(N)
#เปิดจov. 3มิ.ย.นี้
#บาตรน้ำมนต์พุทธบารมีนาคราช
🔸️รายละเอียดของ บาตรน้ำมนต์พุทธบารมีนาคราช
ขนาดของวัตถุมงคล
- พระพุทธรูปนาคปรก ขนาด (นาคปรก) ๕ นิ้ว
- ความกว้างของขนาดท้องบาตร ๙ นิ้ว
- ความสูงจากฐาน ถึงยอดปลายหงอนพญานาคชั้นบนสุด ๒๓ นิ้ว
🔸️ความหมายองค์ประกอบต่างๆ ของบาตรน้ำมนต์
๑. #องค์พระเป็นพระพุทธรูปปางนาคปรก มารวิชัย ซึ่งอยู่ในพระอิริยาบถนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาวางคว่ำลงที่พระชานุ นิ้วพระหัตถ์ชี้ลงที่พื้นธรณี แสดงถึงในคราวที่พระองค์ทรงเอาชนะพญามารที่มาผจญได้
ตามพุทธประวัติ หลังจากที่พระพุทธองค์ตรัสรู้ พระองค์ท่านได้แปรที่ประทับ เพื่อเสวยวิมุติสุขยังสถานที่ต่างๆ ในอาณาบริเวณที่ไม่ห่างจากต้นพระศรีมหาโพธิ์นัก โดยประทับในแต่ละที่สัปดาห์ละ ๗วัน ในสัปดาห์ที่ ๖ แห่งการตรัสรู้ พระองค์เสด็จประทับ ณ ต้นมุจลินท์ (ต้นจิก) ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของต้นพระศรีมหาโพธิ์ ขณะที่ทรงประทับอยู่ ณ ที่นี่ได้บังเกิดมีฝนและลมหนาวตกหนักตลอด ๗ วัน ไม่ขาดสาย ลำดับนั้นยังมีพญานาคตนหนึ่ง มีนามว่ามุจลินทนาคราช มีอานุภาพมาก บังเกิดอยู่ในสระโบกขรณีซึ่งอยู่ใกล้ในที่บริเวณแห่งเดียวกันนี้ ได้ขึ้นจากมหาสระ จินตนาการว่า ท่านผู้นี้มีสรีระวิลาศเลิศ ชะรอยจะเป็นเทพยดาพิเศษ พิจารณาแล้วจึงแจ้งว่าเป็นองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า พญามุจลินท์นาคราช จึงกระทำซึ่งกายป้องกันมูลมลทินไม่ให้ต้องพระวรกาย จึง เข้าไปวงขนดกาย ๗ รอบ แวดวงพระศาสดา แล้วแผ่พังพานอันใหญ่ป้องกันลมฝนมิให้พัดสาดกระเซ็นมาต้องพระวรกาย เมื่อเวลาผ่านไปแล้ว ฝนก็หยุด แลพญาภุชงค์ ก็คลายออกซึ่งขนดกาย แล้วจำแลงกายเป็นเพศมาณพ ถวายอภิวันทชุลี อยู่ในที่เฉพาะพระพักต์ สมเด็จพระสัพพัญญู สมเด็จพระบรมครูก็ออกจากที่สมาบัติ จึงเปล่งพุทธอุทานโดยสารพระคาถาว่า
สุโข วิเวโก ตุฏฐสฺส สุตธมฺมสฺส ปสฺสโต อพฺยาปชฺชํ สุขํ โลเก ปาณภูเตสุ สญฺญโม
สุขา วิราคตา โลเก กามานํ สมติกฺกโม อสฺมิมานสฺส วินโย เอตํ เว ปรมํ สุขํ
ความว่า ความสงัดเป็นสุขของบุคคลผู้มีธรรมอันได้สดับแล้ว รู้เห็นสังขารทั้งปวงตามเป็นจริงอย่างไร ความเป็นคนไม่เบียดเบียน คือ ความสำรวมในสัตว์ทั้งหลาย และความเป็นคนปราศจากความกำหนัด คือ ความก้าวล่วงกามทั้งปวงเสียได้เป็นสุขในโลก ความนำออกเสียซึ่งอัสมิมานะ คือความถือตัวตนให้หมดได้นี้เป็นสุขอย่างยิ่ง
๒. #ฝาบาตรน้ำมนต์ จำหลักเป็นสายธารทิพย์ เปรียบดั่งพระบารมี ๓๐ ประการ ที่ทรงบำเพ็ญมา ๔ อสงไขยแสนมหากัป บารมีที่บำเพ็ญนั้นคือ ทานบารมี เนกขัมมบารมี ปัญญาบารมี วิริยะบารมี ขันติบารมี สัจจบารมี อธิษฐานบารมี เมตตาบารมี และอุเบกขาบารมี รวมเรียกว่าบารมี ๓๐ โดยแบ่งเป็นบารมีชั้นธรรมดา ๑๐ (บารมี) บารมี ชั้นกลาง ๑๐ (อุปบารมี) และ บารมีชั้นสูง ๑๐ (ปรมัตถบารมี) รวมเป็นบารมี ๓๐ ประการ
อีกประการหนึ่ง สายธารทิพย์ เปรียบดั่ง สายธารที่พระแม่ธรณีบีบมวยผม เป็นพยานแห่งการบำเพ็ญบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งที่พระพุทธองค์ทรงผจญกับพญามารและเหล่าเสนามาร ปรากฏตามพุทธประวัติ ความว่า เมื่อพระโพธิสัตว์ ทรงได้พระที่นั่ง วชิรอาสน์ อันมั่นคง ณโคนต้นโพธิพฤกษ์ และทรงรวบรวมกำลังทั้งหลายอยู่ พระยาวัสวตีมารเห็นว่า ถ้าไม่เข้ามาขัดขวาง พระสิทธัตถะก็จะพ้นอำนาจไปได้ จึงประกาศระดมพลเหล่าเสนามาร ตรัสให้โจมตีด้วยการแปลงร่างเป็นมารแบบต่างๆ หมู่เทพยดาที่แวดล้อมบูชาอยู่ด้วยพระศาสดา ต่างหลบหลีกหนีหายไปจากพระองค์ พระมหาบุรุษทรงโดดเดี่ยว ปราศจากมิตรสหาย ทรงเห็นว่ามีแต่บารมี 30 ประการเท่านั้นเป็นที่พึ่งที่พำนักได้ จึงไม่หวั่นไหวต่อสิ่งที่หมู่มารแสดง
ทรงอ้างดินเป็นพยาน เพราะปฐพีอยู่คู่โลกย่อมรู้เห็นการบำเพ็ญบารมีในการยาวนานของพระองค์ ซึ่งเทพผู้รักษาปฐพีก็ปรากฏกายขึ้นเป็นนางเทพธรณี ทูลว่า ตนเองเห็นการสั่งสมบุญบารมีของพระมหาบุรุษ อย่างน้ำที่เต็มชุ่มผมของตนอยู่นี้ ก็คือน้ำที่ทรงหลั่งสมัยบำเพ็ญทานบารมี ยืนยัน เพียงน้ำที่เคยหลั่งในการทำทานก็มากเกินประมาณ แล้วบีบมวยผม มีสายน้ำใหญ่ไหลท่วมเสนามาร พระยามารเห็นแล้วเกิดคความครั่นคร้าม กลัวบารมี จึงกระทำอัญชลีนมัสการด้วยสองพันมือ ทูลสรรเสริญบารมีทั้งหลาย แล้วนิวัติสู่เทวพิภพ
๓. #ตัวบาตรน้ำมนต์ เป็นกลีบปทุม ติดซ้อนกัน ๕ ชั้น เปรียบดั่งศีล ๕ หรือเบญจศีล คือ ความประพฤติชอบทางกายและวาจา, การรักษากายวาจาให้เรียบร้อย, การรักษาปกติตามระเบียบวินัย, ข้อปฏิบัติในการเว้นจากความชั่ว, การควบคุมตนให้ตั้งอยู่ในความไม่เบียดเบียน ประกอบด้วย
๑.ปาณาติปาตา เวรมณี เว้นจากการปลงชีวิต, เว้นจากการฆ่าการประทุษร้ายกัน
๒. อทินฺนาทานา เวรมณี เว้นจากการถือเอาของที่เขามิได้ให้, เว้นจากการลักโกง ละเมิดกรรมสิทธิ์ ทำลายทรัพย์สิน
๓. กาเมสุมิจฺฉาจารา เวรมณี เว้นจากการประพฤติผิดในกาม, เว้นจากการล่วงละเมิดสิ่งที่ผู้อื่นรักใคร่หวงแหน
๔. มุสาวาทา เวรมณี เว้นจากการพูดเท็จ โกหก
๕. สุราเมรยมชฺชปมาทฏฺฐานา เวรมณี เว้นจากน้ำเมา คือสุราและเมรัยอันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท, เว้นจากสิ่งเสพติดให้โทษ
๔. #ฐานรองรับบาตร เป็นพญานาคทั้ง ๓ ตน ตัวแทนพญานาคในแต่ละตระกูล พันวนรอบหนุนบาตร ( พญานาค ๑ ตน แผ่พังพานปกป้องพระพุทธองค์ จากลมฝน จำลองบนฝาบาตร พระพุทธรูปปางนาคปรก )
#พญานาคทั้งสี่ตระกูล
๑. ตระกูลวิรูปักษ์ รูปร่างของนาคในตระกูลวิรูปักษ์ คือในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเถรวาทถือว่าเป็นเหล่าพญานาคที่มีผิวกายสีทองคำ เป็นนาคตระกูลชั้นสูงสุด ชนชั้นปกครอง มากบุญบารมีฤทธิ์เดช ถือกำเนิดแบบโอปปาติกะ คือการกำเกิดขึ้นเองแล้วโตขึ้นมาแบบเต็มที่ จัดอยู่ในชั้นเทพ พรหม อาศัยอยู่ในทิพย์วิมาน ปกครองพญานาคทั้งหมด "ท้าววิรูปักษ์" ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่มหาราชที่ปกครองสวรรค์ชั้นจาตุมหาราชิกา ด้านทิศตะวันตก พญานาคในตระกูลนี้ที่รู้จักกันดี อาทิ พญามุจลินท์นาคราช นาคที่มีตระกูลสูง ที่อยู่ของนาค คือในนาคพิภพ ในคัมภีร์พระไตรปิฎกได้ กล่าวว่า นาคทั้งหลายได้อาศัยอยู่ในนาคพิภพ ซึ่ง เต็มไปด้วย เพชรนิลจินดาที่งดงาม นาคชอบอาศัยอยู่ในน้ำ วิมานของนาค มีความงามดุจวิมานพระอินทร์ นาคพิภพเป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ นาคมีความเป็นอยู่ที่สุขสบาย มีอายุทิพย์ มีวรรณะทิพย์ มีกายทิพย์ คัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาทกล่าวว่า นาคพิภพอุดมไปด้วยทองคำบริสุทธิ์
๒. ตระกูลเอราปถ รูปร่างของพญานาคในตระกูลเอราปถ ในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาเถรวาท กล่าวถึงพญานาคในตระกูลเอราปถ ว่า เป็นพญานาคชั้นสูงอีกประเภทหนึ่งที่มีผิวกายเป็นสีเขียวมรกต มีกำเนิดแบบอัณฑชะ คือ กำเนิดจากฟองไข่ ชอบอาศัยอยู่ในแม่น้ำ ลำคลอง และมหาสมุทร มีขนาดใหญ่โตใกล้เคียงกับพญานาคตระกูลสีทอง ชอบขึ้นมาอยู่บนโลกมนุษย์และชอบแปลงกายเป็นมนุษย์มาก เป็นตระกูลที่พบได้มากที่สุดและใกล้ชิดมนุษย์มากที่สุด
๓. ตระกูลฉัพยาปุตตะ ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาเถรวาทกล่าวถึงรูปร่างของพญานาค ตระกูลฉัพยาปุตตะเอาไว้ว่า เป็นนาคที่มีผิวกายสีรุ้ง ส่วนใหญ่ถือกำเนิดแบบชลาพุชะ คือกำเนิดจากครรภ์มารดา มีผิวกายเจ็ดสี และเป็นพญานาคที่ปลอดภัยจากครุฑ อาศัยอยู่ในบาดาลหรือป่าลึก มีอิทธิฤทธิ์มาก แต่พบได้ยาก เพราะมักอาศัยอยู่ในที่ลึกลับ
๔. ตระกูลกัณหาโคตม เป็นพญานาคตระกูลที่มีผิวกายสีดำนิลกาฬ กำเนิดแบบสังเสทชะ คือเกิดจากเหงื่อไคลและสิ่งหมักหมมต่างๆ มีร่างกายกำยำใหญ่โต แม้ไม่ถือว่าเป็นนาคชั้นสูง แต่ก็มีอำนาจและอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ไม่แพ้ตระกูลอื่น มีนิสัยดุร้าย พบเจอได้ยาก ชอบอาศัยในท้องน้ำลึกและที่เร้นลับ มีหน้าที่เฝ้าสมบัติของเมืองบาดาล มีวิมานใต้ทะเลเป็นทองทั้งหมด
#ความเชื่อของพญานาค
เรื่องพญานาคปรากฏในพระสูตร เช่น มหาสมัยสูตร ภูริทัตชาดก กุลาวกชาดก ปัณฑรกชาดก นาคในคติพระพุทธศาสนา เสมือนผู้รักษาพระพุทธศาสนา ในคัมภีร์มหานิบาตชาดกกล่าวถึงนาคในฐานะของพระมหาโพธิสัตว์ในภูริทัตชาดก อันเป็นพระชาติที่หกของพระมหาโพธิสัตว์ ทรงเสวยพระชาติเป็น ภูริทัตนาคราช ในพระชาตินี้ทรงเพ็ญศีลบารมีอย่างยิ่งยวด ในขณะที่รักษาศีลอยู่นั้นทรงพบกับปัญหาต่างๆ แต่ว่า ไม่ทรงท้อพระทัยในการบำเพ็ญบารมีเพื่อให้บารมีเต็มเปี่ยม เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าในอนาคต เบื้องหน้า หน้าที่ของพญานาคในการพิทักษ์พระพุทธศาสนา คัมภีร์ ทางพระพุทธศาสนาเถรวาทกล่าวว่า พญานาคนั้นมีบทบาทหน้าที่สำคัญในการพิทักษ์พระพุทธศาสนาเอาไว้ ได้แก่ พญามุจลินทนาคราช ปกป้องพระพุทธองค์จากสภาพ อากาศหนาว ดังพุทธประวัติที่ได้กล่าวมาแล้ว
มีอยู่หลายตำนานด้วยกัน ทั้งแสดงไว้ในพระไตรปิฏก ตำนานเกี่ยวกับพระพุทธเจ้า หรือ อักครสาวก พญานาค คือ เทพเจ้าที่มีอิทธิฤทธิ์ อำนาจ ทำหน้าที่ปกปักรักษาพระพุทธศาสนา รักษาศาสนสถาน ความเชื่อตามภูมิภาคต่าง ๆ ของไทย ความเชื่อในประเพณี วัฒนธรรม เช่น การบวชนาค ก่อนที่จะอุปสมบท บวชเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนา ตลอดจนความเชื่อของคนไทยที่อยู่คู่กัน เกี่ยวข้องกันมานานเกือบทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะทางภาคอีสานการบูชาพญานาคเพื่อขอบารมี ขอโชคลาภ ความเชื่อในภูมิภาคต่าง ๆ ของประเทศในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเป็นความเชื่อเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิต สายน้ำ และธรรมชาติ พญานาค เป็นสัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ และแสดงถึงความเป็นอุดมมงคล
#บาตรน้ำมนต์ นี้ ได้รวบรวมความเป็นสรรพมงคลต่างๆ ประกอบเข้าไว้ด้วยกัน ทั้งยังเป็นงานพุทธศิลป์ที่ทรงคุณค่า เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ โดยครูช่างฝีมือ ผู้ปิดทองหลังพระ ฝากผลงานไว้คู่พระศาสานาสืบไป
🔹️วัตถุประสงค์
นำปัจจัยหลังหักค่าใช้จ่าย ร่วมสมทบสร้างเสนาสนะ สำนักสงฆ์นาคสถิตธรรม อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์
เปิดจอง 3 มิ.ย.- 5 ก.ค.66
กำหนดการรับพระจะแจ้งให้ทราบต่อไปค่ะ
🔹️สามารถแบ่งจ่ายได้
🔸️ทองเหลือง แบ่งจ่าย 2งวด
1) 6,000 บาท วันจอง
2) 6,900.บาท เดือน ส.ค.
🔸️ทองแดง แบ่งจ่ายได้ 3 งวด
1) 8,000 บาท วันจอง
2) 5,000 บาท ก.ค.
3) 4,900 บาท. ส.ค.
🔹️มีค่าส่ง ชุดละ 300 บาท
≈≈≈≈≈≈≈≈≈≈≈≈≈≈≈≈≈≈=
📌 สอบถามเพิ่มเติม
☎️ 0878679797 📮 inbox
🆔️ https://line.me/ti/p/EQ1B0JhZ0_ |
|
[ศ. 02 มิ.ย. 2566 - 16:03 น.]