัน 4,300 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ 100 บาท
วันเปิดประมูล อา. - 05 ต.ค. 2568 - 13:24:00 น.
วันปิดประมูล จ. - 06 ต.ค. 2568 - 15:07:23 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูล Anucha9191 (141)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     4,300 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     100 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    Captain (595)

 
(0)
  ประวัติการเสนอราคา
 ผู้เสนอราคาราคาเวลา
  Dig_tut_959 (1.9K) 1,100 บาท อา. - 05 ต.ค. 2568 - 14:27:33 น.
  buncha (20.1K) 1,200 บาท อา. - 05 ต.ค. 2568 - 15:02:12 น.
  Captain (595) 1,500 บาท อา. - 05 ต.ค. 2568 - 15:02:50 น.
  Captain (595) 2,500 บาท อา. - 05 ต.ค. 2568 - 15:03:02 น.
  Captain (595) 3,000 บาท อา. - 05 ต.ค. 2568 - 15:03:18 น.
  Captain (595) 3,500 บาท อา. - 05 ต.ค. 2568 - 15:03:30 น.
  Captain (595) 3,900 บาท อา. - 05 ต.ค. 2568 - 15:03:42 น. (ถึงราคาขั้นต่ำแล้ว)
  paweena2 (8) 4,000 บาท อา. - 05 ต.ค. 2568 - 17:29:54 น.
  Captain (595) 4,100 บาท อา. - 05 ต.ค. 2568 - 17:29:54 น. (Auto bid)
  Dig_tut_959 (1.9K) 4,200 บาท จ. - 06 ต.ค. 2568 - 15:02:23 น.
  Captain (595) 4,300 บาท จ. - 06 ต.ค. 2568 - 15:02:23 น. (Auto bid)

Copyright ©G-PRA.COM
www1