ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ....... เกจิดัง จ.สิงห์บุรี หลวงพ่อฉาบ วัดศรีสาคร



(N)


ประวัติพระครูมงคลนวการ (หลวงพ่อฉาบ มงฺคโล)
เจ้าอาวาสวัดศรีสาคร ต.ต้นโพธิ์ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี
ก่อนจะกล่าวถึงชีวประวัติหลวงพ่อฉาบ มงฺคโล ขอน้อมกล่าวถึง จังหวัดสิงห์บุรี

จังหวัดสิงห์บุรี ตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีแม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำน้อยไหลผ่าน ทิศเหนือติดจังหวัดชัยนาค ทิศตะวันตกติดจังหวัดสุพรรณบุรี ทิศตะวันออกติดจังหวัดลพบุรี ทิศใต้ติดจังหวัดอ่างทอง พื้นที่อุดมสมบูรณ์ประชาชนส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทำนา ค้าขาย มีโรงสีข้าวจำนวนมาก ประชาชนอยู่ดีกินดีส่วนใหญ่จะมั่งคั่ง ค่าครองชีพต่ำข้าวปลาอาหารหลากหลายราคาถูก พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นทุ่งโล่งอากาศดีในน้ำมีปลาในนามีข้าว โดยเฉพาะปลา ลำน้ำแม่ลาของจังหวัดสิงห์บุรี ขึ้นชื่อว่ารสชาติดีที่สุด กุนเชียงหมู กุนเชียงปลา ขนมเปี้ยมีชื่อเสียงโด่งดังมาก หลายจังหวัดมาสั่งไปจำหน่าย บ้านเมืองสะอาดเป็นระเบียบเรียบร้อย เมืองสิงห์บุรี อนิสงฆ์ แหล่งศรัทธาในประเพณีและวัฒนธรรมในพุทธศาสนาผูกพันเชื่อมโยงผู้คน แผ่นดินสิงห์บุรี แผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ มีวัด วิหาร อุโบสถ ปูชนียสถาน ปูชนียวัตถุ มีมากมาย ถูกสร้างขึ้นรายรอบอยู่รอบเมือง ตามเส้นทางแห่งสายน้ำ ความเชื่อในศรัทธาแห่งพุทธศาสนา เช่น วัดสเถียรวัฒนดิษฐ์ เป็นที่ประดิษฐ์สถานพระพุทธรูปทองคำสมัยสุโขทัยเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองสิงห์บุรี วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร เป็นที่ประดิษฐ์สถานพระพุทธรูปไสยาสน์องค์ใหญ่ วัดพิกุลทอง มีพระพุทธรูปสุวรรณมงคลมหามุนี เป็นพระพุทธรูปนั่งปางประทานพรองค์ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย เจดีย์วัดพระปรางค์ เตาเผาเครื่องปั้นแม่น้ำน้อย อนุสาวรีย์วีรชนชาวบ้านบางระจัน เป็นต้น ซึ่งยังมีอีกจำนวนมากไม่สามารถนำมากล่าวได้หมด นอกจากวัดและวิหารปูชนียสถาน ปูชนียวัตถุแล้ว ยังมีพระเกจิอาจารย์พระคณาจารย์ที่เรื่องเวทย์วิทยาคมพุทธาคมเข้มขลังศักดิ์สิทธิ์มีชื่อเสียงโด่งดังมาตั้งแต่ อดีตถึงปัจจุบันของจังหวัดสิงห์บุรี อีกจำนวนมากมายหลายรูปด้วยกันดังเช่น หลวงปู่ศุข วัดป่าหวาย หลวงปู่สี วัดพระปรางค์ หลวงพ่อเชย วัดท่าควาย หลวงพ่อพูล วัดสังฆราชาวาส หลวงพ่อซวง วัดชีประขาว หลวงพ่อแพ วัดพิกุลทอง และในปัจจุบันมีหลวงพ่อฉาบ มงฺคโล แห่งวัดศรีสาคร

วัดศรีสาคร ตั้งอยู่เลขที่ 70 หมู่ 8 ต.ต้นโพธิ์ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ.2481 บริเวณวัดมีเนื้อที่ประมาณ 25 ไร่ รวมทั้งโรงเรียนโดยประมาณ 40 ไร่ มีเจ้าอาวาสที่ปกครองวัดมาแล้ว 10 รูป
รูปที่1 หลวงพ่อศรี
รูปที่2 หลวงพ่อสา (เป็นน้องชายหลวงพ่อศรี)
รูปที่3 หลวงพ่อสน
รูปที่4 หลวงพ่อเพ็ชร
รูปที่5 หลวงพ่อปั้น
รูปที่6 หลวงพ่อสว่าง
รูปที่7 หลวงพ่อเกิด
รูปที่8 หลวงพ่อเชื้อ
รูปที่9 พระอาจารย์ดี
รูปที่10 พระครูมงฺคลนวการ (หลวงพ่อฉาบ มงฺคโล) เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน ซึ่งเป็นพระเกจิอาจารย์ผู้ปฏิบัติดีประพฤติชอบมีชื่อเสียงโด่งดัง มีปฏิปทาเป็นที่เลื่อมใสและศรัทธามากยิ่งของชาวจังหวัดสิงห์บุรี และชาวพุทธในจังหวัดใกล้เคียงอีกจำนวนมาก ด้านวัตถุมงคลของหลวงพ่อฉาบ มงฺคโล ทุกรุ่นมีประสบการณ์ศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังเป็นที่ยอมรับโดยเฉพาะเหรียญรุ่น1 ปีพ.ศ.2514 มีค่านิยมเล่นหาประมาณ 15,000 บาท ต่างกล่าวขานกันว่าท่านบรรลุญาณสมาบัติชั้นสูง หูทิพย์ตาทิพย์ ได้อภิญญา6 ถอดกายทิพย์ ไปบิณฑบาตรต่างแดนในสถานที่ต่าง ๆ มีผู้พบเห็นเดินข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาข้ามไปบิณฑบาตรอีกฝั่งตรงข้าม เข้าไปในห้องที่ปิดประตูทึบโดยสำเร็จวิชาแปลงธาตุ เช่นทึบให้เป็นอากาศธาตุ น้ำให้เป็นดิน ลมให้เป็นไฟเป็นต้น เมื่อเป็นที่โจกขานเล่าลือกันอย่างหนาหู ผู้เขียนได้พยายามติดตามหาข้อมูลรายละเอียดมาเขียนมีเหตุผลข้อมูลอย่างไรจะขอนำกล่าว รายละเอียดต่อไป


โดยคุณ ekamulet99 (379)  [พ. 27 ก.ย. 2560 - 12:07 น.]



โดยคุณ ekamulet99 (379)  [พ. 27 ก.ย. 2560 - 12:09 น.] #3837955 (1/10)


(N)


รูปเหมือนปั๊ม รุ่นแรก หลวงพ่อฉาบ วัดศรีสาคร เนื้อเงิน สร้างจำนวน 129 องค์ ตอกโค๊ตเรียงเลขใต้ฐานทุกองค์ พ.ศ.2550


โดยคุณ ekamulet99 (379)  [พ. 27 ก.ย. 2560 - 12:10 น.] #3837956 (2/10)
ชีวประวัติพระครูมงคลนวการ (หลวงพ่อฉาบ มงฺคโล)

ชาติภูมิ หลวงพ่อฉาบ มงฺคโล มีนามเดิมว่า ฉาบ ด้วงดารา ถือกำเนิดวันอาทิตย์ที่ 19 สิงหาคม พ.ศ.2471 เป็นบุตรคนโต ในจำนวนพี่น้อง 7 คนด้วยกันคือ 1. หลวงพ่อฉาบ 2. นายเอิบ 3. นายสังวาล 4. นายประสงค์ 5. นายถวิล 6. นายปุ่น 7. นางสมนึก ของโยมพ่อเน่า และนางสมบุญ ณ บ้านเลขที่ 27 ต.ต้นโพธิ์ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี จบการศึกษาชั้นป.4 ที่โรงเรียนวัดศรีสาคร อาชีพทำนา
ประวัติเยาว์วัย หลวงพ่อฉาบ มงฺคโล ในวัยเด็กตอนยังเป็นฆาราวาส เป็นคนถือสัจจะเป็นใหญ่มีความตั้งใจพูดจริงทำจริง และสนใจในเวทย์มนต์คาถา มักชอบไปกราบนมัสการหาพระอยู่เสมอ ในปีพ.ศ.2485 หลวงพ่อแช่ม อินทโชโต แห่งวัดตาก้อง อ.เมือง จ.นครปฐม ท่านได้สร้างเหรียญรุ่นแรกของท่านขึ้น ได้แจกให้คณะศิษยานุศิษย์ ทายกทายิกาที่ร่วมทำบุญมาทำการทองกฐินยังวัดศรีสาคร และได้มาพำนักอยู่ที่วัดศรีสาครเป็นเวลาถึง 6 เดือน เพราะท่านชอบพอสนิทกับหลวงพ่อดี เจ้าอาวาสวัดศรีสาครในสมัยนั้น หลวงพ่อฉาบ ในวัยเด็กขณะนั้นอายุได้ 14 ปี มีความศรัทธาเลื่อมใสหลวงพ่อแช่มมาก ได้มากราบนมัสการหลวงพ่อแช่มบ่อยครั้ง และได้ขอฝากตัวเป็นศิษย์ขอเล่าเรียนวิชาคาถาอาคมต่าง ๆ ในลำดับแรกหลวงพ่อแช่มได้สอนให้เรียนรู้ทางด้านการปฏิบัติจิต สมถกรรมฐาน และวิปัสสนากรรมฐาน ให้จิตนิ่งเป็นสมาธิก่อน และหลังจากทำกรรมฐานและวิปัสสนาอยู่ 3 เดือน หลวงพ่อแช่ม ก็ได้สอนวิชาคาถาอาคมต่าง ๆ ให้ ในปีพ.ศ.2486 หลวงพ่อแช่ม ก็ได้กลับไปวัดตาก้อง หลังจากนั้นในปีพ.ศ.2488 หลวงพ่อแช่มได้มาพำนักที่วัดศรีสาครอีกครั้งหนึ่ง เป็นเวลา 25 วัน หลวงพ่อฉาบ ตอนนั้นอายุได้ 17 ปี ได้เข้าพบรับใช้และเล่าเรียนสอบถามวิชาไสยเวทย์พร้อมให้หลวงพ่อแช่มช่วยทบทวนวิชาคาถาที่เล่าเรียนจนสามารถปฏิบัติได้ตามคำสอนอย่างดี แล้วหลวงพ่อแช่มก็เดินทางกลับวัดตาก้อง ต่อมาในปีพ.ศ.2490 หลวงพ่อแช่ม ท่านก็ได้ละสังขารมรณภาพลงในปีนั้น
อุปสมบท ครั้นเมื่ออายุครบ 20 ปีบริบูรณ์ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดศรีสาคร เมื่อวันที่ 16 เมษายน พ.ศ.2491 โดยมีพระครูเกศิวิกรม (หลวงพ่อทรัพย์ ฐิตปญฺโญ) เจ้าอาวาสวัดสังฆราชาวาส เป็นพระอุปัชฌาย์ พระอาจารย์ประทุม เจ้าอาวาสวัดสว่างอารมณ์ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการฉ่ำ เจ้าอาวาสวัดตึกราชาวาสเป็นพระอนุสาวนาจารย์ อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วได้รับฉายาว่า มงฺคโล เมื่อได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุแล้วได้ตั้งจิตมั่นได้กล่าวคำสัจจะวาจาบอกกล่าวต่อโยมบิดามารดาของท่านว่า เมื่อฉันได้บวชเรียนเป็นภิกษุแล้วจะขอรับใช้พระพุทธศาสนาตลอดชีวิต โยมพ่อและโยมแม่ก็ไม่ได้ทักทวงแต่ประการใด เมื่ออุปสมบทแล้วได้จำพรรษาอยู่ที่วัดศรีสาคร 2 พรรษา ได้เรียนพระธรรมวินัยไปศึกษาวิปัสสนากรรมฐานและพุทธาคมจากหลวงพ่อทรัพย์ ฐิตปญฺโญ ซึ่งองค์นี้เป็นศิษย์ของหลวงพ่อพูล (เจ้าอาวาสองค์ก่อน) วัดสังฆราชาวาส ซึ่งเป็นสหายธรรมของหลวงพ่อเชย วัดท่าควาย และหลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโก เหรียญรุ่นแรกของหลวงพ่อพูล วัดสังฆราชาวาสเป็นเหรียญยอดนิยมของชาวเมืองสิงห์บุรีมีค่านิยมหลักหมื่น ถือว่าเป็นสุดยอดเหรียญที่ศักดิ์สิทธิ์และคงกระพัน หลังจากหลวงพ่อฉาบได้ศึกษาวิชาจากหลวงพ่อทรัพย์แล้ว ก็ได้ปรึกษาหลวงพ่อทรัพย์ในการปฏิบัติกิจแห่งธุดงค์วัตร ก็ได้รับการแนะนำสั่งสอนอย่างดี

โดยคุณ ekamulet99 (379)  [พ. 27 ก.ย. 2560 - 12:11 น.] #3837957 (3/10)


(N)
ธุดงค์วัตร ในปีพ.ศ.2493 โดยมุ่งสู่จังหวัดลพบุรีดินแดนซึ่งเคยเป็นอาณาจักร ลวปุระ (ละโว) อันรุ่งเรืองเกรียงไกรมาแล้ว หลวงพ่อฉาบได้เดินธุดงค์ไปยังถ้ำตะโก เพื่อจะไปหาความสงบวิเวก เมื่อถึงถ้ำตะโกมาทราบว่าหลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโกพุทธโสภา ท่านได้ละสังขารมรณภาพไปแล้ว ก็ได้พบกับหลวงพ่อคง คงคปัญโญ เจ้าอาวาสวัดถ้ำตะโก ศิษย์เอกหลวงพ่อเภา ซึ่งได้รับสืบทอดวิชาวิปัสสนากรรมฐานและไสยเวทย์ต่าง ๆจากหลวงพ่อเภาทั้งหมด หลวงพ่อฉาบจึงได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์เรียนวิชาต่าง ๆ ของหลวงพ่อเภา วัดถ้ำตะโก จากหลวงพ่อคง คงฺคปัญโญ เจ้าอาวาสวัดถ้ำตะโกพุทธโสภา จากนั้นหลวงพ่อฉาบก็เดินทางมุ่งไปสู่วัดเขาสาริกา เพื่อจะไปศึกษาธรรมกรรมฐานจากหลวงพ่อกบ ก็ปรากฏว่าได้มรณภาพไปแล้วเช่นกัน จึงได้มาปฏิบัติธรรมที่วัดเขาวงกฎ วัดเขาวงกฎอยู่ติดกับวัดเขาสาริกาอยู่คนละฝางเขาที่วัดเขาวงกฎแห่งนี้ ตั้งอยู่ที่เขาสนามแจง ต.สนามแจง อ.บ้านหมี่ จ.ลพบุรี เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในวงล้อมของเขา เป็นลักษณะหุบเขาเปิด มีทางเข้าออกทางเดียว เมื่อปี พ.ศ.2465 หลวงพ่อเภา พุทธสโร วัดถ้ำตะโกธุดงค์มาพบสถานที่แห่งนี้เข้าเห็นว่าเหมาะแก่การอบรมสมถกรรมฐานและเจริญวิปัสสนากรรมฐานมาก จึงได้ทำการก่อสร้างให้เป็นวัดโดยสมบูรณ์แบบ มีถ้ำคูหาสวรรค์อยู่ที่เชิงเขาด้านทิศเหนือ ซึ่งหลวงพ่อเภาจะจำพรรษาและทำความเพียรในถ้ำคูหาสวรรค์แห่งนี้ ต่อมากรมพระนครสวรรค์ พระองค์เจ้าบริพัตร สุขุมพันธ์เสด็จมาที่เขาวงกฎได้พบหลวงพ่อเภา ทรงเลื่อมใสในปฏิปทาและแนวทางในการปฏิบัติของหลวงพ่อ จึงได้ถวายปัจจัยให้ก่อสร้างวัด หลวงพ่อเภาได้สร้างกุฏิขึ้นหน้าถ้ำคูหาสวรรค์ให้ชื่อว่า &#8220ตึกบริพัตร&#8221 ตามนามของผู้บริจาค และหลวงพ่อเภาได้มาจำพรรษาที่กุฏินี้ตลอดมา หลังจากหลวงพ่อเภาได้มรณภาพในปีพ.ศ.2474 ที่วัดแห่งนี้ในปีหนึ่งจะมีพระสงฆ์มาจากวัดต่าง ๆ ทุกภูมิภาคมาปฏิบัติธรรมที่วัดเขาวงกฎแห่งนี้ หลวงพ่อฉาบได้มาปฏิบัติธรรมได้พบกับ พระมหาชวน มลิพันธ์ (หลวงพ่อโอภาสี) หลวงพ่อฉาบ ได้พบหลวงพ่อโอภาสี เล่าเรื่องมีความศรัทธาหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา แต่มารู้ภายหลังว่าท่านได้มรณภาพไปแล้วด้วยความตั้งใจมุ่งหวังจะศึกษาวิชาต่าง ๆ จากท่าน ก็ได้รับคำแนะนำจากหลวงพ่อโอภาสี ซึ่งเป็นศิษย์ที่รับการถ่ายทอดวิชามาจากหลวงพ่อกบ วัดเขาสาริกา หลวงพ่อฉาบจึงขอฝากตัวเป็นศิษย์หลวงพ่อโอภาสี ขอศึกษาวิชากสิณต่าง ๆ และไสยเวทย์ หลวงพ่อโอภาสี ได้ฝึกสอนวิชาต่าง ๆ ให้เช่นกสิณไฟ และคาถาอาคมต่าง ๆ ให้หลวงพ่อฉาบจำนวนมากและยังได้ชักชวนนิมนต์ให้หลวงพ่อฉาบเดินทางไปพบท่านที่อาศมบางมดกรุงเทพ ในครั้งนั้นที่วัดเขาวงกฎหลวงพ่อฉาบยังได้พบปะรู้จักเป็นสหายธรรมกับหลวงพ่อชา สุภัทโท แห่งวัดหนองป่าพง จังหวัดอุบลราชธานี ก็ได้เดินทางมาปฏิบัติธรรมที่วัดเขาวงกฎแห่งนี้ด้วย ได้ปฏิบัติธรรมร่วมกันได้ขอศึกษาแลกเปลี่ยนวิชาไสยเวทย์ต่าง ๆ กับหลวงพ่อชา สุภัทโท หลวงพ่อชาเกิดปีพ.ศ.2471 ปีเดียวกับหลวงพ่อฉาบ มงฺคโล หลวงพ่อชาท่านได้ละสังขารไปแล้วเมื่อปีพ.ศ.2536 ร่วมสิริอายุได้ 65 ปี หลวงพ่อฉาบอยู่ปฏิบัติธรรมเป็นเวลา 45 วัน ก็ได้เดินทางกลับไปยังวัดถ้ำตะโกอีกครั้งหนึ่ง ได้พำนักอยู่ที่วัดถ้ำตะโกพบปะใกล้ชิดกับหลวงพ่อคงอีกครั้งก็มาศึกษาพบว่าที่วัดถ้ำตะโกแห่งนี้อยู่ในบริเวณดอยเขาเทือกเขาเดียวกับวัดต่าง ๆ อีกถึง 3 วัดรวมดอยนี้มีวัดถึง 4 วัด คือ วัดเขาสมอคอน วัดถ้ำช้างเผือก วัดถ้ำตะโก วัดบันไดสามแสน ในอดีตตั้งแต่ยุคสมัยทวาราวดีเป็นต้นมา ดอยเทือกเขานี้มีความสำคัญมากมีถ้ำใหญ่น้อยเป็นร้อย ๆ ถ้ำ เป็นที่อยู่ของผู้ทรงศีล สมณะ ฤาษี พราหมณ์ เป็นแห่งกำเนิดของวิชาไสยเวทย์มนต์คาถาแหล่งรวมวิชาไสยศาสตร์ เช่นวิชาขอมดำดิน ก็ก่อเกิดในที่แห่งนี้เป็นตรรกศิลาแห่งไสยศาสตร์และเวทย์มนต์ วัดเขาสมอคอนเป็นวัดอยู่ต้นดอย มีถ้ำพระนอนและที่พำนักของฤาษีสุกกะทันตะและ ถ้ำพราหมณี พ่อขุนรามคำแหงมหาราช กษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัยก็มาศึกษาที่แห่งนี้ นับว่าเป็นแหล่งรวมศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ หลวงพ่อฉาบ ก็ได้เดินทางมาที่วัดเขาสมอคอน เข้ากราบนมัสการฝากตัวขอเป็นศิษย์เล่าเรียนวิชาจากหลวงพ่อบุญมี อิสสโร ศิษย์ผู้รับการสืบทอดวิชาไสยเวทย์จากหลวงพ่อพระครูอุปัชฌาย์ก๋ง จฺนทสโร พระอุปัชฌาย์ก๋ง มีวิชาไสยเวทย์มากมายได้จากตำราเก่า อักขระยุคขอม ท่านเก่งมากเหรียญรุ่นแรกของท่านชาวลพบุรีเล่นหากันหลักแสน จะขอย้อนกล่าวถึงความเป็นมาของเทือกเขาสมอคอน ที่เป็นที่ตั้งของวัดเขาสมอคอนอยู่บนดอยสำคัญที่ได้กล่าวมาให้ทราบถึงความเป็นมาดังนี้ เทือกเขาสมอคอนหรือเรียกดอยธัมมิกราช ดอยธัมมิกราชวิทยาลัยราชะแห่งยุวทวาราวดี ดอยธัมมิก สาเหตุที่มีชื่อเรียกอย่างนี้เนื่องมาจาก สุกกทันตฤาษี (สุทันตฤาษี) ในหนังสือชินกาลมนีกล่าวว่า สุกกทันตฤาษีพำนัก ณ ดอยธัมมิก (เขาสมอคอน) อยู่ทางทิศใต้ของกรุงหริภุญชัย (ลำพูน) ในสมัยพระเจ้าจักรวัตติราช แห่งกรุงละโว้ สุกกทันตฤาษี ในสมัยนั้นย่อมเป็นที่รู้จักต่อฝูงชนหมู่คณาจารย์ และบรรดากษัตริย์ต่าง ๆ ทั่วทุกแคว้น ดอยธัมมิกราช เป็นดอยที่มีประวัติศาสตร์ความเป็นมาเกี่ยวข้องกับกษัตริย์ในสมัยทวาราวดี เพราะทั้งภาษาหนังสือและความหมายเป็นภาษาชั้นสูงของผู้คงแก่เรียนที่ได้รู้ในทางพระพุทธศาสนาอย่างมาก จึงสถาปนายอดดอยแห่งนี้เป็นที่ปฏิบัติธรรมของบรรดาฤาษีและผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่หรืออีกนัยหนึ่งว่าเจ้ากรุงละโว้ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก พระพุทธศาสนา จนได้สมญาพระนามว่าพระเจ้าธัมมิกราช ความสำคัญของดอยธัมมิกราช เขาสมอคอนได้สมญานามว่าวิทยาลัยแห่งราชะยุคทวาราวดียอมเป็นที่แน่นอนที่สุดที่บรรดาพระเกจิอาจารย์มีชื่อเสียงดังเรื่องไสยเวทย์เข้มขลังเป็นที่ยอมรับในสมัยเก่าก่อนมากกว่า 150 ปีขึ้นไปนั้นส่วนใหญ่จะได้รับการสืบทอดเผยแพร่วิชาไสยเวทย์มาจากแหล่งกำเนิดวิชาจากดอยธัมมิกราชแห่งนี้ทั้งสิ้น เมื่อหลวงพ่อฉาบ ได้ศึกษาเล่าเรียนจนจบสิ้นแล้วก็ได้เดินธุดงค์เข้าวัดต่อไปยังภาคเหนือที่ดอยสุเทพ จ.เชียงใหม่ไปถึงแม่ฮ่องสอน แล้วกลับไปทางเชียงราย พะเยา เชียงแสน ข้ามไปฝั่งพม่าแคว้นเซียงตุง มุ่งสู่ภาคอีสานตอนบน เข้าสู่จังหวัดชัยภูมิและผ่านจังหวัดสระบุรีเข้าสู่กรุงเทพฯ ได้ไปกราบนมัสการหลวงพ่อโอภาสีอีกครั้งในปีพ.ศ.2496 ที่อาศมบางมดกรุงเทพฯ ได้พำนักอยู่เป็นเวลา 3 เดือนแล้วก็ลากลับวัดศรีสาครหลังจากกลับมาอยู่วัดได้ 2 อาทิตย์หลวงพ่อฉาบก็ได้เดินทางไปยังวัดชีประขาว อ.พรมบุรี จ.สิงห์บุรี เข้าพบกราบนมัสการหลวงพ่อซวง ในช่วงนั้นหลวงพ่อซวง อายุ 55 ปีท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมีเมตตาบารมี มีบุญฤทธิ์สูงส่งมาก หลวงพ่อฉาบได้เข้าฝากตัวเป็นศิษย์ขอศึกษาวิชาไสยเวทย์วิทยาคมจากท่าน หลวงพ่อซวงได้เมตตาสั่งสอนถ่ายทอดวิชาต่าง ๆ ให้หลวงพ่อฉาบ อยู่เป็นเวลา 2 ปี โดยที่หลวงพ่อฉาบ จะเดินทางไปยังวัดชีประขาวครั้งละ 1 อาทิตย์ไปกลับเช่นนี้ มาวันหนึ่งเมื่อปลายปีพ.ศ.2497 หลวงพ่อซวง ท่านได้กล่าวกับหลวงพ่อฉาบไว้ว่าต่อไปท่านจะได้เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีสาครมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่อมใสเคารพศรัทธาของชาวพุทธโดยทั่ว หลังจากนั้นต่อมาในปีพ.ศ.2498 หลวงพ่อฉาบ มงฺคโลก็ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสวัดศรีสาครสืบมาจนถึงทุกวันนี้ เมื่อหลวงพ่อฉาบเป็นเจ้าอาวาสแล้วได้ดูแลและปกครองวัดด้วยความเรียบร้อยในพรรษาที่30 ตรงกับปีพ.ศ.2521 ท่านได้จัดการมอบหมายให้รองเจ้าอาวาสดูแลวัดศรีสาครเป็นการชั่วคราวแล้วหลวงพ่อฉาบได้ออกเดินธุดงค์วัตรเป็นครั้งที่2 เดินธุดงค์ไปยังจังหวัดสระบุรีได้เข้าพบหลวงพ่อบาง วัดหนองพลับ ได้เข้านมัสการขอคำแนะนำด้านอาคมต่าง ๆ จากหลวงพ่อบาง จากนั้นก็มุ่งไปยังจังหวัดนครราชสีมา ที่อำเภอครบุรีได้เข้านมัสการหาหลวงพ่อนิล ได้ขอเรียนวิชาด้านบรรจุพลังจิตในการเสกวัตถุมงคลและเพิ่มเติมด้านกสิณต่าง ๆ จากหลวงพ่อนิลแล้วเดินทางต่อไปยังปราสาทเขาพนมรุ้ง จังหวัดบุรีรัมย์ ได้ไปกราบนมัสการปราสาทเขาพนมรุ้ง แล้วมุ่งสู่จังหวัดสุรินทร์ที่อำเภอนารายณ์ได้พบกับหลวงพ่ออ่อน วัดธรรมรงค์ษา หลวงพ่ออ่อนเป็นพระเกจิอาจารย์จอมขมังเวทย์ที่เชี่ยวชาญด้านมหาอุตและอยู่ยงคงกระพันชาตรีมีวิชาเวทย์มนต์ ตระกรุดเลขยันต์ที่ร่ำเรียนมาจากประเทศกัมพูชา หลวงพ่อฉาบได้ไปปักกตอยู่ที่หมู่บ้านบ้านเบิกเป็นหมู่บ้านใหญ่ชาวบ้านที่นั่นเป็นคนเขมร ส่วนใหญ่จะเชี่ยวชาญด้านไสยศาสตร์มีวิชาอาคมมาก เก่งแค่ไหนก็ต้องยอมหลวงพ่ออ่อน วัดธรรมรงค์ษา หลวงพ่อฉาบได้เข้ากราบนมัสการพบหลวงพ่ออ่อน ๆ อายุประมาณ 80 ปีได้เมตตาสอนวิชามหาอุตและคงกระพันชาตรีให้หลวงพ่อฉาบมาหลายบทหลายตอนเป็นวิชาที่เข้มขลังศักดิ์สิทธิ์ใช้ได้ผลเหลือคะนาประการ ในขณะที่บำเพ็ญธรรมอยู่ในกตที่บ้านเบิกนั่นได้พบการบรรดาวิญญาณที่ตายด้วยอาการต่าง ๆ และสัมปเวสีมาขอส่วนบุญ หลวงพ่อฉาบก็ได้แพร่ส่วนบุญและแพร่เมตตาให้แล้วต่างก็หายไป หลวงพ่อฉาบเข้ากราบนมัสการหลวงพ่ออ่อนแล้วเดินธุดงค์ต่อไปยังจังหวัดอุบลราชธานีได้เข้ากราบนมัสการ หลวงพ่อพั่ว วัดนาเจริญ เข้าขอคำชี้แนะศึกษาธรรมปฏิบัติต่าง ๆจากหลวงพ่อพั่ว ๆ วัดนาเจริญท่านเป็นพระคณาจารย์ที่มีพลังจิตแก่กล้ามาก เป็นพระได้สำเร็จญาณสมาบัติถึงอนาคามีจากวัดนาเจริญ แล้วมาปักกตชานเมืองอำเภอวารินชำราบ ณ ที่แห่งนั้นในยามค่ำคืนก็มีวิญญาณมาขอส่วนบุญและบรรดาสัมปเวสี หลวงพ่อฉาบก็ได้แพร่เมตตาและแพร่ส่วนบุญให้แล้วก็หายไป หลวงพ่อฉาบกล่าวว่าหลังจากท่านกลับจากธุดงค์ครั้งนั้นจำไม่ได้ว่าปีไหนที่อำเภอวารินชำราบมีพิธีการล้างป่าช้าท่านก็ได้ถูกนิมนต์มาในงานด้วยและมาโดยตรงและมาพำนักอยู่ที่วัดหนองป่าพงที่กุฏิหลวงพ่อชา สุภัทโท เมื่อหลวงพ่อฉาบได้นมัสการหลวงพ่อพั่ว วัดนาเจริญแล้วก็ได้ไปพบหลวงพ่อชา สุภัทโท วัดหนองป่าพง พำนักพักอยู่กับสหายธรรมที่รู้จักซึ่งได้ร่วมปฏิบัติธรรมกันที่วัดเขาวงกฎ จังหวัดลพบุรี หลวงพ่อชา สุภัทโท เป็นพระอริยสงฆ์ ได้บรรลุธรรมชั้นสูงถึงซึ่งโลกุตตรธรรม โดยผู้มีความรู้และเชี่ยวชาญในการปฏิบัติธรรมต่างลงความเห็นและสัมผัสได้ว่าหลวงพ่อชา สุภัทโท ท่านได้สำเร็จเป็นพระอรหัง หลวงพ่อฉาบได้พำนักอยู่วัดหนองป่าพง 5 วันก็ได้มุ่งสู่จังหวัดนครพนมกราบนมัสการพระธาตุพนมแล้วก็เดินทางเข้าสู่จังหวัดร้อยเอ็ดไปยังวัดสว่างธาศรี เข้าพบหลวงพ่อทองมา ถาวโล ได้กราบนมัสการของศึกษาและแลกเปลี่ยนวิชากับหลวงพ่อทองมา ได้ปักกตที่พักอยู่เนินสูงข้างทุ่งนา 1คืนหลังจากพบหลวงพ่อทองมาได้คุยข้อแลกเปลี่ยนวิชากันแล้วก็ลาจากท่านไปได้เดินผ่านทุ่งนาหลังวัดลัดเลาะเข้าสู่จังหวัดหาสารคามผ่านนาดูนเมืองเก่าแล้วกลับผ่านโคราชเข้าสระบุรีกลับสู่วัดศรีสาคร เมื่อหลวงพ่อฉาบ ได้เข้าจากะธุดงค์ครั้งที่ 2 แล้ว ก็อยู่แต่ภายในวัดศรีสาครไม่ได้เดินทางไปไหนอีกเลยท่านปิดกุฏิเป็นตลอดนานมุ่งบำเพ็ญกรรมฐานและสมาธิวิปัสสนากรรมฐานอยู่เป็นเวลาหลาย 10 ปีในแต่ละวันจะเปิดกุฏิรับญาติโยมและพุทธศาสนิกชนเพียงบางเวลาเท่านั้นท่านไม่มีโทรทัศน์,วิทยุ ปิดกุฏิไม่รับรู้เรื่องภายนอกแต่ท่านก็รอบรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ดี ท่านจะเน้นเรื่องกรรมบางครั้งสิ่งที่เป็นกรรมเหตุจะเกิดก็ไม่อาจเลี่ยงได้ต้องปล่อยให้เป็นไปตามกรรม คุณสุนทร คนที่ดูแลหลวงพ่อคุยให้ฟังว่าหลวงพ่อจะพูดถึงหลวงพ่อชา สุภัทโทอยู่เสมอ เหมือนท่านได้นั่งสมาธิส่งกระแสจิตถึงกันเหมือนติดต่อกันทางจิตในวันที่หลวงพ่อชาได้ละสังขารลง หลวงพ่อฉาบได้รีบเดินทางล่วงหน้าไปยังวัดหนองป่าพงและหลวงพ่อฉาบได้ไปร่วมในงานพระราชทานเพลิงศพในครั้งนั้นด้วย หลวงพ่อฉาบได้ศึกษาไสยเวทย์และคาถาต่าง ๆ จากพระเกจิอาจารย์และพระคณาจารย์ที่มีชื่อเสียงจำนวนมากอีกทั้งท่านได้ปฏิบัติดีและประพฤติชอบตามพระธรรมวินัยคำสั่งสอนขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้า ย่อมเป็นที่ยอมรับนับถือของชาวพุทธและชาวจังหวัดสิงห์บุรีอีกทั้งจังหวัดใกล้เคียงอีกจำนวนมาก

โดยคุณ ekamulet99 (379)  [พ. 27 ก.ย. 2560 - 12:11 น.] #3837958 (4/10)
อภินิหารและประสบการณ์ ประสบการณ์เหรียญรูปไข่หันข้างรุ่น3 เหตุเกิดเมื่อวันอาทิตย์ในปีพ.ศ.2538 เกิดกับครูสำอาง ทัพเที่ยง เป็นครูสอนนักเรียนโรงเรียนวัดพระปรางค์ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ได้ไปเข้าเวรวันอาทิตย์ ได้มีชายแปลกหน้า 2 คนเดินเข้ามาถามถึงแม่ชีทองก้อน ว่าอยู่กุฏิไหน ครูสำอางได้ชี้ไปข้างหน้าแล้วชายแปลกหน้า 2 คนก็ได้เดินไปที่กุฏิแม่ชี สักครู่ก็ได้เดินกลับมาใหม่เดินตรงเข้ามาหาครูสำอางพร้อมชักปีนออกมาจี้คุณครูสำอาง ขอให้เอาสร้อยทองคำในคอ ครูสำอางตกใจยืนตลึงพร้อมยกมือไหว้ร้องขอ ๆ อย่าได้เอาทองไปเลยแล้วชาย 2คนได้เข้ามากระชากสร้อยคอทองคำในคอของครูสำอาง ครูสำอางได้ระวังตัวอยู่แล้วเอามือรีบคว้าสร้อยคอไว้ ปรากฏว่าโจรได้สร้อยทองที่ขาดติดมือไปเพียงเล็กน้อยแล้วโจรก็ได้ยิงปีนใส่ครูสำอางหลายนัด ปรากฏว่ายิงไม่ออกครูสำอางได้ไปแจ้งความไว้ที่ ส.ภ.อ.เมืองสิงห์บุรี เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ติดตามจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมดและคดีได้สิ้นสุดลงโดยศาลได้ตัดสินจำคุกคนร้ายคนละ 15 ปี คุณครูสำอางได้เหน็บเหรียญรุ่น3 ของหลวงพ่อฉาบอยู่ในกระเป๋าเสื้ออยู่เหรียญเดียว ครูสำอางกล่าวว่าเรื่องที่เกิดขึ้นโดนยิงไม่ออกเพราะมีเหรียญหลวงพ่อฉาบคุ้มครองช่วยชีวิตไว้ให้รอดพ้นจากอันตรายในครั้งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นที่รู้กันทั่วตลาดสิงห์บุรี


โดยคุณ ekamulet99 (379)  [พ. 27 ก.ย. 2560 - 12:12 น.] #3837959 (5/10)


(N)
ประสบการณ์เหรียญรุ่น1 นายสน่ำ มาโนนาท เจ้าของลิเก คณะโนนาท เรืองนาม ไปปิดวิดแสดงที่ภาคอีสาน มีนักเลงมาขอเข้าดูฟรี 20 กว่าคน นายสน่ำ ไม่ให้เข้า โดนนักเลงรุมแทง ปรากฏว่าแทงไม่เข้า นายสน่ำ ได้ห้อยคอติดเหรียญรุ่น1 หลวงพ่อฉาบอยู่ในคอเพียงเหรียญเดียว นายสน่ำ คุยให้ฟังว่าที่รอดตายมาได้เพราะพุทธคุณเหรียญรุ่น1 หลวงพ่อฉาบได้ช่วยชีวิตไว้
อาจารย์สมพงษ์ วินิจ เป็นศิลปินดีเด่นสาขาประติมากรรมประจำจังหวัดสิงห์บุรี สังกัดคณะกรรมการสภาวัฒนธรรมแห่งชาติได้เล่าให้ฟังว่า นายทองเติม วินิจ เป็นพี่ชาย เป็นช่างหล่อพระในขณะที่นั่งขัดผิวพระอยู่ ได้มีคนจีน อาแปะวัยประมาณ 60 ปี ได้นั่งรถเก๋งมาจอดที่หน้าโรงงาน แล้วเข้ามาถามหาพระสงฆ์รูปหนึ่งมีรูปร่างสูงใหญ่เคยบอกว่าท่านอยู่วัดแห่งหนึ่งอยู่ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี ชื่อวัดศรี แต่จำไม่ได้ว่าวัดศรีอะไร อาแปะได้อธิบายบอกถึงลักษณะต่าง ๆ แก่ช่างทองเติมอย่างละเอียด จนช่างทองเติม บอกกลับไปว่าใช่หลวงพ่อฉาบ วัดศรีสาครหรือไม่ อาแปะร้อง เออ ใช่แล้ว ช่างทองเติมถามว่ามีอะไรเหรอ อาแปะคนจีนได้เล่าเรื่องราวให้คุณทองเติมฟังว่า เขามีบ้านอยู่เยาวราชจะทำบุญใส่บาตรทุกเช้า ได้พบและใส่บาตรหลวงพ่อรูปนี้และได้ถวายดอกเบญจมาศ วางลงบนฝ่าบาตรหลวงพ่อฉาบ เมื่อหลวงพ่อได้รับแล้วก็ได้หยิบเอาดอกเบญจมาศพร้อมคืนให้อาแปะแล้วกล่าวกับเค้าว่าให้โยมเอาดอกไม้ไปบูชาพระที่บ้านเพราะหลวงพ่ออยู่ไกลอยู่วัดศรีสาคร อ.เมือง จ.สิงห์บุรี เกรงว่าดอกไม้จะเหี่ยวแล้วเค้าก็ได้รับดอกไม้กลับไปบ้าน แล้วลืมนำไปไหว้พระไปวางไว้บนตู้จนเวลาผ่านไป 20 กว่าวันต่อมาได้มาเห็นดอกเบญจมาศวางอยู่บนตู้ยังอยู่ในสภาพปกติไม่เหี่ยวเฉาแม้แต่น้อยจึงเกิดเหตุประหลาดใจทำให้เกิดแรงบันดาลใจอยากทราบความเป็นจริงว่าหลวงพ่อองค์นั้นอยู่ที่ จ.สิงห์บุรีจริงหรือไม่ ท่านต้องไม่ใช่ธรรมดาหรือเป็นอริยะสงฆ์อย่างแน่นอนจึงได้เดินทางมาถามหาหลวงพ่อด้วยความศรัทธาเลื่อมใสยิ่งนัก วัดศรีสาครอยู่ห่างจากโรงงานคุณทองเติมเพียง 2 กม.เท่านั้น คุณทองเติมได้ฟังจากคำบอกเล่าของอาแปะ ก็ได้ขันอาสานำทางพาอาแปะคนจีนไปที่วัดศรีสาครเมื่ออาแปะได้ไปที่วัดศรีสาครแล้วได้เห็นหลวงพ่อฉาบ นั่งบนเก้าอี้อยู่นอกชานกุฏิของท่านถึงกับตลึงรำพึงกล่าวเสียงขึ้นว่า โอ้ใช่แล้วหลวงพ่อองค์นี้ล่ะ แล้วรีบเข้าไปกราบหลวงพ่อฉาบในทันทีเรื่องนี้อาจารย์สมพงษ์ วินิจ น้องชายคุณทองเติม วินิจกล่าวว่าหลวงพ่อฉาบท่านสามารถถอดกายทิพย์ไปบิณฑบาตรในสถานที่แดนไกลได้จริง
จ.ส.อ.สุวัฒน์ พูลสวัสดิ์ อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ที่5 ต.ต้นโพธิ์ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี บ้านอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับวัดศรีสาคร อยู่มาเช้าวันหนึ่งเวลาประมาณ 6 โมงเช้า จ.ส.อ.สุวัฒน์ พูลสวัสดิ์ ได้ตื่นขึ้นมาล้างหน้าและออกกำลังกายที่ถนนริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาได้มองไปที่แม่น้ำเจ้าพระยาได้เห็นหลวงพ่อฉาบได้เดินข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามาโดยที่เท้าของท่านไม่เปียกน้ำเข้ามาบิณบาตรฝั่งตรงข้าม จ.ส.อ. สุวัฒน์ ได้นำเรื่องที่เห็นไปเล่าให้ชาวบ้านแถวนั้นฟังจนเป็นข่าวเป็นที่สนใจของคนแก่คนเฒ่าแถบนั้นหลายคนเฝ้าติดตามอยากรู้ว่าในเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หลายคนก็ได้แต่อธิษฐานอยากพบเห็นก็ได้มีนายสำรวย มีสะอาด อยู่บ้านเลขที่ 27 หมู่5 ต.ต้นโพธิ์ ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ในเวลาเช้าวันหนึ่งได้เห็นหลวงพ่อฉาบ เดินข้ามน้ำมาบิณบาตรหลายคนไปเล่าให้หลวงพ่อฉาบฟัง และถามหลวงพ่อว่าท่านได้ข้ามไปบิณบาตรฝั่งหน้าวัดหรือไม่ ท่านตอบยิ้ม ๆ ว่าฉันก็ยังที่วัดไม่ได้ไปไหนผู้คนต่างก็ยังเล่าลือว่าหลวงพ่อถอดกายทิพย์ลอยข้ามไปบิณบาตรฝั่งตรงข้ามหรือเป็นเพราะว่าท่านสำเร็จวิชาแปลงธาตุจากน้ำให้เป็นดินสมดังคำล่ำลือในสมัยหลายปีก่อนที่หน้าวัดศรีสาคร มีท่าเรือข้ามฟาก หลวงพ่อฉาบเคยข้ามไปบิณบาตรฝั่งตรงกันข้ามกับวัดเหมือนกันชาวบ้านกล่าวแต่จุดที่ จ.ส.อ.สุวัฒน์ และนายสำรวยเห็นนั้นห่างจากท่าเรือข้ามฟากถึงกม.เมตรกว่าเห็นท่านเดินข้ามแม่น้ำมาอีกฝั่ง
รู้ได้ด้วยณาณทิพย์ นางวิภา วินิจ ได้ชวนนางพเยาว์ วินิจ ผู้เป็นพี่สาวไปกราบหลวงพ่อฉาบ ขณะที่ขึ้นบันไดศาลากุฏิหลวงพ่อเห็นหลวงพ่อนั่งอยู่ด้วยอริยะบทยกเข่าขึ้น 2 ข้างแขกที่มาก่อนและนางพเยาว์ต่างก็กราบหลวงพ่อแต่นางวิภาไม่ยอมกราบเพราะเห็นหลวงพ่อยกเข่าไม่สุภาพแค่นางวิภา คิดในใจหลวงพ่อฉาบก็รู้ด้วยญาณแล้วท่านก็เอาเข่าลงทั้ง 2 ข้างนั่งตรงแล้วพูดขึ้นว่าที่อาตมานั่งอย่างนี้เพราะมันเมื่อย นางวิภาตกใจได้บอกกับพี่สาวเค้าว่าฉันแค่คิดเท่านั้นหลวงพ่อรู้ได้อย่างไร
เมื่อรายปีที่ผ่านมาบริเวณข้างวัดในมีชาวบ้านมาปลุกบ้านอาศัยอยู่มีชาวบ้านคนหนึ่งได้ไปขโมยจับเอาแม่ไก่บ้านนายจง บัวสดไปเหลือแต่ลูกไก่ร้องหาแม่ไก่ส่งเสียงดังเจียวจ่าวไปหมด วันนั้นนายจง พอดีได้มาทำบุญกับหลวงพ่อฉาบที่วัดศรีสาครได้บ่นให้หลวงพ่อฉาบฟังว่าไม่รู้ไอ้มือดีคนไหนมากดเอาแม่ไก่ไปทำให้ลุกไก่ร้องเจียวจ่าวไปหมด หลวงพ่อฉาบฟังแล้วนั่งนิ่งไปสักครู่ก็กล่าวขึ้นว่าไอ้คนที่ลักขโมยแม่ไก่ไปนั่นคือคนที่มีบ้านอยู่ข้างบ้านหลังริมสุดมันเอากระปุกครอบไก่ไว้นอกชานบ้านเอ็นรีบไปดู นายจงได้ไปตามที่หลวงพ่อฉาบบอกก็ปรากฏว่าบ้านหลังดังกล่าวที่นอกชานมีกระปุกครอบอยู่ นายจงได้ไปหงายกระปุกขึ้นดูก็พบว่ามีแม่ไก่ของตนที่หายไปอยู่ในกระปุกนั้นจริงๆ นายจงได้เอาแม่ไก่กลับไปแสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อฉาบมีทิพจักษุหูทิพย์ตาทิพย์
มีอยู่ครั้งหนึ่งหลวงพ่อฉาบท่านป่วยเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลสิงห์บุรี ขณะที่นอนพักอยู่ในห้องภายในโรงพยาบาลซึ่งไม่มีหน้าต่างวันนั้นได้มีมรรกทายกและกรรมการอีกหลายคนมาเฝ้าดูแลหลวงพ่อ อยู่ๆ หลวงพ่อฉาบท่านก็บอกมรรกทายกว่ารีบออกไปหานายสามพิมพ์ ดิษฐวิเศษ ที่ข้างนอกทีเค้ากำลังหาห้องหลวงพ่อไม่เจอ นายสามพิมพ์ เป็นชาวบ้านอยู่ข้างวัดพอรู้ว่าหลวงพ่อฉาบป่วย ก็รีบเดินทางตามมาโรงพยาบาลโดยที่ไม่มีใครทราบ แต่หลวงพ่อนอนอยู่บนเตียงคนไข้ท่านรู้ได้ด้วยญาณวิเศษว่านายสามพิมพ์ตามมาหาหลวงพ่อและหาห้องพักท่านยังไม่พบ

โดยคุณ ekamulet99 (379)  [พ. 27 ก.ย. 2560 - 12:19 น.] #3837960 (6/10)


(N)
.

โดยคุณ ekamulet99 (379)  [พ. 27 ก.ย. 2560 - 12:21 น.] #3837961 (7/10)


(N)

โดยคุณ ekamulet99 (379)  [พ. 27 ก.ย. 2560 - 12:23 น.] #3837962 (8/10)


(N)

โดยคุณ ekamulet99 (379)  [พ. 27 ก.ย. 2560 - 14:40 น.] #3837990 (9/10)


(N)
หลวงพ่อฉาบ มังคโล พระเกจิชื่อดังเมืองสิงห์
https://www.khaosod.co.th/amulets/news_336308


โดยคุณ dorn80 (280)  [พฤ. 19 ต.ค. 2560 - 15:49 น.] #3843225 (10/10)
ไปเห็นกับตา และมีประสพการณ์กับท่านเองเลยครับ เหมือนท่านมีญาณหยั่งรู้นะครับ สาธุ สาธุ สาธุ

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1