(0)
ผู้เป็นเลิศแห่งโชคลาภ พระสิวลี หลวงปู่ทองดำ จ.อุตรดิตถ์ เกจิอายุกว่า 107 ปี






รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องผู้เป็นเลิศแห่งโชคลาภ พระสิวลี หลวงปู่ทองดำ จ.อุตรดิตถ์ เกจิอายุกว่า 107 ปี
รายละเอียดหลวงปู่ทองดำ วัดท่าทอง จ.อุตรดิตถ์ อายุกว่า 107 ปี
พระสิวลี เนื้อผง พร้อมเลี่ยม ติดเกศา จีวร และแร่เหล็กน้ำพี้ ซึ่งเป็นแร่ธาตุศักดิ์สิทธิ์

พระสิวลีดีทาง โชคลาภ มีกินมีใช้ ไม่อด ไม่จน เมตตาบารมี ก็ดี พกพาติดตัว หรือ เดินทางดีนักแล

๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙
ประวัติพระสิวลี

กล่าวถึงเถระประวัติของพระสีวลีอย่างที่จะขาดเสียไม่ได้ เพราะแม้เพียงเอ่ยนามของท่าน กราบไหว้สักการะท่าน ก็เชื่อกันว่าจะเป็นสิริมงคลเกิดโชคลาภกับตัวแล้ว
พระสีวลี มีประวัติที่น่าอัศจรรย์ คือก่อนออกผนวช ท่านเป็นเจ้าชายของนครโกลิยะ แห่งชมพูทวีป เรียกว่าเป็นวรรณะกษัตริย์ เมื่อท่านจุติลงในครรภ์ของพระมารดา ท่านก็ได้ทำให้ลาภสักการะเกิดขึ้นแก่พระมารดาเป็นอันมาก แล้ว ตอนที่น่าอัศจรรย์คือ ท่านอาศัยอยู่ในครรภ์ของพระมารดานานถึง ๗ ปี ๗ เดือน ๗ วัน! ซึ่งมีเหตุมีผลอธิบายถึงความเป็นผู้มีลาภมากของท่านด้วย
เมื่อท่าน ประสูติ พระมารดาของท่านก็ตั้งชื่อว่า “สีวลีกุมาร” จากนั้นพระมารดาของท่านก็กราบทูลอาราธนาพระบรมศาสดาพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์มารับ มหาทานอาหารบิณฑบาตในพระราชวังตลอด ๗ วัน พระสีวลีกุมารที่เพิ่งประสูติมาไม่กี่วันกลับมีพระวรกายเข้มแข็งดุจกุมารผู้ มีพระชนม์ ๗ พรรษา แถมยังได้ช่วยพระบิดาและพระมารดาจัดแจงกิจต่าง ๆ ในการทำบุญใหญ่ครั้งนั้น
ในงานวันสุดท้าย พระสารีบุตรผู้เป็นพระอัครสาวกฝ่ายขวาได้สังเกตดูพระกุมารน้อยด้วยความพอใจ และชักชวนให้บรรพชา พระกุมารสีวลีก็ตกปากรับคำทันที
แม้การบรรพชา และการบรรลุพระอรหันต์ของพระสีวลีก็เลิศล้ำพิสดารมาก คือเมื่อพระสารีบุตรซึ่งเป็นพระผู้บวชให้โอวาท แล้วจรดมีดโกนลงที่ศรีษะพระกุมารนั้น...จรดมีดโกนครั้งแรก พระกุมารได้บรรลุเป็นพระโสดาบัน จรดมีดโกนลงครั้งที่ ๒ ท่านได้บรรลุเป็นพระสกทาคามี จรดมีดโกนลงครั้งที่ ๓ ท่านได้บรรลุเป็นพระอนาคามี และเมื่อโกนผมเสร็จ ท่านได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ทันที!!
พระสีวลีเป็นพุทธสาวกที่มีลาภสักการะ มากมาย ด้วยอำนาจบุญบารมีของท่านที่สั่งสมมายาวนาน ไม่ใช่ว่าท่านไปพยายามทำการต่างๆ เพื่อจะให้ได้ลาภ แต่ลาภสักการะต่างๆ มาหาท่านเองเหมือนบังเอิญตลอดเวลา และลาภเหล่านี้ได้เผื่อแผ่ไปยังคณะสงฆ์ที่อยู่ใกล้กับท่านไปด้วย
ในพระไตรปิฎกกล่าวถึงตอนที่พระพุทธเจ้าทรงรับรองพระสีวลีว่าเป็นผู้มีบุญมาก เทวดารัก ดังนี้
“...สมัย หนึ่ง พระบรมศาสดาเสด็จพร้อมด้วยภิกษุสงฆ์ จำนวน ๕๐๐ รูปไปเยี่ยมพระเรวตะ ผู้เป็นน้องชายของพระสารีบุตรเถระ ซึ่งจำพรรษาอยู่ ณ ป่าไม้ตะเคียน เมื่อเสด็จมาถึงทาง ๒ แพร่ง พระอานนท์เถระได้กราบทูลสภาพหนทางว่า...
“ข้า แต่พระองค์ผู้เจริญ ถ้าเสด็จไปทางอ้อม ระยะทางไกล ๖๐ โยชน์ มีประชาชนอยู่อาศัยมาก พระภิกษุไม่ลำบากด้วยภิกขาจาร แต่ถ้าเสด็จไปทางลัดระยะทางประมาณ ๓๐ โยชน์ ไม่มีประชาชนอยู่อาศัย มีสภาพเป็นป่าใหญ่ มีแต่อมนุษย์อยู่อาศัย พระภิกษุสงฆ์จะลำบากด้วยภิกขาจาร”
พระพุทธองค์ ตรัสถามว่า “ดูก่อนอานนท์ พระสีวลีมากับเราด้วยหรือไม่?”
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พระเสวลีมากับเราด้วย พระเจ้าข้า”
พระ พุทธองค์ ตรัสว่า “ดูก่อนอานนท์ ถ้าอย่างนั้นก็จงไปทางลัด ไม่ต้องห่วง ไม่ต้องกังวลด้วยอาหารบิณฑบาต เพราะเทวดาทั้งหลายที่สิงสถิตอยู่ในป่าระหว่างทาง จะจัดสถานที่พักและอาหารบิณฑบาตไว้ถวายพระสีวลี ผู้เป็นที่เคารพนับถือของพวกตน เราทั้งหลายก็จะได้อาศัยบุญของพระสีวลี นั้นด้วย”

คาถา หัวใจพระฉิมพลี
นะชาลีติ ชาลีตินะ ลีตินะชา ตินะชาลี
คาถา หัวใจพระฉิมพลี นี้ วิธีใช้ ให้เสกแป้งหรือน้ำมันลูบไล้ตามร่างกาย หรือใบหน้าทำให้คนเห็นคนรัก ใครเห็นใครชม มีเสน่ห์ มหานิยมวิเศษนักแล...

การ นำคาถาหัวใจพระสีวลี สี่คำ คือ “นะ ชา ลิ ติ”มาถอดเป็นสิบหกคำนั้น โบราณจารย์ท่านว่า เพื่อจะได้นำมาเขียนเป็นยันต์ เป็นตาราง ในทางวิชาอาคมต่อไป ซึ่งจะสังเกตได้ว่า หัวใจของคาถาต่างๆ ก็จะถอดออกมาในลักษณะเดียวกัน คือใช้คำซ้ำไปมา เหมือนเป็นการย้ำให้จดจำได้ง่ายขึ้น และทำให้มีสติ มีสมาธิดีอีกด้วย นี่คือสิ่งที่ละเอียดลึกซึ้งซึ่งแฝงอยู่ในคาถา หรือบทสวดมนต์ต่างๆ
หัวใจพระสีวลี “นะชาลีติ” มีความหมายในแต่ละอักขระดังนี้
นะ หมายถึง นอบน้อม มีสัมมาคาราวะ
ชา หมายถึง ขวนขวายเรื่องการงาน
ลี หมายถึง ไม่นอนมาก ไม่นอนดึก ไม่ตื่นสาย
ติ หมายถึง ว่าโดยทั้งหมด


ทาง ภาคเหนือ หรือแผ่นดินล้านนา รู้จักพระสีวลีในชื่อว่า “พระสิมป๊ะลี” ซึ่งมีการบูชาพระสิมป๊ะลีกันอย่างแพร่หลาย ทั้งสร้างเป็นรูปเคารพ สวดมนต์บูชาคุณของท่าน แล้วยังมีการนำมาสร้างเป็นยันต์เทียน ซึ่งเป็นประเพณีอันเป็นเอกลักษณ์ของชาวล้านนาอีกด้วย
โบราณจารย์กล่าวถึง คุณของคาถาหัวใจพระสีวลี หรือนะชาลิติไว้มากมาย และมีการนำมาร้อยเรียงต่อเติมแตกออกไปเป็นคาถาบูชาพระสีวลี, คาถาโภคทรัพย์, คาถามหาลาภ อีกหลายบท แล้วแต่ครูบาอาจารย์ผู้ทรงบาลีท่านจะบันทึกไว้เผื่อเผยแผ่ให้ศิษยานุศิษย์ ผู้ศรัทธาได้ท่องจำสืบต่อกันมา ดังจะยกตัวอย่างพอสังเขป
คาถาโภคทรัพย์ (วัดชายนา)
สิริโภคา นะมาสะโย
มหาลาโภ ภะวันตุเม นะชาลิติ

คาถาพระสีวลี (คาถาเมตตามหานิยม)
พุทธังเมตตา นะ ชาลีติ
ธัมมังเมตตา นะ ชาลีติ
สังฆังเมตตา นะ ชาลีติ
สีวะลีเมตตา นะ ชาลีติ

โอม มะพะลัง วา ราชะกุมาโร วา ราชะกุมารี วา ราชา วา ราชินี วา คะหัฏโฐ วา ปัพพะชิโต วา สะมะโณ วา พราหมโณ วา อิตถี วา ปุริโสวา วาณิโช วา วาณิชา วา
อุปาสะโก วา อุปาสิกา วา ทาระโก วา ทาริกา วา สัพเพ อิเม พะหู ชะนา มัง ปิยายันตุ อาคัจเฉยยะ
อาคัจฉาหิ เอหิ จิตตัง ปิยัง มะมะ มะหาลาภะสักการา ภะวันตุ เม

คาถามหาลาภ
นะชาลีติ ประสิทธิลาภา ปสันนะจิตตา สะทาโหนตุ
ปิยังมะมะ สัพเพชะนา พหูชนา สัพเพทิสา
สะมาคะตา กาละโภชะนา วิกาละโภชะนา
อาคัจฉันติ ปิยังมะมะ เอหิมะมา เงินมา ลาภมา
อุกากะสะ ภวันตุเมมิมิ เมตตามิมิ
คาถามหาลาภ สวดบ่อยๆ จะช่วยเสริมโชคลาภให้แก่ตัวเอง

ผู้ รู้กล่าวว่า คาถาหัวใจพระสีวลี นะชาลิติ นั้น มีที่มาจากคาถา "ธรณีปริตร" เป็นคาถาที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าประทานให้พระอานนท์ ตอนหนึ่งว่าดังนี้
“ชาโล มหาชาโล ชาลัง มหาชาลัง ชาลิเต มหาชาลิเต ชาลิตัง มหาชาลิตัง
มุตเต มุตเต มุตตัง มุตตัง สัมปัตตัง สุตัง คะมิติ สุตังคะมิติ มัคคะยีติ ทิฏฐิลา ทัณฑะลา มัณฑะลา
โรคิลากะระลา ทุพพะลา ริตติ ริตติ กิตติ กิตติ มิตติ มิตติ จิตติ จิตติ มุตติ มุตติ จุตติ จุตติ
ธาระณี ธาระณีติ อิทังธา ระณะ ปะริตตังฯ”

ใน ฉบับของหลวงปู่ครูบาเจ้าชัยวงศาพัฒนา วัดพระพุทบาทห้วยต้ม จ.ลำพูน ซึ่งกล่าวว่าจดจำมาจากพระชาวพม่า ตัวคาถาแตกต่างกันออกไปอีก มีความยาวถึง ๙ บท และมีคำแปลภาษาไทยด้วย โดยฉบับนี้เรียก ธรณีปริตร ว่า “ธารณปริตร” มีรายละเอียดที่พระพุทธเจ้ากล่าวคาถากับพระอานนท์ แต่ในที่นี้จะยกมาเฉพาะบทที่ ๗ ผู้ที่สนใจไปสืบค้นต่อกันได้ตามอัธยาศัย

๗. ตัง ธาระณัง ปริตตัง ยถา กะตะเม
ชาโล มหาชาโล ชาลิตเต มหาชาลิตเต ปุคเค มหาปุคเค สัมปัตเต มหาสัมปัตเต ภูตัง คะมะหิ ตะมังคะลัง

๗. อันว่าธารณปริตรนี้ มีความศักดิ์สิทธิ์ คือ
ชาโล มีอานุภาพเหมือนพระอาทิตย์ ประชุมกัน ๗ ดวง ที่ขึ้นมาในเวลาโลกาพินาศ
มหาชาโล มีอานุภาพเหมือนมุ้งเหล็ก ที่สามารถป้องกันภัยจาก เทวดา อินทร์ นาค ครุฑ ยักษ์ เป็นต้น
ชาลิตเต มีอานุภาพประหารศัตรูทั้งหลาย
มหาชาลิตเต มีอานุภาพให้พ้นจากกัปทั้ง ๓ คือ โรคันตรกัป, สัตถันตรกัป และทุพภิกขันตรกัป
มี อานุภาพให้พ้นจากโลกต่างๆ ในเวลาปฏิสนธิคือ การเป็นใบ้ เป็นคนพิการ เป็นคนหูหนวก อีกทั้งไม่พึงตกต้นไม้ ตกเหว ตกเขาตาย สามารถได้สมบัติที่ยังไม่ได้ ทรัพย์สมบัติที่ได้มาแล้วก็จะเจริญขึ้นโดยความเป็นจริง สามารถประหารความมืด แล้วได้ความสว่าง

ในประเทศไทย มักนิยมสร้างรูปบูชาพระสีวลีด้วยลักษณะของพระสาวก (ไม่ทำขมวดเกสาเป็นก้นหอยแบบพระพุทธรูป) โดยสร้างอยู่ในท่ายืนบ้าง ท่าเดินบ้าง ในลักษณะกำลังธุดงค์ มือซ้ายแบกกรด มือขวาถือไม้เท้า ส่วนที่พบในประเทศเพื่อนบ้าน เช่นพม่า มีทำเป็นลักษณะนั่งฉันภัตตาหาร โดยมีบาตรอยู่ด้านหน้า

คำอธิษฐานขอลาภจากพระสีวลี (โดยหลวงพ่อเกษม เขมโก สุสานไตรลักษณ์ จังหวัดลำปาง)
ตั้ง นโม ๓ จบ
สิวะ ลีมะหา เถรัง วันทามิหัง ( ๓ จบ )
มะหาสิวะลี เถโร มะหาลาโภ โหติ มะหาสิวะลี เถโร ลาภัง เม เท ถะ

คาถาเวลาไปติดต่อธุรกิจ
"นะ ชาลีติ ปะสิทธิลาภา"

นอก จากการสร้างรูปพระสีวลีไว้สักการบูชาตามวัด และสถานที่สำคัญทางพุทธศาสนาแล้ว การบูชา “พระธาตุพระสีวลี” ก็เป็นที่นิยมบูชาเสาะหาด้วยเช่นกัน ในตำราเกี่ยวกับพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันต์ธาตุนั้น ได้บอกรูปพรรณสัณฐาน สีสันวรรณะของพระธาตุแต่ละองค์ไว้อย่างละเอียด โดยพระธาตุของพระสีวลีจะมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นจำง่าย เหมือนกับประวัติของท่าน

คำบูชาพระธาตุพระสิวลี
อะหัง วันทามิ สีวลีธาตุโย อะหัง วันทามิ สัพพะโส

คาถาบูชาพระสิวลี (หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม จ.ชัยนาท)
สีวะลี จะ มะหาเถโร ปัจจะยะลาภะปูชิโต มะนุสโสเทวะตาอินโท
พระมายะโม ยักขาวา ปิตัสสะ นิรันตะรัง ปะนะ ลาภะ
สักการเรอาเน็นติ นิจจัง สิวะลิดเถรัสสะลาโภจะ สักกาโร โหติ สีวะลีมะหาเถรันจะปูชะกัสสะ
สะทาวาปิ คาถันจะ สังวัดตะนัสสะลาโภจะ สักกาโรโหติเถรัสสะ
อานุภาเวนะ ลาโภเมโหตุสัพพะทาเอเตนะ สัจจะวัดเชนะ ลาโภเมโหตุ สัพพะทาฯ

คาถาพระสีวลี แบบโบราณ
สาธุ สีวลีจะมหาเถโร อุกาสะฯ
ข้า พระพุทธเจ้า ขออาราธนา พระอภิญญา พระปฎิสัมภิทา พระบุญฤทธิ์ ลาภสักการะ ของสมเด็จพระสิวลีอรหันตเถรเจ้า จงมาบังเกิดในจักษุทวาร มโนทวาร กายทวาร ของข้าพระพุทธเจ้า
ขอคุณพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยสงฆเจ้า คุณพระอริยสัจธรรม ทั้งแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ คุณพระสิวลีพระอรหันตเถรเจ้า ผู้มีความศักดิ์สิทธิ์ทรงศักดานุภาพเป็นอันมาก เหมือนสมัยที่พระองค์ยังมีชีวิตอยู่นั้น ลาภสักการะสิ่งหนึ่งสิ่งใดเป็นอันมาก ลาภสักการะหลายสิ่งหลายอย่างเป็นอันมาก ได้เกิดแก่พระผู้เป็นเจ้า จนสามารถเลี้ยงภิกษุได้หลายร้อยรูปมีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ในที่ทุกแห่งที่ท่านร่วมตามเสด็จไปด้วย พระผู้เป็นเจ้าเป็นที่สักการบูชา ของเทวดาและมนุษย์เป็นอันมากฉันใด ก็ดี
ขอเดชะพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยสงฆเจ้า พระอริยสัจธรรมทั้ง แปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ คุณพระสิวลีอรหันตเถรเจ้า จงมาบังเกิดเป็นที่พึ่ง แก่ข้าพระพุทธเจ้า ด้วยเหตุที่ชีวิตของข้าพระพุทธเจ้า ซึ่งได้เกิดมาดิ้นรนอยู่บนพื้นดิน ในท่ามกลาง ศาสนบัญชรของพระชินเจ้า มีความจำเป็นด้วยทรัพย์สิน เงินทองเป็นอันมาก หากขาดทรัพย์สินเงินทองเสียแล้ว ชีวิตจะอับเฉา และเป็นทุกข์
เพราะเหตุฉะนี้นั้น ขอเดชะพระพุทธเจ้า พระธรรมเจ้า พระอริยสังฆเจ้า คุณพระอริยสัจธรรมทั้งแปดหมื่นสี่พันพระธรรมขันธ์ คุณพระสิวลีอรหันตเถรเจ้า จงมาบังเกิด เป็นที่พึ่งของข้าพระพุทธเจ้า บันดาลให้ทรัพย์สินเงินทองหลั่งไหลมาสู่ชีวิตข้าพระพุทธเจ้า เดือนละหลายพัน หลายหมื่น หลายแสน หลายล้าน ในหลายด้านหลายกรณี เหมือนหนึ่งลาภสักการะ สิ่งใดสิ่งหนึ่งเป็นอันมาก ลาภสักการะหลายสิ่งหลายอย่างเป็นอันมาก อันได้บังเกิดแก่พระสิวลีอรหันตเถรเจ้านั้น เทอญ สาธุ สาธุ สาธุ

๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙๙

ศึกษาประวัติหลวงปู่เพิ่มเติมที่

http://forum.uamulet.com/view_topic.aspx?bid=2&qid=2718
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน300 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ20 บาท
วันเปิดประมูล - 25 ส.ค. 2554 - 23:57:41 น.
วันปิดประมูล - 28 ส.ค. 2554 - 23:27:05 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลthaisiam (340)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 26 ส.ค. 2554 - 11:37:29 น.

1. พระแสงของ้าวที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงใช้กระทำยุธหัตถีกับพระมหาอุปราชหลวงสรศักดิ์ ได้ทำมาปราบศัตรู
2. สมเด็จพระนารายณ์มหราราช มีดาบล้างอาถรรพณ์ ทำด้วยเหล็กน้ำพี้ซึ่งต่อมาขุนหลวงสรศักดิ์ ได้ทำมาปราบศัตรู
3. ขุนแผน ขุนศึกของพระพันวษา หรือพระรามาธิบดีที่ 2 มีดาบประจำกาย คือดาบฟ้าฟื้นที่ดีจากเหล็กน้ำพี้ หลงจากปราบศัตรูราบคาบแล้ว แก้วได้ถวายแด่พระพันวษา ซึ่งปัจจุบันนี้เก็บรักษาอยู่ที่พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ
4. พระยาพิชัยดาบหัก ขุนศึกผู้กล้าชาวเมืองอุตรดิตถ์ ได้นำดาบที่ตีจากเหล็กน้ำพี้ชื่อ นันทถาวุธ และคาดว่าเมือท่านรับราชการกับสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแล้วก็
คงมอบหมายถวายแด่พระองค์ด้วย
5.....ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ขึ้นถวัลย์ราชสมบัติหลวงจรุงราษฎร์เจริญ นายอำเภอตรอนในสมัยนั้นได้นำเหล็กน้ำพี้มอบให้ พระยาวิเศษฤาไชย ข้าหลวงประจำจังหวัดอุตรดิตถ์ ( พ.ศ. 2468 - 2471 ) นำพระแสงดาบขึ้นทูลเกล้าฯถวายเป็นพระแสงศาตราวุธจนมาถึงทุกวันนี้

สรรพคุณของเหล็กน้ำพี้
จากตำราพิชัยสงคราได้กล่าวไว้ว่าเหล็กน้ำพี้เป็นสุดยอดแห่งโลหะมหัศจรรย์ มีอาถรรพณ์เร้นลับและมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์สถิตอยู่ทุก ๆ อณูและยังกล่าวถึงอณุภาพของเหล็กน้ำพี้ว่ามีอาถรรพ์ล้ำ ล้างอาถรรพณ์ได้นับนานาประการ แม้คู่ต่อสู้จะคงกระพันชาตรีเพียงไร เหล็กน้ำพี้สามารถทำลายได้ ยังป้องกันภูติผีปีศาจ จิตวิญญาณและคุณไสยลมเพลมพัด กระทำย่ำยีผีร้าย หรือมายาดำเรียกเดรัจฉานวิชาก็สามารถป้องกันได้ สำหรับผู้ที่มีเหล็กน้ำพี้ติดตัวนอกจากจะป้องกันสิ่งเลวร้ายได้ตลอดกาลแล้ว ยังเป็นวัตถุมงคลเมตตามหานิยมอยู่ยงคงกระพันชาตรี แก้กันโรคภัยไข้เจ็บ และคุ้มครองตนเองให้แคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่าง ๆ


 
ราคาปัจจุบัน :     300 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     20 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    loveking (475)

 

Copyright ©G-PRA.COM