(N)
วันที่ 02 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 10:33:36 น.
เปิดใจ′หมาดำ′ศิษย์ก้นกุฏิ ′พ่อคูณ′ ผู้รับใช้ใกล้ชิดกว่า20ปี ไฉนได้ชื่อนี้?
หลัง "พระเทพวิทยาคม" หรือ "หลวงพ่อคูณ ปริสุทฺโธ" พระเกจิอาจารย์ชื่อดัง อดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านไร่ ต.กุดพิมาน อ.ด่านขุนทด จ.นครราชสีมา มรณภาพเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมา ข่าวคราวคนใกล้ชิดของ "หลวงพ่อคูณ" ถูกเปิดเผยขึ้นมา โดยเฉพาะหญิงวัย 64 ปี ผู้ที่รับใช้ "หลวงพ่อคูณ" อย่างใกล้ชิด กว่า 20 ปี
ที่น่าสนใจคือชื่อของเธอคือ "หมาดำ" และร่ำลือว่าเธอเป็นถึงคนในตระกูลดัง มีฐานะร่ำรวยระดับเศรษฐีใน จ.ภูเก็ต
มีคำถามมากมายว่าเธอคือใคร ชื่อ "หมาดำ" เป็นมาอย่างไร เหตุใดจึงมารับใช้ "หลวงพ่อคูณ"
มาหาคำตอบจากปากของ "หมาดำ" กัน
เป็นใครมาจากไหน
ฉันชื่อจริง น.ส.ลักษณารัตน์ ราไวย์ อายุ 64 ปี บ้านเกิดอยู่บ้านเลขที่ 4/21 ถนนวิเศษณ์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต อดีตทำงานฝ่ายการเงิน อยู่ที่บริษัท จุติ จำกัด บริษัทเหมืองแร่ที่ใหญ่สุดใน จ.ภูเก็ต มีพี่น้อง 6 คน ฉันเป็นคนสุดท้อง ปัจจุบันพี่น้องที่ยังมีชีวิตอยู่ 3 คน ทุกคนทำธุรกิจเรือยอชต์ ให้บริการนักท่องเที่ยวหลายสิบลำ
พบ′หลวงพ่อคูณ′เมื่อไร
ประมาณปี 2532 "หลวงพ่อคูณ" ท่านธุดงค์ไปจำพรรษาที่วัดสว่างอารมณ์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ขณะนั้นนายไมตรี บุญสูง เจ้าของบริษัทจุติที่ฉันทำงานอยู่ มาบอกว่ามีพระดีมาจำพรรษาอยู่ที่วัดหลังบ้านของพี่ ทำไมจึงไม่ไปกราบไหว้ท่าน ฉันก็ตอบไปว่า "ฉันเห็นคนขับรถเบนซ์เข้าไปหาท่านมากมาย ฉันไม่ไปหรอก พระสมัยนี้ท่านชอบแต่คนรวยๆ"
แต่บังเอิญว่ามีญาติเป็นโยมอุปัฏฐากทำอาหารไปถวาย "หลวงพ่อคูณ" จึงให้ฉันขี่รถจักรยานยนต์นำภัตตาหารไปถวาย
เมื่อไปถึงฉันก็ถามหาว่าพระรูปไหนชื่อ "หลวงพ่อคูณ" ตอนนั้น "หลวงพ่อคูณ" ก็นั่งอยู่ตรงหน้า ท่านก็บอกว่า "กูเอง อีหมาดำ" ทำให้ฉันรู้สึกไม่พอใจ พร้อมคิดในใจว่า พระรูปนี้พูดจาเลอะเทอะ ใครจะตั้งชื่อให้ลูกหลานตัวเองว่า "หมาดำ" แต่เมื่อท่านพูดต่ออีกว่า "มึงปากหมา มึงบอกว่ากูชอบแต่คนรวยๆ" เท่านั้นแหละ ก็ทำให้ฉันรู้สึกขนลุก ทำไมท่านถึงรู้ว่าเราพูดเช่นนี้ได้
ชื่อ′หมาดำ′มีความเป็นมาอย่างไร
ต่อมาระหว่างที่"หลวงพ่อคูณ" ท่านกำลังฉันอาหารอยู่ ท่านก็เล่าให้ฟังว่า "อีดำเอ๊ย...เมื่ออดีตชาติ มึงเคยเกิดเป็นหมาเฝ้าหน้าห้องนอนกูมาก่อน" ฉันก็นึกขำในใจว่า "พระรูปนี้ท่าจะเพี้ยนแล้ว" แต่ก็ไม่ว่าอะไรตอบ ท่านจะเรียก "หมาดำ" ก็แล้วแต่ท่าน
เหตุใดจึงมารับใช้ท่านที่วัดบ้านไร่
ก่อนที่ท่านจะกลับ จ.นครราชสีมา ท่านบอกว่า "อีหมาดำเอ๊ย...ที่กูมาภูเก็ตครั้งนี้ เพราะกูมาตามหามึง กูคิดถึงอีหมาดำเมื่อครั้งเคยนอนเฝ้าหน้ากุฏิกู และอยากให้มึงมารับใช้กูเหมือนในอดีตอีก...ถ้ามึงจะไปหากูที่โคราช ให้ไปหาที่วัดสระแก้วเด้อ...มึงไปถึงเมืองโคราช ก็ขี่สามล้อรับจ้างหน้าตลาดแม่กิมเฮงไปที่วัดสระแก้ว แค่ 5 บาทเท่านั้นเองดอก"
ช่วงนั้นก็แปลกๆ ที่ "หลวงพ่อคูณ" ท่านพูดอย่างนั้น หลังจากนั้นฉันก็เทียวไปเทียวมาระหว่างโคราชกับภูเก็ต เหมือนมีอะไรมาดลใจให้ต้องมารับใช้ท่าน ซึ่งก็มารับใช้ท่านทั้งที่วัดสระแก้ว และวัดหนองบัวรอง
กระทั่งปี 2547 ที่เกิดสึนามิที่ภูเก็ต ตอนนั้นโทรศัพท์ล่มหมด ไม่มีใครโทรศัพท์ได้ แต่จู่ๆ "หลวงพ่อคูณ" โทรศัพท์มาที่เครื่องของฉันได้เพียงคนเดียว ทำให้รู้สึกตกใจมาก ท่านก็ถามถึงญาติพี่น้อง และหลานๆ ว่ายังปลอดภัยดีไหม ฉันก็บอกท่านว่า ปลอดภัยดีทุกคน เรือก็ไม่เสียหาย
ต่อมาทราบข่าวว่าขณะที่ท่านโทรศัพท์มาหานั้น ท่านอาพาธ รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ฉันจึงมานอนเฝ้าท่าน คิดว่าจะมาเยี่ยมสัก 2-3 วันแล้วกลับ แต่เมื่อมาถึง "หลวงพ่อคูณ" พูดกับฉันว่า "อีดำ มึงมาก็ดีแล้ว พ่ออยากให้มึงมาอยู่รับใช้พ่อก่อนช่วงบั้นปลายชีวิต เมื่อพ่อตายมึงก็ไปส่งที่ จ.ขอนแก่นก่อน แล้วค่อยกลับไปบ้านมึง"
ตั้งแต่นั้นมาฉันก็อยู่รับใช้ท่านมาโดยตลอด เมื่อท่านออกจากโรงพยาบาลก็ไปรับใช้ท่านต่อที่วัดหนองบัวรอง 1 พรรษา ก่อนจะกลับไปวัดบ้านไร่
ทางครอบครัวว่าอย่างไรบ้าง
ตอนมาอยู่แรกๆ ก็พูดกับ "หลวงพ่อคูณ" ว่า อยู่กับท่านถ้าไม่ทำการทำงานแล้วจะเอาอะไรกิน ท่านก็บอกว่า "กูก็พอมีอยู่บ้าง ตามมีตามเกิด" ขณะนั้นหลานๆ 4 คน ซึ่งเป็นลูกพี่สาวก็เติบโตและเป็นเจ้าของธุรกิจกันทั้งหมดแล้ว ส่วนฉันก็อยู่ตัวคนเดียว ไม่ได้แต่งงาน จึงบอกพี่สาวและหลานๆ ว่าจะมาอยู่รับใช้ "หลวงพ่อคูณ" นะ เพราะอยากสร้างบุญกุศลให้พี่สาวและหลานๆ ได้มีอาชีพเจริญรุ่งเรือง ทุกคนก็ไม่ได้ว่าอะไร
ท่านสอนอะไรบ้างระหว่างที่อยู่รับใช้
ท่านสอนหลายอย่าง สอนให้เป็นผู้เสียสละ อย่าเห็นแก่ได้ และไม่ให้ยึดติดกับสิ่งของใดๆ มีอยู่ครั้งหนึ่งเรือยอชต์ของพี่สาวถูกโจรขโมยไป 1 ลำ ฉันก็มาขอให้หลวงพ่ออวยพรขอให้หาได้คืนมา แต่หลวงพ่อบอกว่า "อีดำเอ๊ย..มึงไม่ต้องไปหาหรอก ป่านนี้มันกลายเป็นปุ๋ยไปแล้ว ถ้ามึงมายึดติดก็จะเป็นทุกข์เปล่าๆ"
ภารกิจรับใช้ท่านแต่ละวันทำอะไรบ้าง
ฉันจะตื่นแต่เช้าประมาณตี 5 มาต้มน้ำร้อน น้ำชา ถวายท่าน จากนั้นก็เก็บผ้าไตรจีวร สบง อังสะ ใส่ถุงส่งให้ร้านซักผ้า เวลา 06.30 น. ก็จะจัดชุดอาหารที่ญาติโยมนำมาถวายใส่สำรับ พร้อมปอกผลไม้ใส่จาน ผลไม้ที่ท่านชอบมาก คือ กล้วยน้ำว้า มะละกอสุก และลูกพลับ หลังจากนั้นก็ล้างถ้วยล้างชามที่หลวงพ่อฉัน ตกเย็นก็นำผ้าไตรจีวร อังสะ สบง ที่ซักรีดเสร็จแล้วมาเปลี่ยนให้ท่าน
′หลวงพ่อคูณ′ท่านเป็นคนอย่างไร
จากที่อยู่รับใช้ท่านมากว่า20 ปี บอกได้เลยว่าท่านเป็นพระบ้านๆ ธรรมดา ไม่ถือตัว ญาติโยมมากันเมื่อไร ท่านก็จะออกมาต้อนรับตลอด บางครั้งมาหาท่านตี 1 ตี 2 ท่านก็ตื่นมาต้อนรับ ไม่ว่าจะรวย จะจน ท่านต้อนรับเหมือนกันหมด
ท่านยังอารมณ์ดีตลอด ไม่เคยเครียดกับเรื่องอะไรทั้งนั้น ท่านชอบพูดตลกกับฉันบ่อยครั้ง เช่นวันหนึ่ง ฉันถามท่านว่า "หลวงพ่อ ก่อนที่ท่านจะบวชเคยมีเสื้อผ้าสวยๆ สวมใส่เหมือนพวกหนูบ้างไหม" ท่านบอกว่า "อีดำเอ๊ย...แต่ก่อนกูไม่มีเสื้อผ้าสวยๆ สวมใส่เหมือนใครคนอื่นเค้าดอก...บ้านกูมันจน เรียนก็จบแค่ ป.2 กูมีแต่กางเกงนักเรียนอยู่ตัวหนึ่งที่ภาคภูมิใจ แต่มันขาดตรงก้น พอกูก้มลงลมก็พัดโกรกมาข้างล่าง มันช่างเย็นแท้เด้อ...เอ่งเอ้ย" แล้วหลวงพ่อก็หัวเราะ
เคยเจอปาฏิหาริย์อะไรบ้างไหม
ฉันไม่แน่ใจ แต่ทุกครั้งที่ฉันเดือดร้อนเรื่องเงิน หลวงพ่อมักจะพูดอะไรบางอย่าง แล้วก็ทำให้ฉันมีโชค มีลาภ มีอยู่ช่วงหนึ่งฉันป่วยต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ไม่มีเงิน
จะขอหลวงพ่อก็ไม่เหมาะสม จู่ๆ ท่านก็บอกว่ามึงจะโชคดีนะ ทำให้เราอยากซื้อหวย แล้วก็ถูกหวยจริงๆ ได้เงินมาเป็นหมื่นบาท จึงมีเงินจ่ายค่ารักษาพยาบาล
อีกครั้งฉันอยากได้รถจักรยานยนต์เพื่อขี่ไปส่งซักผ้า และไปตลาด จึงไปดาวน์รถจักรยานยนต์มา 3 หมื่นบาท ขาดอีก 4 หมื่นบาทที่ต้องผ่อน จึงขอพรจากท่าน
ท่านก็บอกว่า "กูให้มึงสมความปรารถนาเด้อ" แล้วฉันก็ถูกหวยอีก ได้เงินกว่า 4 หมื่นบาทไปใช้หนี้ทั้งหมด
ท่านเคยให้สิ่งของอะไรบ้างไหม
มีอยู่ครั้งหนึ่ง ขณะกำลังพูดคุยกับคณะกรรมการวัดบ้านไร่ 2-3 คน ท่านเรียกไปหา และยื่นพระรูปหล่อของท่านองค์เล็กๆ สีทองให้ 1 องค์ ท่านบอกว่า "กูให้มึง เก็บไว้กับตัวดีๆ นะ" ฉันก็รับไว้ พร้อมยกมือไหว้สาธุ ตอนนั้นคิดว่าคงเป็นพระธรรมดาๆ ที่ท่านชอบแจกจ่ายให้ญาติโยมทั่วไป ส่วนสีทองก็คิดว่าคงเป็นพระกะไหล่ทอง
แต่เมื่อนำไปให้คนเล่นพระดู ถึงกับตะลึง เพราะเป็นพระรูปหล่อทองคำแท้ "รุ่นเอกลักษณ์" (หลวงพ่อคูณนั่งยองๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของท่าน)
ฉันจึงไปให้ร้านทองเช็กเพื่อความแน่ใจ ได้รับการยืนยันว่าเป็นทองคำจริงๆ ฉันเลยเก็บเงินเลี่ยมทองคล้องไว้ที่คอมาตลอด ถือว่าเป็นของมีค่าเพียงชิ้นเดียวที่หลวงพ่อให้
รู้สึกอย่างไรบ้างหลังท่านมรณภาพ
ฉันรู้สึกว่าท่านไม่ได้จากไปไหนท่านยังอยู่ในใจฉันตลอด ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งสอน หรือจริยวัตรที่เรียบง่าย ทุกอย่างท่านสอนและทำให้ดูเป็นตัวอย่างแก่ศิษยานุศิษย์ทุกคนเสมอ
ฉันทำตามที่ท่านขอ คือรับใช้ท่านจนวันสุดท้าย และเดินทางไปส่งสรีระสังขารท่านที่มหาวิทยาลัยขอนแก่น หลังเสร็จพิธีบำเพ็ญกุศลอุทิศ 100 วัน ฉันก็จะกลับไปภูเก็ต
ยังจะใช้ชื่อ′หมาดำ′อีกหรือไม่
ฉันภูมิใจชื่อ "หมาดำ" นี้มาก ถือว่าครั้งหนึ่งเคยเกิดเป็นหมาเฝ้าหน้ากุฏิ "หลวงพ่อคูณ" ในอดีต หากกลับไปอยู่ที่ภูเก็ตใครจะเรียกฉันว่า "หมาดำ" ก็ยินดี และฉันจะนำคำสั่งสอนของ "หลวงพ่อคูณ" ไปบอกญาติพี่น้อง ลูกหลานที่ภูเก็ตว่าพระรูปนี้ท่านน่าเลื่อมใสจริงๆ เพราะคนภาคใต้และชาวภูเก็ตส่วนใหญ่จะไม่ค่อยนับถือพระจากภาคอื่นๆ มากนัก แต่นับจากวันนี้ไปฉันจะทำให้ ชาวภูเก็ตเคารพศรัทธา "หลวงพ่อคูณ" เพิ่มมากขึ้น
เป็นเรื่องราวที่น่าทึ่งและน่าประทับใจระหว่างศิษย์กับหลวงพ่อคูณ
ที่มา : มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 2 มิถุนายน 2558 |