พ่อท่านเขียว วัดหรงบน จ.นครศรีธรรมราช สังขารอมตะ เผาไฟไม่ไหม้ แม้แต่ เส้นผม,จีวร หรือดอกไม้ในมือ...สังขารเกร่งเป็นหินและหนัก พระสุปฏิปัณโณผู้ทรงฌานสมาบัติแล้วร่างกายไมเน่าไม่เปื่อยนั้น น่าศรัทธาและกราบไหว้ทั้งนั้น ในคัมภีร์วิสุทธิมรรค กล่าวว่า ผู้ที่สำเร็จ กสิณ นั้นสามารถที่จะอธิษฐานจิตให้ร่างไม่เน่าเปื่อยได้ จึงเชื่อกันว่าพระสงฆ ์ที่มรณภาพแล้ว ร่างกายไม่เน่าเปื่อย ล้วนสำเร็จกสิณอย่างแท้จริง ซึ่งในเมืองไทยปรากฏให้เห็นอยู่หลายองค์ด้วยกัน สำหรับในจ.นครศรีธรรมราช เกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในวิทยาคมองค์หนึ่งเมื่อราว 30 กว่าปีก่อนก็คือ พ่อท่านเขียว วัดหรงบน ซึ่งเป็นหนึ่งในพระผู้สำเร็จกสิณ ร่างกายไม่เน่า แถมเผาไม่ไหม้อีกด้วย พ่อท่านเขียวเกิดเมื่อวันอาทิตย์เดือนยี่ ปีมะเมีย ตรงกับปีพ.ศ.2424 มีพี่น้องรวม 4 คน ได้เรียนรู้หนังสือทั้งภาษาไทยและอักขระขอม รวมทั้งศึกษาคาถาอาคมตามประเพณีนิยมของชายไทยสมัยก่อน เมื่ออายุได้ 22 ปี เข้าอุปสมบท ณ วัดคงคาวดี (วัดกลางบางตะพงษ์) โดยมีพระครูสมัย เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูบริหารสังฆกิจ (เต็ง) เป็นพระอนุสาวนาจารย์ พระเกื้อ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ ได้ฉายาว่า อินทมุนี... บวชแล้วได้อยู่รับใช้พระอุปัชฌาย์ และศึกษาคันถธุระและวิปัสสนากรรมฐานระยะหนึ่ง ก่อนจะไปเรียนวิชาอาคมกับพ่อท่านเอียด วัดหรงบน
เมื่อเรียนวิชาจนชำนาญแตกฉานดีแล้ว ก็ออกเดินธุดงค์ไปตามสถานที่ต่างๆ เพื่อหาสถานที่สงบวิเวกบำเพ็ญภาวนา และฝึกฝนสมาธิพลังจิตกับวิชาให้แก่กล้ามากขึ้นๆ ท่านเดินไปทั่วป่าเขาทุกแห่งของภาคใต้ และยังขึ้นไปถึงชายแดนด้านตะวันตก สมัยนั้นมีผู้ร่วมเดินธุดงค์กับท่านคือ พระครูนนทจรรยาวัตร หรือ พระครูนนท์ วัดนันทาราม พระเกจิอาจารย ์ชื่อดังของภาคใต้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์เป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวาง ซึ่งพ่อท่านเขียวยังยอมรับในคุณวิเศษของท่านว่าเก่งจริง พระครูนนท์สร้างพระปิดตาขึ้นในยุคสงครามอินโดจีน และสงครามโลกครั้งที่ 2 พ่อท่านเขียวร่วมปลุกเสกให้ด้วย
ปัจจุบันเป็นที่นิยมมากทางภาคใต้ มีราคาแพงกว่าของหลวงพ่อเขียวเสียอีก ส่วนวัตถุมงคลของพ่อท่านเขียว ท่านได้สร้าง ลูกอม และ ผ้ารอยมือรอยเท้า ขึ้นก่อนที่จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 หลายปี แม้ว่าตอนนั้นท่านจะมีอายุแค่วัยกลางคน พรรษา ไม่มากและไม่มีชื่อเสียงแพร่หลาย แต่ชาวบ้านใกล้วัดต่างเห็นในวัตรปฏิบัติและความแก่กล้าทางวิทยาคมของท่านอยู่ทุกวัน จึงเกิดความศรัทธาขอให้ท่านสร้างแจกจ่ายให้บูชากัน ลูกอมมี 2ชนิดคือ ลูกอมเทียน และลูกอมชานหมาก มีประสบการณ์ ดีทั้งด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาด และคงกระพัน หลายรายประสบอุบัติเหตุบนท้องถนน รถชนกันหรือพลิกคว่ำ
ชนิดที่ว่าสภาพรถแหลกไม่เป็นชิ้นดี แต่กลับไม่เป็นอะไรเลย เพราะบารมีลูกอมของท่านที่คล้องคอเพียงอย่างเดียว
ส่วนผ้ารอยมือรอยเท้ามีหลายแบบ ผ้ายุคแรกๆ จะประทับด้วยผงขมิ้นละลายน้ำ หลังจากนั้นจะประทับด้วยคราม หมึกน้ำเงินและหมึกดำ ผ้าบางผืนก็ประทับแต่รอยเท้าอย่างเดียว ที่นครศรีธรรมราชนิยมกันมาก ผืนที่มีสภาพสมบูรณ์เช่าหากันหมื่นกว่าบาท แถมมีประสบการณ์เยี่ยมยอดไม่แพ้ ลูกอม นอกจากนั้นยังมี ตะกรุด,เชือกคาดเอว,พระปิดตา ่วนเหรียญและรูปเหมือน สร้างเพียงครั้งเดียวเมื่อปีพ.ศ.2513 เหรียญเป็นแบบปั๊มรูปไข่ เนื้อทองแดงกะไหล่ทอง รูปเหมือนปั๊มเป็นแบบอุดกริ่ง เนื้อทองแดงรมดำและทองแดงกะไหล่ทอง พ่อท่านเขียวได้ไปร่วมพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลหลายพิธีด้วยกัน อาทิ
พิธีปลุกเสกพระสมเด็จเนื้อตะกั่วถ้ำชา วัดตะล่อม เขตภาษีเจริญ กทม. ปีพ.ศ.2510 และพิธีปลุกเสกวัตถุมงคลของมูลนิธิเพิ่ม-บุญวิทยาที่วัดกลางบางแก้ว จ.นครปฐม ปีพ.ศ.2518 ก่อนที่ท่านจะมรณภาพนั้น ท่านได้บอกถึงกำหนด วันมรณภาพ ล่วงหน้าของท่านได้อย่างแม่นยำ และในวันฌาปนกิจศพนั้นได้เกิดเหตุน่าอัศจรรย์ เพราะขณะที่เผาศพท่านไปนานร่วมชั่วโมงแล้ว พอไฟมอดลงกลับเห็นว่าศพท่านไม่ไหม้ไฟ จีวรยังเหลืองปลิวสะพัดอยู่ เมื่อชาวบ้านวิ่งเข้า ไปอุ้มศพท่านออกมา ปรากฏว่าไม่ร้อนแต่อย่างใด ทั้งๆ ที่อยู่ท่ามกลางกองไฟ พอเอาศพท่านวางบนศาลาเท่านั้น ชาวบ้านต่างพากันแย่งฉีกจีวรไปบูชาเป็นของดีกันจนหมด ครั้นพอนานไปศพของท่านก็ไม่เน่าเปื่อยแต่อย่างใด กลับแข็งกลายเป็นหิน
นี่แหละผู้สำเร็จกสิณและศักดิ์สิทธิ์จริง |
|
