ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ข้อชวนพี่ๆน้องมาเก็บพระเครื่องเมืองเวียงพุกามกันครับ



(D)


ข้อชวนพี่ๆน้องมาเก็บพระเครื่องเมืองเวียงพุกามกันครับ
สวยๆก็มีหลายพิม นะครับ วันนี้เอามา 1พิมก่อน

อายุก็ประมาณ 700-800 ปี ครับ

โดยคุณ iceman28 (1.1K)(2)   [ศ. 09 พ.ค. 2551 - 15:15 น.]



โดยคุณ iceman28 (1.1K)(2)   [ศ. 09 พ.ค. 2551 - 15:17 น.] #282083 (1/11)
ยังไม่เป้นที่รู้จักกันเท่าไร ราคาก็พอหาได้สบาย กระเป๋า

องค์ นี้โดนล้างมานะครับ มี 2 เนื้อ ขาว กับ แดง

โดยคุณ HighwayStar (21)  [ส. 10 พ.ค. 2551 - 20:59 น.] #282623 (2/11)


(D)
ออกที่ไหนครับ เวียงพุกามอยู่พม่าใช่รึเปล่า.....อันนี้ไม่ทราบจริงๆๆ

โดยคุณ iceman28 (1.1K)(2)   [จ. 12 พ.ค. 2551 - 10:53 น.] #283558 (3/11)
เอาประวัติอาณาจักรล้านนา มาฝาก
ก่อตั้งขึ้นมาในเวลาไล่เลี่ยกับอาณาจักรสุโขทัย โดยพระยาเม็งรายผู้ซึ่งขึ้นมาเป็นกษัตริย์
ครองเมืองเชียงแสนในปีพศ.1804(1261) ซึ่งมีดินแดนอยู่ทางตอนเหนือ เป็นเวลาเดียว
กับที่ทางเมืองจีนซึ่งมีกุบไลข่านเป็นผู้นำกำลังขยายอาณาเขตลงมาทางใต้ และตีได้เมือง
พุกาม [Pagan] ในปีพศ.1826-1830 (1283-1287) พระยาเม็งรายเกรงว่าจะรับมือ
กุบไลข่านไม่ไหว เพราะชายแดนทางด้านเหนือของเชียงแสนมีอาณาเขตติดต่อกับจีน
ถ้าจีนยกทัพลงมาก็จะเข้าถึงเมือง ได้โดยง่าย พระองค์จึงทรงย้ายเมืองลงมาทางใต้ แล้ว
สร้างเมืองเชียงรายในปีพศ.1805 (1262) พร้อมทั้งได้ทำสัญญา เป็นไมตรีกับพ่อขุน
รามและพระยางำเมืองในปี พศ.1819(1276) หลังจากนั้นจึงสร้างเมืองพร้าวเพื่อเป็น
ที่ชุมนุมพล และยกกำลังจากเมืองพร้าวลงไปตีหริภุญไชยได้ในปีพศ.1824 (1281)
พระองค์ทรงสร้างเมืองเวียงกุมกามเพื่อเป็นที่ประทับในปีพศ. 1829(1286)และสร้าง
เมืองเชียงใหม่ในปีพศ.1839(1296) โดยมีพระสหายคือพ่อขุนรามแห่งสุโขทัยและพระ
ยางำเมืองแห่งพะเยาเป็นผู้ช่วยเหลือ แล้วจึงประทับอยู่ที่เมืองเชียงใหม่จนสิ้นพระชนม์ เชียงใหม่จึงมีฐานะเป็นเมืองหลวงของล้านนาตั้งแต่บัดนั้น และได้สร้างความเจริญต่อ
มาถึง 265 ปี ยกเว้นระหว่างปีพศ.1854-1888 (1311-1345) ซึ่งกษัตริย์เชียงใหม่ ทรงย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่เชียงรายและเชียงแสนเป็นการชั่วคราว โดยเชียงใหม่มีฐานะ
เป็นเพียงเมืองเจ้าราชบุตร เนื่องจากดินแดนทางลุ่มแม่น้ำกกยังไม่มีความสงบเรียบร้อย
ดี จำเป็นต้องจัดการให้เรียบร้อย จนถึงสมัยพระเจ้าคำฟูซึ่งรวมเอาแคว้นพะเยาเข้ามา
ไว้ในอำนาจได้ในปีพศ.1881เมื่อพระเจ้าผายูขึ้นเป็นกษัตริย์เชียงใหม่ในปีพศ.1888
จึงมิได้ประทับที่เชียงแสนเหมือนกษัตริย์ล้านนาองค์ก่อนๆ

เชียงใหม่มีความเจริญทั้งทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และศาสนา ตลอดจนศิลปและ
วัฒนธรรมที่เป็นแบบฉบับล้านนาโดยเฉพาะ ซึ่งเกิดจากการที่เชียงใหม่ได้มีการติดต่อ
กับอาณาจักรต่างๆเช่น พุกาม และสุโขทัย มีการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ศิลปและ
สถาปัตยกรรม แล้วจึงนำมาผสมผสานจนเกิดเป็นศิลปในแบบเฉพาะของล้านนา แม้
ในเวลาที่พม่าเข้ามาปกครอง พม่ายังได้สร้างถาวรวัตถุเอาไว้ในเมืองเชียงใหม่มากมาย แต่ก็ไม่เคยได้สร้างอะไรที่เป็นรูปแบบของพม่า โดยล้วนสร้างในรูปแบบล้านนาทั้งสิ้น

ในสมัยพระเจ้ากือนา เชียงใหม่ได้รับเอาพระพุทธศาสนาลัทธิลังกาวงศ์มาจากเมือง
สุโขทัย โดยพระสุมนเถระเป็นผู้นำเข้ามาในปี พศ.1914 (1371) เชียงใหม่จึงกลาย
เป็นศูนย์กลางการศึกษาพุทธศาสนาแทนหริภุญไชย นับแต่นั้น

ประมาณปีพศ. 2092 เชียงใหม่ยังไม่มีกษัตริย์ปกครอง จึงได้เชิญเจ้าเชษวงศ์ โอรสของ
พระเจ้าโพธิสารธรรมิกราช กษัตริย์ล้านช้างและพระมารดาเป็นเจ้าหญิงจากเมืองเชียง
ใหม่ ให้มาครองเมืองเชียงใหม่ ทรงพระนามว่าพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ปีพศ. 2094 พระไชยเชษฐาก็กลับไปเมืองหลวงพระบาง พร้อมทั้งได้นำเอาพระแก้วมรกต พระแก้ว
ขาว (พระแก้วผลึก) และพระแซกคำไปไว้ที่เมืองหลวงพระบางด้วย ในปีพศ. 2101
ทางหลวงพระบางเกิดเหตุการณ์ไม่สงบขึ้น พระไชยเชษฐาจึงได้ย้ายเมืองหลวงไปอยู่ที่
เวียงจันทน์และได้อัญเชิญพระแก้วมรกตไปไว้ที่เวียงจันทน์ในคราวเดียวกันนั้น ต่อมา
ภายหลัง ชาวเมืองเชียงใหม่จึงได้ติดตามไปทวงพระแก้วมรกตคืน โดยได้พากันพักแรม
อยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำโขงในฝั่งไทย แต่พระไชยเชษฐาก็คืนให้แต่พระแก้วขาวเท่านั้นโดยยังคง
เก็บรักษาพระแก้วมรกตและพระแซกคำไว้ที่เมืองเวียงจันทน์ จนถึงสมัยกรุงธนบุรี เมื่อ พระเจ้าสิริบุญสารเจ้าเมืองเวียงจันทน์ได้ฆ่าพระวอซึ่งหนีมาพึ่งไทยตายที่หนองบัวลำภู ทางธนบุรีจึงได้ส่งสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ศึกยกกองทัพขึ้นไปปราบ แล้วจึงได้อัญ เชิญพระแก้วมรกตมาไว้ยังกรุงธนบุรีและกรุงเทพฯ ตามลำดับ

ในขณะที่เชียงใหม่กำลังสร้างความเจริญอยู่นั้น ในเวลาเดียวกันก็ต้องเผชิญกับปัญหา
ทางด้านสงครามกับอยุธยาและพม่าอยู่บ่อยครั้ง ดังจะเห็นได้ว่ามีการยกทัพมาสู้รบกัน
อยู่เสมอ จนกระทั่งในสมัยพญาญีบา เชียงใหม่เกิดความอ่อนแอทางด้านเศรษฐกิจ
อย่างหนัก บางปีมีอัตราเงินเฟ้อถึง 45% ทำให้เชียงใหม่เกิดปัญหาอย่างมาก ซึ่งใน
บางสมัยไม่มีการสร้างวัดเลย เพราะประชาชนไม่มีเงินที่จะสร้าง ดังนั้นในปีพศ. 2101
(1558) ในสมัยพระเจ้าเมกุฎิ เมื่อถูกพม่าโดยพระเจ้าบุเรงนอง บุกเข้าโจมตีจึงเสีย
เมืองให้พม่าโดยง่ายในเวลาเพียง 3 วัน และถูกพม่าเข้าครอบครองตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ปีพศ.2244 (1701) พม่าได้แบ่งล้านนาออกเป็น 2 ส่วนคือตัดเชียงแสนออกไป โดย
ให้เมืองเล็กๆ ในบริเวณนั้นขึ้นกับ เมืองเชียงแสน จนถึงปีพศ.2317 (1774) เชียง
ใหม่จึงได้หลุดพ้นจากอำนาจพม่าด้วยการช่วยเหลือของพระเจ้ากรุงธนบุรี โดยเจ้ากา
วิลละได้ขอความช่วยเหลือมายังธนบุรีแล้ว เชียงใหม่จึงเข้ามาสวามิภักดิ์กับไทยและ
เป็นดินแดนส่วนหนึ่งของไทย จนถึงทุกวันนี้


โดยคุณ HighwayStar (21)  [จ. 12 พ.ค. 2551 - 11:28 น.] #283576 (4/11)


(D)
รับทราบ....เปลี่ยน ขอบคุณมากครับ

โดยคุณ iceman28 (1.1K)(2)   [จ. 12 พ.ค. 2551 - 11:39 น.] #283582 (5/11)
สรุป เมืองเวียงพุกาม เป็นของไทยเก่า (ล้านนา) เป็นเมืองที่พ่อขุนเม็งรายสร้างขึ้นแล้วถูกพม่าตีไป


โดยคุณ iceman28 (1.1K)(2)   [จ. 12 พ.ค. 2551 - 20:19 น.] #283831 (6/11)


(D)


ถ่ายรูปมาเพิ่มครับ พิม ขนมครก เล็ก กับ ใหญ่

โดยคุณ iceman28 (1.1K)(2)   [จ. 12 พ.ค. 2551 - 20:19 น.] #283832 (7/11)


(D)


รูปนี้ องค์เล็ก

โดยคุณ iceman28 (1.1K)(2)   [จ. 12 พ.ค. 2551 - 20:20 น.] #283835 (8/11)


(D)
มีก็เอามาแบ่งๆกันดูได้ครับ

โดยคุณ HighwayStar (21)  [จ. 12 พ.ค. 2551 - 20:44 น.] #283849 (9/11)
สวยครับ ว่าแต่ตอนี้เล่นกันที่หลักไหนครับ

โดยคุณ HighwayStar (21)  [จ. 12 พ.ค. 2551 - 20:45 น.] #283850 (10/11)
พิมพ์ผิดครับต้อง"ว่าแต่ตอนนี้เล่นกันที่หลักไหนครับ"

โดยคุณ iceman28 (1.1K)(2)   [อ. 13 พ.ค. 2551 - 09:01 น.] #284052 (11/11)
พิม ขนมครก เล่นกัน 500 - 700 แล้วแต่ความสวย

พิมบัวข้าง นี้ 800 - 1000

แต่พิมขนมครก บางคนเอาไปรวมเป็น เม็ดกระดุม ศรีวิชัย

ความรู้ที่ไม่อยากให้เป็นความลับ เก็บได้ก่อนที่จะแพงนะครับ

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1