(0)
วัดใจ 5 ดอก 100 บาท ตะกุดทองคำฝังท้องแขน หลวงพ่อคูณ 5 ดอก เนื้อทองคำแท้ เอาไว้พกพาหรือเอาไปติดพระก็ได้ครับ อย่าช้ารีบหน่อยอีกหน่อยหาไม่ได้แล้วนะครับ/








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องวัดใจ 5 ดอก 100 บาท ตะกุดทองคำฝังท้องแขน หลวงพ่อคูณ 5 ดอก เนื้อทองคำแท้ เอาไว้พกพาหรือเอาไปติดพระก็ได้ครับ อย่าช้ารีบหน่อยอีกหน่อยหาไม่ได้แล้วนะครับ/
รายละเอียดกระทู้นี้วัดใจจัดไป 5 ดอก 100 บาท
ตะกรุดทองคำแท้ๆฝังแขนของหลวงพ่อคูณ
สุดยอดเครื่องรางของขลังของหลวงพ่อคูณ ปริสุทโธ ในสมัยแรกๆที่หลวงพ่อคูณ จัดสร้างวัตถุมงคลให้ลูกศิษย์ ตะกรุดทองคำ คือสุดยอดของดีของหลวงพ่อคูณ ที่ใช้ฝังให้ลูกศิษย์บริเวณใต้ท้องแขน

แต่มีกฏข้อห้ามของผู้ที่ได้รับการฝังตะกรุดทองคำที่รู้กัน คือ ห้ามด่าพ่อด่าแม่ ห้ามผิดลูกผิดเมีย

ตะกรุดนี้เป็นที่ทราบกันดีว่าเป็นสุดยอดของดีของหลวงพ่อคูณ ส่วนผู้ที่ไม่กล้าฝังตะกรุดเพราะกลัวเจ็บนั้น จะบูชามาเอาไว้ติดตัว หรือใส่ด้านหน้า-ด้านหลังรวมกับพระเครื่องของหลวงพ่อคูณกันส่วนมาก น่าเก็บครับ

รับประกันความแท้ตลอดชีพครับ
ราคาเปิดประมูล80 บาท
ราคาปัจจุบัน1,720 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ20 บาท
วันเปิดประมูล - 03 ต.ค. 2555 - 22:12:56 น.
วันปิดประมูล - 04 ต.ค. 2555 - 22:32:27 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลpupu-25 (4.9K)(8)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 03 ต.ค. 2555 - 22:13:18 น.



ตะกรุดทองคำ สุดยอดวัตถุมงคลเลยครับ พุทธคุณล้นเหลือจริงๆเลยครับ 2 เกจิอาจารย์ ดัง จาร และ ปลุกเสก นำไปแปะพระเหรียญ เพิ่มพลังเพิ่มพุทธคุณได้เลยครับ

ผู้จารตะกรุดคือ อาจารย์ ทอง คือ ผู้ที่จารเหรียญดัง สร้า้งบารมี ปี 19 อันเลื่องชื่อครับ


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 03 ต.ค. 2555 - 22:13:37 น.



หลวงพ่อได้จุดธูป และ เทียน บูชาคุณพระและได้เสกตะกรุดทองคำอีกรอบ เป็นเวลาประมาณ 10 นาทีได้

และได้นำไปมอบให้คณะลูกศิษ์ได้ทำการฝังให้กับผู้ที่ต้องการ โดยผู้ที่ได้รับการฝังกลุ่มแรก

เป็นพระภิกษุ ตามด้วยชาวมาเลย์และสิงค์โปร จึงได้เริ่มฝังตามผู้ที่ไดรับบัตรคิว โดยหลวงพ่อได้นั่งเป็นประธาน

ให้อยู่ประมาณ 20 นาที จึงกลับเข้าห้อง สำหรับผู้ที่ได้รับการฝังตะกรุด จะได้รับการเป่าสำทับจากหลวงพ่อคุณอีกครั้ง


ข้อมูลเพิ่มเติม 3 - 03 ต.ค. 2555 - 22:14:01 น.



ราคาทำบุญ ตะกรุดทองคำดอกละ 500 บาท ถ้าจะฝังที่คอ ตะกรุดทองคำดอกละ 600 บาท

ผู้ที่กลัวการฝัง เพราะนั่งดูไปนานอาจถอดใจ ในช่วงเช้าสามารถบูชาตะกรุดที่ใช้ฝังได้ดอกละ 500 บาท

แต่พอเริ่มช่วง 9 โมงเช้า มีผู้ต้องการมากขึ้น อีกทั้งผู้ที่ได้รับบัตรคิวเลขมากๆ เริ่มรอไม่ได้ ก็จะมาทยอย

บูชาตะกรุด ทำให้ตะกรุดหรอยหรอไปมาก คณะกรรมการจึงมีมติไม่ให้บูชา และอนุญาตให้ฝังได้คนละ 3 ดอกเท่านั้น

เพราะไม่อย่างนั้นผู้ที่ได้บัตรคิวเลขเยอะ ไม่มีโอกาสได้ฝังแน่ แต่ทางวัดรับปากผู้ที่ได้บัตรคิวรอบสอง

และได้ลงชื่อจองเอาไว้ต้องได้รับการฝังตะกรุดทองคำแน่นอน


ข้อมูลเพิ่มเติม 4 - 03 ต.ค. 2555 - 22:14:21 น.



ตะกรุดทองคำนี้นิยมกันมาตั้งแต่ครั้งในอดีต จนถึงปัจจุบัน แต่อีกหน่อยคงจะไม่ได้เห็นภาพพิธีแบบนี้อีกแล้วครับ เพราะหลวงพ่อป่วย

***ดังนั้นวันนี้ ตะกรุดที่ผมนำมาเสนอและผ่านพิธี ดีๆใหญ่ๆแบบนี้ คงอาจจะหาไม่ได้ง่ายๆอีกแล้ว ตะกรุดแท้ๆ เก็บได้เก็บเลยครับ จะเอาไปพกพา หรือ เอาไปแปะติดวัตถุมงคลของหลวงพ่อก็ได้ครับ ขอให้เฮงๆๆๆๆ กันทุกคนครับ


ข้อมูลเพิ่มเติม 5 - 03 ต.ค. 2555 - 22:14:51 น.



****เรื่องเล่าอ่านเล่น****

มีอยู่ว่า ครั้งหนึ่ง จ่าอากาศวิญญู สิงห์โตแก้ว เป็นทหารอากาศที่ประจำการอยู่ฝ่ายขนส่งแผนกบริการการบิน จังหวัดนครราชสีมา ตลอดชีวิตจ่าไม่เคยมีปัญหาอะไรกับใครที่ไหน ใช้ชีวิตทำงานอย่างเรียบง่ายสุขสบาย.. "แต่แล้ววันที่เคราะห์ร้ายที่สุดในชีวิตของจ่าวิญญูก็มาถึง มันเป็นวันที่จ่าจะไม่มีวันลืมได้เลยตลอดไป" วันนั้นเพื่อนที่อยู่จังหวัดลพบุรีได้มาชวนจ่าไปเที่ยวบ้านของเขา แกก็ตกลงเพราะเห็นว่าวันรุ่งขึ้นเป็นวันหยุดราชการ เมื่อเลิกงานก็นั่งรถเพื่อนที่ขับมารับไป ในรถมีเพื่อนของเพื่อนอีก 3 คนเดินทางไปด้วย เมื่อออกจากโคราชเย็นกว่าจะถึงลพบุรีก็ดึกพอสมควร ก่อนเข้าตัวเมืองนั้นเพื่อนที่ขับรถมาได้ขอแวะจอดรถข้างทางเพื่อปัสสาวะ และเมื่อคนหนึ่งลง ทุกคนที่เหลือก็เลยถือโอกาสลงไปด้วยกันทั้งหมด ขณะที่ทุกคนยืนหันหน้าเข้าข้างทางยังไม่ทันจะได้ปัสสาวะ ก็ได้ยินเสียงตวาดดังลั่นมาจากทางด้านหลังว่า "หยุดอยู่กับที่ทุกคน อย่าขัดขืน นี่เจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมไว้หมดแล้ว" จ่าวิญญูและเพื่อนตกตะลึงสุดขีด เพราะตนเองและเพื่อนมิได้กระทำความผิดอะไรกันมาเลย คิดไม่ถึงว่าจะถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายไปได้ เมื่อหันไปดูชัด ๆ ก็พบว่ามีตำรวจแต่งกายครึ่งท่อนถือปืนพกและอาวุธสงครามจ่อมายังตน เมื่อรูปการณ์เป็นดังนี้ก็ไม่มีใครต่อสู้แต่อย่างใด ปล่อยให้คนที่เรียกตัวเองว่า "ตำรวจ" จับใส่กุญแจมือแต่โดยดี จ่าวิญญูเห็นว่าเป็นเรื่องที่เข้าใจผิดกันแน่ จึงรีบบอกว่าตนเองเป็นข้าราชการเหมือนกัน เป็นทหารอากาศ บัตรประจำตัวก็มี พร้อมที่จะหยิบให้ดู แต่กลับได้รับคำตอบจากกลุ่ม "ผู้พิทักษ์สันติราษฏร์" ว่า "กูไม่สนใจว่ามึงจะเป็นอะไร พวกมึงยอมรับสารภาพมาซะดี ๆ ว่าเป็นโจรปล้นรถทัวร์ประจำทาง" ทั้งจ่าและเพื่อนต่างปฏิเสธกันเสียงขรม เพราะไม่ได้ผิดคิดร้ายอะไรมาเลยจริง ๆ แต่ละคนก็บอกถึงสถานที่อยู่และงานการที่ทำเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ของตัว แต่ตำรวจกลุ่มนั้นก็ไม่ฟังเสียงใด ๆ พาทุกคนไปขึ้นรถกระบะที่จอดอยู่แล้วขับออกจากที่นั่น ส่วนรถเก๋งที่เพื่อนจ่าขับมาตำรวจนายหนึ่งก็ขับตามหลังไป ที่เลวร้ายที่สุดของตำรวจชุดนี้คือแทนที่จะพาจ่าและเพื่อนไปสถานีตำรวจ พวกมันกลับพาไปที่บ้านหลังหนึ่งซึ่งอยู่ในที่เปลี่ยว บังคับให้ทุกคนเข้าไปในนั้นแล้วลงมือสอบสวนเพื่อจะให้ยอมรับสารภาพ เมื่อปฏิเสธ ตำรวจชั่วกลุ่มนี้ก็เริ่มลงมือซ้อมจ่ากับพรรคพวกจนสะบักสะบอม แม้ทำกันถึงขนาดนั้นก็ยังไม่มีใครยอมรับสารภาพเพราะไม่ได้ทำจริง ๆ ตำรวจแก๊งนี้จึงเริ่มปรึกษาหารือกันแล้วในที่สุดก็ไขกุญแจมือแล้วควบคุมตัวพวกจ่าวิญญูออกมานอกบ้าน เมื่อแรกจ่าก็ยังนึกดีใจว่ามันคงอ่อนใจที่จับผิดคนแล้วจะปล่อยให้ขึ้นรถกลับไปได้ แต่มันไม่ได้เป็นอย่างนั้น ขณะที่เดินรวมกลุ่มกันมาเรื่อย ๆ ตรงไปยังรถของเพื่อนจ่านั้น ตลอดสองข้างทางเป็นป่ารกและมีคูน้ำอยู่ใกล้ ๆ พลันหูจ่าก็ได้ยินเสียงตำรวจนายหนึ่งพูดขึ้นเบา ๆ กับเพื่อนของมันว่า "ยิงพวกมันทิ้งเลยเถอะวะ บอกว่าขัดขืนต่อสู้ก็หมดเรื่อง จะได้ปิดคดีไปเลย" ได้ยินอย่างนั้นจ่าก็ใจหายวาบ คิดด้วยความเสียวใจทันทีว่าตนเองต้องตายแน่ ๆ แล้วหนนี้ จะมองหาทางรอดใด ๆ ก็ไม่มี เมื่อจนตรอกจนแต้มหัวใจก็ประหวัดคิดถึง "หลวงพ่อคุณ ปริสุทโธ" ทันที เพราะตนเองเคยไปกราบท่านที่วัดและได้ขอให้ท่านฝังตะกรุดโทนทองคำไว้ที่ท้องแขน 1 ดอก กับห้อยเหรียญรูปเหมือนของท่านอยู่ที่คอ 1 เหรียญ จ่าได้แต่ร่ำร้องเรียกหา"หลวงพ่อคูณ"อยู่ในใจขออย่าได้มีอันตรายจนถึงชีวิตเลย เพราะตนก็ไม่เคยประกอบกรรมทำชั่วใด ๆ อธิษฐานได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงกระชากลูกเลื่อนของปืน.. กำลังคิดว่าจะตะโกนบอกเพื่อน ๆ ให้ระวังตัวเสียงปืนก็ดังสนั่นหวั่นไหวมาจากด้านหลัง ตัวจ่าเองมีความรู้สึกเหมือนถูกกระแทกเข้าที่ด้านหลังอย่างแรงจนหมดสติไป เพื่อน ๆ ทุกคนต่างก็ล้มลงระเนระนาด ไม่มีใครรู้ชะตาชีวิตใครได้อีก เมื่อทั้งห้าคนร่วงเป็นใบไม้หมด ตำรวจกลุ่มนั้นก็ใช้วิธีเดินยิงซ้ำไปทีละคน ทีละคน ขณะนั้นจ่าได้สติกลับคืนมาแล้ว หูก็แว่วเสียงปืนยิงไล่ไปทีละคนจึงได้นึกว่าครั้งนี้เราคงตายแน่แท้ จ่ารู้ตัวว่าถูกยิง แต่ไม่รู้ว่ากี่นัด ไม่รู้ว่าเข้าไปถึงไหนอย่างไรเพราะชาไปทั้งตัว เมื่อได้ยินเสียงปืนยิงทีละคนก็คิดว่าควรนอนนิ่ง ๆ อยู่อย่างนี้เผื่อพวกมันจะคิดว่าตายไปแล้วจะไม่มายิงซ้ำอีก นับว่าได้ผล เพราะพวกตำรวจทั้ง 7 คนไม่ได้ให้ความสนใจกับจ่าวิญญูอีกด้วยเข้าใจว่าป่านนี้คงเป็นศพไปแล้ว ได้ยินเสียงหัวหน้ากลุ่มสั่งให้ลากศพทุกคนทิ้งลงไปในคูน้ำข้างถนน ตัวจ่าวิญญูเองเมื่อพวกมันลากศพแกลงไปในคูน้ำแล้วยังยกเท้าที่สวมคอมแบตเหยียบต้นคอให้หัวจมลงไปในน้ำอีก เรียกว่าป้องกันไม่ให้ฟื้นจริง ๆ จ่าต้องกลั้นลมหายใจจนเกือบทนไม่ไหว เดชะบุญว่ามันชักเท้าขึ้นมาก่อนไม่อย่างนั้นคงกลายเป็นผีไปจริง ๆ หลังจากปฏิบัติการโหดแล้วพวกมันก็ไม่ไปไหน แต่จับกลุ่มเฝ้าศพกันอยู่ตรงนั้น คงวิทยุไปแจ้งหน่วยใหญ่ให้มา แกจึงไม่กล้ากระดุกกระดิกได้แต่นอนเบี่ยงหน้าให้พ้นน้ำมาหน่อยหนึ่งเพื่อหายใจ จ่าทนทรมานแช่น้ำอยู่อย่างนั้นจนฟ้าสางจึงได้ยินเสียงผู้คนพูดกันเอ็ดอึงถึงได้รู้ว่าเริ่มมีประชาชนมามุงดูแล้ว ได้ยินพวกตำรวจชั่วอธิบายความดีของตัวเองในการจับผู้ร้ายปล้นรถทัวร์เจื้อยแจ้ว ทำนองว่าพวกนี้เป็นโจรปล้นรถทัวร์ ตำรวจต้องการจับกุมแต่กลับยิงขัดขืนต่อสู้ ตำรวจจึงต้องป้องกันตัวโดยใช้มาตรการเด็ดขาดคือวิสามัญคนร้ายทั้งหมด ดูมันพูด เหมือนนายมันเปี๊ยบ เมื่อจ่าวิญญูแน่ใจว่าบัดนี้มีประจักษ์พยานมามากมายอีกทั้งนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่และทีมแพทย์ที่มาเพื่อชันสูตรพลิกศพก็มาพร้อม จ่าวิญญูจึงตัดสินใจลุกขึ้นตะโกนทันที "ผมยังไม่ตาย ผมยังไม่ตาย" ตำรวจชั่วทั้งกลุ่มถึงกับตกตะลึงจังงัง เพราะคิดไม่ถึงว่าเหยื่อโหดที่อุตส่าห์ยิงทิ้งกับมือจะยังดื้อด้านไม่ยอมตายแถมยังลุกขึ้นมาประกาศความชั่วที่ตัวทำ ทุกคนในที่เกิดเหตุต่างตกอกตกใจไปด้วย เพราะสภาพของจ่าน่าจะเป็นคนที่ตายไปแล้วจริง ๆ เสื้อผ้าก็ขาดวิ้นสกปรกมอมแมม เนื้อตัวก็มีแต่เลือดแดงฉานไปหมด หากเสื้อผ้าที่ขาดเพราะรอยกระสุน ก็มิได้ทำให้หนังของเขาขาดไปด้วย... หากเลือดแดงที่ฉาบ ก็มิใช่เลือดของจ่าวิญญูสักหยดแต่เป็นเลือดของเพื่อนที่ไปด้วยกัน... แพทย์ที่มาเพื่อชันสูตร "ศพ" กลับกลายเป็นต้องมาชันสูตร "คน" ตรวจร่างกายแล้วปรากฏว่าไม่มีบาดแผลจากคมกระสุนเลยแม้แต่นัดเดียว นอกจากรอยบวดปูดแดงเป็นจ้ำใหญ่ ๆ ขึ้นมามากถึง 16 รอยด้วยกัน แสดงว่าจ่าวิญญูถูกยิงด้วยอาวุธสงครามถึง 16 นัด แต่ไม่เข้าเลยแม้สักนัดเดียว ถึงโชคดีรอดตายแต่ก็ต้องถูกจับข้อหาปล้นรถทัวร์ แล้วจ่าก็ต่อสู้ทางกระบวนการยุติธรรมจนกระทั่งศาลสั่งยกฟ้องเพราะไม่เชื่อว่าจ่าทำความผิดจริง ส่วนตำรวจชั่วทั้งกลุ่มจ่าวิญญูทำใจได้อโหสิกรรมให้เพราะไม่อยากให้เป็นกรรมพัวพันกันไปอีก แต่พวกมันก็ได้รับกรรมไปเองทีละคน ๆ จ่าวิญญูผู้หนังเหนียวแม้ในยามวิบากกรรมตามให้ผล ทั้งเนื้อทั้งตัวก็มีแต่ "ตะกรุดทองคำ" ดอกเล็ก ๆ ใต้ผิวหนังดอกเดียว กับ เหรียญรูปเหมือนชิ้นเล็ก ก็ยังสามารถฝ่าดงกระสุนออกมาได้อย่างปลอดภัย ส่วนเพื่อนทั้งสี่ต้องมาจบชีวิตลงอย่างน่าอนาถทั้งที่ไม่ได้กระทำความผิดเลยแม้แต่นิดเดียว... นี่คือบารมีของหลวงพ่อคูณ ผู้ได้รับถวายฉายานามจากศิษย์โดยเคารพว่า "เทพเจ้าแห่งที่ราบสูง" และนี่คือผลงานของ "ตำรวจไทย" ซึ่งควรสดุดีเขา เพราะถ้าไม่มีเขา เราก็จะไม่รู้ว่า.."หลวงพ่อคูณ.." เก่งจริงๆ หมายเหตุ - ขอบพระคุณคุณนที ลานโพธิ์ ที่กรุณาเอื้อเฟื้อข้อมูล(คัดจาก "เหตุเกิด ณ วัดบ้านไร่") และคุณรณธรรม ธาราพันธุ์ navaraht.com สำหรับบทความ


 
ราคาปัจจุบัน :     1,720 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     20 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    Mafiasexy17 (514)

 

Copyright ©G-PRA.COM
www1