(0)
ธงมหาพิชัยสงคราม ผืนใหญ่ ( เก่าเก็บ) จำนวน 2 ผืน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง (..6..)








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องธงมหาพิชัยสงคราม ผืนใหญ่ ( เก่าเก็บ) จำนวน 2 ผืน หลวงพ่อฤาษีลิงดำ วัดท่าซุง (..6..)
รายละเอียดขอเล่าเรื่องอานุภาพของธงมหาพิชัยสงคราม ที่หาดใหญ่ สงขลา ให้ฟังเสียด้วยว่า คณะของหลวงพ่อได้แจกธงนี้ให้กับทหารทุกคนที่นั่นเรียงตัว โดยให้เข้าแถวรับ ผมเองก็เป็นผู้เดินแจกธงด้วย ปรากฏว่า ภาคใต้มีทหารที่นับถือศาสนาอิสลามอยู่ด้วย ดังนั้น ทหารพวกนี้เขาจะไม่รับโดยพูดว่า “ผมอิสลามครับ”เราก็เว้นแล้วแจกรายต่อไป

หลังจากที่แจกให้ครบแล้ว อีกประมาณ ๗ วันต่อมา แม่ทัพภาค ๔ ออกตรวจเยี่ยมทหารด้วยขบวนรถ ๙ คัน ปรากฏว่ามีพวกคอม (ผกค) ซุ่มโจมตีอยู่ข้างทาง หลังจากปะทะกันสักครู่ เขาก็ถอยเข้าป่าไป ฝ่ายเราก็สำรวจความเสียหาย ปรากฏว่ามีทหารตาย ๙ คน ทุกคนเป็นอิสลามหมด เพราะไม่มีธงมหาพิชัยสงครามติดตัว แต่ความลับไม่มีในโลก ข่าวนี้ก็กระจายไปทั่วกองทหารทุกกองในภาคใต้ ครั้นคณะของหลวงพ่อและท่านหญิงไปเยี่ยมทหารอีก และแจกธงให้กับหน่วยที่ย้ายเข้ามาแทนหน่วยเก่า และแจกให้กับผู้ที่ยังไม่ได้รับ ผลมีดังนี้ครับ ทหารที่เป็นอิสลามไม่ใช่ไม่ยอมรับธงแต่แย่งจากมือผู้แจกเลย ได้ถามความรู้สึกกับพวกเขา เขายอมรับแต่โดยดีว่าผมกลัวธงหมดครับ ผมกลัวว่าจะไม่ได้ครับ

เรื่องของหลวงพ่อท่านมีมากมาย ถ้าจะเขียนกันจริง ๆ ก็ยากที่จะจบได้ และผมก็ไม่ใช่นักเขียน สำนวนเป็นแค่ลูกทุ่ง (ชั้นเลว) จึงขอรวบรัดเอาเฉพาะจุดที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นประโยชน์ และเป็นที่สนใจแก่ผู้อ่านเท่านั้น ซึ่งผมอาจเดาผิด คิดผิดก็ได้ เพราะอ่านแล้วมันก็ยังไม่เอาไหนอยู่ดีแหละ จึงต้องขออภัยต่อท่านผู้อ่านไว้ก่อนอีกครั้ง

ใน ๘-๙ วัน ที่บินวนเวียนเยี่ยมตำรวจ ทหาร อยู่ในสองจังหวัดนี้ (นครศรีธรรมราชและสุราษฎร์ธานี) ผมได้พบได้เห็นปาฏิหาริย์อะไรบ้างในแต่ละวัน ท่านได้แสดงปาฏิหาริย์ไม่ซ้ำกัน มีบางวันที่นั่งเต็มซึ่งผมไม่ได้ไป เพราะมีนายทหารระดับบิ๊กท่านมา แต่ท่านหญิงก็ทรงเมตตาเล่าให้ฟังอย่างละเอียด พอสรุปได้ดังนี้

๑. เมื่อเครื่องฮ.บินไปพบก้อนเมฆขนาดใหญ่ และหนาทึบขวางทางอยู่ ซึ่งตามปกติฮ.จะต้องบินอ้อมก้อนเมฆนี้ไป นักบินเกิดลังเลใจ จึงถามหลวงพ่อว่าผ่านได้ไหมครับ หลวงพ่อก็ตอบว่าผ่านได้ นักบินก็บินผ่านเมฆก้อนนั้นเข้าไป เหตุอัศจรรย์ก็ปรากฏก้อนเมฆใหญ่นั้นแยกออกเปิดเป็นทางตรง เหมือนถนนไฮ-เวย์ ให้ ฮ.บินผ่านไปอย่างสะดวก เมื่อฮ.ผ่านพ้นก้อนเมฆไปแล้ว เราก็หันมาดูปรากฏว่า ก้อนเมฆนั้นกลับมาชิดกันเหมือนปกติ เป็นที่อัศจรรย์แก่นักบินที่ ๑-๒ และผู้โดยสารทุกคนอย่างยิ่ง

๒. เมื่อฮ.บินไป มีเมฆก้อนเล็กบ้างใหญ่บ้าง แต่ไม่หนาทึบ จึงมองเป็นเมฆสีขาว ๆ ขวางทางบินของฮ.อยู่จำนวนมาก แต่พอฮ.บินเข้าไปในกลุ่มเมฆเหล่านั้น ความอัศจรรย์ก็ปรากฏ คือ ก้อนเมฆเหล่านั้นถูกปัดออกไปให้พ้นทางบินของฮ.หมด เหมือนกับมีคนนั่งอยู่ส่วนหัวของฮ. เอาพัดวิเศษโบกปัดให้เมฆเหล่านั้นหลบออกไปอยู่สองข้างทางหมด หรือเหมือนใช้พัดขนาดใหญ่ ๆ โบกปัดปุยนุ่น ฉะนั้นเป็นภาพที่น่าดูมาก ในเที่ยวนี้มีหมอและพยาบาลของท่านหญิงไปด้วย หมอผู้ชายแกนั่งริมขวาสุด แกเห็นแล้วต้องอุทานออกมาด้วยความอัศจรรย์ว่า เอ๊ะ มันเป็นไปได้อย่างไร ๆ

๓. วันหนึ่งฮ. ต้องบินผ่านเขตอันตราย ซึ่งมีพวกคอม (ผกค) อยู่เบื้องล่างจำนวนมาก โดยนักบินมั่นใจแล้วว่าหลวงพ่อท่านนั่งมาด้วย จึงขออนุญาตบินผ่านไม่บินอ้อม เมื่อท่านอนุญาตก็บินตรง พอเข้าเขตสีแดง (เขตผกค) สิ่งอัศจรรย์ก็ปรากฏมีก้อนเมฆขนาดใหญ่มาก หนาทึบเกือบเป็นสีดำ ไม่ทราบว่าลอยมาจากไหน และลอยมาเร็วกว่าฮ. (ซึ่งปกติฮ.จะบินได้เร็วกว่าเมฆ) และเมฆก้อนนั้นมาหยุดอยู่ใต้เครื่องฮ. ฮ.จะบินไปทางไหน เมฆก็ลอยไปด้วย แม้ฮ.จะเปลี่ยนทิศทางบินไปซ้ายหรือขวา เมฆก็ลอยตามบังอยู่ข้างล่าง ฮ.ตลอดเวลา จนกระทั่งฮ.พ้นเขตอันตรายแล้ว เมฆก้อนนั้นจึงได้ลอยจากฮ.ไป คราวนี้ผู้ที่ตาเหลือกเพราะความอัศจรรย์ ไม่ใช่ใครอื่น คือตัวนักบินเอง

๔. วันหนึ่ง ฮ.บินไปถึงจุดหมายแต่ลงไม่ได้ เพราะหมอกหนามาก มองไม่เห็นพื้นดิน ฮ.ต้องบินวนอยู่สักครู่ สิ่งอัศจรรย์ก็ปรากฏ คือ หมอกเปิดออกเป็นช่องเหมือนปล่องขนาดใหญ่ให้เห็นพื้นดินได้ชัดเจน แล้วฮ.ก็ลงไปได้ตามปล่องนั้นอย่างปลอดภัย เรื่องแบบนี้เคยเกิดมาก่อนที่จ.ปัตตานี ตอนฮ.จะขึ้นแต่ก็ขึ้นไม่ได้ เพราะหมอกเมฆลงมาต่ำมาก ท้องฟ้าปิดสนิท นักบินก็ปรึกษาหลวงพ่อท่าน หลวงพ่อบอกว่าขึ้นได้ สิ่งอัศจรรย์ก็ปรากฏ คือ ท้องฟ้าที่ปิดก็เปิดออกเป็นช่องคล้ายปล่องขนาดใหญ่ และ ฮ.ก็บินขึ้นไปตามปล่องที่เปิดให้นั้น

๕. วันหนึ่ง ฮ.บินไปเจอฝน ภาคใต้มีหน้าฝน ๒ ครั้ง ไม่มีหน้าหนาว ดังนั้น เรื่องฝนตกจึงเป็นของธรรมดา โดยปกติ ฮ.จะบินหลบฝนได้ จะไม่ฝ่าเข้าไปโดยไม่จำเป็น แต่คราวนี้นักบินมากับหลวงพ่อ กำลังใจดีเป็นพิเศษ บินตรงฝ่าฝนเข้าไป เหตุอัศจรรย์ก็เกิดขึ้นทันที คือฝนหยุดตกทางด้านซ้ายของฮ. แต่ด้านขวาคงตกเป็นปกติ มองเห็นได้ชัดเจน เพราะเม็ดฝนตกมาชนประตูกระจกด้านขวาของฮ. ตลอดเวลา พอมองมาด้านซ้ายของฮ.ก็พบสิ่งอัศจรรย์อีก คือ นอกจากจะไม่มีเม็ดฝนเลยแล้ว ยังปรากฏมีรุ้งกินน้ำขึ้นสวยงามมาก เห็นยาวโค้งทั้งตัว ปรากฏจากเขาลูกหนึ่งไปจรดเขาอีกลูกหนึ่ง ได้เห็นแล้วติดตาติดใจมาก

๖. อีกวันหนึ่ง ฮ.บินไปเจอฝนอีก นักบินไม่ลังเลบินฝ่าเข้าไปเลย สิ่งอัศจรรย์ก็ปรากฏอีก แต่ไม่เหมือนครั้งก่อน เพราะฝนที่กำลังตกอยู่นั้นหยุดสนิท ทั้งสองข้างฮ. ไม่มีเม็ดฝนเลย ทัศนะวิสัยหรือการมองภาพทั้งสองข้างฮ.แจ่มใสมาก เหมือนตอนที่ฝนไม่ตก แต่ที่ด้านหน้าของฮ.ปรากฏว่ามีฝนตก เห็นชัดด้วยตาเนื้อ ว่ามีเม็ดฝนวิ่งมาชนกระจกหน้าฮ. มากมาย จนนักบินต้องใช้เครื่องปัดน้ำฝนตลอดเวลา

๗. วันหนึ่งขณะที่ฮ.กำลังบินอยู่ ผมนั่งอยู่แถวที่ ๓ ซึ่งนั่งได้ ๕ คน ตรงกับประตูที่ปิดเปิด ผมนั่งอยู่ซ้ายสุด ถัดมาก็เป็นท่านหญิง โดยปกติผมกับท่านหญิงจะนั่งอยู่ด้วยกัน และท่านจะรับสั่งกับผมเกือบตลอดทาง แต่วันนั้นท่านประทับอยู่เฉย ๆ ไม่ค่อยได้รับสั่งกับผม ผมจึงหันหน้าไปด้านซ้ายของฮ. ก็พบสิ่งอัศจรรย์ชนิดที่ไม่อาจจะลืมได้ในชีวิตของผม คือ ปรากฏมีรุ้งกินน้ำขนาดเล็กลอยอยู่ข้าง ๆ ฮ. สีสวยสดงดงามมากอย่างชนิดที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อนเลยในชีวิต ขนาดกว้างโดยประมาณ ๒ วา เมื่อเห็นปีติก็เกิด แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ว่าอะไรหนอจึงสวยงามขนาดนี้ ตอนนั้นคิดว่าตาคงจะฝาดไปกระมัง ได้หลับตาลงแล้วลืมขึ้นใหม่ภาพก็คงเหมือนเดิม ขยี้ตาแล้วก็เหมือนเดิม ทดลองหยิกขาตนเองแล้ว ภาพก็คงชัดเจนเหมือนเดิม ด้วยความดีใจและตื่นเต้นจึงได้บังอาจเอานิ้วไปสะกิดท่านหญิง แล้วชี้ให้ท่านดู (ทอดพระเนตร) พอท่านหันพระพักตร์มาเห็นภาพนั้น ทั้งท่านและผมต่างก็พนมมือขึ้นไหว้พร้อม ๆ กัน แล้วต่างก็อยู่ในความสงบสักครู่ใหญ่ ๆ ภาพนั้นจึงได้หายไป ท่านหญิงจึงได้รับสั่งถามผมว่า อะไรหมอ ผมตอบว่าให้ถามหลวงพ่อ เพราะไม่มั่นใจจึงไม่กล้าเดา เมื่อเครื่องลงจอดและเข้าที่พักแล้ว จึงได้ถามหลวงพ่อท่าน คำตอบก็คือ ฉัพพรรณรังสี รัศมี ๖ ประการของพระพุทธเจ้า ทุกคนที่ฟังอยู่ด้วยกันในที่นั้นต่างก็ยกมือขึ้นสาธุพร้อม ๆ กัน พี่อ๋อย หรือท่านอ๋อย (คุณ เฉิดศรี ศุขสวัสดิ์ ณ อยุธยา ภรรยาของท่านเจ้ากรม พล.อ.ท.ม.ร.ว.เสริม ศุขสวัสดิ์ ท่านอ๋อยเป็นแม่งานฝ่ายฆราวาสของหลวงพ่อตลอดมา) ท่านอ๋อยฟังแล้วก็อยากเห็นบ้าง จึงขออนุญาตหลวงพ่อก็อนุญาตให้ไปกับฮ.ได้ แทนที่ของผม โดยหลวงพ่อไม่รับรองว่าจะเห็นได้หรือไม่ สุดแต่พระเมตตาขององค์สมเด็จท่าน และพระองค์ก็ทรงเมตตาให้พี่อ๋อยและท่านหญิงได้เห็นอีก พี่อ๋อยดีใจมากอย่างบอกไม่ถูก ในปัจจุบันนี้ทั้งท่านหญิงและพี่อ๋อยท่านทั้งสองก็หนีไปไม่ยอมกลับมาเกิดอีก (นิพพาน) หากผู้ใดไม่เชื่อก็พิสูจน์ดูได้ด้วยตนเอง ด้วยมโนมยิทธินั่นแหละคือคำตอบ อีกประการหนึ่งก็คือ ผู้ที่นั่งอยู่บนฮ. มีนักบิน แพทย์ พยาบาลและช่างเครื่อง ไม่มีผู้ใดได้เห็น แสดงว่าพระองค์ต้องการให้ผู้ใดเห็นก็เห็นได้ หากไม่ต้องการให้ผู้ใดเห็น ผู้นั้นก็เห็นไม่ได้ “พุทโธ อัปปมาโณ”

๘. สิ่งอัศจรรย์ที่เกิดในวันนี้ทำเอานักบิน ๒ คนตาค้าง เรื่องมีอยู่ว่าขณะที่ฮ.บินไปเยี่ยมตามฐาน ตำรวจ ทหาร ตั้งแต่ประมาณ ๐๗.๐๐ น. ถึง ๑๘.๐๐ น.นี้ หากเป็นช่วงที่บินไกลอาจจะต้องกลับมาเติมน้ำมันก่อนแล้วจึงบินต่อ ในวันนี้เราเหลืออีกฐานเดียวก็จะหมดภารกิจแล้ว แต่เข็มน้ำมันบอกว่าอันตรายให้เติมน้ำมันได้ หมายความว่าเราจะต้องบินกลับมาเติมน้ำมันแล้วจึงจะไปต่อได้ แต่ฐานที่จะไปต่อนี้ก็อยู่ไม่ไกลนัก จึงเกิดความลังเล นักบินรายงานท่านหญิง ท่านหญิงก็ปรึกษาหลวงพ่อ หลวงพ่อตอบว่าไปได้ นักบินก็ออกบินทันที่ทั้งที่ใจไม่ปกติ คอยชำเลืองดูเข็มวัดน้ำมันบ่อย ๆ พอฮ.บินลงเยี่ยมฐานสุดท้ายจอดกับพื้น ก็ดูเข็มน้ำมันให้เต็มตา ก็พบว่าเข็มน้ำมันอยู่ที่เดิม มิได้ลดลงต่ำกว่าจุดเดิมเลย นักบินยิ่งสงสัยและคิดมากขึ้นไปอีก เกวัดน้ำมันนี้เป็นอันตรายมาก หากมันเกิดเสียขึ้นมา แต่ใจก็ยังชื้นอยู่ เพราะมีหลวงพ่อท่านอยู่ด้วย พอภารกิจเสร็จ ก็บินกลับฐานเพื่อเติมน้ำมัน พอจอดสนิทเข็มน้ำมันก็อยู่ที่เดิม มิได้ลดลงเลย นักบินทั้งสองตาค้าง เพราะความตื้นเต้นที่สามารถบินโดยไม่ได้ใช้น้ำมันเลยถึง ๒ จุด (ได้ตรวจเช็คเครื่องวัดน้ำมันแล้ว เป็นปกติ) หากจำไม่ผิดเลขที่ชี้อยู่ที่ ๒๐๐ ลิตรตลอด ตั้งแต่ออกบินไปจุดสุดท้าย แล้วบินกลับมาฐานเก็บ ก็คง ๒๐๐ ลิตรเท่าเดิม โดยปกติฮ.จะกินน้ำมันมากที่สุดตอนสตาร์ทเครื่อง แล้วเร่งเครื่องเต็มที่ก่อนจะขึ้น เรียกว่าดื่มน้ำมันกันทีเดียว

ในขณะนั้น ๒ จังหวัดนี้มีอันตรายมาก เพราะเต็มไปด้วยคอมมิวมูนิสต์ (ผกค) โดยเฉพาะบางอำเภอ คอมเข้ามามีอิทธิพลถึงในเมือง เช่น อำเภอพระแสง, อำเภอเวียงสระ, อำเภอบ้านนาสาร โดยเฉพาะเคียนซาและบ้านนาสาร เจ้าหน้าที่เขาไม่ให้เข้าก็เข้าไปไม่ได้ ส่วนตำรวจนั้นเขาห้ามเข้าเลยเด็ดขาด และบางอำเภอเขาบุกมายึดไว้เลยก็มี เช่น อำเภอฉวาง แล้วจึงถอนตัวออกไปภายหลังที่ฝ่ายทหารเข้ามา ท่านผู้อ่านลองนึกภาพเอาก็แล้วกันว่า มีความเสี่ยงขนาดไหนในการปฏิบัติงานอยู่ในเขตเหล่านี้

ส่วนหนึ่งเรื่องเล่า...ดูฉบับเต็มได้ที่นี่ครับ

http://www.tangnipparn.com/page1_b00k2.html
ราคาเปิดประมูล450 บาท
ราคาปัจจุบัน900 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 09 มี.ค. 2556 - 00:11:50 น.
วันปิดประมูล - 10 มี.ค. 2556 - 04:30:06 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลศุภกิจอธิคม (2K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 09 มี.ค. 2556 - 00:12:34 น.



ความรู้เรื่องธงมหาพิชัยสงคราม เเละความหมายของยันต์บนผืนธง

ความรู้เรื่อง ธงมหาพิชัยสงคราม

พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านกรุณาเล่าให้ฟังว่า เป็น ธงออกศึกของพระร่วง ในสมัยก่อน
พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ได้ตำราการทำยันต์ธงมหาพิชัยสงครามนี้ มาจาก อ.แจง ชาวสวรรคโลก
ซึ่ง อ.แจงนี้ เป็น ฆราวาส แต่ ทรงสมาบัติ 8
ธงมหาพิชัยสงครามนี้ หากนำทัพเข้าสู่สงครามจะไม่ประสบกับความพ่ายแพ้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อท่านเคยกรุณาบอกไว้ว่า
ผืนเดียวคลุมทั้งฐาน หมายถึง ถ้ามีผ้ายันต์นี้ ผืนเดียวสามารถคุ้มครองได้ทั้งฐานทัพครับ ไม่ว่าจะสร้างเป็นค่าย หรือแค่ บังเกอร์?
ตัวอย่างมีเยอะครับพี่ๆ ทหารที่เคยไปรบด้านตาพระยา น่าจะรู้ซึ้งถึง พระพุทธคุณของธงมหาพิชัยสงครามนี้ดี
มีเกร็ดอยู่อีกหน่อยว่า พระเดชพระคุณหลวงพ่อฯ ท่านสั่งห้ามว่า ถ้าได้ธงผืนนี้ไปแล้ว ห้ามปลุกโดยเด็ดขาด เพราะ อานุภาพสูงมาก ถ้าไปปลุกธงมหาพิชัยสงครามนี้? อาจถึงตายได้ครับ ในตำราสมุดพระร่วงได้จารึกตำราสร้างธงมหาพิชัยสงครามนี้
เเละยังรวมไปถึงวิธี การเป่ายันต์เกราะเพชรของสายพระเดชพระคุณหลวงปู่ปาน และ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี

ปัจจุบัน ตำรานี้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษี ท่านได้ถวายในหลวงไปตั้งแต่ปี พ.ศ.2520 แล้ว เพราะหลวงพ่อฯ ท่านเป็นลูกหลานคนสุดท้ายของตระกูลพระร่วงที่สืบเขื้อสายมา ในส่วนของตำราพระร่วงนี้ ถ้าบุคคลอื่นได้ตำรานี้ไป
ก็ไม่สามารถทำวัตถุมงคลต่างๆ ได้ถึงอานุภาพสูงสุด อย่างเก่งก็ไม่เกิน 10 %
เพราะท่านเจ้าของตำราคือ ท่านผกาพรหม ท่านไม่อนุญาต
ดังนั้น ตามคติคนเรียนวิชาแต่โบราณ ถ้าสิ้นสุดสายการสืบทอดวิชา
ถ้าจะเริ่มวิชาใหม่ ต้องไปขอต่อพระเจ้าแผ่นดินให้พระเจ้าเเผ่นดินครอบครูให้ พระเดชพระคุณหลวงพ่อฤาษีท่านทราบข้บบังคับนี้
ท่านจึงถวายตำรานี้แด่ ในหลวงครับ

............ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ซึ่งได้ส่งเจ้าพระยาโกษาปาน ไปทำสัมพันธ์ไมตรีกับพระเจ้าหลุยส์ ที่ ๑๔
ซึ่งได้มีบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ว่า
?...........เมื่อเรือสำเภาอันจะเข้าสู่กรุงฝรั่งเศสนั้น จะต้องผ่านวังน้ำอันวนเชี่ยวใหญ่ เรือสินค้ามากมายถูกดูดลงสู่วังน้ำวน จมลงนับร้อย เรือสำเภาอันเจ้าพระยาโกษาปานราชทูตโดยสารมานั้น จะถูกดูดเข้าวังวน ปะขาวอาจารย์ของเจ้าพระยาโกษาปาน ได้ตั้งพิธีขึ้น ระลึกถึงพุทธานุภาพ ทำอาโปกสิณ บัดหนึ่งก็เกิดลมสลาตันยกเรือสำเภาของพระยาโกษาปาน ข้ามผ่านวังน้ำวนนั้นไปเป็นที่อัศจรรย์ ...........ในเวลาเที่ยง พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ได้ทรงให้ทหารมหาดเล็กรักษาพระองค์แม่นปืนสองหมู่ หมู่หนึ่งชุดแต่งกายแดงร้อยคน หมู่หนึ่งชุดแต่งกายดำร้อยคน ตั้งกองอยู่ตรงข้ามกัน ห่างกันสักสี่สิบห้าสิบวา ฝ่ายทหารชุดแต่งกายแดงทั้งร้อยคน ยิงปืนไปยังหน่วยทหารแต่งกายดำ ลูกปืนเข้าสู่ลำกล้องของทหารแต่งกายดำทั้งร้อยกระบอก พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ทรงตรัสว่า พระเจ้าแผ่นดินสยาม มีทหารแม่นปืนเช่นนี้หรือไม่ ? เจ้าพระยาโกษาปานตอบว่า ในเมืองสยามไม่มีทหารแม่นปืน เหมือนเช่นในฝรั่งเศส เพราะอาวุธปืน ไม่อาจทำอันตรายทหารสยามได้ จึงไม่มีความจำเป็น ในการตั้งกองทหารปืน
พระเจ้าหลุยส์ ที่ ๑๔ จึงตรัสว่า มีเหตุเช่นนั้นจริงหรือ ?

.........เจ้าพระยาโกษาปานจึงกราบทูลตอบว่า ?ข้าพระพุทธเจ้า จะขอแสดงให้ทอดพระเนตรในวันพรุ่ง โดยขอให้หน่วยทหาร ทั้งชุดแดงและชุดดำ เป็นผู้ยิงปืน?
...........ในวันรุ่งขึ้น ปะขาวได้ตั้งศาลเพียงตา แลวางสายสิญจน์รอบปักธงธวัชแล้ว ให้กลาสีเรือชายสยามทั้งร้อย เข้าไปอยู่ภายในวงรอบสายสิญจน์ มลฑลพิธี ภายนอกห่างไปสักยี่สิบวา ทหารชุดแต่งกายแดง และทหารชุดแต่งกายดำ พร้อมปืนยืนรออยู่ เมื่อปะขาวผู้ทรงศีลให้สัญญาณ เจ้าพระยาโกษาปาน จึงกราบทูลให้พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ รับสั่งให้ทหารปืนทั้งหมด เล็งยิงไปยังกลาสีเรือชายสยามทั้ง ๑๐๐ คนนั้น ...................เสียงปืน ๒๐๐ กระบอก ดังสนั่นหน้าพระที่นั่ง ควันปืนอบอวลคลุ้งกระจาย ลูกกระสุนปืนทั้ง ๒๐๐ นัด มิได้ระคาย แม้ชายเสื้อทหารสยามทั้งหลาย เป็นที่อัศจรรย์ พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ จึงทรงตรัสถามเจ้าพระยาโกษาปานว่า สมเด็จพระนารายณ์มหาราช มียอดทหารเช่นนี้อีกเท่าใด? เจ้าพระยาโกษาปานกราบทูลตอบว่า ?ชายสยามเหล่านี้ เป็นเพียงประชาชนชาวบ้านธรรมดาทั่วๆ ไป ที่เกณฑ์มาเป็นกลาสีเรือเท่านั้น ส่วนทหารของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเจ้านั้น เยี่ยมยอดกว่านี้มากมาย (ความจริงแล้ว กลาสีเรือทั้ง ๑๐๐ คนนี้ คือหน่วยอาทมาต ที่ได้ศึกษา วิชาชาตรี เจนจบในตำหรับพิชัยสงครามมาเป็นอย่างดีแล้ว) ..........พระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ตรัสสรรเสริญ สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ว่ามีบารมี ที่มีทหารหาญ ที่แกร่งกล้าและคงทนแก่ศาสตราวุธ จึงสามารถรักษาประเทศสยาม ให้เป็นเอกราชไว้ได้..........?

..........ธงมหาพิชัยสงครามนี้จะเป็น ธงที่ใช้ในการออกรบในสมัยพระร่วงเจ้า ได้รับชัยชนะต่อข้าศึกทั้งหลาย..........

...........ภายในธง ประกอบด้วย พระบารมี แห่ง พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยะสงฆ์เป็นหลัก..........

...........ดังในยอดธง มี พุทธะสังมิ ซึ่งเป็น คำย่อของ พุทธัง ธัมมัง สังฆัง คัจฉามิ เป็นการสรางความมั่นคงต่อ พระรัตนะตรัย เป็นการประกาศขอยึดเป็นสรณะที่พึ่งอันสูงสุด ...........
............ถัดมา คือ อะ สัง วิ สุ โล พุ สะ พุ ภะ ซึ่งเป็นคำย่อ ของพุทธคุณ อันมี ตั้งแต่ อะระหัง จนถึงภควาติ...........

............เป็นการนำใจที่เคารพแล้ว เข้าถึงความเป็นพุทธะ คือความสะอาด สว่าง สงบ ตามที่องค์สมเด็จพระจอมไตรได้ตรัสสั่งและสอน............
............ถัดมาอีกในวงกลมแต่ล่ะวง นับได้ 10 วง เปรียบถึง บารมี 10 ประการ ภายในวงใหญ่ ได้อัญเชิญรูปภาพเปรียบแทนองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า อยู่ตรงการภายในวงกลม คือองค์สมเด็จองค์ปฐมต้นสุด รอบมีรูปองค์พระทั้ง 28 พระองค์ตามปรากฏในพระคัมภีร์ต่างๆ เช่น คัมภีร์พระไตรปิฎก เป็นต้น รอบกลับบัวมี คาถาบารมี 30 ทัศ ซึ่งกลับบัวเทียบเสมือนรัศมีแห่ง พระพุทธคุณ พระบารมี ที่แผ่กระจาย ปกคลุมผู่ที่ได้ครอบครอง และทั่วไปโดยรอบด้าน..........

...........กล่าวโดยสรุป ธงมหาพิชัยสงครามนี้ มีคุณทั้งทางโลกและทางธรรม ในทางโลกเป็นไปตามโลกธรรมต่างๆ ส่วนในทางธรรมแล้ว เปรียบประมาณค่ามิได้ คือ การเข้าถึงไตรสรณะคมส์ การบำเพ็ญบารมี 10 ให้สมบูรณ์บริบูรณ์ เพื่อละสังโยชน์ 10 ประการ เป็นทางแห่ง มรรคผล พระนิพพานในที่สุด...........





........... ภายในดอกบัวใหญ่ที่ปรากฏภาพพระพุทธเจ้านั้น เป็นพระนามของพระพุทธเจ้าทั้ง 28 พระองค์ กลีบบัวใหญ่บรรจุด้วยพระคาถาอาวุธพระพุทธเจ้านั่นคือ บารมี 10 ประหนึ่งว่าวงกลมทั้ง 10 วงบนยันต์ ก็คือบารมี 10 นั่นเอง ที่ยอดพุ่มของธง เป็นคำย่อของบท อิติปิโสฯ และบนยอดธงบรรจุคาถา พุท ธะ สัง มิ คือคำย่อของไตรสรณาคม ในวงย่อยแต่ละวง มีคำว่า พุท ธะ มะ อะ อุ นะ โม พุท ธา ยะ อยู่ด้วย ที่บัวดอกเล็กเป็นคาถา บารมี 30 ทัศ บทว่า อิ ติ ปา ระ มิต ตา ติง สาฯ ...........

............ยันต์นี้ไม่เพียงแต่มีชัยในทางโลกธรรม หากแต่เป็นเครื่องหมายเตือนพระโยคาวจรทั้งหลายว่า หัวใจของการชนะกิเลสทั้งปวงอาศัยบารมี 10 เป็นเครื่องประหาร เมื่อสามารถทรงบารมีทั้ง 10 ประการครบถ้วน ท่านก็ชนะหมดโลก คือ ชนะกิเลสในใจของท่านทั้งหลายนั่นเอง ............

.............จึงถือได้ว่าพุทธานุภาพของยันต์พิชัยสงครามนี้ เป็นคุณแก่ท่านที่มีไว้ครอบครองแท้จริง ............

.............สงครามที่เหลืออยู่คือสงครามที่ท่านรบกับใจตัว ขอท่านทั้งหลายจงเป็นผู้ชนะสมดังปรารถนาเถิด. .............

.............หมายเหตุ : *มะ อะ อุ - อุ อะ มะ - อะ มะ อุ

* หลวงปู่มหาอำพัน วัดเทพศิรินทราวาส ได้เมตตาเขียนไว้ดังนี้ .............

อะ - อรหัง สัมมาสัมพุทโธ
อุ - อุตตะมัง ธัมม มัชฌะคา
มะ - มหาสังฆัง ปะโพเธสิ อิจเจตังรตนัตตะยัง

ยอดธง
พุท-ธะ-สัง-มิ
ย่อมาจากไตรสมณคมณ์-พุทธังสรณังคัจฉามิ ธรรมมังสรณังคัจฉามิ สังฆังสรณังคัจฉามิ

บนพานใต้เสาธง
อะ
สังอะ
วิสังอะ
สุวิสังอะ
โลสุวิสังอะ
ปุโลสุวิสังอะ
สะปุโลสุวิสังอะ
พุสะปุโลสุวิสังอะ
ภะพุสะปุโลสุวิสังอะ

ยันต์กลม 1
ธา ลัง ถะ
ตัง มะ ติ
ตะ โน ยา


กลมดำ 2
ล้อมด้วย
ระมิติงสา-พัญญูมาคะ-ตาธิมนุปัตโต-โสจะเตนะโม
แถวกลาง
ปิ
ติ
โพติ อิ ติธา
ติ
สัพ

ถอดพิศดารมากจาก
อิติปาระมิตาติงสา อิติสัพัญญูมาคะตา อิติโพธิมนุปปัตโต อิติปิโสจะเตนะโม

วงกลมแถว 3
วงซ้าย นะโมพุทธายะมะอะอุ แบบตาหมากรุก(ม้า)อนุโลม
วงขวา นะโมพุทธายะมะอะอุ แบบตาหมากรุก(ม้า)ปฏิโลม
กลมแถว 4
กลมซ้าย
จะ ติ ยา
ลัง มะ นา
ธา ตัง ตะ
กลมขวา
ชิ ติ ยา
โส มะ เต
เน นา ชิ

อะ เต สะ ตา สะ มะ เต ถุ
ถะ ภะ สิ โล เพ วิ ติ มา
ติน วะ ภะ ธา ชุ นุ นา มา
ตะ นิ สะ เถ นิ รุ เม จะ


ข้อมูลเพิ่มเติม 2 - 09 มี.ค. 2556 - 00:12:52 น.

เพิ่มเติมเรื่องเล่าประสบการณ์จากลูกศิษย์ท่านหนึ่ง

มีเรื่องมาเล่าให้ฟังกันครับคือรุ่นพี่ผมคนหนึ่งเขาอยากได้ของดีไว้ป้องกันตัวครับ
ผมเลยแนะนำให้พี่เขาไปเช่าเหรียญกูผู้ชนะไพรีพินาศ+ผ้ายันต์พิชัยสงครามแบบเลี่ยมเดิมจากวัดมา 1 องค์
เรื่องมีอยู่ว่าน้าชายของพี่เขาเลี้ยงกุมารทองครับ น้าบอกกุมารตนนี้แสบจริง
น้าชายเคยเอาพระเครื่องที่ว่าแรงๆ มาลองหมดแล้ว
กุมารทองไม่กลัวเลยครับพอดีวันนั้นรุ่นพี่ผมคนนี้เขาไปเยี่ยมบ้านน้าชายเขา
ตอนที่น้าไม่อยู่บ้านครับพี่เข้าไปในห้องเค้ารู้สึกว่ามีเด็กไหว้เขาอยู่ไกลๆแต่ข้าวของกระจัดกระจาย
ไปหมดพี่เขาเก็บของเสร็จก็กลับบ้านไป พอตกเย็นน้าชายกลับมาห้องแล้วโทรมาบอกว่า
เฮ้ยนายห้อยพระอะไรวะทำไมกุมารทองน้ากลัวจังเลยแต่ไหนแต่ไรไม่เห็นมัยจะกลัวพระขนาดนี้
กุมารบอกพี่เค้ามากะเทวดาชั้นผู้ใหญ่มาไล่หนู (กุมารทอง) ไม่ให้หนูอยู่ที่บ้านนี้หนูสู้เทวดาไม่ได้
อย่าให้พีคนนั้นเขามาอีกนะกุมารทองกลัวมากครับน้าชายรุ่นพี่ผมโทรมาถามใหญ่เลย
ว่าพระองค์นี้บูชาได้จากที่ไหนเลยบอกไปที่วัดท่าซุงและบ้านสายลมครับ
พระหลวงพ่อพุทธานุภาพรุนแรงมากครับภูตผีปีศาจเจอเข้าไปจังๆเป็นต้องหงายท้องไม่เป็นท่าทุกรายเลย


 
ราคาปัจจุบัน :     900 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    nanpon (410)

 

Copyright ©G-PRA.COM
www1