ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ประวัติ แบบ คร่าว ๆๆ ของหลวงปู่ทิม อิสริโก วัดระหารไร่ จ.ระยอง



(D)


หลวงปู่ทิม อริสโก(พระครูภาวนาวิภิรัติ) วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง

หลวงปู่ทิมได้สร้างวัตถุมงคลไว้หลายรุ่น และหลายพิมพ์ แต่พระเครื่องของหลวงปู่ทิมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด คือ พระขุนแผนผงพรายกุมาร มีทั้งพิมพ์ใหญ่ และพิมพ์เล็ก พระชุดชินบัญชร ทั้งพระกริ่ง-พระชัยวัฒน์ พระสงกัจจายน์ พระปิดตา เหรียญเจริญพร รวมไปถึงวัตถุมงคลรุ่น 8 รอบ มีอีกหลาย มาทำความรู้จักกับ หลวงปู่ทิม และพระเครื่องชนิดต่างๆ ได้เลยค่ะ

>>ประวัติหลวงปู่ทิม

นามเดิม : นายทิม งามศรี
เกิด : วันศุกร์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ.2422 ตรงกับเดือน 7 ปีเถาะ ที่

บ้านรหัวทุ่งตาบุตร หมู่ที่ 2ต.ละหาร (ปัจจุบันเป็น หมู่ 1 ต.หนองบัว) อ.บ้านค่าย จ.ระยอง
ชื่อบิดา : นายแจ้ง งามศรี
ชื่อมารดา : นางอินทร์ งามศรี
อุปสมบท : วันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ.2449 ตรงกับขึ้น 7 ค่ำ เดือน 6 ปีมะแม ณ วัดละหารไร่
มรณภาพ : วันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ.2518
รวมสิริอายุ : 96 ปี 69 พรรษา

เมื่ออายุ 17 ปี นายแจ้งผู้เป็นบิดา นำตัวไปฝากไว้กับหลวงพ่อสิงห์ (วัดละหารใหญ่) เล่าเรียนหนังสือทั้งไทยและอักษรขอม ประมาณ 1 ปี หลังจากนั้นขอลาหลวงพ่อสิงห์กลับไปช่วยโยมบิดา มารดา ทำงานบ้าน จนถึงอายุ 19 ปี ท่านจึงถูกคัดเลือกเข้าเป็นลูกหมู่ หรือทหารประจำการในสมัยนั้นอยู่ที่กรุงเทพถึง 4 ปีเศษ จึงได้รับการปลดปล่อยกลับมาอยู่บ้านตามเดิม โยมบิดาจึงได้ขออนุญาตให้ท่านได้อุปสมบทในพระพุทธศาสนา
หลวงปู่ทิมได้อุปสมบทที่วัดทับมา โดยพระครูขาว เจ้าคณะแขวงเมืองระยอง เป็นพระอุปัชฌาย์ หลวงพ่อสิงห์เป็นกรรมวาจาจารย์ เจ้าอธิการเกตุเป็นอนุสาวนาจารย์ โดยทำพิธีอุปสมบทเมื่อวันที่ 7 เดือนมิถุนายน พ.ศ. 2449 ตรงกับปีมะแม เดือน 6 วันเสาร์ ขึ้น 7 ค่ำ ได้รับฉายานามสงฆ์ว่า "อิสริโก" หลังจากบวชแล้วได้ศึกษาเล่าเรียนทางปฏิบัติสมถกัมมัฏฐานจากหลวงพ่อสิงห์ อาจารย์ของท่าน และศึกษาวิชาต่างๆ จากตำราคู่วัดละหารใหญ่ (เข้าใจว่าเป็นตำหรับเดิมของหลวงปู่สังข์เฒ่า) จนมีความรู้แตกฉานได้ออกจาริกปฏิบัติธุดงค์กับหลวงพ่อยอด นักปฏิบัติที่เป็นอาจารย์ ออกตังค์ไปตามจังหวัดต่างๆ เพื่อเจริญสมณธรรม ออกหาความวิเวกสันโดษ ตามอัธยาศัยเป็นเวลา 3 ปี ครั้นเมื่อใกล้เข้าพรรษากลับมาถึงจังหวัดชลบุรีได้จำพรรษาที่วัดนามะตูมถึง 2 พรรษา ได้เที่ยวร่ำเรียนศึกษาวิชาเพิ่มเติม กับพระเกจิอาจารย์หลายรูป ทั้งพระสงฆ์และฆราวาสที่เก่งกล้าอีกลายคน จากนั้นได้กลับมาจำพรรษาที่วัดละหารใหญ่ และได้รับนิมนต์จากชาวบ้านขึ้นเป็นเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่ ตั้งแต่พ.ศ. 2450 ท่านได้ก่อสร้างเสนาสนะบูรณซ่อมแซมกุฏิ และถาวรวัตถุอีกหลายอย่าง
หลังจากหลวงปู่ทิม อิสริโก ได้สร้างอุโบสถเสร็จด้วยบารมีของท่านแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน 2517 ซึ่งตรงกับวันคล้ายวันเกิดอายุครบ 95 ปี หลวงปู่ทิมได้วางศิลาฤกษ์ศาลาการเปรียญ "ภาวนาภิรัติ" และสร้างเสร็จในปี พ.ศ. 2518 จากนั้นได้สร้างปละปรับปรุงหอฉัน "อุตตโม" หลวงพ่อทิมมีตำแหน่งครั้งสุดท้ายเป็นพระครูภาวนาภิรัติ ชาวบ้านโดยทั่วไปนิยมเรียกว่า "หลวงปู่ทิม" ซึ่งท่านได้มรณภาพด้วยโรคชราเมื่อเวลา 23.00 น. ของวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2518 ณ หน้าหอสวดมนต์ วัดละหารไร่ หลังจากรักษาตัวที่โรงพยาบาลสมเด็จ ณ ศรีราชา เป็นเวลา 23 วัน คณะศิษย์จึงได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศล ณ วัดละหารไร่ และเก้บศพไว้บนศาลาภาวนาภิรัติ โดยขอพระราชทานเพลิงศพ เมื่อวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ.2526 ณ เมรุวัดละหารไร่
หลวงปู่ทิม อิสริโก ท่านเป็นพระที่ปฏิบัติเป็นพระที่ยึดมั่นในพระธรรมและพระวินัยขององค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระมักน้อย สันโดษ ไม่ยินดียินร้ายในรูปรส กลิ่น เสียง ฉันอาหารเจเป็นประจำ ฉันภัตราหารมื้อเดียวเวลาประมาณ 7.00น. และฉันน้ำชาประมาณ 4 โมงเย็น จะไม่มีการฉันเพลเลย อาหารประเภทเนื้อสัตว์ หรืออาหารคาวทุกชนิดท่านจะไม่ยอมฉัน แม้แต่น้ำปลา อาหารที่ท่านฉันส่วนใหญ่จะเป็นผัก ถั่ว หรือน้ำพริกกับเกลือป่น ปฏิบัติอย่างนี้เป็นเวลาถึง 50 ปี ร่างกายผิวพรรณของท่านก็ปกติอยู่ตามเดิม พละกำลังของท่านยังดีแะลสมบูรณ์อยู่เช่นเดิม ร่างกายอ้วนท้วนพอสมควร ทั้งนี้คงเป็นเพระบุญบารมีของท่านที่สะสมมา จึงทำให้ท่านเป็นพระที่เคร่งครัด และบริสุทธิ์ในพระธรรมวินัย ดำรงชีวิตอยู่ได้ถึง 96 ปี อายุพรรษา 72 พรรษา และได้มรณภาพด้วยโรคชรา

>>ประวัติวัดละหารไร่

ที่ตั้ง วัดละหารไร่ ตั้งอยู่หมู่ที่ 8 ต.หนองละลอก อ.บ้านค่าย จ.ระยอง วัดละหารไร่นี้ก่อตั้งเมื่อประมาณปี พ.ศ.2354 โดยหลวงพ่อสังข์เฒ่า รองเจ้าอาวาสวัดละหารใหญ่สมัยนั้น เห็นว่าพื้นที่ทางฝั่งคลองด้านตรงข้ามทางทิศเหนือของวัดละหารใหญ่มีทำเลดีเหมาะแก่การปลูกพืชผัก จึงได้หักล้างถางพงใช้เป็นพื้นที่ปลูกพืชผัก ขึ้นแรกได้สร้างที่พักร่มเงาไว้เมื่อถึงเวลาเข้าพรรษา ก็จำพรรษาที่วัดละหารไร่ ต่อมามีผู้คนไปทำไร่ในแถบใกล้ๆ ที่นั้นมากขึ้น เห็นว่ามีพระสงฆ์อยู่ เมื่อถึงวันพระก็จัดภัตตาหารไปถวายเป็นประจำ ต่อมาได้มีพระภิกษุไปอยู่เพิ่มมากขึ้น จึงได้ก่อสร้างกุฏิวิหาร พระสงฆ์ก็มาจำพรรษาที่นั่น ตั้งชื่อว่า "วัดไร่วารี" ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น "วัดละหารไร่" โดยมีหลวงพ่อสังข์เฒ่าเป็นเจ้าอาวาสองค์แรก
ในภายหลังทางวัดละหารไร่ได้มีพระภิกษุแก่อาวุโสขึ้นหลวงพ่อสังข์เฒ่าจึง มอบให้ปกครองกันเอง ส่วนตัวท่านได้กลับมาเป็นเจ้าอาวาสวัดละหารไร่ (ทราบว่าภายหลังได้รับการนิมนต์จากเจ้าเมืองระยองไปเป็นเจ้าอาวาสวัดเก๋ง จังหวัดระยอง) มอบหมายให้หลวงพ่อแดง เป็นเจ้าอาวาสแทน เต่มาได้มีเจ้าอาวาสอีกหลายรูปปกครองวัดละหารไร่ คือ หลวงพ่อเกิด หลวงพ่อสิงห์ หลวงพ่อจ๋วม ต่อมาหลวงพ่อจ๋วมได้ลาสิกขาบท ทำให้วัดละหารไร่ขาดพระภิกษุจำพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน ในขณะนั้นหลวงพ่อทิม อิสริโก (งามศรี) ได้เดินทางกลับจากจังหวัดชลบุรี พุทธศาสนิกชนบ้านละหารไร่จึงพร้อมใจกันนิมนต์เป็นเจ้าอาวาส เมื่อประมาณปีพ.ศ. 2450 หลวงพ่อทิมจึงได้สร้างอุโบสถขึ้นหลังหนึ่งทำด้วยไม้ ปัจจุบันได้เลื่อนย้ายมาห่างจากที่เดิมประมาณ 20 วา และบูรณะให้อยูในสภาพเดิม
ปี พ.ศ.2483 หลวงพ่อทิมได้มอบศาลาการเปรียญเป็นสถานที่เปิดสอนนักเรียนเพื่อให้บุตรหลานได้ศึกษาเล่าเรียน ต่อมาชาวบ้านเห็นดีด้วยจึงได้ร่วมใจสร้างอาคารเรียนแบบ ป.1 ข. ขึ้นหลังหนึ่ง และเริ่มทำการสอนเมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม 2483 โดยมีนายเสียน จันทนี เป็นครูใหญ่
พ.ศ.2514 นายธง สุขเทศน์ และชาวบ้านวัดละหารไร่จึงได้ร่วมใจกันสร้างอุโบสถขึ้นใหม่ โดยหลวงพ่อทิม มอบเงินให้เป็นทุนขั้นแรก 30,000 บาท ทำพิธีวางศิลาฤกษ์ เมือวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2515 ด้วยบารมีของหลวงพ่อทิม อุโบสถก็สำเร็จภายในเวลาเพียงปีเศษเท่านั้น และได้ขอพระราชทานวิสุงคามเสมาทำพิธีฝังลูกนิมิตเมื่อตั้นปี พ.ศ.2517
ปี พ.ศ.2478 พระอธิการทิม อิสริโก จึงได้รับการแต่งตั้งจากคณะสงฆ์ให้เป็นพระครูชั้นประทวน โดยส่งหมายและตราตั้งไว้ทางเจ้าคณะจังหวัดระยอง แต่หลวงปู่ทิมก็ยังไม่ยอมไปรับ และไม่บอกใคร ทางจังหวัดจึงได้มอบหมายให้เจ้าคณะอำเภอมามอบให้ที่วัดเอง ท่านจึงได้รับเป็นพระครูทิม อิสริโก และได้รับเป็นพระคู่สวด ปีพ.ศ.2497 ทางคณะสงฆ์ได้แต่งตั้งพระครูทิม อิสริโก เลื่อนชั้นเป็นพระครูสัญญาบัตร ท่านก็ยังไม่ยอมเอา และไม่บอกให้ญาติโยมได้รู้จนทางเจ้าคณะอำเภอได้มีหนังสือส่งไปยังวัด ไวยาวัจกรได้ทราบและนำเรื่องนี้ปรึกษาชาวบ้านและคณะกรรมการวัดให้ทราบ ตึงอาราธนาหลวงปู่ทิม มารับปริญญาบัตรพัดยศ เมือนวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ.2507

คาถาของหลวงปู่ทิม
"มะอะอุ ทุกขัง อนิจัง อนัตตา พุทโธ พุทโธ"
หลวงปู่ทิมท่านว่าเป็นคาถาที่ดีและก็สั้น และพุทธคุณของคาถาบทนี้ก็สูงมากอยู่ที่คนปฏิบัติ ท่านยังกรุณาเล่าให้ฟังว่า มีใครคนหนึ่งที่อยู่ตลาดมาปรับทุกข์ให้ท่านฟังว่า ขายของก็ไม่ดีทะเลาะกับเมีอยู่ที่บ้านแทบทุกวัน ญาติพี่น้องต่างเกลียดชัง อยากจะขอคาถาให้เขารัก หลวงปู่จึงให้คาถาบทนี้ไป ปรากฏว่าเดี๋ยวนี้ ชายผู้นั้นมีความสุขแล้ว จะไปไหนเมียก็ตามไปด้วย ญาติพี่น้องก็รักใครกันดี ผู้เขียนจึงมั่นใจว่าพุทธานุภาพในคาถาบทนี้จะประสบผลสำหรับผู้ที่ปฏิบัติเป็นประจำสม่ำเสมอ ถ้าผู้ใดได้รับคาถานี้ไป ขอให้นึกถึงคุณพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ และคุณหลวงปู่ทิมเป็นที่ตั้งทุกอย่างก็จะอำนวยโชคพอสมควรกับบุญกรรมของบุคคลนั้น


>>พระเครื่องที่ได้รับความนิยม




พระขุนแผนผงพรายกุมาร พิมพ์เล็ก/พิมพ์ใหญ่
รายละเอียด : อายุการสร้างประมาณ 20 กว่าปี จำนวนหลักพันองค์ ถือว่าเยี่ยมทางด้าน เมตตามหานิยม และคงกระพันชาตรี เจ้าของฉายา "ยอดขุนพลบ้านค่าย" มีกรรมวิธีการสร้างที่ลึกล้ำพิสดารดั่งนวนิยาย ยากที่จะหาใครมาประกอบพิธีได้อีกแล้ว จึงนับว่าเป็นพระที่น่าสนใจไม่น้อย



พระชุดชินบัญชร
รายละเอียด : ประกอบด้วยพระ 3 องค์ คือพระชัยวัฒน์..พระสังข์กระจาย..และพระปิดตาชินบัญชร



พระปิดตาชินบัญชร / พระปิดตาอุตตโมเนื้อทองคำ



พระกริ่งชินบัญชร
รายละเอียด : สร้างเป็นที่ระลึก๓๐ปี การมรณภาพของหลวงปู่ทิม หล่อหลอมจากชนวน พระกริ่งชินบัญชร ปี๑๗ ชนวนบรมพุทโธที่เหลือจากที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงใช้เทพระส่วนพระองค์ และชนวนเหรียญเสมาหลวงมหาจักรพรรดิตราธิราช ซึ่งเป็นเนื้อที่ใช้ชนวนพระกริ่งสมเด็จพระสังฆราช(แพ)+ชนวนพระกริ่งชินบัญชร ลป.ทิม ในปริมาณเข้มข้น ปลุกเสกเดี่ยวโดยหลวงพ่อผาด วัดบ้านกรวด พระกริ่งชุดนี้ทุกองค์จะอุดด้วย ผงพรายกุมาร น้ำมันพระเจ้าตาก น้ำมันเสือผสมว่านยา สีผึ้ง ของหลวงปู่ทิม น้ำมันงาที่หลวงปู่แก้วเสกจนเดือด




พระสังข์กระจายชินบัญชร
รายละเอียด : จำนวนการสร้างราว 1,800 องค์



เหรียญเจริญพร
รายละเอียด : สร้างเมื่อปี 2517 เพื่อหาทุนทรัพย์ในการสร้างศาลาการเปรียญของวัดละหารไร่ ดำเนินการจัดสร้างโดยคุณชินพร สุขสถิตย์ โดยหลวงทิมท่านได้อนุญาตให้จัดสร้างจำนวนไม่เกิน 20,000 เหรียญ และยังกำชับว่าให้ปั๊มเหรียญให้แล้วเสร็จก่อนตะวันตกดินของวันเสาร์ที่ 21 เมษายน 2517 แล้วนำไปให้ท่านปลุกเสกในวันนั้นเลย ปั๊มเหรียญได้เท่าไรก็เอาเท่านั้น สาเหตุที่ท่านต้องกำชับเช่นนั้นเพราะเป็นเคล็ดที่ท่านต้องการให้ผู้นำเหรียญเจริญพรไปใช้มีแต่ความเจริญรุ่งเรืองไม่มีวันตกต่ำเหมือนตะวันตกที่กำลังจะตกดิน แต่ด้วยระยะเวลาในการสร้างกระชั้นชิดมากจึงปั๊มเหรียญเนื้อทองแดงได้เพียง 15,895 เหรียญ เหรียญเนื้อเงิน 343 เหรียญ เหรียญเนื้อตะกั่ว 400 เหรียญ เหรียญเนื้อทองคำ 16 เหรียญ เหรียญเนื้อนวโลหะ 1,166 เหรียญ รวมจำนวนเหรียญที่สร้างได้ทั้งหมด 17,820 เหรียญ



เสมา8รอบเนื้อทองคำลงยา
รายละเอียด : จัดสร้างเป็นที่ระลึกในงานฉลองอายุครบ 8 รอบของหลวงปู่ทิม เมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2518 สร้างพร้อมกับเหรียญห่วงเชื่อม, เหรียญนาคปรก 8 รอบ และเหรียญหล่อฉลุ รุ่น 8 รอบ

>>หนังสือวางจำหน่ายของหลวงปู่ทิมที่น่าสนใจ
รายละเอียด : เป็นการรวบรวมเรื่องราวการจัดสร้างรวมถึงประวัติความเป็นมาของพระกริ่งชินบัญชรและพระขุนแผนพรายกุมาร อย่างละเอียดที่เคยจัดพิมพ์มาครั้งหนึ่งแล้วไว้ด้วยกัน เหมาะแก่การเก็บไว้ศึกษาและใช้อ้างอิงได้

โดยคุณ ผดุงชอบ (486)  [อา. 11 พ.ค. 2551 - 01:07 น.]



โดยคุณ ผดุงชอบ (486)  [อา. 11 พ.ค. 2551 - 01:12 น.] #282706 (1/15)
ตำนาน แห่งผงพรายกุมาร ของหลวงปู่ทิม อิสริโก

ตำนานผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่
เมื่อกลางปี 2515 คณะกรรมการวัดละหารไร่ มีนายสาย แก้วสว่าง ไวยาวัจกร ประชุมกันเรื่องการสร้างพระเครื่องวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการสมนาคุณแด่ชาวบ้านและสาธุชนทั่วไป ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคเงินร่วมทำบุญกับวัดละหารไร่ ต่อไปในวันข้างหน้าโดยเฉพาะงานผูกพัทธสีมาพระอุโบสถ วัดละหารไร่ ในการนี้หลวงปู่ทิมได้กล่าวว่า หากได้ผงพรายกุมารมหาภูติผสมใส่ลงไปด้วย พระเครื่องที่สร้างขึ้นนี้จะมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นเพราะมีอานุภาพแห่งพรายกุมารมหาภูติแฝงอยู่คอยช่วยเหลือเอื้ออำนวยพร เมื่อหลวงปู่ทิมมีความต้องการจะทำผงพรายกุมารมหาภูติ เพื่อนำมาเป็นมวลสารที่สำคัญยิ่งในการสร้างปลุกเสกพระเครื่องครั้งนี้นั้น ในบรรดาลูกศิษย์ยุคแรกของหลวงปู่ทิมอิสริโกทั้งหมดไม่มีใครกล้าเสนอตัวอาสากระทำการ เพราะต่างคนต่างก็เกรงกลัวความอาถรรพ์ของผีตายทั้งกลม ซึ่งโบราณกล่าวไว้ว่ามีความดุร้ายและหวงลูกมาก ถึงขั้นตามเอาชีวิตกันเลยทีเดียว มีแต่เพียง “หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ “ ผู้เดียวที่มีวิชาคาถาอาคมและสมาธิกล้าแข็งเพียงพอ กล้าขอเสนอตัวรับอาสาสนองพระคุณหลวงปู่ทิม จะไปนำ ” กะโหลกพรายกุมาร “ วัตถุอาถรรพ์สำคัญยิ่ง จากหญิงตายทั้งกลม (หญิงชาวบ้านท้องแก่ที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุสยดสยอง ทางญาติได้นำศพมาฝังไว้ที่ป่าช้าวัดละหารใหญ่ ปัจจุบันเป็นบริเวณที่ชาวบ้านทำไร่สับปะรด ) มาเพื่อให้ท่านสร้างปลุกเสกเป็น ”ผงพรายกุมารมหาภูติ “ ซึ่งหมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ต้องพบกับอิทธิฤทธิ์ของอาจารย์พรายนายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร แต่ด้วยมูลเหตุแห่งวัตถุประสงค์เพื่อการสร้างบุญกุศลในพระพุทธศาสนา บารมีของหลวงปู่ทิม และคาถาอาคมที่หลวงปู่ทิมได้ประสิทธิให้นั้น ทำให้นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร ได้ยินยอมและเต็มใจ เกิดความปิติในกุศลผลบุญที่ตนเองจะได้รับ หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ จึงกระทำการครั้งนี้ได้สำเร็จเรียบร้อยทุกประการ “ วิญญาณของาจารย์นายป่าช้า แม่นางพราย และพรายกุมาร มีอยู่จริงเห็นตัวตนเป็นเงาใสๆ ลางๆ เหมือนกับภาพที่สะท้อนบนพื้น ในปัจจุบันวิญญาณเหล่านี้ก็ยังอยู่คุ้มครองที่วัดละหารไร่ “ หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ กล่าวย้ำ การสร้างผงพรายกุมารมหาภูตินั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เมื่อได้กระโหลกพรายกุมารมาแล้ว หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ ใส่ห่อผ้าเก็บไว้หลังพระประธานในพระอุโบสถหลังเก่า เป็นระยะเวลาประมาณสามถึงสี่เดือน จนกระโหลกพรายกุมารแห้งสนิทหมดกลิ่นดีแล้ว จึงนำมาโขลกตำให้ละเอียดแล้วผสมกับผงวิเศษสำคัญต่างๆ ที่หลวงปู่ทิมมอบให้มาจนครบทั้งหมดผสมน้ำแช่เกสรบัวทั้งห้า ปั้นเป็นแท่งขนาดใหญ่ แล้วตากแดดไว้จนแห้งสนิท เมื่อได้ฤกษ์งาม ยามดีวันดี ตามที่หลวงปู่ทิมได้กำหนดไว้ จึงจะนำแท่งผงปั้นนี้มาเขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ บนกระดานชนวน กระทำในพระอุโบสถหลังเก่า ท่ามกลางการเจริญพระพุทธมนต์ของพระสงฆ์ ๙ รูป โดยหลวงปู่ทิมอิสริโก เป็นประธานสงฆ์ เขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ ลงบนกระดานชนวนแล้วลบผงก่อนเป็นปฐมฤกษ์ แล้วจึงมอบให้หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ เป็นผู้ลงอักขระพระยันต์และลบผงต่อไป การปลุกเสกผงพรายกุมารมหาภูตินี้ หลวงปู่ทิมท่านได้ปลุกเสกพรายกุมารทั้งหลายให้เป็นกึ่งเทพกึ่งภูติเป็นมหาภูติขวาและซ้าย(พระพรายคู่ เป็นรูปเทวดานั่งคู่กัน แทนรูปมหาภูติซ้าย-ขวา) วิญญาณพรายกุมารไม่ใช่มีอยู่ตนเดียว แต่มีมากมายประมาณมิได้ หลวงปู่ทิมได้อธิฐานให้วิญญาณพรายกุมารทุกตนที่ผ่านไปมาในบริเวณพิธี หากจะช่วยกันบำรุงพระพุทธศาสนา ก็ให้มาสถิตย์อยู่รวมกันในผงพรายกุมารมหาภูติที่ท่านปลุกเสกนี้ ให้มีอิทธิฤทธิ์คอยช่วยเหลือคุ้มครองอำนวยพรให้ผู้ศรัทธาบูชาอยู่ระยะเวลาหนึ่ง หลังจากเสร็จพิธีเรียบร้อยแล้วได้ผงพรายกุมารมหาภูติบริสุทธิ์สีขาวหม่นอมเทาประมาณ 1 ถาดใหญ่ เมื่อแบ่งผสมผงว่านมหามงคลจะได้ผงพรายกุมารมหาภูติเนื้อละเอียดสีน้ำตาลเข้มประมาณ 1 กะละมังใหญ่ แล้วเก็บรวบรวมไว้ในกุฎิหลวงปู่ทิม เมื่อจะทำพระเครื่องจึงจะขออนุญาตหลวงปู่ทิมไปตักแบ่งเอามาผสมผงที่จะกดพิมพ์พระอีกครั้งหนึ่ง.หมอกุหลาบ จ้อยเจริญ กล่าวยืนยันโดยเห็นกับตาตนเองว่า “ผงที่หลวงปู่ทิมอิสริโก เขียนอักขระพระยันต์ต่างๆ นั้น หลุดร่วงทะลุลอดกระดานชนวนลงมา และทะลุผ้าขาวที่ปูรองเอาไว้ถึงเจ็ดชั้นจนถึงพื้นพระอุโบสถวัดละหารไร่ “ที่กล่าวนี้ไม่ได้กล่าวเกินความจริงแต่อย่าง แต่กล่าวเปิดเผยเพื่อให้ท่านทั้งหลายที่ศรัทธาหลวงปู่ทิมอิสริโก จะได้เกิดความปิติ และซาบซึ้ง ในบุญญาบารมีของหลวงปู่ทิมอิสริโก หากผู้ใดได้ครอบครองบูชา พระผงขุนแผนพรายกุมาร นับว่าท่านมีของวิเศษขั้นสูงอยู่กับ จะส่งผลให้เกิดโภคทรัพย์ ความเจริญรุ่งเรือง เป็นสิริมงคลแก่ตนเอง นับว่าเป็นบุญกุศลของผู้นั้นที่เคยได้ร่วมสร้างกันมา หลวงปู่ท่านกล่าวว่า
((( พระของท่านมีเจ้าของอยู่แล้ว ของของใครต้องมาอยู่กับผู้นั้น ผู้ใดมิใช่เจ้าของจักมีอันต้องเปลี่ยนมือไปไม่ช้าก็เร็ว )))

โดยคุณ toei89 (624)  [อา. 11 พ.ค. 2551 - 02:17 น.] #282720 (2/15)
เยี่ยมมากครับ

โดยคุณ yasticker (3.2K)  [อา. 11 พ.ค. 2551 - 07:54 น.] #282770 (3/15)
ยอดเยี่ยมมากครับ ขอบคุณหลายๆ สำหรับข้อมูล แต่ไม่เชื่อว่าผดุงชอบพิมพ์เอง
"มาทำความรู้จักกับหลวงปู่ทิม และพระเครื่องชนิดต่างๆได้เลยคะ"

โดยคุณ yasticker (3.2K)  [อา. 11 พ.ค. 2551 - 07:55 น.] #282771 (4/15)
สงสัยมีเลขาส่วนตัวแน่ๆ พรายกุมารสำแดงเดชครับพี่น้อง

โดยคุณ เด็กวัดเขาถ้ำบุญนาค (1.4K)  [อ. 13 พ.ค. 2551 - 17:12 น.] #284350 (5/15)
ขอบคุณครับ

โดยคุณ บางพระบางพระ (8.6K)  [พ. 14 พ.ค. 2551 - 20:36 น.] #285136 (6/15)
สุดยอดครับ

โดยคุณ sweetbee (547)  [พ. 14 พ.ค. 2551 - 22:19 น.] #285261 (7/15)
ยอดเยี่ยมจริงๆๆๆๆๆ
แบบนี้ต้องไปแข่งรายการแฟนพันธ์แท้หลวงปู่ทิมครับ

โดยคุณ kukai (1.1K)  [อา. 18 พ.ค. 2551 - 17:48 น.] #286954 (8/15)
ชื่นชอบและชื่นชมในตัวอาจารย์จิงๆคร้าบ

โดยคุณ โชติอนันต์ (4.9K)  [จ. 19 พ.ค. 2551 - 23:47 น.] #287862 (9/15)
เยี่ยมๆๆๆๆครับ

โดยคุณ sps05 (85)(1)   [จ. 12 ก.ย. 2554 - 21:23 น.] #1845462 (10/15)

โดยคุณ sps05 (85)(1)   [จ. 12 ก.ย. 2554 - 21:24 น.] #1845464 (11/15)

โดยคุณ sps05 (85)(1)   [จ. 12 ก.ย. 2554 - 21:25 น.] #1845470 (12/15)

โดยคุณ sps05 (85)(1)   [จ. 12 ก.ย. 2554 - 21:27 น.] #1845475 (13/15)

โดยคุณ sps05 (85)(1)   [จ. 12 ก.ย. 2554 - 21:28 น.] #1845480 (14/15)

โดยคุณ sps05 (85)(1)   [จ. 12 ก.ย. 2554 - 21:28 น.] #1845486 (15/15)

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1