ชื่อพระเครื่อง | หลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม จ.อุบลราชธานี (((( รูปหล่อ รุ่นแรก เนื้อเงินนนน))))) |
รายละเอียด | หลวงปู่ญาท่านสวน ฉันทโร วัดนาอุดม ตอน ปราชญ์แท้ ไม่คุยฟุ้ง อวดตน คนเก่ง ย่อมทะนง อยู่อย่างเงียบ
ทำทานให้ สังโฆองค์เลิศ
ย่าได้คึดคี่ค้อย ของน้อยสิเน่านูม
(จงทำทานกับสงฆ์ผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ(สุปฏิปันโน) อย่าได้คิดเสียดายปัจจัยให้ทาน เพราะหากเสียดายจะทำให้ผลทานไม่เกิด)
จะว่าไปแล้วก็เป็นเรื่องแปลกนะครับ เพราะมีบางคนคิดว่า “สำเร็จลุน” ท่านก็คือพระองค์เดียวกับ “หลวงปู่เทพโลกอุดร” แต่ในความเป็นจริงไม่ได้เป็นอย่างที่หลายๆคนคิด ผมเองก็ไม่ค่อยมีความรู้ในเรื่องนี้มากนัก ขออธิบายความตามที่ครูบาอาจารย์บางท่านเคยบอกครับ กล่าวคือ “สำเร็จลุน” ท่านเป็นพระผู้ทรงอภิญญาของเมืองลาว
สมัย ก่อนลาวกับไทยมีการไปมาหาสู่กันเสมอดังนั้นจึงไม่แปลกครับที่เมืองลาวจะมี พระภิกษุชาวไทยเดินธุดงค์เข้าไปเพื่อศึกษาหาความรู้ ซึ่งสำเร็จลุนท่านก็คือเป้าหมายของพระเหล่านั้น
ลูกศิษย์ของสำเร็จลุนที่มีชื่อเสียงในเมืองไทยขนาดที่ว่าหากขานรายชื่อขึ้น มา บรรดาท่านผู้สนใจในเรื่องพวกนี้ต้องร้องเสียงหลง เช่น"หลวงปู่เครื่อง ธมฺมจาโร" วัดเทพสิงหาร ตำบลนายูง อำเภอน้ำโสม จังหวัดอุดรธานี "หลวงปู่พรหมา เขมจาโร" วัดสวนหินผานางคอย ตำบลหนามแท่ง อำเภอศรีเมืองใหม่ จังหวัดอุบลราชธานี เป็นต้น
ในส่วนเรื่องของ “หลวงปู่เทพโลกอุดร” มีความเชื่อกันว่ามีพระสาวกของพระพุทธเจ้าองค์หนึ่ง ได้ตั้งจิตอธิษฐานขอเป็นพระผู้ดูแลพระพุทธศาสนาจนกว่าจะสิ้น การอธิษฐานจิตขอด้วยความปรารถนาอันนี้ได้บังเกิดผล
กล่าว คือทุกวันนี้พระสาวกองค์นั้นยังไม่ได้ดับขันธ์ปรินิพพาน และยังคอยเฝ้าพิทักษ์รักษาพระพุทธศาสนามาจนถึงทุกวันนี้ สถานที่ที่ท่านอยู่ก็เป็นอีกมิติหนึ่งในโลกที่เราก้าวเข้าไปไม่ถึง
พระ เกจิอาจารย์ พระปฏิบัติกรรมฐาน หรือฆราวาสผู้ปฏิบัติธรรมในบางท่านก็จะเคยพบเห็นท่านมาหาเพื่อสอนหรือแนะนำ ในเรื่องของคาถาอาคมหรือการปฏิบัติธรรม ทั้งนี้ล้วนแล้วแต่ว่าหลวงปู่เทพโลกอุดรท่านจะสอนให้แบบไหน ขึ้นอยู่กับวาสนาของแต่ละคน บางทีท่านจะมาในลักษณะของพระภิกษุชราบ้าง เป็นเณรบ้าง ฯลฯ โดยคำว่า “อุดร” แปลว่าเหนือ “เทพโลก” หมายถึงโลก ดังนั้นคำว่า"หลวงปู่เทพโลกอุดร" จึงหมายถึง"หลวงปู่ที่อยู่เหนือโลก"ครับผม ก็พ่นเท้าความไปเสียตั้งเยอะ ความจริงแล้วหลวงปู่ญาท่านสวน ท่านไม่ใช่ลูกศิษย์โดยตรงของสำเร็จลุนหรอกครับ เพราะเมื่อท่านเดินทางไปหาสำเร็จลุนแต่ไม่พบท่านจึงได้เดินทางกลับ และพระอาจารย์ที่ประสิทธิ์ประสาทวิชาให้หลวงปู่ญาท่านสวนคือ “ญาท่านกรรมฐานแพง” แห่ง “วัดสะพือ” อำเภอพิบูล จังหวัดอุบลราชธานี
สำเร็จลุนท่านมี”ศิษย์เบื้องขวา”คือ “ญาท่านกรรมฐานแพง” และ“ศิษย์เบื้องซ้าย”คือ “ญาครูศรีทัศสุวรรณมาโจ”....
กล่าวกันว่า ”ญาท่านกรรมฐานแพง” ท่านนี้ได้รับถ่ายทอดสรรพวิชาต่างๆของสำเร็จลุนเอาไว้ครบถ้วนและตัวท่านเอง ก็มีกฤษดาอภินิหารมากมายเช่นกันไม่แพ้องค์อาจารย์
มีคำกล่าวว่า “กระบี่อยู่ที่ใจ” จอมยุทธที่เก่งกาจสามารถหลอมรวมใจเข้าเป็นหนึ่งเดียวเข้ากับกระบี่ได้แล้ว เวลาที่ต้องต่อสู้ก็ไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่จริง เพียงแต่หยิบฉวยอะไรก็ได้หรือแม้แต่จะใช้เพียงฝ่ามือ มันก็คมกริบเหมือนใช้ดาบ
ครับภายใต้ความเชี่ยวชาญและความเชื่อมั่นในวิชา มันคงไม่ได้เกิดมาง่ายๆแน่ หากทั้งหมดนี้ไม่ได้มีเบื้องหลังมาจากความมั่นคงของจิตใจ“ญาท่าน กรรมฐานแพงบอกว่า ผู้ที่มาเรียนวิชาในสายนี้จะต้องถือสัจจะคือเมื่อเรียนเสร็จแล้วจะต้องบวช ไม่สึก”
ว่า กันถึงเรื่องของการเรียนวิชาแล้วจะต้องบวชไม่สึกบ้าง ผมคิดว่าเรื่องเหล่านี้เป็นความฉลาดของครูบาอาจารย์ยุคเก่า เป็นกุศโลบายในการดึงรั้งจิตใจผู้ที่จะเข้ามาเป็นศิษย์ แต่ทั้งหมดนี้ครูบาอาจารย์ท่านนั้นจะต้องมีความเชี่ยวชาญและเชื่อมั่นในวิชา ของตนว่าสามารถทำให้บังเกิดผลได้จริง เมื่อนำไปใช้สงเคราะห์คนก็สามารถช่วยเหลือคนให้สัมฤทธิ์ผลได้ดั่งตั้งใจ
จริง อยู่ถึงแม้วิชาอาคมจะไม่สามารถช่วยให้คนกลุ่มนั้นเอาชนะกรรมหรือตัดรอนผลของ กรรมชั่วได้ แต่มันก็สามารถช่วยเหลือหรือบรรเทาในเรื่องบางเรื่องได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ การที่มันสามารถบรรเทาเรื่องบางเรื่องได้นั้น หากว่ากันตามตรรกะมันก็น่าจะมาจากวิชาอาคมที่ต่างประเภทกัน ลองมาอ่านดูครับว่าหลวงปู่ญาท่านสวนได้เรียนวิชาสายสำเร็จลุนจากญาท่าน กรรมฐานแพง มีอะไรบ้าง หลวงปู่ญาท่านสวนได้ศึกษาวิชากรรมฐาน “วิชาการเดินธาตุต่างๆ” เช่นแม่ธาตุอันได้แก่ นะ โม พุทธ า ยะ ธาตุ ๔ ได้แก่ นะ มะ พะ ธะ ธาตุกรณี ได้แก่ จะ ภะ กะ สะ แก้วสี่ดวง ได้แก่ นะ มะ อะ อุ เรียนรู้เรื่องการปลุกเสกวัตถุมงคลให้เกิดฤทธิ์ เกิดความศักดิ์สิทธิ์ เรียนรู้เรื่องของวิชาการลงตะกรุดต่างๆ วิชาอื่นๆ ก็เช่น การฝังเข็มทองคำซึ่งมีเข็มกลุ่ม ๓๒ เล่มและเข็มโทน ๑ เล่ม การเข้าแผ่นทองคำเปลว การสร้างพระราหูอมจันทร์ เสื้อยันต์ ถักเชือกมงคล วิชาการทำน้ำพระพุทธมนต์ ๗ บ่อ ฯลฯ.....
หลวงปู่ญาท่านสวนบอกพวกเราว่า สรรพวิชาต่างๆในสายสำเร็จลุน ที่ญาท่านกรรมฐานแพงได้รับการถ่ายทอดมาจากสำเร็จลุน ได้ถ่ายทอดมายังท่านจนหมดสิ้น ยกเว้นวิชาสุดท้ายเป็นสุดยอดทางเมตตา ก็ เพราะว่าผู้ที่จะเรียนวิชานี้จะต้องไปหารังผึ้งร้างมาทำเป็นเสื่อปูรองนั่ง ให้ได้ ๒ คนคืออาจารย์ผู้ถ่ายทอดและลูกศิษย์ผู้ที่รับการถ่ายทอด จึงจะสามารถถ่ายทอดวิชากันได้หลวงปู่ท่านได้ใช้เวลาหาอยู่หลายปีแต่กว่าจะ ได้ญาท่านกรรมฐานแพงก็มรณภาพไปเสียก่อน
นอก จากการเรียนรู้จากครูบาอาจารย์แล้ว หลวงปู่ยังได้ศึกษาวิชาตามคัมภีร์ใบลานซึ่งเป็นของครูบาอาจารย์ต่างๆ ที่บันทึกไว้ นอกจากนั้นภายหลังที่หลวงปู่ได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านสำโรง แล้ว ยังคงมีอาจารย์ฆราวาสผู้มีอาคมขลังท่านหนึ่งได้ไปมาหาสู่กับท่าน ซึ่งอาจารย์ท่านนี้อดีตเคยบวชและปรนนิบัตรรับใช้สมเด็จพระสังฆราชแพ วัดสุทัศน์เทพวราราม กรุงเทพฯอยู่นานหลายปี ซึ่งเข้าใจว่าอาจารย์ฆราวาสท่านนี้น่าจะถ่ายทอดวิชาให้กับหลวงปู่ด้วย....คน โบฮานสอนกันว่า ไผเคยจำได้หือบ่
วาสนาชาตาแต่พุ้น บุญนำยู้กระจั่งหมาน
ไผผู้เคยทำบุญไว้ ในปางแต่ชาติเก่า
คนจั่งชั่นหละเด้อพี่น้อง บุญนำอุ้มเพิ่นจังดี....
(โบราณท่านว่าบุญบารมีเก่าเท่านั้นที่จะช่วยให้เราเจริญรุ่งเรือง ควรทำบุญไว้ให้ดี)
เชื่อกันว่าในปัจจุบันนี้คุณไสยต่างๆยังคงมีการกระทำกันอยู่ โดยเฉพาะคุณไสยของเขมรถือว่าแรงมาก ขลังมาก ส่วนมากคุณไสยที่ทำกันก็เพื่อต้องการให้ไปประทุษร้ายแก่ผู้อื่นที่เป็นศัตรู ให้ถึงแก่ชีวิต แต่ถ้าในบางรายที่ยังไม่ถึงคราวและมีครูบาอาจารย์ที่ดีและเก่ง ก็จะสามารถที่จะแก้ไขได้ทัน
มีพระภิกษุหนุ่มบวชใหม่รูปหนึ่งโดนคุณไสยเล่นงานได้มาให้หลวงปู่ญาท่านสวนรักษา เรื่องราวมีอยู่ว่า
สมัย ที่พระรูปนี้ยังไม่บวช เคยไปทำงานที่จังหวัดศรีสะเกษ ตอนนั้นยังมีความห้าวอยู่มาก พอเหล้าเข้าปากก็ชอบส่งเสียงโวยวาย จนมีเรื่องมีราวกับคนในพื้นที่ ต่อมาไม่นานพระรูปนี้ก็รู้สึกถึงความผิดปกติในร่างกาย กล่าวคือมีอาการเจ็บปวดที่หลังเป็นอย่างมาก ไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจก็ไม่พบสิ่งที่ผิดปกติ
เมื่อ เดินทางไปรักษาที่ไหนก็ไม่หาย สุดท้ายโยมแม่ของท่านจึงต้องพึ่งพาการรักษาในเชิงไสยศาสตร์ จากการตรวจสอบโดยผู้เชียวชาญไสยศาสตร์ก็พบว่าพระรูปนี้โดนกระทำคุณไสยด้วย หมอเขมร จะต้องหาครูบาอาจารย์ที่มีวิชาอาคมแก่กล้าจึงจะสามารถแก้การกระทำนี้ได้
โดยโยมแม่ของท่านได้พาท่านตระเวณไปรักษามาหลายทีก็ยังไม่สามารถแก้ไขได้ สุดท้ายมี คนแนะนำว่าให้มาหาหลวงปู่ญาท่านสวน วัดนาอุดม เมื่อมาถึงจึงได้เข้าไปกราบเรียนท่านให้ทราบ หลวงปู่ทราบเรื่องก็หัวเราะด้วยอารมณ์ดีและถามกลับมาว่ารู้ได้อย่างไรว่า เป็นคุณไสย โยมแม่ของท่านจึงตอบว่ามีคนเขาบอก หลวงปู่ก็หัวเราะขึ้นอีกและเรียกตัวท่านไปถามอาการ เมื่อทราบว่าเจ็บปวดตรงจุดไหน ท่านจึงเอามือมาแตะตรงที่ปวดและหลับตากำหนดจิตสักครู่ เมื่อลืมตาขึ้นมาท่านจึงพยักหน้าพร้อมบอกว่าใช่การรักษาจึงได้เริ่มดำเนิน ขึ้นโดย หลวงปู่ให้ท่านนอนคว่ำแล้วเอาใบพลูที่กินกับหมากมาซ้อนกัน ๓ ใบ ยกขึ้นพนมไว้ในมือ หลับตากำหนดจิตสักครู่ท่านจึงเป่าลงบนใบพลูทั้ง ๓ ใบ เป่าอย่างนั้นอยู่ ๓ ครั้ง จึงเอาใบพลูทั้ง ๓ ใบมาวางแปะบริเวณที่ท่านปวดแล้วเอามือกดทับไว้ ปากท่านก็ภาวนาพระคาถาอยู่แล้วท่านก็เป่าลงบนใบพลู ๓ ครั้ง
ตอน นั้นพระองค์นี้มีความรู้สึกผิดปกติเกิดขึ้น โดยเฉพาะตรงบริเวณดังกล่าวเหมือนมีวัตถุอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนตัวอยู่ใน บริเวณนั้น สักพักหลวงปู่ญาท่านสวนท่านก็ค่อยๆกอบกำเอาใบพลูขึ้นทีละนิด ทีละนิด คล้ายๆกับกำลังถอนต้นหญ้า ขณะที่ปากของท่านก็ยังท่องบ่นภาวนาไปเรื่อยๆ เมื่อท่านกำใบพลูเต็มกำมือของท่าน ก็มีความรู้สึกเหมือนว่าหลวงปู่ญาท่านสวนกำลังรวบรวมพลังและดึงใบพลูนั้นออก จากหลังของพระองค์นั้น
ความ รู้สึกของท่านเหมือนว่าหลวงปู่ญาท่านสวนกำลังถอนต้นหญ้า หากแต่นี่มันไม่ใช่ต้นหญ้าแต่มันเป็นการดึงถอนเอาวัตถุสิ่งหนึ่งซึ่งมัน กำลังทิ่มแทงติดอยู่กับหลังของท่านออกมา และเมื่อหลวงปู่ญาท่านสวนได้ทำการถอนออกมาแล้ว อาการเจ็บปวดของท่านจึงหายเป็นปลิดทิ้ง
เมื่อหลวงปู่ญาท่านสวนให้พระองค์นั้นลุกขึ้นนั่งเรียบร้อยแล้ว ท่านจึงยกมือที่กำใบพลูขึ้นแล้วค่อยๆคลี่ออกดู...
ปรากฏ ว่าทุกคนที่นั่งดูถึงกับตกตะลึงเพราะว่าในใบพลูนั้นมีวัตถุสิ่งหนึ่งซึ่ง เป็นไม้ดำขนาดใหญ่ประมาณ ๑ ซม. ยาวประมาณ ๔ ซม. มีลักษณะแหลมคมเป็นเสี้ยน พระองค์นั้นตกใจรีบเอามือขึ้นจับบริเวณที่หลวงปู่ดึงออกมาด้วยเข้าใจว่ามัน คงจะเป็นรูแน่ๆ แต่ปรากฏว่าบริเวณดังกล่าวไม่มีน่องรอยอะไรเลย เนื้อหนังยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง........จากนั้นหลวงปู่ญาท่านสวนจึงได้ทำ การรดน้ำมนต์ให้พระองค์นั้นครับ ในโลกปัจจุบันที่เริ่มแบน คนไม่น้อยคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างจะเหลวไหล ไสยศาสตร์และวิธีการรักษาโรคแบบนี้จึงถูกต่อต้าน ถึงขนาดบางท่านอาจจะคิดว่าผู้ป่วยที่มีอาการแบบนี้อาจเป็นแค่คนเพี้ยนๆก็ได้
แต่ อีกนัยหนึ่งหากเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเราล่ะ เมื่อเรารักษาจนหมดหนทางแล้ว เราจะยอมนอนป่วยตายไปพร้อมกับความหมดหวัง หรือเราจะยอมรักษาโดยวิธีที่คนอื่นว่าเหลวไหลล่ะครับ แต่ที่แน่ๆ...
พระองค์นี้ท่านหายป่วยจริง คนที่อยู่ในเหตุการณ์ก็เห็นกับตาจริงๆ..ผมเคยสอบถามครูบาอาจารย์หลายรูปว่า เวลาปลุกเสกพระเขาทำอย่างไรกันบ้าง แล้วเราจะรู้ได้ไหมว่าเวลาเสก ท่านเสกกันจริงหรือเปล่า
บาง ท่านตอบว่าเวลาที่เสกพระ พอกำหนดจิตได้สมาธิดีดีก็จะเกิดเป็นแสงวูบเข้าไปคลุมกองวัตถุมงคลนั่นคือได้ เสกสำเร็จแล้วบางท่านก็ว่าเวลาพุทธาภิเษกพระ มันก็เหมือนกันการขับรถแข่ง องค์ไหนเก่งสมาธิจิตดีดีก็จะวิ่งเร็ว บางขณะเข้าช่วงโค้งก็มีการเบียดกัน ฯลฯ
หลวง ปู่ญาท่านสวน ได้ชื่อว่าเป็นพระผู้มีจิตที่ละเอียด สมาธิจิตของท่านถือว่าเยี่ยมมาก ไม่ว่าใครจะอยู่ไกลแค่ไหน หรืออธิษฐานอะไรในใจ ท่านสามารถกำหนดจิตล่วงรู้ได้หมด อาจจะเรียกได้ว่าบรรดาผุ้ที่เคารพเลื่อมใสในตัวท่านและเข้ามากราบไหว้ เกือบจะครึ่งหนึ่งทีเดียวที่มีนิมิตเห็นท่านมาปรากฏให้เห็น
ว่ากันว่า “จิตใสก็เป็นบุญ จิตขุ่นก็เป็นบาป ผู้ใดตามดูจิต โดยความเป็นธรรม ผู้นั้นพ้น ห้วงของมาร...”
พระอาจารย์ชิง ธัมมทินโน เจ้าอาวาสวัดไตรมิตร อำเภอท่าอุเทน จังหวัดนครพนม ได้เมตตาเล่าให้ฟังว่า..
ท่าน ได้นำพระกริ่งและพระชัยวัฒน์ รุ่นปฐวีธาตุ ไปให้หลวงปู่ญาท่านสวนปลุกเสกให้ หลังจากพูดคุยกันสักพักพระอาจารย์ชิง จึงได้นำพระทั้งหมดมาจัดวางไว้ตรงหน้าหลวงปู่ญาท่านสวน พร้อมโยงด้ายสายสิญจน์มาให้หลวงปู่ญาท่านสวน
เมื่อ หลวงปู่ฯได้รับสายสิญจน์แล้วท่านจึงมองมาที่วัตถุมงคลทั้งหมดแล้วค่อยๆเข้า สู่สมาธิ พระอาจารย์ชิงเล่าว่า หลวงปู่ญาท่านสวนท่านนั่งนิ่งมาก นิ่งจนขนาดที่ทำให้พระอาจารย์ชิงอยากรู้ว่าหลวงปู่ท่านปลุกเสกอย่างไร
พระ อาจารย์ชิงท่านจึงได้เข้าสมาธิเอาจิตตามเข้าไปดูว่าท่านปลุกเสกอย่างไร แต่ยังไม่ทันได้เข้าไปก็โดนรัศมีของหลวงปู่ญาท่านสวนเหวี่ยงกระเด็นออกมา ท่านจึงได้ตั้งจิตอธิษฐานขอขมาและขออนุญาตเข้าไปดูใหม่ ก็สามารถดูได้ “อาตมา ได้เห็นลำแสงพวยพุ่งออกจากฝ่ามือของท่าน แล้ววิ่งไปตามเส้นด้ายสายสิญจน์ สว่างเหมือนลำแสงของหลอดไฟนีออนและวิ่งไปสปาร์คที่กองพระกริ่งพระชัยวัฒน์ เกิดเป็นแสงสว่างไสวมากและคุมอยู่อย่างนั้นเป็นเวลานานเกือบครึ่งชั่วโมง ...”
หลังเสร็จสิ้นการอธิษฐานจิต หลวงปู่ญาท่านสวนได้มองเล็งมายังท่านพร้อมกับอมยิ้มแล้วพูดกับท่านว่า
“เป็นพระหนุ่มนี่ ใจร้อนเน๊อะ...”
พระอาจารย์ชิง ท่านได้แต่ยิ้มรับและยังไม่ทันที่จะได้ตอบอะไร หลวงปู่ญาท่านสวนท่านได้พูดกระแทกตรงใจท่านอีกว่า
“ถ้าอยากทำเป็น ก็หมั่นฝึกเอาทำเอา ไม่นานเดี๋ยวก็เป็นเอง..”
เอกสารอ้างอิง – หนังสืออนุสรณ์ในงานบำเพ็ญกุศล พระครูอาทรพัฒนคุณ(ญาท่านสวน ฉันทโร)
พอดีมีพี่ที่ชนะประมูลได้ ติดปัญหา ขอยกเลิกการประมูล จึงนำมาลงใหม่จร้า สวยสุดๆ มีองค์เดียวเท่านั้นค่ะ |
ราคาเปิดประมูล | 1,000 บาท |
ราคาปัจจุบัน | 2,000 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!) |
เพิ่มขึ้นครั้งละ | 100 บาท |
วันเปิดประมูล | - 15 ก.ย. 2552 - 22:05:32 น. |
วันปิดประมูล | - 20 ก.ย. 2552 - 22:51:11 น. (ปิดประมูลแล้ว) |
ผู้ตั้งประมูล | เจ้าหนูบูจู (313)
|