(0)
ปะคำหินแกะ อิติปิโส 108 หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย มีจารทุกเม็ด








รายงานผลโหวต

จากรูปพระแท้ 0% [0]
จากรูปพระแท้แต่ข้อมูลไม่ถูกต้อง     0% [0]
จากรูปพระเก๊ 0% [0]
พระดูยากจากรูป 0% [0]

จำนวน โหวต



ชื่อพระเครื่องปะคำหินแกะ อิติปิโส 108 หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย มีจารทุกเม็ด
รายละเอียดปะคำหินแกะ อิติปิโส 108 หลวงพ่อสนิท วัดลำบัวลอย จ.นครนายก ร้อยด้วยไหมเจ็ดสี มีรอยจารทุกเม็ดครับ สร้างน้อยหายากมากครับ ส่วนมากจะเจอที่ไม่สมบูรณ์ครับ เส้นนี้สวยเดิม ๆ ใช้มานิดหน่อย
ราคาเปิดประมูล100 บาท
ราคาปัจจุบัน2,000 บาท (!!! ปิดประมูลแล้ว !!!)
เพิ่มขึ้นครั้งละ50 บาท
วันเปิดประมูล - 25 พ.ค. 2556 - 06:39:47 น.
วันปิดประมูล - 30 พ.ค. 2556 - 00:36:47 น. (ปิดประมูลแล้ว)
ผู้ตั้งประมูลtammanoon (9.5K)


(0)
ข้อมูลเพิ่มเติม 1 - 25 พ.ค. 2556 - 06:40:42 น.



พุทธคุณที่แฝงไว้เพิ่มทางด้านคุ้มครองป้องกันภัย
การแกะแต่ละตัวของพญาเต่าเรือน ศิลปของงานแกะจะได้อารมณ์ ของธรรมชาติของเต่า จะมีความคลาสสิค และมีเสน่ห์ ไม่เหมือนกันทุกองค์จนถึงสีของหินที่ทำการแกะ ทำให้อารมณ์และความรู้สึกในการดูแค่ละองค์จะแตกต่างกันไป ส่วนจะดูความเก่าของหิน อย่าไปยึดตึด เพราะกว่าจะเป็นชั้นหินหรือ หินแต่ละก้อน ก็กินเวลา หลายล้านปี ครับ ให้จดจำงานศิลปขออารมณ์ของงานแกะให้ดี หิน ที่ มาแกะเต่าของหลวงพ่อ สนิท วัด ลำบัวลอย จะ ทำมาจาก แร่ ดิกไคต์หรือภาษาชาวบ้าน จะเรียก ว่า หินสบู่ เพราะ วัดลำบัวลอย อยู่ในเขตจังหวันครนายก ซึ่งในเขตจังหวัดนี้ ได้มีการแปร รูปหิน เป็นงานฝีมือพื้นบ้านมาช้านาน และเป็นทรัยากรที่มีมากในจังหวัดลักษณะ ของ หิน มีหลายเฉด สี และหลายสีสัน
การลงอักขระยันต์ ของพญาเต่าเรือน หลวงพ่อ สนิท วัด ลำบัวลอย
มีหลายรูปแบบ แล้วแต่ท่านจะลงกลยันต์ ไว้แบบไหน แต่ที่ได้พบเจอและเห็นบ่อยดังนี้
- หัวใจพญาเต่าเรือน
- หัวใจสิวลี
- หัวใจพระเจ้า 16
- หัวใจนวหรคุณ
พญาเต่าเลือน (พญาเต่าเรือน) ดีทางเมตตามหานิยม โชคลาภ
เมื่อพูดถึงเครื่องรางที่คนไทยเรารู้จักกันมาตั้งแต่ครั้งปู่ย่าตายาย ซึ่งมีหลายประเภท บางอย่างก็มีมานานแล้วแต่บางอย่างก็เพิ่งจะเกิดขึ้นตามสถานที่ต่าง ๆ จะสังเกตได้ว่าเมื่อมีสิ่งแปลกประหลาดผิดจากธรรมชาติปรากฎขึ้นที่ใด จะมีผู้คนหลั่งไหลไปกราบไว้บูขาขอโชคขอลาภกันอย่างงมงาย ไม่ว่าสถานที่นั้นจะใกล้หรือไกลแค่ไหนก็จะดั้นด้น ไปจนถึงไม่ว่าสิ่งนั้นจะเป็นต้นไม้หรือก้อนหินกระทั่งสัตว์ คนเราก็กราบไหว้เพราะอะไรหรือ ก็เพราะมันเป็นสิ่งที่พึ่งอันสุดท้าย
เครื่องรางของขลัง ที่เรียกกันว่า “พญาเต่าเลือน” แห่งโชคลาภ ดังนั้นคนไทยจึงนิยมนับถือสัตว์หลายชนิด ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์สมัยเมื่อเป็นพระโพธิสัตว์เสวยชาติต่าง ๆ เช่น ช้าง (พญาฉัททันต์) นกคุ่ม (ลูกนกคุ่ม) นกยูง (พญานกยูงทอง) เต่าหรือพญาเต่าเลือนอันกลายมาเป็นเครื่องรางชนิดหนึ่งของคนไทย แม้กระทั่งคนจีนก็ยังถือว่าเต่าเป็นสัตว์นำโชคลาภและสัตว์ที่มีอายุยืนยาวจะไม่นิยมกินเป็นอาหารเพราะถือว่าเป็นการบั่นทอนอายุของตนเอง
แต่สำหรับคนไทยนั้นเชื่อกันว่าเต่าเลือน คือ พระโพธิสัตว์ผู้ช่วยมนุษย์ให้รอดจากอันตราย ซึ่งมีปรากฎอยู่ในพระไตรปิฎกตอนหนึ่งว่า “ครั้งนั้นสมเด็จพระทศพลเสวยพระชาติเป็นพญาเต่า มีร่ายกายอันใหญ่โตกินแต่ใบไม้และพลาหารต่าง ๆ บนยอดเขาบนเกาะร้างกลางทะเลและร่างกายของพระองค์ใหญ่เท่ากับเรือนหลังใหญ่ ๆ เรียกกันว่า เต่าเรือน ท่านเสวยสุขอยู่จนกระทั่งวันหนึ่งมีสำเภาของพ่อค้ามาอับปางลงที่หน้าเกาะ ส่วนลูกเรือและพ่อค้ารอดชีวิต จากความตายในทะเลได้แต่ก็ต้องมาผจญกับความอดยาก เพราะบนเกาะไม่มีอาหารการกินแม้แต่สัตว์ใด ๆ ก็ไม่มียกเว้นพญาเต่าเรือน จึงได้แต่นอนรอคอยความตาย บ้างก็ร่ำ ๆ จะเข้ากินกันเป็นอาหาร
ดังนั้นพระโพธิสัตว์เจ้าเห็นพ่อค้าและลูกเรือทั้งหลายจะพากันมาอดตายกันหมดก็เกิดความสลดใจและเห็นว่าตัวเราก็มีเนื้อมาก อีกทั้งอายุก็มากแล้วหากต้องตายไปตามอายุร่างกายก็จะเน่าเปื่อยหาประโยชน์ไม่ได้ ซึ่งชีวิตนั้นก็เกิดแก่เจ็บตายก็เลยอธิฐานเอาร่างกายตนเป็นทานจึงคลานมาที่หน้าผาแล้วทิ้งตัวลงไปทำให้กระดองกระแทกกับแง่หินแตกกระจาย เนื้อก็ไหลออกมากองอยู่ที่พื้นเบื้องล่าง และทำให้พ่อค้ากับลูกเรือทั้งหลายได้อาศัยเนื้อเต่ากินเป็นอาหาร จึงรอดตาย จนกระทั่งมีเรือผ่านมารับไปและจากการกระทำของพระโพธิสัตว์ในการอุทิศร่างโดยการเลื่อนลงมาจากหน้าผานั้นเลยเรียกกันว่า “พญาเต่าเลือน”

สำหรับพระเกจิอาจารย์ทั่วไปนั้นท่านได้ผูกยันต์เต่าเรือนไว้เพื่อเป็นเครื่องรางสำหรับป้องกันตัวให้แคล้วคลาดจากภัยอันตราย โดยผูกเป็นยันต์รูปเต่ามีหัวมีหางบรรจะอักขระจากหัวว่า “นา” แล้วมาทางไหล่ว่า “สัง” และมาตรงปลายกระดองหลังว่า “สิ” ส่วนหางเรียกว่า “โม” รวมเป็นสี่คำ บางท่านก็ผูกยันต์เป็นกระดองด้วยลวดลายเป็นตาตารางแล้วบรรจุลงด้วยหัวใจเต่าเรือนที่คำสลับไปมาเรียกว่า เดินหน้าถอยหลังแล้วปลุกเสกกำกับเอาติดตัวไปไหนมาไหนไม่ต้องกลัวอันตราย จะทำการค้าขายก็ใช้ได้ผลดี
หลังจากที่ได้เต่ามาแล้วก็เอามาเช็ดล้างให้สะอาด เอาของหอมประพรมแล้วก็เอาไปให้พระเกจิอาจารย์ที่ท่าน พอมีความรู้ทางด้านคาถาอาคมให้ท่านลงอักขระหัวใจเต่าเลือนว่า “นาสังสิโม” ที่อกเต่า แล้วปลุกเสกกำกับและพรมน้ำมนต์แล้วเจิมให้ เมื่อเสร็จพิธีจึงนำกลับมาเข้าที่บูชา แล้วก็ให้หาภาชนะปากกว้างไม่ต้องลึกมาก เอาน้ำเติมลงไป แล้วเอาเสาหินจำลองหรือเสาที่เป็นแก้วหรือวัสดุใดก็ได้มาวางไว้ตรงกลางให้พ้นผิวน้ำแล้วค่อย ๆ บรรจงเอาเต่ามาวางไว้ข้างบนวัสดุให้มั่นคงและหมั่นบูชาด้วยดอกมะลิลอยลงไปในน้ำแล้วอย่าปล่อยให้น้ำเหม็นสกปรก เมื่อน้ำพร่องก็หมั่นเติมอย่าให้แห้งเหือดไปได้ถือกันว่า ถ้าน้ำแห้งลาภก็จะแห้งตามไปด้วยแหละครับ เท่าที่ได้เคยสอบถามผู้ที่บูชา
เต่าอย่างถูกวิธีมักจะมีผลในด้านโชคลาภ และเป็นศิริมงคลแทบจะทุกราย

วิธีอาราธนาให้พร้อมคาถาภาวนาหนุนพญาเต่าเรือนทุกชนิด โดยการตั้งนะโมสามจบและสวดบูชาระลึกถึง พระพุทธคุณ พระธรรม พระสงฆ์ บิดามารดา ครูบาอาจารย์ และเจ้าของพญาเต่าเรือนขอบารมีมาช่วยอำนวยพรให้ แคล้วคลาดจากอันตรายจากนั้นมีภาวนาว่า

“นาสังสิโม สิโมนาสัง โมนาสังสิ สังสิโมนา”

เมื่อจะเข้าหาเจ้านายหรือจะให้มีเมตตาลืมความโกรธไปชั่วขณะ ก็ให้อารธนาพญาเต่าเรือน ที่ติดตัวแล้วภาวนาในใจทุกขณะจิต เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้ที่จะติดต่อด้วยให้เพียงหัวใจกลับหน้ากลับหลังว่าดังนี้

“นาสังสิโม สิโมนาสัง ภะคะวาจิตตัง นาสังสิโม”


 
ราคาปัจจุบัน :     2,000 บาท
เพิ่มขึ้นครั้งละ :     50 บาท

!!! ปิดประมูลแล้ว !!!

ผู้ชนะประมูล    Ptom2550 (279)(1)

 

Copyright ©G-PRA.COM
www1