(0)
เหรียญหลวงปู่มหาเจิม ปัญญาพโล"พระอรหันต์"ยุคปัจจุบัน รุ่น 1 กล่วงเดิมจากวัด








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องเหรียญหลวงปู่มหาเจิม ปัญญาพโล"พระอรหันต์"ยุคปัจจุบัน รุ่น 1 กล่วงเดิมจากวัด
รายละเอียดพระครูภาวนาปัญญาดิลก(หลวงปู่พระมหาเจิม ปญฺญาพโล)วัดสระมงคล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม
๑ ในพระอริยสงฆ์ที่หลวงตามหาบัวได้กล่าวไว้ว่าเป็นพระอรหันต์ที่ยังดำรงค์ขันธ์อยู่ในปัจจุบันนี้?



ประวัติหลวงปู่พระมหาเจิม ปญฺญาพโล

สำหรับชาติภูมิหลวงปู่มหาเจิม ชื่อเดิม เจิม วรรณโมฬี เกิดเมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๔๕๙ ตรงกับแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ณ บ้านหนองแหน ต.เมืองใหม่ อ.ราชสาส์น จ.ฉะเชิงเทรา บิดาชื่อ นายหรุ่น วรรณโมฬี มารดาชื่อ นางม้วน วรรณโมฬี มีพี่น้อง ๖ คน ทุกคนเสียชีวิตหมดแล้ว

บรรพชาที่วัดแสนภุมมาวาส กับหลวงพ่อทอง ต่อมาได้ญัตติเป็นธรรมยุต กับเจ้าคุณอุบาลี คุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) วัดบรมนิวาส กทม. อุปสมบท ณ วัดบรมนิวาส โดยมี พระพรหมมุนี (ติสฺโส อ้วน) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพินิจ วิหารการ (ขำ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูวินัยธรดำ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

หลวงปู่มหาเจิม เป็นพระผู้ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ ในสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต และหลวงปู่เจิมท่านเคร่งครัด ในธรรมวินัย เป็นที่สุด พูดน้อย พูดแต่ความจริง ไม่พูดเล่น เป็นผู้รักสันโดษ ไม่ยินดีในลาภยศ สรรเสริญ ท่านสละ ไม่ยอมรับแม้ตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัด ลูกศิษย์ถามว่า ทำไมหลวงปู่ไม่ไปอยู่ภาคอีสาน จะได้โด่งดังเหมือนกับพระคณาจารย์อื่นๆ ท่านตอบว่า เราไม่อยากดัง มาอยู่ตรงนี้ก็ดีแล้ว จะได้ใช้กรรมให้หมดไป



ประวัติที่ 2 ของหลวงปู่
ชีวประวัติหลวงปู่มหาเจิม ปญฺญาพโล

หลวงปู่มหาเจิม นามเดิม เจิม วรรณโมฬี เกิดที่บ้านหนองแหน ต.เมืองใหม่ อ.พนมสารคาม(ปัจจุบันเป็น อ.ราชสาสน์) จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๙ ตรงกับวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ปีมะโรง บิดามีนามว่า นายหรุ่น วรรณโมฬี มารดามีนามว่า นางม้วน วรรณโมฬี มีพี่น้องทั้งหมด ๖ คน เป็นผู้ชาย ๔ คน ผู้หญิง ๒ คน ได้เสียชีวิตแล้วทั้งหมด ๕ คน ที่มีชีวิตอยู่ปัจจุบันเหลือหลวงปู่เพียงองค์เดียว

การศึกษาของหลวงปู่ในวัยเด็กต้องศึกษากับวัดที่อยู่ใกล้บ้าน โดยเรียนหนังสือมูลบทบรรพกิจของพระยาศรีสุนทรโวหาร (น้อย อาจารยางกูร) พออ่านออกเขียนได้เท่านั้น เพราะยังไม่มีโรงเรียนประชาบาลตั้งอยู่ในวัดสมัยนั้น และยังต้องย้ายออกจากบ้าน ห่างจากบิดามารดาและญาติพี่น้องมาอยู่ที่วัดตั้งแต่อายุประมาณ ๘ ขวบ

หลวงปู่ได้บรรพชาเป็นสามเฌร เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๐ อายุได้ ๑๒ ขวบ กับหลวงพ่อทองซึ่งเป็นเจ้าอาวาสวัดแสนภุมมาวาส และได้อยู่กับท่าน ๑ พรรษา ในปี พ.ศ. ๒๔๗๑ หลวงปู่ได้เดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯ และมาอยู่ที่วัดบรมนิวาส ถนนรองเมือง เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร โดยคุณย่าอิ่ม รัดสกุล เป็นผู้นำมาฝากฝังกับท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจันโท) และได้ญัตติเป็นธรรมยุต กับท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ อีกด้วย

การศึกษาบาลีและนักธรรม ได้เริ่มศึกษาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๑ หลวงปู่สอบบาลีไวยากรณ์ได้ที่ ๔ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๗๒ และ ในปี พ.ศ. ๒๔๗๗ สอบได้นักธรรมเอก และหลวงปู่ยังสามารถสอบได้เปรียญธรรม ๕ ประโยค ได้ในปีเดียวกัน

เมื่อหลวงปู่อายุครบ ๒๐ ปี บริบูรณ์ จึงได้เข้าพิธีอุปสมบทเป็นพระภิกษุ เมื่อปี พ.ศ. ๒๔๘๐ ณ พระอุโบสถวัดบรมนิวาส โดยมีพระพรหมมุนี (ติสฺโส อ้วน) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูพินิจ วิหารการ (ขำ) เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูวินัยธรดำ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

ปี พ.ศ. ๒๔๘๔ หลวงปู่ได้ออกปฏิบัติ โดยเดินทางขึ้นสู่ภาคเหนือ ได้จำพรรษาที่วัดเจดีย์หลวง อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ๑ พรรษา

ปี พ.ศ. ๒๔๘๒-พ.ศ. ๒๔๘๗ จำพรรษาที่วัดป่าโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่

ปี พ.ศ. ๒๔๘๘ จำพรรษาที่วัดทิพย์วนาราม อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่

ปี พ.ศ. ๒๔๘๙ ได้กลับมาจำพรรษาที่ วัดป่าโรงธรรมสามัคคี อีกครั้ง

ปี พ.ศ. ๒๔๙๐ ลงมาอยู่ภาคกลาง ได้ลงไปจำพรรษาที่อ่าวยาง จ.จันทบุรี เพียงรูปเดียว

ปี พ.ศ. ๒๔๙๑ ได้ไปจำพรรษาที่อ่าวหมู กับ พระอาจารย์น้อย เกตุโร อยู่ ๑ พรรษา และได้เดินทางลงไปจำพรรษาที่ปักษ์ใต้ โดยได้ไปอยู่กับหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี (พระราชนิโรธรังสีคัมคีร์ปัญญาวิศิษฏ์) ที่จังหวัดภูเก็ต

ปี พ.ศ. ๒๔๙๕ จำพรรษาที่อ่าวลึก จ.กระบี่ กับอาจารย์พรหมมา

ปี พ.ศ. ๒๔๙๖-พ.ศ. ๒๔๙๘ ได้อยูจำพรรษาที่คลองช่องลม อ.อ่าวลึก จ.กระบี่

ปี พ.ศ. ๒๔๙๙ กลับมาจำพรรษาที่วัดแสนภุมมาวาส อันเป็นบ้านเกิด เพื่อเยี่ยมโปรดโยมบิดา โยมมารดา

ปี พ.ศ. ๒๕๐๐ กลับลงไปภาวนาที่ภาคใต้อีกครั้ง โดยจำพรราที่อ่าวลึก จ.กระบี่ ได้ ๑ พรรษา

ปี พ.ศ. ๒๕๐๓ จำพรรษาที่วัดอรัญญบรรพต จ.หนองคาย กับหลวงปู่เหรียญ วรลาโภ (พระสุธรรมคณาจารย์)

ปี พ.ศ. ๒๕๐๔-พ.ศ. ๒๕๐๗ จำพรรษาที่วัดเขาแก้ว จ.จันทบุรี

ปี พ.ศ. ๒๕๐๘-พ.ศ. ๒๕๑๗ จำพรรษาที่วัดป่าคลองกุ้ง จ.จันทบุรี

ปี พ.ศ. ๒๕๑๘ กลับไปวัดเขาช่องลม อ.อ่าวลึก จ.กระบี่อีกครั้ง และได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส จนถึงปี พ.ศ. ๒๕๑๙-พ.ศ. ๒๕๓๑ และในระหว่างนั้นหลวงปู่ได้ปฏิเสธที่จะรับตำแหน่งเจ้าคณะจังหวัดกระบี่ และ พังงา

ต่อมาท่านได้มาอยู่ที่มูลนิธิพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต ซอยจรัลสนิทวงค์ ๓๗ เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร เพื่อรักษาอาการอาพาธ และมาพักอยู่กับหลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท (พระครูสุทธิธรรมรังษี) ที่วัดป่าภูริทัตตปฏิปทาราม อ.สามโคก จ.ปทุมธานี

ปี พ.ศ. ๒๕๓๓-ปัจจุบัน หลวงปู่ได้รับอารธนานิมนต์มาเป็นประธานสงฆ์ วัดสระมงคล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ซึ่งเดิมมีพื้นที่เป็นป่าช้าเก่า

สหธรรมิกของท่านที่เคยอยู่ร่วมกันมามีมากมายหลายท่านเช่น หลวงปู่เทศน์ เทสก์รังษี ,หลวงปู่เหรียญ วรลาโภ ,หลวงปู่สิม พุทธาจาโร ,หลวงปู่เจี๊ยะ จุนโท ,หลวงปู่มหาเนียม สุวโจ ,หลวงปู่จันทร์แรม เขมสิริ เป็นต้น

หลวงปู่ท่านเป็นพระที่ชอบสันโดษไม่หวังลาภยศใดๆ มีลูกศิษย์มาถามท่านว่าทำไมท่านไม่เทศน์บ้าง ท่านตอบว่า

ธรรมมีมากมาย พระเทศน์เก่งๆก็มีเยอะ แต่คนเอาธรรมไปใช้มีน้อย มีลูกศิษย์ท่านนึงขอธรรมะจากท่าน ท่านได้ให้ธรรมะสั้นๆ แต่ออกจากใจท่านแท้ๆ ท่านเขียนไว้ว่า "ปล่อยว่าง วางเบา เอาหนัก" ท่านบอกว่าใครทำได้ถึงตรงนี้พ้นทุกข์ได้แน่นอน...

...

ที่มา - ลานธรรมจักร ( http://www.dhammajak.net/board/viewtopic.php?t=3421)
- วัดป่ากรรมฐาน สายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ( http://www.watpa.com/board_detail.asp?board_id=759 )
ราคาเปิดประมูล279 บาท
ราคาปัจจุบัน339 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ20 บาท
วันเปิดประมูล - 16 ม.ค. 2555 - 21:25:29 น.
วันปิดประมูล - 17 ม.ค. 2555 - 22:53:09 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลนมันดา (2.1K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 17 ม.ค. 2555 - 00:29:39 น.

ทำบุญบูชาวัตถุมงคลรุ่นแรกหลวงปู่มหาเจิม
ทำบุญบูชาวัตถุมงคลรุ่นแรก ปี ๒๕๔๙ -๙๐ปี หลวงปู่มหาเจิม วัดสระมงคล
"ปล่อยว่าง วางเบา เอาหนัก" หลวงปู่มหาเจิม พระเถราจารย์ผู้สันโดษ แห่งวัดสระมงคล อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม มักจะสอนธรรมะข้อนี้ให้ชาวบ้านที่ไปกราบไหว้ท่านเสมอๆ


หลวงปู่มหาเจิม ปญฺญาพโล เกิดที่บ้านหนองแหน ตเมืองใหม่ อ.พนมสารคาม จ.ฉะเชิงเทรา เมื่อวันที่ ๑๒ ตุลาคม ๒๔๕๙ ชีวิตในวัยเด็กท่านอาศัยอยู่กับคุณย่าอิ่ม พออายุได้ ๘ ขวบ คุณย่าได้พาท่านไปฝากไว้กับหลวงพ่อทอง เจ้าอาวาสวัดแสนภุมมาวาส เพื่อเรียนหนังสือ กระทั่งอายุได้ ๑๑ ขวบ ท่านได้บรรพชาเป็นสามเณร โดยอยู่กับหลวงพ่อทองได้ ๑ พรรษา คุณย่าอิ่มอยากให้ท่านศึกษาต่อที่วัดบรมนิวาส กรุงเทพฯ เนื่องจากคุณย่าสนิทกับท่านเจ้าคุณพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (จันทร์ สิริจนโท) จึงได้นำสามเณรเจิมมาฝากไว้กับท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ และได้ญัตติเป็นสามเณรฝ่ายธรรมยุต โดยมีท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อได้มาอยู่ที่วัดบรมนิวาสแล้ว ท่านได้ตั้งใจศึกษาเล่าเรียนนักธรรม ตรี โท เอก และได้เรียนบาลีควบคู่กันไป จนท่านสอบได้บาลีถึง ๕ ประโยค
ครั้งหนึ่ง ท่านเจ้าคุณอุบาลีฯ ได้นิมนต์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต มาแสดงธรรมที่วัดบรมนิวาส สามเณรเจิมได้ฟังธรรมจากหลวงปู่มั่นแล้ว รู้สึกซาบซึ้งมาก จนทำให้คิดอยู่เสมอๆ ว่า "ถ้ามีโอกาส ท่านจะธุดงค์ปฏิบัติธรรมหาทางเพื่อพ้นทุกข์ให้ได้อย่างแน่นอน"
จนกระทั่งปี ๒๔๘๐ สามเณรเจิมได้อุปสมบท ณ วัดบรมนิวาส โดยมี พระพรหมมุนี (อ้วน ติสโส) เป็นพระอุปัชฌาย์ จากนั้นท่านไม่ได้เรียนนักธรรมและบาลีเลย เพราะท่านได้มุ่งเน้นไปทางปฏิบัติธรรม โดยปลีกวิเวกทำความเพียรอยู่เงียบๆ ภายในวัดบรมนิวาส เป็นเวลาถึง ๕ พรรษา จึงขอลาพระอุปัชฌาย์เพื่อออกปฏิบัติธรรม
หลวงปู่จะเมตตาสอนลูกศิษย์ให้รู้ถึง "ขันติ" (ความอดทน) ในสมัยก่อนท่านเดินธุดงค์นั้นทุกข์ยากมาก อย่างพอถึงหน้าหนาวก็หนาวกันสุดๆ ต้องนั่งเจริญภาวนากันทั้งคืน บางครั้งเดินธุดงค์กันที ๔-๕ วัน ถึงจะเจอบ้านคน เรื่องกินดีอยู่ดีไม่มี เห็นแต่ทุกข์กันจริงๆ สติปัญญามันหมุนอยู่กับจะหาทางพ้นทุกข์ ภาวนากันเอาเป็นเอาตาย พอได้เวลาเข้าพรรษาก็มาจำพรรษาร่วมกัน พอออกพรรษาก็แยกย้ายกันไปปฏิบัติธรรม มีป่ามีถ้ำตรงไหน ที่เหมาะสมก็ไปกันตรงนั้น เรื่องอื่นไม่ได้สนใจ สนใจแต่ธรรมะของพระพุทธเจ้ามาใส่ในใจให้ได้ ปฏิบัติกันอย่างเอาจริงเอาจัง
พ.ศ.๒๔๘๔ พระเจิมได้ไปจำพรรษาตามวัดต่างๆ อาทิ วัดเจดีย์หลวง จ.เชียงใหม่, วัดโรงธรรม, วัดทิพย์วนาราม จ.เชียงใหม่, วัดที่ จ.จันทบุรี,จ.ระยอง, จ.ภูเก็ต แล้วย้อนกลับไปทางอีกสาน จำพรรษากับพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร ณ วัดป่าอุดมสมพร จ.สกลนคร, วัดเขาแก้ว จ.จันทบุรี, วัดป่าคลองกุ้ง จ.จันทบุรี, วัดคลองช่องลม จ.กระบี่ จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดคลองช่องลม ถึง พ.ศ.๒๕๓๑
ต่อมาท่านได้อาพาธ จึงได้ลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดคลองช่องลม แล้วมารักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลศิริราช พ.ศ.๒๕๓๕ วัดสระมงคล ต.สระสี่มุม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม ได้นิมนต์ท่านเป็นประธานสงฆ์ ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นสำนักสงฆ์ ต่อมาได้พัฒนาจนเป็นวัด และสำนักปฏิบัติธรรม แต่ไม่มีเจ้าอาวาส ทางเจ้าคณะจังหวัดจึงแต่งตั้งท่านให้เป็นเจ้าอาวาสวัดสระมงคล ใน พ.ศ.๒๕๔๐ จนกระทั่งปัจจุบัน
เมื่อ พ.ศ.๒๕๔๙ หลวงปู่มหาเจิม ได้เมตตาอนุญาตให้คณะศิษย์จัดสร้างวัตถุมงคลของท่านเป็นกรณีพิเศษ เป็นที่ระลึกทำบุญครบรอบ ๙๐ ปี โดยให้จัดสร้างเพียง "ครั้งเดียวและครั้งสุดท้าย" เพื่อนำรายได้สมทบทุนสร้างพิพิธภัณฑ์บริขารของท่าน ขณะนี้วัตถุมงคลรุ่นแรกชุดนี้ยังพอมีเหลืออยู่ที่วัดสระมงคล จำนวนไม่มากนัก ได้แก่ เหรียญเสมา, เหรียญรูปไข่, รูปหล่อ และพระปิดตาจัมโบ้ ผู้สนใจติดต่อสอบถามได้ที่วัดสระมงคล


 
ราคาปัจจุบัน :     339 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     20 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    maenam (1K)

 

Copyright ©G-PRA.COM
www1