ประวัติหลวงพ่อชาญ วัดบางบ่อ
ประวัติหลวงพ่อ พระครูวิจารณ์ธรรมคุณ เจ้าอาวาสวัดบางบ่อ ตำบลบางบ่อ อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการเดิมชื่อ ชาญ รอดทอง เกิดวันที่ 3 เมษายน พ.ศ.2457 ที่ตำบลเกาะไร่ อำเภอบางโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เรียนจบชั้น ป.5 จากโรงเรียนอภัยพิทยาคาร ( วัดแก้วพิจิตร) จังหวัดปราจีนบุรี กลับมาช่วยบิดามารดาทำนากระทั่งอายุครบบวชได้อุปสมบทที่วัดคลองสวน ตำบลเกาะไร่ อำเภอบ้านโพธิ์ที่เป็นบ้านเกิด และไปจำพรรษาที่วัดนิยมยาตรา อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ต่อมาได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบางบ่อ เมื่อ พ.ศ. 2510 และได้รับแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อ พ.ศ. 2511 และได้เป็นเจ้าคณะอำเภอบางบ่อเมื่อ พ.ศ. 2513 ถึง พ.ศ. 2541 ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอบางบ่อ ผลงานที่ได้ปฏิบัติตั้งแต่เป็นเจ้าอาวาสวัดบางบ่อ กระทั่งถึงปัจจุบัน พ.ศ. 2548 ส่วนใหญ่ คือ เป็นพระอุปัชฌาย์ บวชพระเณรเป็นจำนวนมาก นับได้มากกว่า 5,000 รูป เนื่องจากท่านเป็นผู้มีคุณธรรมและปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบตามพระธรรมวินัย มีอัธยาศัยดีต่อทุกคนเสมอเหมือนกัน จึงเป็นที่นับถือ และเลื่อมใสศรัทธาแก่ประชาชนทั่วไปจะเห็นได้จากการบวชพระตามวัดต่างๆ ถึงแม้ว่าวัดนั้นจะมีพระอุปัชฌาย์อยู่แล้วผู้ที่เลื่อมใสศรัทธาต่อท่านยังได้นิมนต์ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ให้ นอกจากนั้นยังได้ปฏิบัติศาสนกิจอื่นๆได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์เช่นการพัฒนาวัด อุดหนุนให้ทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่ขาดแคลนรับกิจนิมนต์โดยไม่ปฏิเสธหากมีเวลา ปี พ.ศ. 2548 พระครูวิจารณ์ธรรมคุณ มีอายุครบ 91 ปี 72 พรรษา เป็นพระครูชั้นพิเศษ ปัจจุบันท่านมีอายุ (3 เม.ย. 2556) 99 ปี 80 พรรษาไ ดัรับพระราชทาน ดำรงตำแหน่งพระราชาคณะนามพระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณพระมงคลวรากร ในวันที่ 5 ธ.ค. 2551 ที่ผ่านมามีอาวุโสสูงสุด ยังมีสุขภาพแข็งแรงปฏิบัติศาสนกิจได้เป็นปกติ เป็นที่นับถือของศิษยานุศิษย์ ทั้งในอำเภอบางบ่อ และใกล้เคียง
ที่มาของข้อมูล สวัสดี สวัสดีบางบ่อ //..............................................................................
// >> ... พระปฏิบัติดี วิชาดีรูปต่อไปนี้คือ หลวงพ่อชาญ วัดบางบ่อ อ.บางบ่อ สมุทรปราการ อายุ 92 ปี (ปัจจุบันอายุ 98 ปี) เป็นศิษย์ หลวงพ่อไผ่ วัดบางบ่อ ซึ่งเป็นศิษย์ หลวงพ่อปาน วัดคลองด่าน อีกที ท่านจึงรับวิชามาจากอาจารย์รุ่นต่อรุ่นเต็มที่ นอกจากนั้น หลวงพ่อชาญ ยังเรียน กัมมัฏฐาน 40 กอง จาก หลวงพ่อจาด วัดบางกะเบา... กัมมัฏฐาน เป็นวีธีฝึกจิตให้เกิดสมาธิ เมื่อมีสมาธิก็เกิดปัญญา และมองได้ว่าทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้ล้วนไม่เที่ยง มี เกิด แก่เจ็บ ตาย สรุปคือ ไม่มีอะไรเลย เพื่อให้ ปลง และหลุดพ้น ...การเรียนกัมมัฏฐาน แบ่งเป็นหลายวิธี เช่น อสุภกัมมัฏฐาน(นั่งพิจารณาซากศพให้ได้คิดว่าก่อนนี้คือร่างกายที่เคยสวยงาม แต่ตายแล้วก็เหม็นเน่า) นอกนั้นยังมี กสิณ10, อนุสติ 10 ซึ่งล้วนเป็น อุบายพื้นฐาน ทำให้ จิตสงบ นำไปสู่นิพพาน... กัมมัฏฐาน 40 กอง เป็นพระปรีชาของพระพุทธเจ้าที่ทรงทราบกิเลสของพระสาวกว่าไม่เหมือนกัน บางรูปอยากแสดงฤิทธิ์ บางรูปอยากอยู่เงียบๆจึงมีวีธีให้เลือกตามอัธยาศัย แต่สุดท่ายก็ มุ่งพระนิพพานเหมือนกัน... หลวงพ่อชาญ ยังเรียน วิชาธาตุ 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ จาก หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก ซึ่งสามารถแสดงฤทธิ์ เรียกน้ำ-ห้ามไฟได้... นายนๆครั้งหลวงพ่อชาญจะสร้างวัตถุมงคลที่ดังคือ เสือแกะจากไม้พญางิ้วดำ เพราะมีประสบการณ์ที่ปืนยิงไม่เข้า แต่ท่านสร้างวัตถุมงคลไว้น้อยและไม่เป็นวาระทุกวันนี้จึงหายาก ใครไปก็กราบขอพรท่านถือว่าสูงสุดแล้ว อย่าไปรบกวนท่านให้เหนื่อยสร้างโน่นสร้างนี่อีกเลย อายุตั้ง 92 แล้ว(ปัจจุบันอายุ 99 ปี)
ที่มาของข้อมูล หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ วันอาทิตย์ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ.2549 :สนามพระวิภาวดี ,กราบ 9 พระดีเป็นศิริมงคล สีกาอ่าง .
//...........................................................................................
จากใจผู้เขียน
หลวงพ่อชาญ อิณมุตฺโต พระครูวิจารณ์ธรรมคุณ พระมงคลวรากร หรือ หลวงพ่อใหม่ คืออริยะบุคลคนเดียวกันที่เรารู้จักกันในนาม หลวงพ่อชาญ วัดบางบ่อ ท่านเป็นลูกศิษย์สายหลวงพ่อปาน วัดคลองด่านโดยแท้ เริ่มจากหลวงพ่อไผ่ท่านได้เรียนวิชากับหลวงพ่อปาน จากนั้น หลวงพ่อชาญก็เรียนวิชาจากหลวงพ่อไผ่ และยังเป็นศิษย์ หลวงพ่อเหลือ วัดสาวชะโงก เป็นศิษย์ หลวงพ่อจาด วัดบางกระเบา เป็นศิษย์ หลวงพ่อดิ่ง วัดบางวัว การสร้างวัตถุมงคลของท่านนานๆท่านจะสร้างเป็นวาระสักครั้งหนึ่ง เช่นพระเหรียญและพระผง 80 ปี เหรียญนั่งเสือ เสือหล่อ เสือไม้แกะและอื่นๆเป็นต้น หลวงพ่อชาญท่านเกิดในสมัย ร.6 ซึ่งในปัจจุบัน(3เม.ย.2556) หลวงพ่อมีอายุครบ 99 ปี 80 พรรษาสุขภาพท่านยังแข็งแรง ยังรับกิจนิมนต์อยู่และยังเดินทางไปพุทธาภิเษกในวาระต่างๆอยู่เป็นนิจ หลวงพ่อจะนั่งรับญาติโยมตั้งแต่เช้าจนถึงเวลาบ่ายโมงกว่าๆแล้วท่านจะจำวัดและจะรับญาติโยมอีกครั้งประมาณบ่ายห้าโมงครึ่งเป็นต้นไปจนถึงเย็น...
*** ฝากไปถึงญาติโยมทุกๆท่านที่เข้าหาหลวงพ่อ อย่ารบเร้าให้ท่านจารวัตถุมงคล นะครับ ขอให้เรียนท่านว่า หลวงพ่อครับพุทธาภิเษกพระให้ด้วยครับ เท่านี้ก็พอ
**หมายเหตุ การเขียนข้อความหรือจัดทำเวบเพจนี้อาจมีข้อความบางข้อความหรือรูปภาพบางรูปที่ไม่ชัดเจนต้องกราบขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วย และไม่อนุณาตให้คัดลอกรูปภาพหรือนำFileภาพไปตีพิมพ์เพื่อจัดจำหน่าย หากท่านมีเจตนาที่ดีควรขออนุญาตก่อนทุกครั้ง....w_at_salaya / วัสศาลายา Tle.086-6033678 E-Mail watsalaya@gmail.com ขออนุโมทนาสาธุ ...ศิษย์
///>....................................
หลวงพ่อสักยันต์
หลายท่านที่เคยเคยเข้ากราบนมัสการหลวงพ่อจะสังเกตุว่าหลวงพ่อชาญท่านสักยันต์ที่ต่างๆของร่างกาย หลวงพ่อเมตตาเล่าให้ฟังว่าเหตุที่สักยันต์เพราะสัก"กันงู"เนื่องจากพื้นที่บางบ่อและพื้นที่ใกล้เคียงในสมัยก่อนนั้นเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำประกอบกับมีเจดีย์เก่าเป็นจำนวนมากทำให้มีงูอาศัยอยู่อย่างชุกชุม หลวงพ่อได้สักยันต์กันงูกับหมอเที่ยง ซึ่งเป็นฆารวาสเป็นบุคคลที่มีวิชาอาคมหรือมี่เรียกกันว่า หมองูเที่ยง หมองูเที่ยงเป็นคนบางบ่อมีอาชีพจับงูขายแขนทั้งสองข้างของหมองูเที่ยงจะสักยันต์กันงู แกจะนอนตามวัดหรือนอนในเรือ(ปัจจุบันหมอเที่ยงได้เสียชีวิตไปแล้ว และมีลูกคนหนึ่งที่บางบ่อ) แกจะร่องเรือมานอนที่วัดบางบ่อมีพระเณรรวมทั้งคนทั่วไปมาขอสักยันต์กันงูกับหมอเที่ยง หนึ่งในนั้น มีหลวงพ่อชาญ(ตอนนั้นหลวงพ่อท่านย้ายมาวัดบางบ่อแล้ว)มาสักต์กันงูด้วย หมอเที่ยงแกเคยโดนงูกัดที่มือจนมือหงิกงอแต่แกก็ไม่ได้รับอันตารยถึงชีวิต ในสมัยก่อนหมอเที่ยงแกใช้เรือแบบที่เปิดท้องเรือได้(ไม่แน่ใจว่าเรียกชือเรือว่าอะไร) พอแกจับงูเห่าได้แกจะขังรวมกันไว้ใต้ท้องเรือ วันดีคืนดีหมอเที่ยงจะเอางูที่ขังไว้เป็นจำนวนมากออกมาโยนลงน้ำ เพื่อให้งู(อาบ)เล่นน้ำ แล้วจับใส่เรือเหมือนเดิม ต่อจากนั้นหมอเที่ยงจะเอางูไปขายที่"เสาวภา"ทราบมาว่าในสมัยนั้นจะนำงูไปรีดพิษ เพื่อทำเซรุ่ม หลวงพ่อเล่าต่อให้ฟังว่า หมอเที่ยงเดิมคือ "เสือเที่ยง"เป็นสหายเดียวกับเสือไท เสือหา เคยออกปล้นแต่ไม่เตยฆ่าใคร ...ไม่ทราบปั้นปลายชีวิตของหมอเที่ยงที่แน่นนอน
//> เรื่องเล่าประสบการณ์จริง
ด้วยความศรัทธาเชื่อมั่นใน หลวงพ่อชาญวัดบางบ่อ ขอพรอันศักดิ์สิทธิ์ขอหลวงพ่อดลบันดาลให้ผู้ที่เคารพ
ศรัทธาหลวงพ่อพึงมีแด่ความสุขความเจริญเทอญ...
โปรดใช้วิจารณญาณในการรับข้อมูล
เรื่องที่ข้าพเจ้าจะเล่าถึงนี้ได้เกิดขึ้นจริงกับเพื่อนของข้าพเจ้า บางท่านอาจเคยได้ฟังเรื่องเล่าของหลวงพ่อปานวัดคลองด่าน เรื่องมีอยู่ว่าเมื่อครั้งหนึ่งมีโยมนำสำรับกับข้าวไปถวายที่วัดคลองด่าน(หลวงพ่อปานได้มรณะแล้ว)เมื่อพระฉันอาหารแล้วญาติโยมจะนำอาหารมานั่งรวมรับประทานกันก่อนแยกย้ายกลับบ้าน มีโยมผู้ชายคนหนึ่งได้นั่งล้อมวงเพื่อรับประทานอาหารครั้งเมื่อตักแกงหมูเข้าปากก็เคียวเหมือนโดนกระดูกหมูจึงคายออกมาดูปรากฏว่าเป็นเสือแกะ ที่มากินเนื้อหมูในแกง แกก็รีบอมกลับคืนใว้ในปากทันทีโดยไม่บอกใครและเอาใว้ตรงกระพุ้งแก้มจากนั้นแกก็รับประทานข้าวจนอิ่มแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน ครั้นแกเดินทางกลับบ้านระหว่างทางได้มีพักพวกชวนตั้งวงดื่มเหล้ากัน แกก็เลยแวะนั่งดื่มด้วยได้สักพักหนึ่งแกก็พูดขึนว่า เมื่อเช้านี้ข้าไปถวายปิ่นโตพระมา ที่วัดคลองด่านข้ามีเสือมาอวดพวกเอง ทุกคนต่างงงและพูดว่าเสืออะไร แกบอกว่าก็เสือแกะหลวงพ่อปานไง เพื่อนในวงถามต่อว่าแล้วตอนนี้เสืออยู่ใหน แกก็ตอบทันทีว่าข้าอมไว้ในปากของข้านี่ไงพร้อมกับคายออกมาให้เพื่อนๆดูปรากฏว่า มีแต่ความว่างเปล่า สร้างความประหลาดใจเป็นยิ่งนัก...เสือหายไปได้อย่างไร
หลายท่านคงเคยได้ฟังเรื่องเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ เสือของหลวงพ่อชาญ นั่ง นอนเต็มหน้ารถมาบ้างแล้ว(โจรจะโขมยรถยนต์ครั้นเมื่องัดเปิดประตูเข้าไปก็พบเสือนั่งและนอนตรงหน้ารถ)อันนี้ข้าพเจ้าไม่มีข้อมูล เรื่องของข้าพเจ้ามีอยู่ว่าครั้นเมื่อปี 2549 ข้าพเจ้าได้เช่าบูชาเสือโลหะของหลวงพ่อไปบูชาและแบ่งเพื่อนไปคนละตัว สองตัว เวลาผ่านไปเพื่อนโทรมาหาและเล่าให้ฟังว่า เอาเสือไปไว้ในห้องนอนและออกไปเที่ยวงานโดยที่ไม่บอกแม่ ครั้นแม่ตะโกนเรียกก็ไม่ตอบ(เพราะเจ้าตัวออกไปข้างนอก)แม่จึงเข้าใจว่าลูกนอนหลับจะต้องขึ้นไปปลุกที่ห้องนอน พอเปิดประตูเข้าไปในห้องแม่ของเพื่อนก็ร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ ภาพที่เห็นคือเห็นเสือโคร่งตัวเขื่องนอนแผ่หลาบนที่นอน แม่ก็รีบโกยออกนอกประตูไปและรีบโทรหาลูกชายจึงทราบความจริงจากลูกว่าเช่าเสือมาจากเพื่อน(ตัวข้าพเจ้าเอง)
เมื่อมีคนมาเล่าถึงประสบการณ์ให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อจะพูดว่า ตาฟาด หรือคิดไปเองเสือจะไปอยู่หน้ารถหรือบนที่นอนได้อย่างไร เสืออยู่ป่าหรือสวนสัตว์โน่น...
....................................................................>>>>>>>>>>>
บทความเตือน(ภัย)ใจ
นับจากอดีตจนถึงปัจุบันท่านเจ้าคุณพระมงคลวรากร(หลวงพ่อชาญ วัดบางบ่อ)ท่านได้มีความเมตตาต่อทุกๆท่านที่เข้าหาและขอความอนุเคราะห์เรื่องต่างๆนานาจากท่านเสมอมาเช่น ขอทุนสมทบสร้างโรงเรียนและเสนาสนะต่างๆภายในวัดบางบ่อเอง และสถานที่อื่นๆ
จากอดีตจนถึงปัจจุบันวัตถุมงคลของท่านล้วนแล้วแต่มีพุทธคุณสุดเหลือคณานับ
จากประสบการณ์ครั้งแล้วครั้งเล่าที่ปรากฏอยู่เสมอในอดีตที่เคยตีพิมพ์ทางนิตยสารต่างๆก็มากมาย หากแต่ในปัจจุบันก็มีผู้คนไม่น้อยมาขอบารมีท่านจัดสร้างวัตถุมงคลท่านก็เมตตาอนุญาต หากแต่ผู้เขียนเห็นว่าอันใหนผู้บริโภคเห็นสมควรก็สุดแล้วแต่ท่าน เพราะเงินท่านเอง หากแต่ท่านอยากทราบการจัดสร้างวัตถุมงคลรุ่นใหม่ๆ ให้เรียนถามหลวงพ่อเอง
เป็นที่ทราบดีว่าหลวงพ่อท่านมีเมตาและบารมีสูงส่ง ด้วยบุญบารมีนี้ทำให้สาธุชนต่างหลั่งไหลมากราบขอพรท่านเป็นจำนวนมาก
ดังนั้นในนามตัวแทนผู้นิยมศรัทธา วัตถุมงคลของหลวงพ่อชาญ วัดบางบ่อ ขอย้ำให้ผู้เช่าหาวัตถุมงคลของท่านรุ่นต่างๆควรพิจารณาจากการจัดสร้างที่น่าเชื่อถือได้จริงๆ เพื่อเป็นแนวทางที่ถูกต้องในการสะสมวัถุมงคลที่ทรงคุณค่าและมากพุทธคุณ
..............-------------**%......._____________**%.......>>>>>>>>>>>
มาเล่าต่อ...
หลวงพ่อชาญ วัดบางบ่อ ปัจจุบัน(๓ เม.ย.๒๕๕๗)ท่านมีอายุ ๑๐๐ ปี(เข้า ๑๐๑ ปี)หลวงพ่อท่านยังรับกิจนิมนต์พุทธาภิเษกวัตถุมงคลอยู่เป็นนิจ ไม่ว่าใกล้หรือไกลท่านจะเมตตาเสมอ ปัจจุบันหลายท่านก็หันมาเก็บสะสมวัตถุมงคลของหลวงพ่อก็นับได้ว่ามาถูกทางแล้ว หลวงพ่อท่านอธิฐานจิตวัตถุมงคลได้เข้มขลังนักแล ฉะนั้นพึงมั่นใจได้ว่าอันใดที่ท่านให้ "มั่นใจได้ร้อยเปอร์เซ็นต์"แขวนเดี่ยวได้สบายใจ โปรดระวังการแอบอ้าง ลอกเลียนแบบ และ ทำซ้ำ ทำปลอม "อยากให้หยุดคิดแล้วหันมาสร้างแต่คุณงามความดีถวายหลวงพ่อเถอะครับ ตัวท่านเองจะมีความสุข ประเทศไทยจะเจริญ" |
|