(0)
.....ล็อคเก็ตโภคทรัพย์ พระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่ จ.สมุทรสงคราม #2








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่อง.....ล็อคเก็ตโภคทรัพย์ พระมหาสุรศักดิ์ วัดประดู่ จ.สมุทรสงคราม #2
รายละเอียดพระมหาสุรศักดิ์ อติสักโข วัดประดู่ ผู้สืบสานตำนานอาคมสองลุ่มลำน้ำ
วัดประดู่ เป็นวัดโบราณสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย มีเรื่องราวที่เล่าขานกันเป็นตำนานโบราณหลายเรื่อง เช่นเรื่องลายแทงสมบัติ ฯลฯ แต่เรื่องเล่าขานที่เป็นความจริงก็คือวัดประดู่แห่งนี้เป็นวัดที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสต้นทางชลมารคมายังวัดประดู่ เมื่อวันที่ ๒๑ กรกฏาคม พ.ศ.๒๔๗๗ และได้ทรงเสวยพระกระยาหารเช้าที่วัดประดู่แห่งนี้พระองค์ทรงมีพระราชศรัทธาต่อ”หลวงปู่แจ้ง” อดีตเจ้าอาวาสวัดประดู่ เป็นอย่างมากและได้ทรงถวายเครื่องราชศรัทธาที่สำคัญๆ เช่น เรือเก๋งพระที่นั่ง พระแท่นบรรทม ตาลปัตร ฯลฯ ซึ่งปัจจุบันนี้ พระมหาสุรศักดิ์ เจ้าอาวาสได้จัดเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี หากใครสนใจก็ขอเข้าชมได้ที่พิพิธภัณฑ์ของทางวัดครับ
พระมหาสุรศักดิ์ อติสักโข เป็นพระรูปร่างเล็กๆ ผิวขาว อัธยาศัยดีมากครับ สุภาพ อ่อนน้อม ถือว่าเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีเมตตาสูง ...ท่านเมตตาเล่าประวัติให้พวกเราฟังพอสังเขปว่า..

ในช่วงวัยเด็กท่านเป็นเด็กที่มีร่างกายอ่อนแอ เจ็บป่วยอยู่บ่อยๆ คุณพ่อของท่านเอาตุ๊กตาเด็กที่ไว้ผมทรงโบราณ เช่น ผมจุก ผมแกละ ผมเปีย ฯลฯ ให้ท่านคลานไปเลือก ท่านเลือกเป็นผมปอยถึงสองครั้ง คุณพ่อของท่านจึงได้ให้ท่านไว้ผมปอยตั้งแต่นั้นมา...

ซึ่งในเรื่องการเลือกไว้ทรงผมนี้ ถือได้ว่าเป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของคนไทย โดยเฉพาะคนไทยในชนบท สมัยโบราณเรียกการกระทำแบบนี้ว่า “เอาคุณพระเข้าช่วย”...
ผมเชื่อว่าเพื่อนๆ หลายท่านคงเคยได้ยินเรื่องทำนองนี้มาบ้าง..ที่ว่าไว้ผมเพื่อเป็นการแก้เคล็ด เนื่องจากเด็กมักเจ็บไข้ออด ๆ แอด ๆ อยู่เสมอ หรือเป็นเด็กที่เลี้ยงยาก ผู้ใหญ่จึงให้เปลี่ยนมาเป็นไว้จุก ไว้แกละ ไว้ปอย หรือไว้เปีย ไปตามแต่จะเห็นสมควร บางทีพอเปลี่ยนทรงผมแล้ว กลายเป็นเด็กแข็งแรงเลี้ยงง่ายไปเลยก็มี… “คงเป็นเรื่องของวาสนาที่มัน “รีด” ให้ฉันได้เข้ามาอยู่ในพระพุทธศาสนา”(ยิ้ม)
หลังจากที่จบชั้น ป.๗ ท่านจึงได้บวชเป็นสามเณรที่วัดประจันตาราม จ.สมุทรสงคราม ในช่วงที่เป็นสามเณรได้มีเหตุการณ์เฉียดตายกับท่านในเรื่องของอุบัติเหตุทางน้ำแต่ท่านสามารถรอดมาได้หลังจากนั้นเมื่ออายุครบบวช จึงได้บรรพชาที่วัดประจันตารามและเข้าเรียนนักธรรมต่อจนจบเปรียญห้า....

เขาคงเอาเราไปไม่ได้ เพราะว่าต้องมาเป็นสมภารวัดประดู่” (หัวเราะ)

ด้วยแนวความคิดที่ว่า “พระพุทธศาสนาเป็นระบบการศึกษา สมภารวัดคือผู้บูรณาการทุกสิ่งให้ดำเนินไปตามจุดมุ่งหมาย” พระมหาสุรศักดิ์ท่านจึงได้จัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ศิลปกรรมต่างๆเช่นการทำหัวโขน การทำหุ่นปั้นจากดินสอพอง เพื่อให้นักเรียนจากโรงเรียนต่างๆ และประชาชนทั่วไปได้เข้ามาศึกษาหาความรู้ ...
“เมื่อจะเริ่มสอนขอให้เราน้อมนำเอาวิญญาณครูเข้ามาสู่จิตใจของเรา...เราจะได้สอนอะไรได้แตกฉาน...

ทุกวันนี้คนเราขาดตรงนี้คิดว่าเป็นครูก็ขึ้นสอนเลย...ลืมเอาจิตวิญญาณของความเป็นครูเข้ามาด้วย…บารมีของครูบาอาจารย์แต่ก่อนเก่ามีจริง.....”

ครับ..”บารมีของครูบาอาจารย์”..สำหรับผมแล้วเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงและมีจริง..ในโลกที่หมุนเร็วทุกวันนี้ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ประหลาดขึ้นมากมายในสภาพสังคมปัจจุบัน เราจะเห็นได้จากข่าวสารที่มีเข้ามากระทบกับชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะในเรื่องของครูบาอาจารย์ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม...

ผมคงไม่ต้องยกตัวอย่างเพราะเชื่อว่าเพื่อนๆคงจะผ่านหูผ่านตามาบ้างแล้ว คนเรานะครับการจะทำอะไรสักอย่างให้ได้ดีนอกจากจะเกิดขึ้นโดยประสบการณ์และความชำนาญแล้ว “จิตวิญญาณ” ยังมีความสำคัญ..ไม่อย่างนั้นเพลงพระคุณที่สาม คงจะไม่ยืนยงคงกระพันมาจนถึงทุกวันนี้หรอกครับ...

และก็หลายครั้งนะครับที่ “ความเจริญไม่ได้นำมาซึ่งผลดีต่อทุกอย่าง” เพราะอย่างน้อยที่สุด...สิ่งที่ความเจริญนำมาสู่จิตใจของคนเราในปัจจุบันก็คือ “ความเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตัว”..

เห็นท่านพระมหาสุรศักดิ์ เป็นพระนักพัฒนาและทันสมัยขนาดนี้ ทำไมถึงได้มาสนใจในคติความเชื่อเรื่องคาถาอาคม ซึ่งต่างเวอร์ชั่นกันอย่างมาก... เรื่องนี้มีที่มาที่ไปครับ...ท่านได้เล่าให้พวกเราฟังค่อนข้างยาว ผมเลยขอสรุปเอาพอสังเขปครับ....เริ่มจากตอนที่ท่านเป็นเณรบวชอยู่กับหลวงพ่อสุด วัดกาหลง เริ่มสนใจ “ยันต์ตะกร้อ”..แต่ก็ไม่ได้ศึกษาซักเท่าไหร่หลวงพ่อสุด ท่านก็มรณภาพเสียก่อน..

พอมาบวชเป็นพระได้พรรษาแรก ท่านได้พบกับ “หลวงตามี” พระลูกวัดประจันตาราม ซึ่งเป็นผู้ที่เขียนยันต์ให้กับหลวงพ่อเจ้าอาวาส ท่านจึงได้ขอเรียนการเขียนอักขระขอม..ในช่วงนั้นด้านหลังโบสถ์ของวัดประจันตาราม ก็มี “พระอาจารย์รวม” ซึ่งเป็นอาจารย์สักที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะ “ยันต์หมูทองแดง” ...

พระอาจารย์รวมเป็นพระที่มีอาคมขลังและหนังเหนียว มีฉายาในกลุ่มลูกศิษย์ว่า “ตารวม หนังแห้ง” ด้วยความเป็นพระที่มีกิริยานอบน้อม พระอาจารย์รวมจึงได้ถ่ายทอดวิชาการต่างๆให้จนหมดสิ้น...ภายหลังพระอาจารย์รวมได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่กับท่านที่วัดประดู่และได้มรณภาพที่วัดแห่งนี้..


ในวันที่พวกเราไปกราบนมัสการท่านพบว่ามีคณะครูจากนครปฐม เข้ามากราบขอพรจากท่านเนื่องจากต้องย้ายไปสอนที่โรงเรียนแห่งใหม่..ท่านได้บอกให้พวกเขาไปขอพรจาก “หลวงพ่อใหญ่” พระประธานศักดิ์สิทธิ์ของวัดประดู่ และท่านได้ให้แนวคิดกับคณะครูเหล่านี้ได้น่าฟังครับ....
ในช่วงนั้นท่านพระมหาสุรศักดิ์ได้พบกับ “คุณโยมพ่อใหญ่ ยังมีสุข” ซึ่งเป็นลูกศิษย์ของ “หลวงปู่ใจ วัดเสด็จ” จึงได้เรียนวิชา “การลงอุนาโลม และการถักเงื่อนจระเข้ขบฟัน”...ถึงตรงนี้..ผมขออธิบายเพิ่มเติมตามที่ท่านมหาได้เล่าให้ฟัง
การถักเงื่อนจระเข้ขบฟันคือการถักเชือกหุ้มตะกรุด นัยว่าเป็นเคล็ดเรื่องการปิดกั้นอาวุธไม่ให้แสดงฤทธิ์หรือทำร้ายเราได้…”

จะว่าไปแล้วคาถาอาคมหรือไสยศาสตร์นี่สำคัญนะครับ นอกจากตัวคาถาที่แม่นยำแล้วยังต้องมีการฝึกจิตและต้องมีสมาธิที่ดี....ของถึงจะขลัง...

“สายชลแม่กลอง น้ำนองสองฟากล้นฝั่ง
น้ำใจจงหลั่ง พอได้ประทังชีพฉัน
สายน้ำมิอาจ ตัดขาดออกไปจากกัน
สายใยสัมพันธ์ ขาดกันไม่ได้หรอกเอย”

“ประวัติศาสตร์บอกถึงจุดกำเนิด วัฒนธรรมบอกถึงเรื่องราวความเป็นมา”...สายวิชาของการทำ “ตะกรุดลูกอมโลกธาตุ” เริ่มจาก”หลวงปู่แจ้ง”... อดีตเจ้าอาวาสของวัดประดู่แห่งนี้ ได้ถ่ายทอดวิชาการทำย้อนลำนำแม่กลองไปยัง”หลวงปู่ยิ้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองบัว” จังหวัดกาญจนบุรี หลังจากนั้น.. ”ท่านพระราชมงคลวุฒาจารย์ หรือหลวงปู่ใจ วัดเสด็จ” ท่านก็ได้ไปขอศึกษาและนำมาถ่ายทอดต่อยัง “หลวงพ่อเนื่อง วัดจุฬามณี และ หลวงพ่อหยอด วัดแก้วเจริญ” ในช่วงดังกล่าวพระมหาสุรศักดิ์ ได้ปฏิบัติหน้าที่เลขาของหลวงพ่อหยอด จึงได้ขอศึกษาและหลังจากหลวงพ่อหยอดท่านมรณภาพ...
พระมหาสุรศักดิ์ท่านจึงได้นำมาสร้างจนเผยแพร่ในปัจจุบัน.....จะว่าไปแล้วพระมหาสูรศักดิ์องค์นี้แหละครับที่สืบสายตำนานวิชาของลำน้ำแม่กลอง...อีกลำน้ำหนึ่งที่ผมจะขอกล่าวถึงพอสังเขปไว้ในบันทึกน้อยตอนนี้แต่รายละเอียดปลีกย่อยคงต้องขอค้างไว้ก่อน.(เรื่องมันยาว)..คือ”แม่น้ำนครชัยศรี”..จังหวัดนครปฐม..

พูดถึงตรงนี้เข้าใจว่าเพื่อนๆ คงร้องอ๋อ...ครับ “วิชาการทำเบี้ยแก้” จาก “หลวงปู่เจือ วัดกลางบางแก้ว” ซึ่งหากมีเวลาว่างพวกเราจะเห็นภาพพระมหาสุรศักดิ์ท่านเข้าไปช่วยหลวงปู่เจือบรรจุปรอทและลงยันต์กำกับ...ในเรื่องการเข้าไปช่วยทำเบี้ยแก้นี้ พระมหาสุรศักดิ์บอกกับพวกเราว่าเป็นการ “สนองคุณครูบาอาจารย์” ครับ...
ตะกรุดแต่ละดอก ฉันก็ว่ามันเหมือนคนเรานั่นแหละ มันมีลักษณะ มีเอกลักษณ์เป็นตัวของตัวเอง... ต่อให้ทำและเขียนจากคนๆเดียวกันก็เถอะ... ฉันก็ว่ามันก็จะต้องมีอะไรสักอย่างที่ไม่เหมือนกัน”

คำพูดของพระมหาสุรศักดิ์ที่บอกกับพวกเราในระหว่างสนทนาครั้งนี้ เป็นการยืนยันคุณภาพของผู้ที่ทำได้ว่ามีความชำนาญและวิริยะขนาดไหน..ซึ่งในยุคสมัยใหม่ที่การผลิตตะกรุดของวัดบางแห่งมักจะนิยมสั่งทำจากโรงงาน นัยว่าเพื่อให้ได้ปริมาณตามที่ต้องการ การที่พระซักองค์จะมัวมานั่งเขียนตะกรุดโดยมือที่ละดอกถูกมองว่าเป็นเรื่องชักช้าและไร้สาระ...จะว่าไปแล้วในปัจจุบันจะหาวัดที่มีการสร้างตะกรุดที่เขียนขึ้นจากมือที่ละแผ่นและมานั่งม้วนถักเชือกที่ละดอกค่อนข้างหายาก และแทบจะสูญพันธุ์ไปแล้ว..
ราคาเปิดประมูล499 บาท
ราคาปัจจุบัน509 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ10 บาท
วันเปิดประมูล - 08 ก.ย. 2553 - 14:02:25 น.
วันปิดประมูล - 11 ก.ย. 2553 - 12:14:05 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลthnint (393)(2)


(0)
 
ราคาปัจจุบัน :     509 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     10 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    neung6800 (3.8K)

 

Copyright ©G-PRA.COM
www1