(D)
เมื่อมีอายุได้ 84 ปี สังขาร เริ่มโรยราและอาพาธอยู่บ่อยครั้ง ลูกศิษย์ของท่านจึงอยากให้ท่านปลดกลดละธุดงค์เสียจึงร่วมกันคิด และเห็นพ้องกันว่าควรตั้งสำนักสงฆ์ขึ้นที่เขารัง และตั้งชื่อตามนามเจ้าของที่ดิน ว่า ?สำนักสงฆ์เทพ ขจรจิต? และก่อสร้างพระพุทธรูปปางประทานพรไว้บนยอดเขามีขนาดใหญ่ที่สุดในจังหวัดภูเก็ต สามารถมองเห็นได้แต่ไกล บ่อยครั้งเมื่อหลวงปู่อาพาธต้องเข้าทำการรักษาที่ รพ.วชิระ ท่านเห็นว่า พระสงฆ์ที่อาพาธต้องรักษาอยู่รวมกับคนป่วยทั่วไป ทำให้เกิดความไม่สะดวกแก่พระสงฆ์ เมือท่าน เห็นดังนั้นจึงสร้างตึกสงฆ์อาพาธขึ้นที่ รพ.วชิระ ทำให้การรักษาพยาบาลพระสงฆ์ทำได้ดีขึ้น นับ เป็นผลงานของท่านเมื่ออายุได้ 100 ปีพอดี สำนักสงฆ์เทพขจรจิตแห่งนี้นับเป็นสถานที่ที่ท่าน หลวงปู่พักอาศัยยาวนานที่สุด ด้วยความที่ท่านเป็นพระภิกษุที่ตั้งจิตอุทิศตนอยู่ภายใต้ร่มเงา ในพุทธศาสนาจึงคิดสร้างวัดขึ้นอีก แต่ด้วยเหตุว่าอาณาบริเวณบนยอดเขารังมีเนื้อที่ไม่เพียงพอท่านจึง เสาะหาสถานที่สร้างวัดแห่งใหม่ที่ตำบลฉลอง ดำเนินการเพียงสองปีก็สามารถก่อตั้งเป็นวัดได้ โดยได้ รับการโปรดเกล้าพระราชทานนามจากสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถว่า ?วัดสีลสุภาราม?
วัดนี้ตั้งอยู่บนเขารัง จ.ภูก็ตครับ....
|