(0)
ธงมหาพิชัยสงคราม ผืนใหญ่ ( เก่าเก็บ) จำนวน 2 ผืน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ( 1 )








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องธงมหาพิชัยสงคราม ผืนใหญ่ ( เก่าเก็บ) จำนวน 2 ผืน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง ( 1 )
รายละเอียดความรู้เรื่องธงมหาพิชัยสงคราม เเละความหมายของยันต์บนผืนธง

ความรู้เรื่อง ธงมหาพิชัยสงคราม

พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านกรุณาเล่าให้ฟังว่า เป็น ธงออกศึกของพระร่วง ในสมัยก่อน
พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ได้ตำราการทำยันต์ธงมหาพิชัยสงครามนี้ มาจาก อ.แจง ชาวสวรรคโลก
ซึ่ง อ.แจงนี้ เป็น ฆราวาส แต่ ทรงสมาบัติ 8
ธงมหาพิชัยสงครามนี้ หากนำทัพเข้าสู่สงครามจะไม่ประสบกับความพ่ายแพ้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเคยกรุณาบอกไว้ว่า
ผืนเดียวคลุมทั้งฐาน หมายถึง ถ้ามีผ้ายันต์นี้ ผืนเดียวสามารถคุ้มครองได้ทั้งฐานทัพครับ ไม่ว่าจะสร้างเป็นค่าย หรือแค่ บังเกอร์?
ตัวอย่างมีเยอะครับพี่ๆ ทหารที่เคยไปรบด้านตาพระยา น่าจะรู้ซึ้งถึง พระพุทธคุณของธงมหาพิชัยสงครามนี้ดี
มีเกร็ดอยู่อีกหน่อยว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านสั่งห้ามว่า ถ้าได้ธงผืนนี้ไปแล้ว ห้ามปลุกโดยเด็ดขาด เพราะ อานุภาพสูงมาก ถ้าไปปลุกธงมหาพิชัยสงครามนี้? อาจถึงตายได้ครับ ในตำราสมุดพระร่วงได้จารึกตำราสร้างธงมหาพิชัยสงครามนี้
เเละยังรวมไปถึงวิธี การเป่ายันต์เกราะเพชรของสายพระเดชพระคุณหลวงปู่ปาน และ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี

ปัจจุบัน ตำรานี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี ท่านได้ถวายในหลวงไปตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 แล้ว เพราะหลวงพ่อฯ ท่านเป็นลูกหลานคนสุดท้ายของตระกูลพระร่วงที่สืบเขื้อสายมา ในส่วนของตำราพระร่วงนี้ ถ้าบุคคลอื่นได้ตำรานี้ไป
ก็ไม่สามารถทำวัตถุมงคลต่างๆ ได้ถึงอานุภาพสูงสุด อย่างเก่งก็ไม่เกิน 10 %
เพราะท่านเจ้าของตำราคือ ท่านผกาพรหม ท่านไม่อนุญาต
ดังนั้น ตามคติคนเรียนวิชาแต่โบราณ ถ้าสิ้นสุดสายการสืบทอดวิชา
ถ้าจะเริ่มวิชาใหม่ ต้องไปขอต่อพระเจ้าแผ่นดินให้พระเจ้าเเผ่นดินครอบครูให้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีท่านทราบข้บบังคับนี้
ท่านจึงถวายตำรานี้แด่ ในหลวงครับ

............ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งได้ส่งเจ้าพระยาโกษาปาน ไปทำสัมพันธ์ไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ ที่ ๑๔
ซึ่งได้มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่า
?...........เมื่อเรือสำเภาอันจะเข้าสู่กรุงฝรั่งเศสนั้น จะต้องผ่านวังน้ำอันวนเชี่ยวใหญ่ เรือสินค้ามากมายถูกดูดลงสู่วังน้ำวน จมลงนับร้อย เรือสำเภาอันเจ้าพระยาโกษาปานราชทูตโดยสารมานั้น จะถูกดูดเข้าวังวน ปะขาวอาจารย์ของเจ้าพระยาโกษาปาน ได้ตั้งพิธีขึ้น ระลึกถึงพุทธานุภาพ ทำอาโปกสิณ บัดหนึ่งก็เกิดลมสลาตันยกเรือสำเภาของพระยาโกษาปาน ข้ามผ่านวังน้ำวนนั้นไปเป็นที่อัศจรรย์ ...........ในเวลาเที่ยง พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ได้ทรงให้ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์แม่นปืนสองหมู่ หมู่หนึ่งชุดแต่งกายแดงร้อยคน หมู่หนึ่งชุดแต่งกายดำร้อยคน ตั้งกองอยู่ตรงข้ามกัน ห่างกันสักสี่สิบห้าสิบวา ฝ่ายทหารชุดแต่งกายแดงทั้งร้อยคน ยิงปืนไปยังหน่วยทหารแต่งกายดำ ลูกปืนเข้าสู่ลำกล้องของทหารแต่งกายดำทั้งร้อยกระบอก พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ทรงตรัสว่า พระเจ้าแผ่นดินสยาม มีทหารแม่นปืนเช่นนี้หรือไม่ ? เจ้าพระยาโกษาปานตอบว่า ในเมืองสยามไม่มีทหารแม่นปืน เหมือนเช่นในฝรั่งเศส เพราะอาวุธปืน ไม่อาจทำอันตรายทหารสยามได้ จึงไม่มีความจำเป็น ในการตั้งกองทหารปืน
พระเจ้าหลุยส์ ที่ ๑๔ จึงตรัสว่า มีเหตุเช่นนั้นจริงหรือ ?

.........เจ้าพระยาโกษาปานจึงกราบทูลตอบว่า ?ข้าพระพุทธเจ้า จะขอแสดงให้ทอดพระเนตรในวันพรุ่ง โดยขอให้หน่วยทหาร ทั้งชุดแดงและชุดดำ เป็นผู้ยิงปืน?
...........ในวันรุ่งขึ้น ปะขาวได้ตั้งศาลเพียงตา แลวางสายสิญจน์รอบปักธงธวัชแล้ว ให้กลาสีเรือชายสยามทั้งร้อย เข้าไปอยู่ภายในวงรอบสายสิญจน์ มลฑลพิธี ภายนอกห่างไปสักยี่สิบวา ทหารชุดแต่งกายแดง และทหารชุดแต่งกายดำ พร้อมปืนยืนรออยู่ เมื่อปะขาวผู้ทรงศีลให้สัญญาณ เจ้าพระยาโกษาปาน จึงกราบทูลให้พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ รับสั่งให้ทหารปืนทั้งหมด เล็งยิงไปยังกลาสีเรือชายสยามทั้ง ๑๐๐ คนนั้น ...................เสียงปืน ๒๐๐ กระบอก ดังสนั่นหน้าพระที่นั่ง ควันปืนอบอวลคลุ้งกระจาย ลูกกระสุนปืนทั้ง ๒๐๐ นัด มิได้ระคาย แม้ชายเสื้อทหารสยามทั้งหลาย เป็นที่อัศจรรย์ พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ จึงทรงตรัสถามเจ้าพระยาโกษาปานว่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราช มียอดทหารเช่นนี้อีกเท่าใด? เจ้าพระยาโกษาปานกราบทูลตอบว่า ?ชายสยามเหล่านี้ เป็นเพียงประชาชนชาวบ้านธรรมดาทั่วๆ ไป ที่เกณฑ์มาเป็นกลาสีเรือเท่านั้น ส่วนทหารของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเจ้านั้น เยี่ยมยอดกว่านี้มากมาย (ความจริงแล้ว กลาสีเรือทั้ง ๑๐๐ คนนี้ คือหน่วยอาทมาต ที่ได้ศึกษา วิชาชาตรี เจนจบในตำหรับพิชัยสงครามมาเป็นอย่างดีแล้ว) ..........พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ตรัสสรรเสริญ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ว่ามีบารมี ที่มีทหารหาญ ที่แกร่งกล้าและคงทนแก่ศาสตราวุธ จึงสามารถรักษาประเทศสยาม ให้เป็นเอกราชไว้ได้..........?

..........ธงมหาพิชัยสงครามนี้จะเป็น ธงที่ใช้ในการออกรบในสมัยพระร่วงเจ้า ได้รับชัยชนะต่อข้าศึกทั้งหลาย..........

...........ภายในธง ประกอบด้วย พระบารมี แห่ง พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยะสงฆ์เป็นหลัก..........

...........ดังในยอดธง มี พุทธะสังมิ ซึ่งเป็น คำย่อของ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง คัจฉามิ เป็นการสรางความมั่นคงต่อ พระรัตนะตรัย เป็นการประกาศขอยึดเป็นสรณะที่พึ่งอันสูงสุด ...........
............ถัดมา คือ อะ สัง วิ สุ โล พุ สะ พุ ภะ ซึ่งเป็นคำย่อ ของพุทธคุณ อันมี ตั้งแต่ อะระหัง จนถึงภควาติ...........

............เป็นการนำใจที่เคารพแล้ว เข้าถึงความเป็นพุทธะ คือความสะอาด สว่าง สงบ ตามที่องค์สมเด็จพระจอมไตรได้ตรัสสั่งและสอน............
............ถัดมาอีกในวงกลมแต่ล่ะวง นับได้ 10 วง เปรียบถึง บารมี 10 ประการ ภายในวงใหญ่ ได้อัญเชิญรูปภาพเปรียบแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อยู่ตรงการภายในวงกลม คือองค์สมเด็จองค์ปฐมต้นสุด รอบมีรูปองค์พระทั้ง 28 พระองค์ตามปรากฏในพระคัมภีร์ต่างๆ เช่น คัมภีร์พระไตรปิฎก เป็นต้น รอบกลับบัวมี คาถาบารมี 30 ทัศ ซึ่งกลับบัวเทียบเสมือนรัศมีแห่ง พระพุทธคุณ พระบารมี ที่แผ่กระจาย ปกคลุมผู่ที่ได้ครอบครอง และทั่วไปโดยรอบด้าน..........

...........กล่าวโดยสรุป ธงมหาพิชัยสงครามนี้ มีคุณทั้งทางโลกและทางธรรม ในทางโลกเป็นไปตามโลกธรรมต่างๆ ส่วนในทางธรรมแล้ว เปรียบประมาณค่ามิได้ คือ การเข้าถึงไตรสรณะคมส์ การบำเพ็ญบารมี 10 ให้สมบูรณ์บริบูรณ์ เพื่อละสังโยชน์ 10 ประการ เป็นทางแห่ง มรรคผล พระนิพพานในที่สุด...........





........... ภายในดอกบัวใหญ่ที่ปรากฏภาพพระพุทธเจ้านั้น เป็นพระนามของพระพุทธเจ้าทั้ง 28 พระองค์ กลีบบัวใหญ่บรรจุด้วยพระคาถาอาวุธพระพุทธเจ้านั่นคือ บารมี 10 ประหนึ่งว่าวงกลมทั้ง 10 วงบนยันต์ ก็คือบารมี 10 นั่นเอง ที่ยอดพุ่มของธง เป็นคำย่อของบท อิติปิโสฯ และบนยอดธงบรรจุคาถา พุท ธะ สัง มิ คือคำย่อของไตรสรณาคม ในวงย่อยแต่ละวง มีคำว่า พุท ธะ มะ อะ อุ นะ โม พุท ธา ยะ อยู่ด้วย ที่บัวดอกเล็กเป็นคาถา บารมี 30 ทัศ บทว่า อิ ติ ปา ระ มิต ตา ติง สาฯ ...........

............ยันต์นี้ไม่เพียงแต่มีชัยในทางโลกธรรม หากแต่เป็นเครื่องหมายเตือนพระโยคาวจรทั้งหลายว่า หัวใจของการชนะกิเลสทั้งปวงอาศัยบารมี 10 เป็นเครื่องประหาร เมื่อสามารถทรงบารมีทั้ง 10 ประการครบถ้วน ท่านก็ชนะหมดโลก คือ ชนะกิเลสในใจของท่านทั้งหลายนั่นเอง ............

.............จึงถือได้ว่าพุทธานุภาพของยันต์พิชัยสงครามนี้ เป็นคุณแก่ท่านที่มีไว้ครอบครองแท้จริง ............

.............สงครามที่เหลืออยู่คือสงครามที่ท่านรบกับใจตัว ขอท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ชนะสมดังปรารถนาเถิด. .............

.............หมายเหตุ : *มะ อะ อุ - อุ อะ มะ - อะ มะ อุ

* หลวงปู่มหาอำพัน วัดเทพศิรินทราวาส ได้เมตตาเขียนไว้ดังนี้ .............

อะ - อรหัง สัมมาสัมพุทโธ
อุ - อุตตะมัง ธัมม มัชฌะคา
มะ - มหาสังฆัง ปะโพเธสิ อิจเจตังรตนัตตะยัง

ยอดธง
พุท-ธะ-สัง-มิ
ย่อมาจากไตรสมณคมณ์-พุทธังสรณังคัจฉามิ ธรรมมังสรณังคัจฉามิ สังฆังสรณังคัจฉามิ

บนพานใต้เสาธง
อะ
สังอะ
วิสังอะ
สุวิสังอะ
โลสุวิสังอะ
ปุโลสุวิสังอะ
สะปุโลสุวิสังอะ
พุสะปุโลสุวิสังอะ
ภะพุสะปุโลสุวิสังอะ

ยันต์กลม 1
ธา ลัง ถะ
ตัง มะ ติ
ตะ โน ยา


กลมดำ 2
ล้อมด้วย
ระมิติงสา-พัญญูมาคะ-ตาธิมนุปัตโต-โสจะเตนะโม
แถวกลาง
ปิ
ติ
โพติ อิ ติธา
ติ
สัพ

ถอดพิศดารมากจาก
อิติปาระมิตาติงสา อิติสัพัญญูมาคะตา อิติโพธิมนุปปัตโต อิติปิโสจะเตนะโม

วงกลมแถว 3
วงซ้าย นะโมพุทธายะมะอะอุ แบบตาหมากรุก(ม้า)อนุโลม
วงขวา นะโมพุทธายะมะอะอุ แบบตาหมากรุก(ม้า)ปฏิโลม
กลมแถว 4
กลมซ้าย
จะ ติ ยา
ลัง มะ นา
ธา ตัง ตะ
กลมขวา
ชิ ติ ยา
โส มะ เต
เน นา ชิ

อะ เต สะ ตา สะ มะ เต ถุ
ถะ ภะ สิ โล เพ วิ ติ มา
ติน วะ ภะ ธา ชุ นุ นา มา
ตะ นิ สะ เถ นิ รุ เม จะ
ราคาเปิดประมูล450 บาท
ราคาปัจจุบัน850 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 03 มี.ค. 2556 - 11:57:04 น.
วันปิดประมูล - 04 มี.ค. 2556 - 12:33:59 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลศุภกิจอธิคม (2K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 03 มี.ค. 2556 - 11:57:41 น.



อธิบายภาพ - พระสุปฏิปันโนที่ร่วมพิธีพุทธาภิเษก "ผ้ายันต์มหาพิชัยสงคราม" ณ วัดบวรนิเวศน์ฯ ในครั้งนั้น ต้องถือว่าเป็นประวัติศาสตร์หน้าหนึ่งของประเทศ ที่มีการประสานงานร่วมกันระหว่างฝ่ายอาณาจักร คือ "องค์พระประมุขของประเทศ" และด้านพุทธจักรมีพระอริยสงฆ์ร่วมพิธีคราวนั้นจำนวนหลายสิบรูป เมื่อเดือนสิงหาคม 2518
ภาพถ่ายนี้จึงมีเหลือเพียงรูปเดียวที่เก็บไว้เป็นหลักฐาน ในระหว่างรอจะเข้าไปทำพิธีปลุกเสกในพระอุโบสถวัดบวรฯ จากซ้ายมือคือ หลวง พ่อฯ, หลวงปู่ธรรมชัย, หลวงปู่ชัยวงศ์, หลวงปู่ชุ่ม, หลวงปู่คำแสนเล็ก, หลวงปู่ครูบาอินจักร วัดน้ำบ่อหลวง, หลวงปู่คำแสนใหญ่ (แถวหลังที่เห็นคือ หลวงปู่บุดดา)
และองค์สุดท้ายที่มองเห็นแค่ด้านหลัง นั่นคือ หลวงปู่โต๊ะ วัดประดู่ฉิมพลี นอกจากนี้ก็ยังมีพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงอีกหลายรูป เช่น หลวงปู่เทียม วัดกษัตราฯ จ.อยุธยา เป็นต้น (คำอธิบายข้อมูล - จากพระอาจารย์ชัยวัฒน์ อชิโต)
และเมื่อทำด้วยตัวเองแล้ว ก็ได้อาราธนาพระเถระผู้ทรงวิทยาคมในภาคเหนือหลายรูปมาช่วยปลุกเสกให้เมื่อ เดือนสิงหาคม จึงได้นำออกแจกจ่ายแก่ทหารทางภาคเหนือ ปรากฏว่าได้ผลดี มีฐานปฏิบัติการบางแห่งที่ทหารรับผ้ายันต์ไปแล้ว ถูกถล่มด้วยปืน ค. และจรวดฐานแหลกหมด แต่ทหารในฐานปลอดภัยทุกคน ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ อย่างไรก็ตาม คนเราเมื่อถึงกำหนดจะต้องอสัญกรรมแล้วก็หนีความตายไม่พ้น แม้แต่ผู้บรรยายหรือผู้ทำผ้ายันต์นี้ก็ต้องตาย


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 03 มี.ค. 2556 - 12:02:22 น.



.............


ข้อมูลเพิ่มเติม 3 - 03 มี.ค. 2556 - 12:02:51 น.



หลวงพ่อท่านมอบวัตุมงคล


ข้อมูลเพิ่มเติม 4 - 03 มี.ค. 2556 - 12:03:48 น.

เพิ่มเติมเรื่องเล่าประสบการณ์จากลูกศิษย์ท่านหนึ่ง

มีเรื่องมาเล่าให้ฟังกันครับคือรุ่นพี่ผมคนหนึ่งเขาอยากได้ของดีไว้ป้องกันตัวครับ
ผมเลยแนะนำให้พี่เขาไปเช่าเหรียญกูผู้ชนะไพรีพินาศ+ผ้ายันต์พิชัยสงครามแบบเลี่ยมเดิมจากวัดมา 1 องค์
เรื่องมีอยู่ว่าน้าชายของพี่เขาเลี้ยงกุมารทองครับ น้าบอกกุมารตนนี้แสบจริง
น้าชายเคยเอาพระเครื่องที่ว่าแรงๆ มาลองหมดแล้ว
กุมารทองไม่กลัวเลยครับพอดีวันนั้นรุ่นพี่ผมคนนี้เขาไปเยี่ยมบ้านน้าชายเขา
ตอนที่น้าไม่อยู่บ้านครับพี่เข้าไปในห้องเค้ารู้สึกว่ามีเด็กไหว้เขาอยู่ไกลๆแต่ข้าวของกระจัดกระจาย
ไปหมดพี่เขาเก็บของเสร็จก็กลับบ้านไป พอตกเย็นน้าชายกลับมาห้องแล้วโทรมาบอกว่า
เฮ้ยนายห้อยพระอะไรวะทำไมกุมารทองน้ากลัวจังเลยแต่ไหนแต่ไรไม่เห็นมัยจะกลัวพระขนาดนี้
กุมารบอกพี่เค้ามากะเทวดาชั้นผู้ใหญ่มาไล่หนู (กุมารทอง) ไม่ให้หนูอยู่ที่บ้านนี้หนูสู้เทวดาไม่ได้
อย่าให้พีคนนั้นเขามาอีกนะกุมารทองกลัวมากครับน้าชายรุ่นพี่ผมโทรมาถามใหญ่เลย
ว่าพระองค์นี้บูชาได้จากที่ไหนเลยบอกไปที่วัดท่าซุงและบ้านสายลมครับ
พระหลวงพ่อพุทธานุภาพรุนแรงมากครับภูตผีปีศาจเจอเข้าไปจังๆเป็นต้องหงายท้องไม่เป็นท่าทุกรายเลย


ข้อมูลเพิ่มเติม 5 - 03 มี.ค. 2556 - 12:09:59 น.

http://www.watthakhanun.com/webboard/showthread.php?t=2637

เก็บตกจากบ้านวิริยบารมี

พระครูวิลาศกาญจนธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)



พระอาจารย์เล่าว่า "ประสบการณ์เกี่ยวกับวัตถุมงคลทั้งหมดที่เคยพบมา ในส่วนที่อาตมามั่นใจมากที่สุด คือ ธงมหาพิชัยสงครามของหลวงพ่อวัดท่าซุง เพราะสมัยนั้นอยู่ชายแดนที่ตาพระยา หลวงพ่อเมตตาไปมอบธงมหาพิชัยสงครามให้ทหารที่อยู่แนวหน้า

จริง ๆ แล้ว ธงมหาพิชัยสงครามเป็นธงนำทัพตั้งแต่สมัยพระร่วง อานุภาพนั้นผืนเดียวคุ้มได้ทั้งฐาน สำหรับอาตมาเป็นของมงคลอย่างเดียวที่ติดตัวอยู่ในช่วงนั้น

ปกติแล้วกำลังพลจะผลัดเปลี่ยนกันฐานละสี่เดือน เป็น ๑ ฐานแนวหน้า ๒ ฐานสนับสนุน แต่ละฐานจะหมุนเวียนกัน แต่อาตมาไปติดอยู่ที่ฐานหน้า ตาพระยา ๕-๖ เดือน เพราะมีการปะทะกันอยู่ทุกวัน ไม่สามารถที่จะเปลี่ยนกำลังได้ ในช่วงที่การรบติดพันอยู่ ถ้าเราเคลื่อนย้ายกำลังหรือถอนกำลังเพื่อให้พวกเราเข้ามาแทน ถ้าฝ่ายตรงข้ามเบียดเข้ามาจะอันตรายมาก

ช่วงนั้นที่โนนหมากมุ่นนั้น เขาตีฝ่าแนวเข้ามาได้ ปะทะกันหนัก เสียชีวิตไปสามร้อยกว่าศพ ห้าเดือนกว่าที่อยู่แนวหน้า มีการปะทะใหญ่ ๆ เล็ก ๆ ๒๖ ครั้ง สูญเสียเพื่อนร่วมสนามไป มีร้อยเอกหนึ่งนาย ร้อยตรีหนึ่งนาย นายสิบแปดนาย ที่เหลือเป็นพลทหารอีก ๒๐ กว่านาย

ถามว่าเรื่องใหญ่ขนาดนี้ทำไมไม่มีข่าว ? สมัยนั้นถ้าหากว่าการรบเราไม่เสียพื้นที่ เขาถือว่าขอกันกิน..! จะไปรู้อีกทีก็ตอนงานพระราชทานเพลิงศพที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ส่วนใหญ่ปีละประมาณ ๔๐๐-๕๐๐ กว่าศพ แต่ของทหารเราจะรู้ว่าเสียไปกี่ศพ เพราะทุกครั้งที่เพื่อนตาย เขาจะหักเบี้ยเลี้ยงเพื่อเอาไปช่วยงานศพเพื่อน

การปะทะ ๒๖ ครั้งนั้น ทุกครั้งเกิดเหตุอัศจรรย์ แคล้วคลาดจากอันตรายได้อย่างเหลือเชื่อ บางครั้งตกอยู่ในกลางวงล้อมของเขา กระสุนมาเป็นห่าฝนเลย แต่ด้วยความมั่นใจในวัตถุมงคลหลวงพ่อ โดยเฉพาะท่านบอกว่า ใช้วัตถุมงคลของท่านจะกลัวไม่ได้ ถ้าด้านไหนกระสุนมาหนักที่สุด ให้ฝ่าออกด้านนั้น"

"เป็นอะไรที่ชอบมาก เพราะถูกกิเลส อาตมาพอได้ยินเสียงปืนแล้วอยากวิ่งใส่ทันที..!

ครั้งที่หนักที่สุด โดนทหารญวนเฮงสัมริน บอมบ์ด้วยปืนใหญ่ ๓ กระบอก เป็นระยะเวลาประมาณ ๑๕ นาที หมู่ปืนใหญ่ที่มีความคล่องตัวมาก ๆ ประมาณ ๓ วินาทีจะยิงได้นัดหนึ่ง แล้วนาทีหนึ่งจะยิงได้กี่นัด และนี่สามกระบอกรวมกัน เฉลี่ยแล้ววันนั้นโดนไปประมาณ ๔๐๐ นัดเห็นจะได้

ถามว่าปืนใหญ่อันตรายแค่ไหน ? รัศมีฉกรรจ์ ๕๐๐ เมตร รัศมีฉกรรจ์คือโดนแล้วตายทันที ผตน. (ผู้ตรวจการหน้า) ที่เก่ง ๆ นี่ เขาสั่งการปืนใหญ่ไม่เกินสามนัดจะลงกลางเป้าแน่นอน เขาบอกให้ลดระยะหรือให้เพิ่มระยะ ไปซ้ายเท่าไร ขวาเท่าไร แล้วจะลงกลางเป้าพอดี

ตอนนั้นกระสุนปืนใหญ่บอมบ์มาขนาดนั้น อย่าว่าแต่ลงฐานเลย แค่ข้ามฐานก็ยังไม่ข้าม เหมือนกับชนกำแพงตกลงข้างหน้าฐานหมด แต่แผ่นดินไหวเป็นไกวเปลเลย และเบิร์ม(บังเกอร์ทหาร)ทรุดลง ความรู้สึกของอาตมาตอนนั้นไม่ได้กลัวเลย ทั้ง ๆ ที่ เพื่อน ๆ คว้าข้าวคว้าของ เผ่นกันอุตลุด ที่อาตมาไม่กลัวเพราะว่าเชื่อมั่นในวัตถุมงคลของหลวงพ่อว่า ผืนเดียวคุ้มได้ทั้งฐาน ของอยู่ในกระเป๋าเสื้อของเราแล้วทำไมจะคุ้มเราไม่ได้"
"นั่นเป็นครั้งที่หนักที่สุด รองลงมาอีกสองสามครั้ง ช่วงที่อยู่ชายแดนนั้น อาตมารู้สึกสงสารกำลังพลเพราะว่าเสบียงทหารแย่จริง ๆ อาหารหลักคือปลาทูเค็ม และปลาทูเค็มที่เขาส่งมาจะบางเป็นกระดาษเลย เขาเอาใส่เข่งแล้ววางทับ ๆ กันไป ตัวข้างล่างแบนเป็นกระดาษ ถึงเวลาจะกินทีต้องบีบมะนาวใส่แล้วเอาช้อนขูด ๆ ให้เนื้อฟูขึ้นมา แล้วค่อยกินได้

เห็นทหารกินแล้วสงสาร จึงคุยกันว่า เราไปหาอาหารสดมากันดีไหม ? เขาถามว่าจะทำอย่างไร ? อาตมาบอกว่า วิ่งเข้าไปเอาที่อรัญประเทศ ระยะทาง ๕๐ กว่ากิโลเมตร ถ้าพวกเราตกลงกันได้ ข้าจะไปเอง..!

ตอนช่วงนั้นรถเสบียงจะโดนปล้นทุกวัน ถ้าไม่บ้าพอก็ไม่มีใครกล้าไป ตกลงกันว่า หักเบี้ยเลี้ยงคนละ ๑๑ บาทต่อวัน เพื่อไปซื้ออาหารสดมาประกอบเลี้ยงกำลังพล วิ่งเข้าวิ่งออกอยู่ทุกสามวัน วันร้ายคืนร้าย ระหว่างที่วิ่งกลับ บรรทุกเสบียงมาเต็มคัน ตรงระหว่างรอยต่อของร้อยสามกับร้อยสอง จะเป็นช่วงว่างพอดี ทหารเขมรมาแอบซุ่มอยู่ พวกเราก็ไม่รู้ เพราะสุดเขตตรวจการของทั้งสองฝ่ายพอดี เขาแอบเจาะเข้ามา

พอพวกเราผ่าน เขาก็เล่นด้วยอาร์พีจี อาร์พีจีตอนนั้นมีสองประเภท คือ อาร์พีจี ๒ จะเก่าหน่อย และอาร์พีจี ๗ จะใหม่หน่อย อาร์พีจีเป็นเครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถังโดยเฉพาะ

อาร์พีจีมีจุดอ่อนอยู่อย่างหนึ่ง เวลายิงเสียงจะดังก่อน เสียงดังแว้ดมาก่อนค่อยส่งลูกออกไป ตอนนั้นพลขับคือ จ่าสิบเอกสมชัย สะอิ้งทอง ไม่รู้ว่าจ่าแกกระทืบเบรกท่าไหน รถหยุดกึ้กเลย อาร์พีจีตกตูมลงข้างหน้ารถ ห่างไม่ถึงสิบเมตร แรงปะทะขนาดนั้นเล่นเอาพวกเราหงายหลังติดเบาะ บอกไม่ถูกว่าหนักแค่ไหน รู้แต่ว่าตับไตไส้พุงแทบจะพุ่งออกทางปาก..!"
"ไม่รู้ว่าจ่าสมชัยเปลี่ยนเกียร์ท่าไหน รถกระโดดออกจากที่เหมือนกับโดนจับโยนไป อาร์พีจีตูมที่สองก็ลงตรงที่รถจอดพอดี ถ้าช้าไปหน่อยเดียวนี่เละแน่ ทีนี้จ่าสมชัยเหยียบคันเร่งไม่ฟังเสียง ปืนเล็กกลก็ยิงไล่มา อาร์พีจีก็ตามมา พอดีทางเรามีหน่วยเคลื่อนที่เร็ว เป็นรถ รยบ. ๑/๔ ตัน ถ้าเป็นสมัยนี้เรียก จี๊ปเล็ก จะติดปืนกลเอ็ม. ๖๐ บนหลังคา ที่พวกเราเรียกกันง่าย ๆ ว่า สิงห์ทะเลทราย

พอมาถึงก็ยิงกราดกันไม่ต้องเลี้ยงเลย กระสุนหนึ่งสายร้อยนัดหมดภายในเวลาไม่ถึงนาที พลบรรจุแบกมาคนละสามสาย สามคนก็เก้าสาย หมดภายในเวลาไม่กี่นาที ยิงกันกระจายอยู่ตรงนั้น พอหนีกลับไปถึงกองร้อย ก็ลงมาถามว่า "จ่าสมชัย มีอะไรดี ?" จ่าสมชัยงัดจากคอมาให้ดูพวงเบ้อเริ่ม "ไม่รู้องค์ไหนช่วยว่ะ..!"

แต่ที่ชัดเจนที่สุดก็คือ รยบ. ๒ ๑/๒ ตัน นี่ภาษาทหารเขาเรียกอย่างนั้น คือ รถยนต์บรรทุกขนาดสองตันครึ่ง แต่ว่าภาษาชาวบ้านเรียก ยีเอ็มซี ยีเอ็มซีคันนั้นมีธงมหาพิชัยสงครามติดอยู่ตั้งแต่สมัยไหนไม่รู้ ผืนเก่าจนไม่เป็นสีแดงแล้ว ออกไปทางสีขาวมากกว่า ถามว่าจ่าไปเอาที่ไหนมาติด ? เขาก็บอกว่า "ผมไม่รู้เหมือนกันครับ ตั้งแต่เบิกมาจากตอนยานยนต์ก็มีติดคารถมาแล้ว"

ลองคิดดูว่า อาร์พีจียิงไม่ถูกไม่ว่า ปืนเล็กกลกราดมาขนาดนั้นน่าจะถูกบ้าง ก็ไม่ถูกสักนัดหนึ่ง ตอนหลังสิบเอกบุญยูร ทรัพย์อุปการ เป็นรุ่นน้อง จบจากศูนย์ราบมา เขาเอารถคันนี้วิ่งไปช่วยหมู่ปืนเล็กของสิบเอกอภิชาติ ที่ไปโดนเขาล้อมยิงทางด้านเนิน ๔๒ เนิน ๔๒ เป็นภาษาทหาร คือความสูงของเนินนั้น สูง ๔๒ เมตร

เมื่อโดนเขาล้อมยิงอยู่ ทหารของฝ่ายตรงข้ามมีเยอะ หมู่บุญยูรยืมรถของจ่าสมชัยคันนี้ขับฝ่าเข้าไปกลางดงกระสุนปืนเลย ต้องบอกว่าใจถึงใช้ได้ เพื่อน ๆ เห็นรถมาก็พุ่งหลาวขึ้นยีเอ็มซีกัน ฝ่าออกมาได้โดยที่กระสุนแม้แต่นัดเดียวก็ไม่ถูกรถ แต่มีพลทหารคนหนึ่งชื่อ วรรณะ ใสรังกา เป็นคนโคราช ได้รับบาดเจ็บ พลฯวรรณะบาดเจ็บเพราะตอนพุ่งหลาวขึ้นรถเท้าโด่ขึ้นมา โดนข้อเท้าไปนัดหนึ่ง จึงโชคดี..ได้ผ่านศึกชั้นหนึ่งไป..!"
"สมัยก่อนพวกเราอยู่ชายแดน ใครบาดเจ็บถือว่าโชคดีนะ บาดเจ็บน้อยได้ชั้นสอง พ่อแม่ได้รักษาฟรี บาดเจ็บมากได้ชั้นหนึ่ง รักษาพ่อแม่ลูกเมียได้หมดบ้านเลย เป็นสวัสดิการที่ตอบแทนให้ทหารที่ออกรบ แต่ถ้าเขาบอกว่าสามหมื่นก็แปลว่าตายแล้ว พอตายแล้วสายใจไทยจ่ายให้ก่อนสามหมื่นบาท หลังจากนั้นก็ไปตามจากองค์การทหารผ่านศึก

ดังนั้น..อาตมาเองมั่นใจในธงมหาพิชัยสงครามของหลวงพ่อเป็นพิเศษ โดยเฉพาะที่ชอบที่สุด คือ ยิงออก นิสัยแบบนี้ค่อนข้างจะบวม ๆ ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเขา คือ ปืนที่ยิงออกเสียงดัง ได้ยินแล้วมันในอารมณ์ ถ้ายิงไม่ออกเลยนี่ไม่สนุก ชอบใจของหลวงพ่อที่ยิงออกแต่ไม่ถูก โดยเฉพาะที่ท่านบอกว่า ถ้าเสียงปืนด้านไหนแน่นที่สุด ให้ฝ่าออกทางด้านนั้น

ตอนที่อยู่ชายแดนนั้น รู้แน่ ๆ คือ อาตมาพกอยู่หนึ่งผืน แล้วก็รถยีเอ็มซีของจ่าสมชัยติดรถอยู่หนึ่งผืน ที่ปลอดภัยมาหลายต่อหลายครั้งด้วยกัน ส่วนหนึ่งก็คือธงพิชัยสงครามที่ติดอยู่กับรถ เพราะนั่งหน้ารถเป็นเป้าแน่นอนอยู่แล้ว ถ้าเขายิงเขาจะยิงพลขับหรือไม่ก็คนคุ้มกันก่อน ทีนี้ทหารคนคุ้มกันไม่มีใครกล้าไป เนื่องจากว่าออกไปมีสิทธิ์ตายได้ทุกวัน อาตมาก็ต้องไปเอง

อยู่แนวหน้าห้าเดือนกว่า ปะทะใหญ่ ๆ เล็ก ๆ ๒๖ ครั้ง ยังปลอดภัยจนทุกวันนี้ จึงยืนยันได้ว่า ถ้าวัตถุมงคลสายหลวงพ่อฤๅษีด้วยกันแล้ว ที่มีประสบการณ์มากที่สุดในการสู้รบคือธงมหาพิชัยสงคราม"
"ในฐานะที่เคยเป็นทหารมาก่อน เคยออกรบอยู่แนวหน้ามาก่อน จึงเข้าใจความรู้สึกของทหารทุกคน อยู่แนวหน้ามาปีกว่า มีคนไปเยี่ยมแค่สี่ครั้ง ทั้งสี่ครั้งไม่เคยได้เห็นหน้าคนเยี่ยมเลย เพราะจะมีคำสั่งให้ออกไปบล็อกพื้นที่เพื่อป้องกันอันตรายไม่ให้เกิดแก่ผู้ที่มาเยี่ยมเรา กลับมาแล้วจึงจะได้เห็นว่า มีของที่แนวหลังอุตส่าห์จัดส่งไปให้พวกเรา ก็เอามาแจกจ่ายกัน

ส่วนใหญ่จุดยุทธศาสตร์สำคัญจะเป็นยอดเขา ถ้าฝ่ายตรงข้ามยึดได้เราจะเสียเปรียบ มีอยู่ช่วงหนึ่งเข้าเวรอยู่บนยอดเขา มีรุ่นน้องคือ สิบตรีสุรสิทธิ์ ด่านบางภูมิ ตอนนี้ท่านเป็นจ่าสิบเอกอาวุโส อยู่ที่จังหวัดตาก ตอนนั้นก็อยู่เวรกันอยู่สองคน ก็คือจะมีนายด่านกับลูกน้องผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกัน

หมู่สุรสิทธิ์ชี้มือไปไกลลิบเลย ชี้ไปที่ตัวเมืองตาพระยา มีแสงมีสี โดยเฉพาะไฟทางหลวง เขาบอกว่า "พี่..พวกนั้นเขาจะรู้ไหมว่า ในขณะที่เราลำบากกันแทบตาย แล้วพวกเขาสบายกันอย่างนั้น" ก็ได้บอกไปว่า "เขาจะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม นี่เป็นหน้าที่ซึ่งเราต้องทำอยู่แล้ว"

แต่ตอนที่ตอบเขาไปนั้น รู้สึกว่าคอหอยตัน เพราะว่าขณะที่พวกเรามาลำบากกันแทบล้มประดาตาย กอดปืนยืนหนาวทั้งง่วง ทั้งหิว ทั้งเหนื่อย พวกเขากลับอยู่กับแสงสี อยู่กับความสนุก ถ้าไม่ใช่กำลังใจที่คิดว่า เราเป็นทหารของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เราเป็นรั้วของชาติ มีหน้าที่จะต้องดูแลรักษาความสงบเรียบร้อยของประเทศชาติ เพื่อประเทศชาติบ้านเมืองของเราสงบสุข สถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์จะได้ตั้งมั่นอยู่ได้

ถ้าไม่มีกำลังใจตรงจุดนี้ คิดว่าคงจะคิดเตลิดเปิดเปิงเหมือนกัน แต่คราวนี้ตระหนักว่า นั่นเป็นหน้าที่ของเรา เราต้องทำหน้าที่นั้นให้ดีที่สุด ถึงจะมีคนเห็นหรือไม่มีคนเห็นก็ตาม อย่างที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวตรัสว่า ให้ปิดทองหลังพระ ถ้าหากปิดไปนาน ๆ ทองล้นมาข้างหน้า คนเขาก็จะเห็นเอง"
"จากความรู้สึกที่ตัวเองเจอมา จึงสามารถเข้าใจได้ว่า ทหารตำรวจที่อยู่แนวหน้าทุกคนมีความรู้สึกอย่างไร โดยเฉพาะตอนที่มีคนไปเยี่ยมจะดีใจเป็นอย่างมาก สิ่งหนึ่งที่เป็นเครื่องสนับสนุนกำลังใจในสมัยนั้นก็คือ จดหมายจากแนวหลัง

ถ้ามีจดหมายไป ก็ชะเง้อคอมองหาว่าจะมีของเราหรือเปล่า ? บางคนรู้ว่าไม่มีญาติเลย แต่ก็มีจดหมายมา พอถึงเวลาแอบไปดู ปรากฏว่าเขาเขียนจดหมายถึงตัวเอง จะว่าน่าสงสารก็น่าสงสาร จะว่าน่าขำก็น่าขำ แต่เวลาที่คนอื่นได้จดหมายแล้วดีใจเพราะได้ข่าวจากทางบ้าน ส่วนตัวเองไม่มี เป็นอะไรที่รู้สึกว่าเศร้ามาก ด้วยความที่รับผิดชอบต่อหน้าที่ ก็เลยทำให้ทุกคนสามารถที่จะยืนหยัดอยู่ได้ จนกระทั่งเปลี่ยนเวร ผลัดให้กองพลอื่นขึ้นไปรับผิดชอบหน้าที่แทนพวกเราบ้าง

เมื่อเป็นดังนั้น จึงอยากจะบอกกับทหารตำรวจที่อยู่แนวหน้าทุกคนว่า ในฐานะที่อาตมภาพบวชเป็นพระสงฆ์แล้ว เปลี่ยนจากทหารของทางโลกมาเป็นธรรมเสนา คือทหารในทางธรรม แต่ก็ยังระลึกถึงความดีของทหารหาญทุกคน ที่เสียสละเพื่อประเทศชาติ เพื่อความสงบสุขของประชาชน เพื่อในหลวงที่พวกเรารัก ดังนั้น..จึงขอโอกาสนี้อาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย มีพระพุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ และหลวงปู่หลวงพ่อที่ทุกท่านยึดมั่นเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ

ขอได้โปรดดลบันดาลอภิบาลรักษา ให้ทุกท่านมีความปลอดภัยในที่ทุกสถาน ในกาลทุกเมื่อ แม้ว่าประสงค์จำนงหมายสิ่งใดที่ไม่เกินวิสัยแล้ว ก็ขอให้สิ่งที่ท่านทั้งหลายปรารถนานั้นจงสำเร็จทุกประการ โดยเฉพาะให้ทุกท่านปลอดภัย ได้กลับบ้าน ไปอยู่กับครอบครัวของตนโดยถ้วนหน้ากันทุกท่าน ทุกคนเทอญ

ขอยืนยันว่าสิ่งทั้งหลายเหล่านี้ออกจากกำลังใจจริงของตน ทุกวันนี้ที่สวดมนต์ทำวัตรปฏิบัติกรรมฐานอยู่ ก็อธิษฐานขอให้ทุกท่านที่ช่วยดูแลปกปักรักษาประเทศชาติของเรา มีความสุขความเจริญมีความปลอดภัยอยู่ตลอดเวลา ขออำนวยอวยพรให้ทุกท่านมีความปลอดภัย มีความสมหวังในสิ่งที่ปรารถนาทุกคน"


 
ราคาปัจจุบัน :     850 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    newtype (110)

 

Copyright ©G-PRA.COM