(0)
พรายแก้วยอดขุนพล พรายกุมารหลวงปู่ทิม ก็กำเนิดจากถ้ำขุนแผน เนื้อว่าวสบู่เดือด ปิดทองคำเปลวแท้ สมกับกุมารทอง (เป็นการสรรเสริญ)








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องพรายแก้วยอดขุนพล พรายกุมารหลวงปู่ทิม ก็กำเนิดจากถ้ำขุนแผน เนื้อว่าวสบู่เดือด ปิดทองคำเปลวแท้ สมกับกุมารทอง (เป็นการสรรเสริญ)
รายละเอียดพรายแก้วยอดขุนพล พรายกุมารหลวงปู่ทิม ก็กำเนิดจากถ้ำขุนแผน เนื้อว่าวสบู่เดือด ปิดทองคำเปลวแท้ สมกับกุมารทอง (เป็นการสรรเสริญ)
รายละเอียด พรายแก้วยอดขุนพล พรายกุมารหลวงปู่ทิม ก็กำเนิดจากถ้ำขุนแผน
เขียนโดย ชินพร สุขสถิตย์
Monday, 15 February 2010
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เพราะเป็นเรื่องจริงพระขุนแผนพรายกุมารหลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ อ.บ้านค่าย จังหวัดระยอง มีสนนราคาแพงกว่า พระขุนแผนกรุของสุพรรณ และเมืองกาญจน์ เมื่อ ๓๖ ปีที่ผ่านมาประมาณ พ.ศ.๒๕๑๖-๒๕๑๗ พระขุนแผนทั้งพิมพ์ใหญ่พิมพ์เล็กของหลวงปู่ทิม มีราคาเพียงองค์ละ ๑๐-๒๐ บาท วางให้ทำบุญในตู้วัตถุมงคลของวัด ใครไปใครมาต่างก็เมินไม่มีใครอยากเช่า จนหลวงปู่ทิมต้องแจกฟรีๆ เมื่อผู้เขียนเป็นเจ้าภาพชักจูงผู้คนไปทอดผ้าป่าและทอดกฐินเมื่อปี ๒๕๑๗ ขอพระขุนแผนพิมพ์เล็กมาแจกผู้ร่วมเดินทางไปด้วยแจกคนละองค์น้อยไป ยัดเยียดให้ไปคนละ ๒-๓ องค์ก็ยังไม่มีใครอยากรับ
เมื่อศาลาภาวนาภิรัตใกล้แล้วเสร็จ หลวงปู่ทิมท่านยกพระขุนแผนให้ผู้เขียน ๑ ปีปโอเล่ ผู้เขียนปฏิเสธไม่รับบอกเอาใส่ตู้ออกให้บูชาองค์ใหญ่ ๒๐ บาท องค์เล็ก ๑๐บาท จะดีกว่า แล้วให้เงินแม่ครัวไว้ทำกับข้าวถวายพระและเณรจะดีกว่า เพราะในยุคนั้นชาวบ้านยากจนมากใส่บาตรพระเพียงแต่ข้าวเปล่า กับไม่ค่อยมี เมื่อผู้เขียนไม่รับหลวงปู่ทิมท่านพูดย้ำแล้วย้ำอีกว่า “ของดีน๊า ... ขอดีน๊า” แต่ผู้เขียนก็ไม่รับ เพื่อนที่มาร่วมทำงานหลายคนจำได้ว่ามี คุณวิรัช ชำนาญณรงค์ เจ้าหน้าที่ศูนย์คอมพิวเตอร์กรมชลประทาน ถามว่า “ทำไมไม่รับวะ” ผมบอกไม่ดังหรอก ของกรุเขามีแล้ว หลวงปู่ก็พูดซ้ำอีก “เอาไปซิ ... ของดีน๊า” ก็นึกเสียใจมาจนบัดนี้ เพราะขุนแผนพรายกุมารของหลวงปู่ทิม ท่านดังจริงๆมีประสบการณ์มากมายแก่ผู้ใช้ หลวงปุ่ทิมท่านเคยพูดว่า คนสมัยนี้เชื่อถืออะไรยาก คุณพระให้ผลช้า ต้องเอาผีช่วยแอบ และพระเครื่องเนื้อผงที่เอาผีช่วยแอบของท่านก็ดังระเบิดอยู่ในเวลานี้ เริ่มต้นจากผู้นำไปใช้แล้วเกิดเป็นเมตตามหานิยมเล็กๆน้อยๆ และก็เล่าลือกัน จากพระเครื่องพิมพ์ขุนแผนองค์เล็กๆที่หาง่ายราคาไม่แพงที่ได้ไปฟรีบ้าง เช่าไปจากวัดเพียงองค์ละ ๑๐ บาท, ๒๐ บาทบ้าง ก็เป็นที่แสวงหาขึ้นมา ซึ่งระยะเวลาเพียง ๓๖ ปีมีผู้เช่าบูชาไปองค์ละหลายแสนบางองค์ที่สวยๆบูชาเช่าหาเปลี่ยนมือกันไปองค์ละล้าน,ล้านกว่าก็มีแล้วและหลายองค์ด้วย จากการร่ำลือว่าพระขุนแผนเนื้อผงของหลวงปู่ทิมใช้แล้วดีเหลือหลาย จึงมีผู้นำไปตรวจสอบทางในขึ้นเพื่อต้องการทราบว่า หลวงปู่ทิมท่านทำอย่างไร สร้างอย่างไรจนดังแซงหน้าพระขุนแผนเก่าที่เป็นพระกรุไปอย่างเหลือเชื่อ การติดตามสืบถามประวัติจึงเกิดขึ้น มีหนังสือที่นำเอาทั้งภาพพระขุนแผนและประวัติในการสร้างพิมพ์ออกขาย หลายสำนักก็ขายดี เมื่อรวมสรุปแล้วยุติได้ว่าดีเพราะพระขุนแผนของหลวงปู่ทิม สร้างจาก ผงพรายกุมาร
หลวงปู่ทิม ท่านได้ผงพรายกุมารมาอย่างไร จากตำราอะไรและใครเป็นคนสอน เจ้าตำราเป็นใคร จึงการค้นคว้าติดตามเรื่องราวในการสร้างผงพรายกุมารเกิดขึ้น เพราะพระขุนแผนพรายกุมารของหลวงปู่ทิม มีอายุการทำขึ้นมาในเวลาเพียง ๓๖ ปี ผู้รู้เห็นเหตุการณ์จึงยังคงมีชีวิตอยู่ พอสืบสาวและไต่ถามกันได้ หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ และ นายสาย แก้วสว่าง ๒ ศิษย์ผู้รู้เห็นและมีส่วนทำผงพรายกุมารยังมีชีวิตอยู่ (ในขณะสืบค้น และทั้งสองเพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อ ๒-๓ ปีที่ผ่านมานี้เอง) ผงพรายกุมารที่หลวงปู่ทิมทำขึ้น ท่านทำจากผีท้องแก่ที่ทั้งแม่ทั้งลูกตายในท้อง และลูกนั้นต้องเป็นลูกผู้ชายด้วย จึงจะเรียกว่า ผงพรายกุมาร เหมือนพรายกุมารของขุนแผนที่ผ่าออกมาจากท้องนางบัวคลี่ ที่เป็นเรื่องจริงเพราะขุนแผนมีตัวตนอยู่จริงแต่ผู้เขียนต่อๆมาได้เพิ่มเติมเสริมแต่งให้เป็นนวนิยายขึ้นมาและเชื่อถือสืบเนื่องกันต่อๆมา พระกรุเก่าอายุหลายร้อยปีที่ประทับนั่งอยู่ในซุ้มเรือนแก้วจึงเรียกกันโดยทั่วไปว่าพระขุนแผนและก็ได้มีการสร้างต่อทำสืบเนื่องกันต่อๆมา จนวัดวาอารามต่างก็สร้างขุนแผนขึ้นมามีทั้งสร้างแล้วโด่งดังมีราคาเป็นหมื่นเป็นแสนเป็นล้านจนเหนือกว่าพระกรุขุนแผนของเก่า ก็มีแต่เพียงพระขุนแผนผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิม อิสริโก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยองเท่านั้น ที่หายากมีราคาแพงและก็มีของปลอมของเก๊ออกมาอาละวาดกันมากขึ้น
ผู้เขียนเป็นผู้ที่นำประวัติและเรื่องราวของหลวงปู่ทิมพิมพ์ออกมาเผยแพร่ รวมถึงเรื่องการทำผงพรายกุมารของท่านด้วย ผู้เขียนเคยเขียนจากคำบอกเล่าของหลวงปู่ทิมว่า ขุนแผนมีตัวตนอยู่จริง และหลวงปู่ทิมท่านเคยไปถึงถ้ำนางบัวคลี่ด้วย ท่านพูดให้ฟังเพียงเท่านี้ เพราะหลวงปู่ทิมท่านเป็นพระที่ไม่ค่อยพูด นั่งนิ่งเฉยๆคงมีสติครองตัวอยู่ตลอดเวลาจึงได้เรื่องราวการทำผงพรายกุมารของท่านน้อยมาก เลยไม่ทราบว่าท่านเล่าเรียนมาจากใคร เมื่อได้ศึกษาประวัติพระเกจิอาจารย์ของเมืองกาญจนบุรีที่มีพระเก่งๆอยู่หลายรูปจนเป็นตำนานเล่าขานกัน จึงได้ทราบว่าหลวงพ่อยิ้ม วัดหนองบัว เป็นพระอาจารย์อีกองค์หนึ่งของเสด็จกรมหลวงชุมพร ทั้งเป็นสุดยอดเกจิอาจารย์องค์หนึ่งของเมืองกาญจน์และเมื่อได้ค้นคว้าศึกษาประวัติพ่อเฒ่ายิ้ม วัดหนองบัว ที่ท่านละเอียดรัช บัวขม ชาวบ้านวัดคงเมืองกาญจน์เขียนไว้ก็พบว่า พ่อเฒ่าหมอแก่ที่หลวงปู่ทิมเอ่ยปากเอ่ยชื่อ เวลาอัญเชิญครูบาอาจารย์เมื่อท่านจะปลุกเสกของนั้นก็คือพ่อเฒ่ายิ้ม วัดหนองบัวนี่เอง คำว่า พ่อเฒ่าหมอแก่ นอกจากเป็นการเอ่ยถึงครูบาอาจารย์ของหลวงปู่ทิม คือ พ่อเฒ่ายิ้ม แล้วหมอแก่ก็คงจะเป็นการเอ่ยถึงครูบาอาจารย์ฆราวาสของพ่อเฒ่ายิ้มอีกนั่นเอง จึงน่าสรุปได้ว่า หลวงปู่ทิมคงได้เรียนรู้วิชาการทำผงพรายกุมารมาจากพ่อเฒ่ายิ้มและอาจารย์ฆราวาส ที่สมัยนั้นมักจะเอ่ยเรียกท่านโดยทั่วไปว่า พ่อเฒ่า
ก่อนที่ท่าน ละเอียดรัช จะพิมพ์หนังสือประวัติพ่อเฒ่ายิ้ม วัดหนองบัวออกมาท่านพาผมไปถ้ำเขาขุน ซึ่งครั้งก่อนเรียกว่า ถ้ำนางบัวคลี่ที่หลวงปู่ทิม พระอาจารย์ของผมพูดถึง ท่านนายพลพาผมเข้าถ้ำขุนแผนขึ้นๆลงถึงห้าห้องมีกระท่อมขุนแผนอยู่ในถ้ำในห้องนั้น ท่านนายพลชี้ให้ผมดูถึงที่ที่ขุนแผนผ่าท้องนางบัวคลี่ แล้วอุ้มกุมารไปล้างตรงบริเวณที่มีน้ำไหล เป็นที่ซับน้ำแล้วนำไปย่างไฟตรงบริเวณใกล้เคียงกัน ท่านบอกเป็นคำบอกกล่าวเล่าลือกันมาแต่ครั้งโบราณ ท่านจำได้ดีเพราะตระกูลบัวขมของท่านเป็นคนกาญจน์ เกิดที่วัดคง ต.วังด้ง กาญจนบุรี

พระขุนแผน พรายแก้ว ยอดขุนพล เขียวว่านร้อยแปด (ขัดตามอญเป็นแม่ว่าน)

พระขุนแผน พรายแก้ว ยอดขุนพล ดำมหาเศรษฐี (กะลาตาเดียว)

ท่านละเอียดรัช บัวขม ดำริจะทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อหารายได้สมทบทุนสร้างพิพิธภัณฑ์ท่านพ่อเฒ่ายิ้ม ที่วัดหนองประชุมพร้อมกับสมทบทุนสร้างศาลาสวดศพไปด้วยจึงชวนผมร่วมบุญด้วย จะทอดในวันเสาร์ที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๓ ณ วัดหนองประชุม ต.วังด้ง อ.เมือง กาญจนบุรี ท่าน ละเอียดรัช จะนำพระปิดตาพ่อเฒ่ายิ้มซึ่งก๋งพง บัวขม ปู่ของท่านละเอียดรัช เป็นผู้สร้างเก็บสะสมไว้มาออกสมนาคุณแก่ผู้ร่วมทำบุญทอดผ้าป่า พระปิดตาพ่อเฒ่ายิ้มเป็นพระปิดตาที่หายากที่สุดและมีราคาแพงมาก พิมพ์นิยมองค์ละหลายแสนบาท แต่เพื่อการกุศลในการทอดผ้าป่าครั้งนี้ถ้าใครร่วมทำบุญตั้งแต่ ๓๐,๐๐๐ บาทขึ้นไปท่านยินดีจะมอบพระปิดตาพ่อเฒ่ายิ้มให้เป็นที่ระลึก ส่วนท่านที่ทำบุญจะได้รับพระพรายแก้วยอดขุนแผนเป็นของที่ระลึก
พรายแก้วยอดขุนพล สร้างจากผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมที่ท่านมอบให้ผมก่อนมรณภาพ เมื่อ ๓๖ ปีมาแล้วและเมื่อท่านละเอียดรัช บัวขม พาผมไปในถ้ำขุนแผน ผมจึงขอพลีดินจากในถ้ำหลายจุดที่สำคัญเอามาด้วย แม้แต่ดินกลางถ้ำใหญ่อันเป็นที่สุดยอดปรมาจารย์ทั้ง ๘ องค์ของประเทศไทยมานั่งชุมนุมแลกเปลี่ยนวิชาแสดงฤทธิ์ให้กันและกันดู ผมก็ไปพลีเอามาผสมเพื่อทำพระพรายแก้วยอดขุนพลด้วย ทั้งๆที่ชาวบ้านเตือนว่า ดินตรงที่ปรมาจารย์นั่งประชุมกันนี้ไม่เคยมีใครเอาออกไปจากถ้ำได้ พระเกจิอาจารย์บางองค์เอาออกไปแต่เพียงคืนสองคืนก็ต้องเอามาคืนทั้งหมด แม้พระบางองค์ที่ว่าแน่ๆมานั่งอยู่ในถ้ำพอดึกสงัดก็ร้องโว้ยวายวิ่งออกมาจากในถ้ำแทบไม่ทัน บ้างสติแตกก็มี
นอกจากจะพลีดินที่ยอดเกจิอาจารย์ทั้ง ๘ องค์มานั่งประชุมสำแดงฤทธิ์ต่อกันแล้วผมยังไปพลีดินตรงบริเวณที่ขุนแผนเอากุมารไปย่างมาด้วย ตั้งแต่เอามาแล้วผมได้นำเอามาตำป่นเป็นผงทำพระพรายแก้วยอดขุนพล จนบัดนี้ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้นและพระพรายแก้วยอดขุนพลก็สร้างเสร็จแล้วพร้อมแจกเป็นของสมนาคุณแก่ผู้บริจาคเงินร่วมทอดผ้าป่าสามัคคีในวันเสาร์ที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๓ นี้ด้วย เพราะก่อนพลีดินศักดิ์สิทธิ์ผมบอกกล่าวถึงวัตถุประสงค์ทั้งยังอธิษฐานว่า ถ้าหลวงปู่ทิม อิสริโก พระอาจารย์ผมได้วิชาทำผงพรายกุมารจากพ่อเฒ่ายิ้มหรือจากเกจิอาจารย์องค์ใดในถ้ำนางบัวคลี่ หรือถ้ำขุนแผนนี้จริง ก็ขอให้งานสำเร็จอย่ามีอะไรที่ไม่ดีอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับเลย
เวลานี้พระขุนแผนยอดขุนพล หรือ พระพรายแก้วยอดขุนพล จุติแล้วเมื่อวันที่ ๑๔ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ ซึ่งเป็นวันแห่งความรักและวันตรุษจีนตามประเพณีซึ่งก็เป็นบรรพบุรุษเราด้วยเช่นกัน พรายแก้วยอดขุนพลได้จุติขึ้นแล้ว ๑๒,๒๒๒ องค์ เลข๒๒ เป็นเลขที่หลวงปู่ทิมใช้สร้างพระแล้วดังทุกครั้งร่วมทอดผ้าป่าสามัคคีสร้างพิพิธภัณฑ์พ่อเฒ่ายิ้มจำนวน ๕,๐๐๐ องค์
เป็นของมูลนิธิหลวงปู่ทิมเพื่อหารายได้ช่วยกิจกรรมของมูลนิธิ ๕,๒๒๒ องค์ อีก ๒,๐๐๐ องค์ถวายพระวิสุทธิรังษี (พยุง จิตสีโล) รักษาการเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีศิษย์หลวงปู่เหรียญและพ่อเฒ่ายิ้ม ซึ่งนิมนต์ท่านมานั่งปรกปลุกเสกเดี่ยวองค์เดียวที่วัดพระศรีมหาธาตุ วัดโบราณดั่งเดิมของขุนแผนซึ่งปัจจุบันเหลือแต่ซาก วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ หลังจากปลุกเสกครั้งแรกที่วัดละหารไร่ ในงานหล่อระฆังทอง ในวันอังคาร ๑๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ รายละเอียดในการสร้างพรายแก้วยอดขุนพลจะลงให้ทราบต่อไป
ราคาเปิดประมูล359 บาท
ราคาปัจจุบัน379 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ20 บาท
วันเปิดประมูล - 27 มี.ค. 2553 - 00:01:03 น.
วันปิดประมูล - 30 มี.ค. 2553 - 09:44:34 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลmahalap (5.1K)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     379 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     20 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    kkiet (383)

 

Copyright ©G-PRA.COM
www1