ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : **@ทุตติยบท:พระสมเด็จ อนุสรณ์๑๐๐ปี วัดระฆังโฆษฺตาราม กทม.@**

(D)
เพื่อนๆเมลล์มาแจ้งให้เอาบทความตอนที่แล้วมาใส่ให้ครบเลยในกระทู้น่ะครับ เลยขออนุญาตลงซ้ำอีกครั้งนะครับ ....

ก่อนอื่นต้องขอบอกตามตรงว่าพระสมเด็จวัดระฆังรุ่น๑๐๐ปีนั้นเล่นและเช่าหาไม่ยากดังที่บางท่านเข้าใจครับ กระทู้นี้เขียนขึ้นสืบเนื่องจากว่า ผมมีความคิดว่าควรจะมีมาตรฐานให้สำหรับนักสะสมทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่ที่มีความสนใจและเพิ่งเข้ามาสะสมพระสมเด็จรุ่นนี้ เพื่อเป็นแนวทางให้ทุกท่านสะสมได้อย่างถูกต้องและเป็นมาตรฐานสากลครับ..
การจะสะสมพระให้เป็นและมีความชำนาญนั้น ก่อนอื่นต้องเข้าใจถึงจุดเริ่มต้นของการสร้างพระพิมพ์นั้นๆครับ สำหรับพระสมเด็จ รุ่น๑๐๐ปีวัดระฆังฯก็เช่นกันนะครับ เราต้องเข้าใจถึงมวลสารการสร้าง แม่พิมพ์ที่กด และองค์ประกอบโดยรวม
ในกระทู้นี้จะขอแจงเฉพาะพระเนื้อผงนะครับ สำหรับพระบูชาและพระกริ่งพระหล่อ คงต้องหาอ่านในหนังสือเอาน่ะครับเพราะรูปแบบลักษณะและโค๊ตตอกต้องยอมรับว่าผมไม่มีรูปเก็บไว้อยู่เลย

เริ่มเลยนะครับ
พระชุดสมเด็จวัดระฆังรุ่น๑๐๐ปี แบบเนื้อผงมีอยู่ด้วยกันดังนี้
1.พิมพ์พระสมเด็จชิ้นฟัก พิมพ์พระประธานใหญ่
2.พิมพ์พระสมเด็จพิมพ์คะแนน
3.พิมพ์พระรูปเหมือนสมเด็จโต
4.พิมพ์พระรูปเหมือนสมเด็จโตพิมพ์คะแนน
*********************************************************
มวลสารการสร้าง แม่พิมพ์ที่กด และวิธีการสร้าง
1.มวลสาร
มวลสารของพระชุดสมเด็จวัดระฆังรุ่น๑๐๐ปี มีดังนี้ ผงเก่าที่แตกหักของสมเด็จพุทธจารย์โต, ผงเก่าที่แตกหักของสมเด็จกรุวัดบางขุนพรหม, ผงเก่าที่แตกหักของสมเด็จปิลันท์(ใบลาน), เกสรดอกไม้แห้งว่านศักดิ์สิทธิ์ที่เก็บรวบรวมไว้, ผงธูปและเศษผนังปูนที่กระเทาะในพระอุโบสถพระประธานของวัดระฆัง มวลสาระสำคัญที่พระเกจิมากมายนำมาร่วมผสม
2.แบบแม่พิมพ์
สร้างจากการกดต้นแบบพระสมเด็จที่สมเด็จพุทธจารย์โต พรหมรังสี สร้างและทางผู้สร้างแบบได้เพิ่มเอกลักษณ์ลงไปในพิมพ์คือจุดไข่ปลาตรงบริเวณเข่าขวาพระประธานในพิมพ์ สมัยนู้นก่อนที่จะมีหนังสือ อ.ธีรยุทร ที่พิมพ์ครั้งที่๒รวมพระสมเด็จวัดใหม่อมตรส+วัดระฆัง๑๐๐ปีนั้น ด้วยตัวผมเองที่เช่าหาสะสมทุกพิมพ์และทุกสภาพ ประมาณ๒๐๐-๓๐๐องค์ได้ พอมีเวลาว่างก็มานั่งแยกพิมพ์เป็นsetเป็นกลุ่ม สามารถแยกย่อยในพิมพ์ได้มากกว่า๑๓พิมพ์นะครับ เอาไว้จะเปรียบเทียบให้ดูจากภาพนะครับว่าทำไมถึงแยกได้มากกว่าที่แจ้ง แต่ด้วยหนังสือ อ.ธีรยุทรนี้ผมจัดว่าเป็นเล่มมาตรฐานเล่มหนึ่งเลยนะครับเพราะข้อมูลที่ผมเองได้รับทราบจากกรรมการวัดที่ทันการสร้างพระชุดนี้เข้าตรงตามที่ได้
บรรยายในหนังสือครับ เหมาะที่จะมีไว้เป็นต้นฉบับในการศึกษาและสะสมอย่างมีหลักการครับ
3.วิธีการสร้าง
พระชุดนี้จัดสร้างโดยวัดระฆังโฆษิตารามและทำการกดพิมพ์ที่โรงงาน(โรงปั๊มพระ) โดยทางวัดได้นำเอามวลสารต่างๆและส่วนผสมแจ้งกับทางโรงงานเพื่อทำการกวนผสมมวลสารเนื้อพระ โดยพระชุดนี้แบบแม่พิมพ์สร้างจากการกดต้นแบบพระสมเด็จที่สมเด็จพระพุทธจารย์โต พรหมรังสี ได้สร้างไว้ในสมัยที่ท่านยังอยู่และทางผู้สร้างแบบได้เพิ่มเอกลักษณ์ลงไปในพิมพ์คือจุดกลมคล้ายจุดไข่ปลาตรงบริเวณเข่าขวาพระประธานในพิมพ์ ลักษณะแม่พิมพ์เป็นแบบตอกตัด บล็อคมีตัวผู้เพียงบล็อคเดียวคือ พิมพ์ด้านหน้าพระประธาน ส่วนด้านหลังเป็นแผ่นโลหะสำหรับวางเนื้อมวลสารเพื่อเสียบเข้าแม่พิมพ์พระแล้วทำการกดครับ เนื่องจากเวลาที่น้อยมีผลโดยตรงกับการกดพิมพ์พระให้ได้จำนวนตามที่ต้องการทางโรงงานจึงได้ทำการกอปปี้แม่แบบออกมาอีกจำนวนหนึ่งเพื่อเพิ่มจำนวนการกดให้ได้จำนวนมากขึ้นในเวลาเดียวกัน ยังผลให้ได้จำนวนพระสมเด็จตามเวลาที่กำหนด จากการก๊อปปี๊ต่อก๊อปปี๊จึงทำให้พิมพ์บางพิมพ์ตำหนิบางจุดก็หายไปและบางจุดก็เกิดขึ้นใหม่เอง พิมพ์ทรงจึงผิดเพียนไปบ้างเป็นธรรมดา แต่ถ้าลองเทียบดูบางแม่พิมพ์ลักษณะจะคล้ายๆกันมากเลยนะครับ
เนื่องจากเป็นพระที่กดมือและทำการวางมวลสารที่สำหรับกดพระบนแผ่นโละหะ บวกกับชั้นเชิงในด้านของความชำนาญในเรื่องการจัดสร้างพระแบบมืออาชีพของโรงงาน(อันนี้ต้องขอบอกว่าแต่ละโรงงานที่จัดสร้างพระนั้นเขาก็จะมีเอกลักษณ์ของแต่ละโรงงานเหมือนกันนะครับ) ดังนั้นจะมีจุดสังเกตุหลักและเป็นเอกลักษณ์ของพระชุดนี้ที่จัดทำจากโรงงานนี้จึงพอสรุปได้ดังนี้คือ
ผู้ทำการกดทำการหยิบเนื้อมวลสารมาจากส่วนที่ผสมเสร็จเป็นก้อนๆแล้วทำการวางลงแผ่นโลหะแบบเรียบเสียบเข้าล็อคที่จัดทำไว้แล้วกดกับแม่พิมพ์ พอกดเสร็จก็ทำการชักแผ่นเสียบออกมาแล้วหยิบพระไปตากให้แห้ง จุดสังเกตุตรงนี้หล่ะครับให้นึกภาพตามกันนะครับ ..คือการกดพระนั้นเป็นการกดแม่พิมพ์จากด้านบนลงล่างดังนั้นขอบตัดรอบกรอบองค์พระจะมีเส้นวิ่งแนวตั้งฉากกับด้านหน้าไปยังหลังพระและพอกดเสร็จยกแม่พิมพ์ขึ้นช่วงที่ทำการชักพระออกจากล็อค ขอบด้านข้างซ้าย-ขวาของพระสมเด็จจะถูกโมด้านข้างขูดไปจึงทำให้เกิดเส้นในแนวขนานขอบพระวิ่งอยู่ทั้งสองด้านองค์พระครับ เสร็จแล้วผู้ทำการกดก็หยิบพระไปตากรอแห้ง
จุดสังเกตอีกจุดคือบริเวณด้านหลังองค์พระ..นึกภาพตามนะครับ ผมขอเอาหลักวิทยาศาสตร์มาอ้างอิงนิดหน่อยคือ ตอนที่นำเอาเนื้อมวลสารที่ปั๊นเป็นก้อนวางลงโลหะแล้วกดนั้นช่วงที่แม่พิมพ์บังคับให้เนื้อมวลสารวิ่งไปติดเป็นรูปร่างตามแม่พิมพ์นั้น(กดจากข้างบนลงล่าง) เนื้อที่ถูกกดลงมีความอ่อนตัวย่อมแพร่ขยายออกเต็มพื้นที่ที่ถูกกดทับจนเต็ม ด้วยการที่กดลงนั้นช่วงเนื้อมวลสารกับแผ่นโลหะย่อมมีอากาศแทรกอยู่โดยทั่วไป ดังนั้นตอนกดแม่พิมพ์ลงเนื้อมวลสารถูกรีดแพร่ตามแม่พิมพ์ตรงบริเวณแผ่นเหล็กกับเนื้อพระก็จะมีอากาศเล็กๆที่ถูกไล่ออกไม่หมดเมื่อไล่ออก อย่าลืมนะครับอากาศก็เป็นสะสาร ไม่หมดมันจึงต้องหาพื้นที่ให้ตัวเองอยู่ได้คือฟองอากาศเหล่านี้จะดันตัวเองจากแผ่นโลหะขึ้นบนเนื้อพระที่แนบติดแผ่น(หากยังนึกภาพไม่ออกอันนี้ให้นึกถึงตอนแทน้ำลงหม้อเพื่อต้มน้ำนะคัรบจะสังเกตุเห็นที่ก้นหม้อจะมีพองเล็กติดอยู่ที่ผิวหม้อหลักการเดียวกันเลย) ผลที่ได้ออกมาคือ ผิวฟองอากาศที่ดันเนื้อพระจะเป็นร่องหลุมแบบไม่มีมิติสังเกตจากหลายๆองค์จะเห็นว่าร่องหลุมอากศที่เกิดไม่มีตำแหน่งที่ตรงกันเสียเลยในแต่ละองค์ อันนี้จะเป็นอีกเอกลักษณ์ที่มักปรากฏบนด้านหลังองค์พระสมเด็จรุ่น๑๐๐ปีนี้ครับ..

โดยคุณ nukro09 (2.2K)  [ส. 10 พ.ย. 2550 - 11:03 น.]



โดยคุณ nukro09 (2.2K)  [ส. 10 พ.ย. 2550 - 11:21 น.] #180015 (1/29)


(D)


สรุปให้นะครับ
ลักษณะที่เกิดจากการกดพระลงในแม่พิมพ์จนตากแห้ง
1.ขอบตัดตอกเป็นเส้นแนวตั้งฉากจากด้านหน้าองค์พระไปหลังองค์พระ
2.มีเส้นวิ่งขนานขอบทั้งสองด้าน(ซ้าย-ขวา)ขององค์พระ
เอารูปมาให้ดูเพื่อจะได้เห็นภาพและเข้าใจมากขึ้น
**เส้นสีฟ้าเป็นรอยตอกตัดแนวตั้งจากบนลงล่าง
**เส้นสีชมพูเป็นรอยเส้นขนานที่เกิดจากการชัดพระออกจากล็อคตอนจะนำไปตาก(จุดตรงนี้มาวิเคาระห์กันนะครับ ..บางท่านในสายนี้ก็กล่าวไว้ว่าเป็นรอยขัดจากกระดาษทราย แต่โดยส่วนตัวของผมเองและเท่าที่ลองเทียบหลายองค์เส้นเป็นรอยขนานกับองค์พระลักษณะเส้นถ้าขัดจากกระดาษทรายจะต้องมีการขูดไปมารอยเส้นน่าจะติดออกมาแบบไม่มีทิดทางคือเส้นน่าจะเฉียงขึ้นลงไปมาในแนวขนาน แต่เท่าที่ผมลองเทียบดูเองเส้นที่วิ่งแนวขนานจะเป็นไปในแนวเดียวกันโดยรวมเกือบทั้งหมด) หากท่านมีองค์จริงอยู่ลองเทียบดูนะครับ เส้นนี้บางองค์ก็มีแบบชัดเจนนะครับ สำหรับบางองค์ที่คนกดพิมพ์ลบและฝนขอบออกก็จะเลียบไปเลยก็มี บางองค์ก็จะติดบ้างเป็นจุดๆไป..

โดยคุณ nukro09 (2.2K)  [ส. 10 พ.ย. 2550 - 11:50 น.] #180026 (2/29)


(D)


****วิเคราะห์ด้านหลังนะคัรบ***
ด้านหลังเท่าที่พบเห็นจะพบ ๒ลักษณะ คือ
1.แบ่งเรียบ
2.แบบเป็นหลุมร่องแอ่งสาเหตุที่เกิดลักษณะนี้ได้แจ้งไว้ในข้างต้นแล้วนะครับ

โดยคุณ chanasak (322)  [ส. 10 พ.ย. 2550 - 12:47 น.] #180075 (3/29)
กำลังรออ่านอยู่ครับ ขอบคุณมาก ๆๆ

โดยคุณ nukro09 (2.2K)  [ส. 10 พ.ย. 2550 - 14:14 น.] #180107 (4/29)


(D)


**มาดูขอบที่มุมหลังกันนะครับ **
มุมขอบรอบองค์พระส่วนหลัง…ส่วนขอบด้านหน้าจะไม่ขอแจงนะครับเพราะโมแม่พิมพ์บังคับให้ขึ้นอยู่แล้วส่วนด้านหลังเป็นการกดกับแผ่นเหล็กดังนั้นลักษณะของขอบหลังพระจะมีได้หลายหลายแบบครับ สำหรับก้อนมวลสารที่คนกดได้ปั้นเป็นก้อนก่อนกดนั้นบางก้อนที่ใหญ่หน่อยพอกดเนื้อพระก็จะปริ้นออกจากแม่พิมพ์ทำให้ขอบหลังมีเนื้อปริ้นเกินแทบจะทุกองค์ ส่วนเรื่องความปรานีตนั้นต้องแล้วแต่ละคนที่กดครับ
พอกดเสร็จเนื้อที่ปริ้นขอบออกมาบางคนก็จะปราดออก หากปราดไม่ดีก็จะเป็นมุมแบบหักเหลี่ยมเลยครับ หากมีความปรากณีตหน่อยมุมก็จะโค้งได้สัดส่วน และบางองค์ก็โค้งถึงมนเลยครับ ลองดูภาพเปรียบเทียบนะครับ
1.รูปแบบขอบมีปีกไม่มีการปราดลบมุม
2.รูปแบบขอบมีกดลบมุมเป็นมุมโค้ง

โดยคุณ nukro09 (2.2K)  [ส. 10 พ.ย. 2550 - 14:37 น.] #180124 (5/29)


(D)
3.รูปแบบการตัดปีกมุมขอบด้านหลังออกแบบแฉลบ ไม่ลบมุมให้มน

โดยคุณ nukro09 (2.2K)  [ส. 10 พ.ย. 2550 - 14:42 น.] #180126 (6/29)


(D)
3.รูปแบบการตัดปีกมุมขอบด้านหลังออกแบบแฉลบลบมุมให้มน

โดยคุณ nukro09 (2.2K)  [ส. 10 พ.ย. 2550 - 14:43 น.] #180127 (7/29)


(D)
และการตดขอบมุมด้านหลังแบบสมส่วนครับ

โดยคุณ nukro09 (2.2K)  [ส. 10 พ.ย. 2550 - 15:20 น.] #180144 (8/29)


(D)


***หลังจากที่ทำการกดครบตามจำนวนทางโรงปั๊มพระก็นำพระที่ตากแห้งวางเรียงแพ็คใส่กล่องกล่องหนึ่งบรรจุพระได้หลายสิบองค์พร้อมบล็อคแม่พิมพ์ แล้วส่งกลับมายังวัดระฆังโฆษิตารามเพื่อรอเข้าพิธีปลุกเสกโดยทุกกล่องแพ็คได้นำเข้าไปเก็บไว้ในพระอุโบสถโดยเกณฑ์พระเณรในวัดนำตรายางวัดระฆังที่ทำสำหรับประทับตราในพระรุ่นนี้ มาร่วมกันประทับตราไว้ที่ด้านหลังพระโดยพระพิมพ์สมเด็จจะประทับเป็นหมึกสีน้ำเงินและพิมพ์รูปเหมือนสมเด็จโตจะประทับตรายางเป็นหมึกสีแดง เสร็จแล้วจึงแพ็คคืนรวมใส่กล่องเดิมที่ทางโรงงานนำมาให้เพื่อรอการพุทธาภิเษก พร้อมได้ทำลายตราปั๊มลงและแม่พิมพ์ พระในพิธีนั้นไม่มีกล่องกำมะหยี่ใส่นะครับเป็นการเรียงรวมพระซ้อนๆกันหลายสิบองค์ในกล่อง หลังจากที่เสร็จพิธีแล้ว และออกให้เช่าจำหน่ายแก่ญาติโยมผู้ศรัธทราก็จะมีการใส่กล่องให้ กล่องมี๓แบบคัรบ ช่วงแรกเป็นกล่องพลาสฝาบนใสมีประทับสีทองเคฝาล่างเป็นพลาสติกสีขาว ข้อความเหมือนในฝากล่องยี่ห้อCOSMO และVISION ดังนั้นผู้ที่เช่าบูชาตอนออกมาใหม่สดร้อนๆจากพิธีจะได้ฝาใสไปกันครับ ส่วนกล่องCOSMO ทางโรงงานผลิตกล่องจัดทำให้ไม่ทำล่าช้าไปอีกหลายอาทิตย์จึงทำเสร็จแล้วนำมาส่งให้ทางวัด ดังนั้นผู้ที่ตามมาเช่าในภายหลังจากพิธีก็จะได้กล่องกำมะหยี้สีแดงสวยสดหลังมีอักษรภาษาอังกฤษว่า”COSMO” ครับ และต่อมาภายหลังกล่อง COSMOหมดจึงจ้างโรงกล่องยี่ห้อ VISION มาใส่พระสมเด็จที่เหลือจนกล่องหมดอีกตอนนี้ก็เหลือแต่องค์พระไม่มีกล่องครับ...สำหรับรูปเดี๋ยวจะนำมาลงให้ดูนะคัรบ

โดยคุณ nukro09 (2.2K)  [ส. 10 พ.ย. 2550 - 15:40 น.] #180168 (9/29)


(D)
และตามด้วยกล่องที่ผลิตโดย VISION พลาสติก

โดยคุณ nukro09 (2.2K)  [ส. 10 พ.ย. 2550 - 15:46 น.] #180173 (10/29)


(D)
กล่องแรกเข้าใจว่าเวลาในการจัดทำไม่มีขั้นตอนมากมาย แค่ปั๊มเคทองในกล่องที่ทำสำเร็จแล้วก็ส่งได้เลย ส่วนกล่องCOSMOนั้นยังต้องมีขั้นตอนในเรื่องของปรุเข้ารูปของกระดาษติดกำมะหยี่และห่อใสในกล่องกระดาษกล่งแป้งสีขาวหลังเทา(ลักษณธกล่องคล้ายกลักใส่ไม้ขีดโบราณ)อีกที งานฝีมือย่อมใช่เวลาครับจึงมาไม่ทันในชุดแรกที่แจกไป...
แนบรูปกล่องสีขาวที่ห่อหุ้มกล่องCosmovอีกทีครับ

โดยคุณ tarokuka (230)  [ส. 10 พ.ย. 2550 - 16:13 น.] #180195 (11/29)
สุดยอดครับพี่ กำลังศึกษาอยู่พอดี ขอบคุณครับ

โดยคุณ กระเช้าทอง (892)  [ส. 10 พ.ย. 2550 - 17:15 น.] #180230 (12/29)
ยอดเยี่ยมครับ ข้อมูลแน่นปึ๊ก

โดยคุณ Trong (5)  [ส. 10 พ.ย. 2550 - 18:08 น.] #180251 (13/29)
จะมีตติยบทต่ออีกไหมหนอ ! จะขอรอติดตามต่อไป แต่มาถึง ณ ขณะนี้ต้องขอขอบคุณ คุณnukro09 อย่างสูงครับ

โดยคุณ nukro09 (2.2K)  [ส. 10 พ.ย. 2550 - 19:00 น.] #180268 (14/29)


(D)


*** ตรายางประทับด้านหลังองค์พระ ***
สำหรับด้านองค์พระพิมพ์พระประธานทุกองค์จะมีสีน้ำเงิน ส่วนที่สีออกอมม่วงหรือน้ำเงินจางหรือสีน้ำเงินเข้มๆคล้ำๆนั้นเข้าใจว่า เป็นการทำปฏิกิริยาระหว่างสีที่ปั๊มกับเนื้อพระด้านหลัง บวกกับสภาพการเก็บรักษาของแต่ละบุคคลที่ต่างสถานทีและอุณหภูมิ ผมว่าสัมพันธ์กันหมดนะครับ ตัวผงเองสมัยก่อนเช่าเก็บมีตรายางแทบทุกองค์ แต่ด้วยการเก็บไว้ในตู้โดยไม่ใส่ในซองแพ็คสูญญากาศผ่านไปหลายปีพอนึกอยากจะเอามาส่องดูปรากฏว่าตรายางได้เลือนหายไปและบางองคืก็เหลือแต่จางๆ และสีตรายางบางองค์ก็เปลี่ยนจากสีน้ำเงินกลายเป็นสีน้ำเงินคล้ำๆครับ ...
สำหรับด้านหลังพระรูปเหมือนสมเด็จโตสีของตรายางที่ประทับจะเป็นสีแดงเป็นส่วนมาก
สำหรับตรายางที่ปั๊มสลับกันคือพระสมเด็จหลังตรายางแดงและ พระรูปเหมือนหลังตรายางสีน้ำเงิน ผมเองก็เคยพบเจอนะครับ เข้าใจว่าพระเณรท่านประทับตราสลับกัน อันนี้เป็นเรื่องปกติที่มักจะเจอบ่อยๆ
สำหรับสีที่นอกเหนือจากนี้โดยส่วนตัวผมไม่แนะนำครับ เพราะหายากมากและหาตัวเทียบได้น้อยมากอีกทั้งปัจจุบันตราเทียมเลียนแบบทำได้เหมือเด๊ะๆ อันนี้จะเข้าทางพวกทำของเทียมเลยครับ ดังนั้นสำหรับท่านที่เข้ามาศึกษาใหม่ควรเลี่ยงสีนอกเหนือจากสองสีที่แจ้งนะคัรบ เพราะเปอร์เซนต์โดนตรายางเทียมมีเยอะมาก ส่วนตรายางสีเขียวผมเคยได้มาองค์หนึ่งครับ ได้มาในพิมพ์รูปเหมือนสมเด็จโต แต่แบ่งให้ใครไปแล้วตอนนี้ยังจำไม่ได้เลย น่าเสียดายที่ไม่ได้ถ่ายภาพเก็บเอาไว้...

โดยคุณ nukro09 (2.2K)  [ส. 10 พ.ย. 2550 - 19:11 น.] #180273 (15/29)


(D)


สำหรับกล่องรูปเหมือนสมเด็จโตรุ่นนี้ เท่าที่พบเจอจะเป็นกล่องCOSMO หลังกล่องเป็นสีน้ำเงินเข้ม ปรุกำมะหยี่มี๒สีคือสีขาวและสีฟ้าอมน้ำเงินครับ ดูรูปเลยนะครับ ส่วนกล่องที่ใส่พระสมเด็จจะบุกำมะหยี่สีแดงหลังกล่องเป็นสีเหลืองนะครับ

โดยคุณ nukro09 (2.2K)  [ส. 10 พ.ย. 2550 - 19:16 น.] #180275 (16/29)


(D)
สำหรับกล่องที่บุกำมะหยี่สีฟ้าอ่อนตามในรูป(สีจะฟ้าอ่อนกว่าที่บนนจุพระรูปเหมือนสมเด็จโต) กล่องหลังคอสโม่สีเหลือง เฉพาะกล่องเปล่าๆนะครับ เคยมีคนเสนอราคาผมถึงราคาหลายพันแต่ไม่ขอบอกราคาแล้วกันนะครับ ...มูลเหตุเพราะคนในกลุ่มนี้เขาจะสะสมกล่องที่ลักษณะพิเศษหายากด้วยครับแบบ อะไรหายากเอาหมด

โดยคุณ nukro09 (2.2K)  [ส. 10 พ.ย. 2550 - 19:25 น.] #180278 (17/29)


(D)
รวมภาพรูปเหมือนสมเด็จโตครับ

โดยคุณ love_geminiz (185)  [ส. 10 พ.ย. 2550 - 22:19 น.] #180326 (18/29)
ขอบคุณครับ

โดยคุณ โพธโชคชัย (3K)  [อา. 11 พ.ย. 2550 - 06:33 น.] #180392 (19/29)
ข้อมูลสุดยอด ขอบคุณมากครับ

โดยคุณ LITTLEGIFT (1.5K)(1)   [อา. 11 พ.ย. 2550 - 18:45 น.] #180622 (20/29)
ขอบคุณครับ

โดยคุณ ชมดาวโคราช (4.7K)  [อา. 11 พ.ย. 2550 - 21:28 น.] #180696 (21/29)
เยี่ยมครับ

โดยคุณ GST99 (3.8K)  [อา. 11 พ.ย. 2550 - 21:53 น.] #180721 (22/29)
เยี่ยมสุดๆ เลยครับ ดีมากจริงๆ ครับพี่

โดยคุณ chartchay_ho21 (265)(2)   [จ. 12 พ.ย. 2550 - 09:06 น.] #180862 (23/29)
ขอบคุณมากครับ สุดยอด

โดยคุณ tangmo03 (1.3K)  [อ. 13 พ.ย. 2550 - 16:32 น.] #181610 (24/29)
ขอบคุณมากครับ
เยี่ยมยอดมากเลยครับ ยกนิ้วให้

โดยคุณ กาแฟดำ (83)  [พฤ. 15 พ.ย. 2550 - 19:45 น.] #182987 (25/29)

โดยคุณ KAILUK (1.2K)  [ส. 01 ธ.ค. 2550 - 23:30 น.] #190951 (26/29)
<<<<<< ตัวจริงครับ ความรู้แน่น ไม่ใช่แค่ ๑oo ปีนะครับ คอยติดตาม >>>>>>

โดยคุณ donberlin (10)  [จ. 16 ก.พ. 2552 - 10:16 น.] #522838 (27/29)
สมกับเป็นแฟนพันธุ์แท้ 10 สมัย จริงๆๆครับ

โดยคุณ ฐิติวัสส์ (645)  [ศ. 19 มี.ค. 2553 - 12:23 น.] #1087391 (28/29)
ขอบคุณความรู้ดี ๆ แบบนี้ครับ เป็นวัคซีนสำหรับป้องกันพระปลอมได้เป็นอย่าดี ขอบคุณมาก ๆ ครับ

โดยคุณ newning (7.8K)  [อ. 23 มี.ค. 2553 - 21:22 น.] #1091952 (29/29)


(D)
ยอดเยี่ยมครับสำหรับความรู้ดีๆ ครับ

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1