ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : หลวงพ่อผินะ ปิยะธโร วัดสนมลาววรวิหาร จ.สระบุรี



(D)
เพื่อเผยแพร่ประวัติและกิติคุณของหลวงพ่อ แด่เพื่อนสมาชิกที่สนใจ บทความต่างๆ ที่นำเสนอนี้ได้คัดลอกและรวบรวมมาจากเวปไซด์ต่างๆ ไม่มีเจตนาจะแอบอ้างใดๆทั้งสิ้น
หากมีที่มาของเจ้าของบทความเดิมจะลงอ้างอิงไว้ครับ

หากเพื่อนๆ มีข้อมูลสามารถลงเพิ่มเติมได้ครับ

โดยคุณ kumairoo (3.7K)  [พฤ. 03 ก.ค. 2551 - 16:09 น.]



โดยคุณ kumairoo (3.7K)  [พฤ. 03 ก.ค. 2551 - 16:19 น.] #312101 (1/20)


(D)


พระอาริยสงคฆ์เหนือกาลเวลา

โดยคุณ kumairoo (3.7K)  [พฤ. 03 ก.ค. 2551 - 16:20 น.] #312105 (2/20)


(D)
นั่งขัดสมาธิถอดจิต-มรณภาพ ฮือฮา"หลวงพ่อผินะ"สังขารไม่เน่า นั่งขัดสมาธิถอดจิต-มรณภาพ ฮือฮา"หลวงพ่อผินะ"สังขารไม่เน่า
ย้อนหลังกลับไป เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2545 ชาวบ้านต่างเดินทางไปที่วัดสนมลาว หมู่ที่ 2 ต.โคกแย้ อ.หนองแค จ.สระบุรี
ด้วยเกิดเหตุปรากฏการณ์ความมหัศจรรย์ ภายหลังการมรณภาพลงอย่างสงบของ "หลวงพ่อผินะ ปิยธโร" สิริอายุ 89 ปี เจ้าอาวาสวัดสนมลาว ร่างหลวงพ่อผินะนั่งหมดลมหายใจในท่านั่งขัดสมาธิอย่างสงบ เหตุที่ไม่ปกติเพราะท่านมรณภาพเวลาประมาณ 05.14 น. แต่เวลาล่วงเลยกว่า 12 ชั่วโมงแล้วร่างกายเนื้อตัวท่านยังอ่อนนิ่ม ไม่คล้ายดังคนที่หมดลมหายใจแต่อย่างใด
ก่อนหน้านี้หลวงพ่อผินะได้ทำหนังสือเขียนสั่งไว้ มีใจความว่า "เมื่อฉันละสังขาร ขอให้ปฏิบัติตามนี้ คือ ห้ามฉีดยาศพโดยเด็ดขาด ให้เก็บศพไว้ในสภาพนั่งขัดสมาธิ ให้บรรจุศพไว้ในที่เตรียมไว้ ณ สุสานผินะ ไม่ต้องมีการสวดศพ ไม่ต้องบอกคนมาก ห้ามเผาศพโดยเด็ดขาด" สั่ง ณ วันที่ 4 ตุลาคม 2545 ลงชื่อ พระผินะ ปิยธโร พระอาจารย์ใหญ่ประธานคณะปฏิบัติธรรม วัดสนมลาววิหาร
พระพิศาลมงคลวัตร เจ้าคณะจังหวัดสระบุรี (ธรรมยุต) กล่าวว่า ได้ทำการบรรจุศพในวันที่ 16 ตุลาคม 2545 และทำตามที่ท่านสั่งไว้ โดยสั่งช่างทำโลงแก้ว บรรจุศพในท่านั่งขัดสมาธิ และนำไปตั้งไว้ที่สุสานผินะ ที่ท่านสั่งให้สร้างไว้แล้ว
อัตโนประวัติหลวงพ่อผินะ ปิยธโร มีนามเดิมว่า ทวาย หาญสาริกิจ เกิดเมื่อวันที่ 1 มีนาคม 2456 บ้านหัวลำโพง อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี
วัยเด็กหลวงพ่อมีโรคประจำตัวรักษาไม่หาย หลังการร้องไห้ทุกครั้ง จะต้องมีอาการชัก จนหน้าเขียว โยมมารดาพาไปหาหมอรักษาโรค แต่อาการไม่ดีขึ้น ครั้นพอหมดหนทางจึงได้พาบุตรชายไปหาหลวงพ่อสิน เจ้าอาวาสวัดหนองเตา ต.โนนขี้เหล็ก อ.เมือง จ.อุทัยธานี
หลวงพ่อสินระบุว่า ชื่อทวาย เป็นกาลกิณี ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็นผินะ มาจากคำว่าผิน แปลว่า หันหน้า, หันหลัง, เปลี่ยนทิศทาง, ไม่แยแส, หรือเลิกคบกัน นับแต่นั้นอาการดังกล่าวได้ทุเลาลง
พ.ศ.2481 บิดาได้ล้มป่วยและเสียชีวิต จึงได้บรรพชาเป็นสามเณร เพื่ออุทิศส่วนกุศล พออายุครบบวชจึงได้เข้าพิธีอุปสมบท ณ วัดหนองเต่า โดยมีพระครูอุดมคุณาภรณ์ เจ้าคณะอำเภอทัพทัน เป็นพระอุปัชฌาย์, พระมหาอำนวย เป็นพระกรรมวาจาจารย์
ในระหว่างเป็นพระภิกษุพระผินะได้ขออนุญาตเจ้าอาวาสออกไปจำพรรษาที่วัดเกาะเทโพ อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ได้ศึกษาพระธรรมจากหลวงตาคำ ให้รู้ถึงสังขารร่างกายมนุษย์และสัตว์ ล้วนมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย ร่างกายเน่าเปื่อย
พ.ศ.2481 ท่านสอบได้นักธรรมตรี และออกธุดงค์ ฝึกปฏิบัติกัมมัฏฐาน ณ วัดถ้ำตะโกพุทธโสภา อ.ท่าวุ้ง จ.ลพบุรี ก่อนจะเดินธุดงค์ไปในหลายจังหวัด ในภาคเหนือ ใต้ ประเทศพม่า ลาว เขมร อินเดีย
พ.ศ.2485 พระผินะได้ศึกษาและปฏิบัติธรรมกับหลวงปู่มั่น วัดป่าสุทธาวาส จ.สกลนคร, หลวงปู่ฝั้น อาจาโร, หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน และพระอาจารย์อีกหลายรูปที่ได้ฝากตัวเป็นลูกศิษย์
พ.ศ.2527 หลวงพ่อผินะจาริกธุดงค์ผ่านมาถึงวัดโบราณ บ้านสนมลาวเขาโบถส์ ต.โคกแย้ อ.หนองแค จ.สระบุรี เป็นวัดร้าง
แต่มีสถานที่เหมาะสำหรับการปฏิบัติธรรม ชาวบ้านจึงนิมนต์ให้จำพรรษาที่วัดแห่งนี้
ปัจจุบันกลายเป็นวัดสนมลาว และกรมศิลปากรได้ขึ้นทะเบียนอย่างเป็นทางการ

หลวงพ่อผินะเคยปรารภกับคณะศิษยานุศิษย์ว่า สถานที่แห่งนี้มีความเหมาะสมใช้เป็นที่ละสังขาร และได้มอบหมายให้จัดสร้างเตรียมไว้ล่วงหน้า เป็นอ่างน้ำด้านล่าง ที่ใส่สังขารอยู่ด้านบน อันเป็นปริศนาธรรม หมายถึงการอยู่เหนือพ้นน้ำ ดังเช่น บัวสี่เหล่าที่พระพุทธองค์ได้ทรงกล่าวเทศนาไว้ หรืออีกนัยหนึ่งคือ เหนือการตาย เวียนว่ายตายเกิด
สำหรับสุสานที่เก็บสังขารหลวงพ่อผินะ คณะศิษยานุศิษย์ได้จัดสร้างเจดีย์ ลักษณะคล้ายองค์พระปฐมเจดีย์ครอบไว้ สูงประมาณ 10 เมตร ด้านหน้ามีรูปหลวงพ่อผินะ ใต้ฐานเจดีย์เป็นน้ำ มีปลาแหวกว่าย
ทุกวันจะมีสาธุชนที่ศรัทธาเลื่อมใสเดินทางมากราบไหว้สังขารหลวงพ่อผินะที่บรรจุในโลงแก้วอยู่เป็นประจำ
ในโอกาสนี้วัดสนมลาววรวิหารเตรียมจัดพิธีทำบุญครั้งยิ่งใหญ่ เพื่อแสดงมุทิตาจิตและอุทิศส่วนกุศลแด่หลวงพ่อผินะ ในช่วงเทศกาลออกพรรษา ประจำปี 2548
แหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ ข่าวสด วันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2548 ปีที่ 15 ฉบับที่ 5447 คอลัมน์ สดจากหน้าพระ โดย เสรี สุพรรณ์นอก หน้า 30

โดยคุณ kumairoo (3.7K)  [พฤ. 03 ก.ค. 2551 - 16:27 น.] #312112 (3/20)
( บทความนี้ถือว่าเป็นการบูชาครูบาอาจารย์ หลวงพ่อผินะ พระอรหันต์ผู้มีอภิญญาฤทธิ์ในยุคนี้ )
หลวงพ่อผินะ แห่งวัดพระสนมลาว
พระอาริยสงฆ์ผู้อยู่เหนือกาลเวลา พระนั่งสมาธิถอดจิตมรณภาพ


ตอนที่ 1
โดย บัวเกตุ
ในเมืองไทยนั้นมักมีเรื่องราวที่เกี่ยวกับความศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าพระภิกษุสงฆ์ที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เป็นพระสงฆ์ที่ได้เจริญตามรอยแห่งพระพุทธเจ้าโดยแท้จริง หากได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดก็จะมีปรากฏการณ์มหัศจรรย์แห่งจิตเกิดขึ้น ศาสนาพุทธนั้นเป็นศาสนาที่เน้นเรื่องจิตวิญญาณเป็นหลักใหญ่ และให้ปล่อยวางสังขารทั้งหลายเสีย เพราะร่างกายสังขารเหล่านั้นย่อมเป็นไปตามกฏแห่งไตรลักษณ์ อันเกิดขึ้นตั้งอยู่แปรเปลี่ยนและดับไป และจิตนี้สามารถแสดงกฤษดาปาฏิหารย์ต่างๆได้อย่างเต็มพลัง
หลายคนเคยได้ยินหรือเห็นเรื่องราวของ หลวงพ่อผินะ มาบ้างแล้ว ซึ่งชื่อนี้เพิ่งเริ่มมาปรากฏขึ้นตามสื่อต่างๆเมื่อสามปีที่แล้ว เพราะท่านเป็นพระที่นั่งสมาธิถอดจิตมรณภาพ และสังขารท่านไม่เน่าเปื่อย ท่านได้รู้วันมรณภาพของท่านก่อน อีกทั้งยังได้สั่งว่า &#8220 จงเก็บร่างของฉันไว้ตรงนี้สิบปี อีกสิบปีข้างหน้าฟ้าจะผ่าที่นี่ แล้วให้ดูว่าจะเกิดอะไรขึ้น&#8221 ในเมืองไทยนั้นมีพระที่มรณภาพแล้วสังขารไม่เน่าเปื่อยมากมาย แต่ที่นั่งสมาธิมรณภาพเหมือนหลวงพ่อผินะแล้วสังขารไม่เน่านั้นมีไม่กี่รูป หลวงพ่อผินะได้มรณะภาพตั้งแต่ปีพ.ศ. 2545 เป็นการนั่งสมาธิมรณภาพถอดจิตออกจากร่าง ในสมัยก่อนนั้นได้เคยมีรายการทีวีไปขอสัมภาษณ์ท่านแต่ท่านก็ปฏิเสธ การสร้างวัดของท่านก็ไม่เคยไปรบกวนญาติโยมให้เป็นที่เหนื่อยใจแก่บรรดาลูกศิษย์ลูกหา ที่สำคัญท่านได้สร้างตามนิมิตที่เกิดขึ้น เหมือนดั่งจำลองสรวงสวรรค์ลงมาบนโลกมนุษย์ และได้ทำให้เป็นปริศนาธรรมเพื่อให้คนเรานั้นได้คิด มีแต่ว่าใครศรัทธาก็มาทำบุญกันไปตามกำลังอันควร แนวทางการสอนธรรมะของท่านก็เน้นเรื่องการแก้ไขสัญญาวิปลาสที่ยึดติดอยู่ในรูปร่างกายที่มักเห็นว่าเป็นของสวยงาม แต่แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยรังแห่งโรค เป็นที่น่าสกปรก เน่าเสียเปลี่ยนแปลงไปทุกวันไม่คงที่ ซึ่งที่เราเรียกว่าอสุภกรรมฐาน นอกจากนี้ท่านยังได้แผ่บารมีช่วยเหลือลูกศิษย์ตามเรื่องเดือดร้อนของคนนั้นๆเป็นรายๆไป จนมีความเจริญรุ่งเรืองตามลำดับ ลูกศิษย์ของท่านมีตั้งแต่ตำรวจทหารที่มียศมีตำแหน่ง นายแพทย์ผู้มีชื่อเสียง ข้าราชการและพ่อค้า รวมไปถึงผู้ที่นิยมชมชอบเรื่องการนั่งกรรมฐาน

หลวงพ่อผินะท่านได้เดินธุดงค์ไปห้าประเทศในเอเซียเป็นเวลาหลายสิบปี ได้เคยไปกราบท่านอาจารย์มั่น ภูริทัตโต พระผู้เป็นแม่ทัพธรรมแห่งแดนอีสาน ได้รับคำแนะนำเรื่องการปฏิบัติธรรมจากครูบาอาจารย์หลายท่าน เชื่อกันว่าหลวงพ่อผินะนั้นเป็นผู้ที่สำเร็จกสิณต่างๆ เป็นผู้ที่มีจิตเข้มแข็งล่วงรู้อดีตและอนาคตได้ สามารถอธิษฐานจิตช่วยเหลือผู้ที่มีเคราะห์กรรมให้ผ่านพ้นไปได้ ที่สำคัญหลวงพ่อผินะได้สร้างวัตถุมงคลและเครื่องรางของขลังได้อย่างศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังอย่างมาก วัตถุมงคลและเครื่องรางของท่านนั้นผู้ที่ได้ไปบูชาติดตัวอยู่ต่างก็รับรู้ถึงประสบการณ์ที่สามารถพิสูจน์ได้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคุ้มครองแคล้วคลาด โชคลาภ เมตตามหานิยม คงกระพันชาตรี กันเสนีดจัญไรคุณไสย์ต่างๆ เรียกได้ว่าครอบจักรวาลไม่เป็นที่สองรองใคร เพราะเครื่องรางยุคต้นของท่านนั้นได้ทำจากสิ่งที่เอาได้ยากของสตรี ผสมกับว่านสมุนไพรต่างๆที่ท่านได้รวบรวมตอนที่ท่านธุดงค์อยู่ในป่า และที่สำคัญอีกอย่างก็คือเครื่องรางของท่านมีเอกลักษณ์เป็นรูปเดือนและดาว เครื่องรางรูปดาวอาถรรพ์ นี้ถือว่าเป็นเครื่องรางที่สร้างขึ้นมาไม่เลียนแบบใคร ท่านได้สร้างขึ้นเพื่อเป็นปริศนาธรรมตามนิมิต โดยด้านหนึ่งเป็นดาวห้าแฉกอันหมายถึงพระพุทธเจ้าห้าพระองค์ของภัทรกัปป์นี้ อีกด้านเป็นดาวแปดแฉกอันหมายถึงพระอรหันต์แปดทิศที่คุ้มครองทิศทั้งแปด เครื่องรางดาวอาถรรพ์นี้สร้างน้อยมาก มีหลายเนื้อหลายพิมพ์ทั้งใหญ่และเล็ก เชื่อว่าแต่ละพิมพ์นั้นสร้างเป็นหลักสิบและหลักร้อยต้นๆเท่านั้น ที่สำคัญก็คือเป็นที่หวงแหนของลูกศิษย์เป็นอย่างมาก ส่วนใหญ่จะอยู่กับผู้มีอันจะกินทั้งตำรวจทหารและนายแพทย์ ผู้ที่ได้ครอบครองก็มักจะได้รับรู้ถึงพลังที่หลวงพ่อผินะได้ประจุเอาไว้ หลวงผ่อผินะได้เรียกเครื่องรางชนิดนี้ว่า &#8220แม่เนื้อหอม&#8221 ท่านมักจะให้ใช้น้ำหอมมาเป็นเครื่องบูชาและทำการอธิษฐานในเรื่องที่ตัวเองปรารถนาเอาไว้ นอกจากนี้ก็ยังบนบอกให้ช่วยเหลือก็ได้ มักจะได้รับความสำเร็จเป็นคราวๆไป ดาวอาถรรพ์ที่ถูกสร้างขึ้นในยุคต้นประมาณปี 2500 นั้น ตอนนี้กำลังเป็นที่เสาะหากันเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นของที่สร้างน้อยมาก และเมื่อมีคนนำไปใช้ก็เห็นผลเป็นอย่างมาก จึงทำให้ราคาในการที่จะได้มาก็หลายหมื่น เท่าที่ปรากฏเมื่อปลายปีที่แล้วได้แตะหลักสิบสองหมื่นไปแล้ว ซึ่งราคาในขณะนี้ยังคงขึ้นไปเรื่อยๆ เรียกได้ว่าเป็นเครื่องรางที่แซงทางโค้งไล่คู่คี่ของพระผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมมาติดๆ ส่วนรุ่นหลังๆราคาก็ยังคงไม่แพงนัก การใช้เครื่องรางยุคแรกที่เรียกว่าแม่เนื้อหอมนั้นหลวงพ่อผินะท่านไม่ให้แขวนรวมกับพระเครื่อง เพราะบางส่วนที่นำมาผสมนั้นเกี่ยวข้องกับสตรี ท่านได้ให้แขวนไว้แถวเอว แต่ถ้าแขวนเดี่ยวก็แขวนคอได้เลย ส่วนดาวอาถรรพ์ยุคหลังนั้นแขวนรวมกับพระเครื่องทั่วไปได้ ที่สำคัญ หลวงพ่อผินะท่านให้แขวนแบบเอียง ๆ หลวงพ่อท่านบอกว่าใจคนนั้นไม่ตรงเท่าไหร่ จะเห็นได้ว่าทุกอย่างที่ท่านได้บอกกล่าวนั้นล้วนแต่เป็นปริศนาธรรมทั้งสิ้นเพื่อให้ผู้มีปัญญาทั้งหลายได้ขบคิดตีความตามแนวทางเฉพาะตัวของท่านในการสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาเพื่อให้คนทั้งหลายมีดวงตาเห็นธรรมยังมีอีกเรื่องที่มักปรากฏกับผู้ที่ได้รับแม่เนื้อหอมไปแล้ว ก็คือหากเก็บรักษาไม่ดีเท่าที่ควร แม่เนื้อหอมก็จะหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ บางทีก็เหลือแต่กรอบเปล่าก็มี คล้ายกับสมเด็จเสด็จกลับของหลวงปู่สุภาที่จังหวัดภูเก็ต
นอกจากเครื่องรางรูปดาวอาถรรพ์แล้ว ยังมีเครื่องรางอีกประเภทคือ &#8220คุณพ่อปลัด&#8221 ปลัดของหลวงพ่อผินะนั้นท่านได้ทำค่อนข้างใหญ่ ยาวเกินคืบ ต้องคนที่ใจรักจริงๆถึงจะพกได้ แต่ที่สำคัญนั้นคุณพ่อปลัดของท่านมีฤทธิ์มากโดยเฉพาะเรื่องเสน่ห์เมตตามหานิยม โชคลาภ หลายคนที่ได้ใช้และรู้วิธีใช้ก็ได้เห็นผลกันมามากแล้ว คุณพ่อปลัดของหลวงพ่อผินะนั้นมีสองแบบโดยรวม คือแบบหัวคนหรือที่เรียกว่าหัวหอม และแบบหัวชมด แบบหัวชมดนี้มีทั้งที่ฝังพลอยและไม่ฝังพลอย นอกจากนี้ยังมีลิ้นหลายแบบ เช่น ลิ้นทองแดง ลิ้นทองเหลือง ลิ้นเงิน ลิ้นทองคำ นอกจากนี้แล้วยังมีหลายขนาด มีทั้งแบบใหญ่มากสำหรับบูชาที่บ้านหรือแบบพกพา( ขนาดพกพาก็ยาวเป็นคืบ ) แต่ที่เป็นตัวเล็กๆจริงๆนั้นหายากมากมักไม่ค่อยได้เห็นกัน คุณพ่อปลัดของท่านได้สร้างจากหลายเนื้อไม้ ตั้งแต่แก่นของพญาไม้ ไม้พญาสัตบรรณ ไม้สัก ไม้งิ้วดำ ไม้กัลปังหา โดยเฉพาะที่ทำจากกัลปังหานั้นตอนที่เสกอยู่ก็ถึงกับกระโดดออกจากบาตรของท่าน คุณพ่อปลัดตอนนี้ถือว่าเป็นเครื่องรางที่แพงรองจากดาวอาถรรพ์ เป็นที่นิยมและต้องการของคนเป็นจำนวนมากเนื่องจากคำร่ำลือถืออานุภาพฤทธิ์ในด้านเมตตาและโชคลาภ คนที่ได้ไว้ต่างหวงแหนเป็นอย่างยิ่ง อีกทั้งรูปแบบของคุณพ่อปลัดที่ทำเป็นหัวชมดนั้นก็เป็นรูปแบบของเฉพาะตัวของตระกูลเครื่องรางตามแบบหลวงพ่อเช่นกัน ราคาของเครื่องรางตอนนี้ก็อยู่ที่หลายหมื่น การใช้เครื่องรางของท่านก็พิศดารคือ ที่ด้านท้ายของคุณพ่อปลัดนั้น ท่านทำรูเอาไว้สองรู รูล่างมักจะอุดด้วยว่านและผงที่ศักดิ์สิทธิ์ รูบนท่านจะให้เขียนชื่อนามสกุลวันเดือนปีเกิดใส่ไว้ เพื่อกำกับว่าให้คุณพ่อปลัดคุ้มครองแก่ดวงชะตาของผู้นั้นๆ และที่สำคัญต้องบูชาด้วยน้ำหอมเช่นเดียวกับดาวอาถรรพ์ ดาวอาถรรพ์นั้นถือว่าเป็นคุณแม่ ส่วนคุณพ่อปลัดนั้นถือว่าเป็นคุณพ่อ เป็นปริศนาที่ว่ามนุษย์นั้นต้องเกิดมาจากบิดาและมารดา ถ้าเป็นคนจีนก็ต้องบอกว่าเป็นธาตุหยินและหยางรวมกันจึงก่อเกิดได้ การเลือกคุณพ่อปลัดของหลวงพ่อผินะนั้นต้องดูให้ดี เพราะเห็นว่าเริ่มมีของปลอมระบาดมากขึ้น ควรเลือกแบบที่มีสองรูด้านท้าย ที่สำคัญรอยแกะที่เป็นอักขระคาถาของท่านนั้นก็เป็นวิชากำกับคุณพ่อปลัดของท่านโดยเฉพาะ การเลือกนั้นให้ระวังที่เป็นตัวเขียนเมจิก เพราะโดยส่วนใหญ่นั้นท่านจะแกะอักขระลงไปบนตัวของคุณพ่อปลัดเลย การจะเลือกซื้อต้องดูที่มาที่ไป และซื้อกับคนที่เชื่อถือได้เท่านั้น และต้องดูอักขระให้เป็นด้วย

โดยคุณ kumairoo (3.7K)  [พฤ. 03 ก.ค. 2551 - 16:29 น.] #312114 (4/20)
หลวงพ่อผินะ แห่งวัดพระสนมลาว ( ตอนที่ 2 )
อมตะเถระเหนือสมมุติ
โดย บัวเกตุ

หลังจากที่ได้เขียนตอนที่หนึ่งเสร็จก็ได้รับการติดต่อสอบถามเรื่องราวของท่านเป็นอันมากจากผู้อ่าน และมีผู้มาเล่าในความศักดิ์สิทธิ์เพิ่มขึ้น แม้แต่ผู้เขียนเองก็ได้รับอานิสงค์จากพลังที่ท่านได้ประจุอยู่ในวัตถุมงคลของท่านเป็นอันมาก อีกทั้งได้รับข่าวสารเพิ่มเติมถึงประสบการณ์ของผู้ที่ได้ใช้วัตถุมงคลของท่าน เช่น เมื่อไม่นานมานี้ได้มีผู้บูชา พระปางธรรมจักร ของหลวงพ่อผินะไปติดอยู่ที่น่ารถได้ประสบอุบัติเหตุรถชนกันอย่างแรงท่านชลบุรี ปรากฏว่าคนที่อยู่ในรถที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อที่มีพระปางธรรมจักรอยู่หน้ารถนั้นไม่เป็นอะไรเลยรวมถึงคนที่นั่งมาทุกคนด้วย แต่รถของคู่กรณีพังยับเยินแถมมีคนบาดเจ็บอย่างหนัก พอเกิดเรื่องอุบัติเหตุนี้ก็เลยได้กลับมาเล่าให้ที่วัดฟังแถมมาบูชาวัตถุมงคลเพิ่มอีกด้วยความมั่นใจในปาฎิหารย์ศรัทธาที่เต็มเปี่ยมกับหลวงพ่อ ผินะ หลวงพ่อเคยบอกว่าพระของท่านคุ้มครองได้ 7 คนต่อองค์ ตอนนี้ที่วัดยังพอมีเหลืออยู่บ้าง การบูชาวัตถุมงคลที่วัดนั้นก็ถือว่าได้สร้างบุญไปด้วยเงินที่ได้มาก็ได้นำไปบูรณะวัด เพราะที่วัดนั้นกำลังเริ่มปรับปรุงอยู่ โดยเฉพาะในเดือนมิถุนายนนี้จะมีการเททองหล่อรูปจำลองของหลวงพ่อผินะขึ้นมาเป็นครั้งแรกในวันที่ 10 มิถุนายน
นอกจากเรื่องการคุ้มครองเรื่องอุบัติเหตุแล้วก็ได้มีอีกรายอยู่ที่จังหวัดเชียงรายได้บูชา พ่อปลัดแบบหัวชะมด ไปหนึ่งองค์ โดยทำบุญ 25,000 บาท เมื่อได้ไปลองใช้ตามคำแนะนำก็เกิดเห็นเป็นตัวเลขขึ้นมาเลยนำไปเสี่ยงโชคถูกหวยบนดินใต้ดินร่วมแสนกว่าบาทก็เลยได้กลับมาทำบุญบูชาแม่เนื้อหอมยุคแรกจากวัด 80,000 บาท ซึ่งเรื่องนี้สามารถสอบถามเจ้าอาวาสได้เลย จริงๆ แล้วอภินิหารอิทธิฤทธิ์ของท่านนั้นจะเล่าจริงๆ ก็คงไม่จบ เพราะมีทั้งมหาเสน่ห์ โชคลาภ แคล้วคลาด อีกทั้งยังสามารถพลิกดวงชะตาที่อับเฉาให้กลับมารุ่งเรืองได้อีกครั้งอย่างน่ามหัศจรรย์ แต่ต้องมีวิธีใช้ตามแบบของท่านด้วย และสามารถบอกกล่าวได้ บางครั้งแสดงฤทธิ์แบบเป็นตัวเป็นตนได้อย่างชัดเจนอย่างที่ไดที่มีอาถรรพ์อยู่ในบางครั้งดาวก็จะบอกให้ล่วงรู้ อย่างเมื่อไม่นานนี้ก็ได้มีนักธุรกิจไปเที่ยวเมืองจีนซึ่งหนาวมากอุณหภูมิลบ 2 องศา พอเดินผ่านประตูเมืองจีนที่เขาใช้สัตว์หรือคนฝังทั้งเป็นตอนทำประตูเมืองในสมัยโบราณนั้นดาวก็แสดงฤทธิ์ร้อนวูบวาบตลอดเวลา อันเป็นการแสดงพลังเข้าคุ้มครองผู้เป็นเจ้าของ พอกลับมาเมืองไทยเลยต้องหามาสะสมเพิ่มด้วยความเคารพศรัทธาแรงกล้า เพราะยังไม่เคยได้สัมผัสเครื่องรางที่ทรงพลังเช่นของหลวงพ่อผินะมาก่อน
มีหลายคนถามถึงเรื่องวัตถุมงคลของท่านว่ามีอะไรบ้างนอกเหนือจาก ดาว และ คุณพ่อปลัด อีกทั้งยังอยากทราบรายละเอียดเรื่องดาวและปลัดเพิ่มเติมอีก ทำให้ผู้เขียนเองต้องไปหาข้อมูลเพิ่มเติมจากลูกศิษย์สายตรง จึงพอสรุปได้ว่าดาวของท่านน่าจะแบ่งเป็นสองประเภทคือ ดาวอาถรรพ์ และ ดาวมหามงคล ดาวอาถรรพ์ที่เป็นยุคแรกนั้นจะมีส่วนผสมของดีที่เห็นได้ง่ายแต่เอายากในสัดส่วนที่มาก ซึ่งท่านเริ่มทำตั้งแต่ราวๆ ปี 2500 ซึ่งดาวอาถรรพ์ในครั้งนั้นเราเรียกว่าดาวนายพล เพราะใส่ผงและน้ำมันอาถรรพ์มากจึงเรียกว่าดาวอาถรรพ์ จนกระทั้งหลวงพ่อท่านได้มาอยู่ที่วัดพระสนมลาว พ.ศ. 2527 ท่านก็ได้เริ่มทำดาวอาถรรพ์อีกครั้ง หลวงพ่อเรียกว่า แม่เนื้อหอม ซึ่งมีลักษณะคล้ายกลีบบัวสำหรับผู้ชายและหยดน้ำเล็กสำหรับผู้หญิง ราวๆ ปี พ.ศ. 2534 ผงดาวอาถรรพ์เริ่มลดน้อยลงหลวงพ่อท่านจึงอาศัยไม้มงคลต่างๆ 12 ชนิดมาผสม ส่วนผงอาถรรพ์นั้นใส่น้อยมากๆ ตรงนี้นี่เองทางวัดจึงเรียกว่า ดาวมหามงคล เพราะใส่ส่วนผสมของไม้มหามงคลมากและที่สำคัญพระของหลวงพ่อผินะโดยส่วนใหญ่นั้นเป็นเนื้อดินดิบผสมว่าน จะไม่ได้ผ่านการเผาแบบเนื้อดินเผา ซึ่งหลวงพ่อเคยกล่าวว่าที่ไม่ทำแบบดินเผาเพราะว่านไม้มงคลต่างๆ จะเสื่อมฤทธิ์ อยากให้คุณวิเศษทั้งหลายของว่านไม้ต่างๆ อยู่แบบเต็มร้อย เวลานำไปใช้จึงได้ผลคงความศักดิ์สิทธิ์ตลอดเวลา ดาวมหามงคลนี้จะมีรูปดาวกับเดือนที่เราเรียกว่าดาวเปาบุ้นจิ้น และมีแบบที่มีแปดแฉกห้าแฉกใหญ่และเล็ก หลวงพ่อท่านจะเรียกว่าแบบใหญ่ว่า นายร้อยนายพัน (สำหรับผู้ชายใช้ ตอนนี้ที่วัดยังมีเหลืออยู่เล็กน้อย) ส่วนแบบเล็กเรียกว่า นายสิบ (สำหรับผู้หญิงใช้ ตอนนี้ที่วัดยังมีเหลือเช่นกัน) นอกจากนี้ก็มี แบบติดดาว ซึ่งหลวงพ่อผินะจะติดให้เฉพาะผู้ที่มีอาชีพเป็นตำรวจและทหารเท่านั้น ส่วนการติดพลอยนั้นไม่ได้ติดทุกองค์เพราะติดไม่ทันกัน แต่ได้บรรจุเม็ดกริ่งทุกองค์ บางครั้งกริ่งจะขัดเขย่าไม่ดัง ดาวของท่านดีทุกทางจริงๆ ผู้เขียนเองยังไม่เคยเจอวัตถุมงคลที่มีพลังเช่นนี้มาก่อนเลย อีกทั้งของสิ่งนี้ก็ได้สร้างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามนิมิตของท่านเอง ซึ่งหลวงพ่อพูดอยู่เสมอว่า เมื่อจิตสงบปัญญาก็เกิดเอง ปัญญานี้แหละที่ทำให้จิตเกิดความบริสุทธิ์อย่างแท้จริง
วัตถุมงคลอีกอย่างของท่านก็คือ คุณพ่อปลัด จริงๆ แล้วท่านทำไว้หลายแบบมาก มีทั้งใหญ่และเล็ก แต่ที่เป็นที่นิยมได้แก่ปลัดที่แกะเป็นหัวคล้ายๆ สัตว์โดยให้คนที่แกะมีสี่คน ปลัดของท่านจึงมีสี่แบบ คือ หัวชะมด หัวสิงค์ หัวหนู หัวนาค บางครั้งหลวงพ่อท่านก็เรียกว่า พระอินทร์ โดยมีลิ้นแบบทองแดง ทองเหลือง เงิน ทองคำ ปลัดของท่านเป็นปลัดที่แพงที่สุดในโลกเพราะตอนที่ออกจากวัดในสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ก็ให้เฉพาะผู้ที่ร่วมทำบุญ 15,000 บาท และที่สำคัญก็ยังต้องรอกันเป็นปีถึงจะได้ตอนนี้ที่ทราบก็คือ ที่เป็นองค์ครูยาวขนาดศอกที่ใช้บูชาที่บ้านมีคนตั้งราคาไว้ 300,000 (สามแสนบาท) ปลัดของท่านนั้นสามารถอธิษฐานส่งจิตให้เกอดความเมตตามหาเสน่ห์ไปเข้าฝันคนที่เราต้องการได้ สามารถบนบอกเรื่องราวต่างๆ ให้สัมฤทธิ์ผลได้จริงๆ ปลัดของท่านมีแบบรูเดียวและสองรู ถ้าแบบสองรูนั้นก็ให้ใส่ดวงปิดทองคำเปลว ก็จะสามารถใช้ได้ดังใจนึกปลัดของท่านมักจะมีขนาดใหญ่ค่อนข้างมากยาวร่วมคืบ บางทีใส่ในกระเป๋ากางเกงยังไม่ได้เลย ต้องใส่กระเป๋าเอกสารแทน ส่วนอีกแบบจะเป็นแบบหัวคนหรือหัวหอม ราคาจะถูกลงมามาก
เครื่องรางอีกอย่างที่มีคนต้องการมากเช่นกัน แล้วก็หายากกว่าดาวอีกได้แก่ กะลาตาเดียวและกะลาไม่มีตานำมาแกะเป็นรูปพระราหูด้านหน้าส่วนด้านหลังก็แกะเป็นองค์กำเนิดของมนุษย์ หลายคนจึงเรียกว่า พระราหูองค์กำเนิด ราหูของท่านนั้นดีทางเมตตา กันคุณไสย์ โชคลาภ พวกที่เดินทางไปทำมาหากินที่ต่างแดนนิยมมาก บางคนส่งเงินมาจากญี่ปุ่นเพื่อขอบูชาพระราหูโดยเฉพาะ หลายคนเดินทางไปคาสิโนก็ได้กลับมากันเยอะ เพราะพระราหูท่านอยู่ด้านมืด จริงๆ แล้วพระราหูนั้นจะมีน้อยกว่า คุณพ่อปลัด ด้วยซ้ำ ราคาตอนนี้ก็เริ่มขยับมาเรื่อยๆ อีกหน่อยราคาจะแซงของวัดศรีษะทอง เพราะของมีน้อยชิ้น และประสบการณ์ดีจริงๆ เห็นผลทันใจ พระราหูนั้น ครูบาอาจารย์ท่านเอาไว้กลับดวงจากร้ายกลายเป็นดี ราหูยุคแรกๆ ของท่านจะเคี่ยวในน้ำมันอาถรรพ์ ยุคหลังไม่ทันได้เคี่ยวด้วยน้ำมันก็มีเช่นกัน และมีทั้งแบบแกะเป็นรูปและไม่ได้แกะก็มี ต้องระวังของปลอมนะจะบอกให้ แต่ถ้าทำจากงาช้างและแกะเป็นราหู ตอนนี้ราคา 200,000 (สองแสนบาท) ราคาเหล่านี้เป็นราคาจริงที่มีคนกล้าเปลี่ยนมือกัน เพราะมีความเชื่อมั่นในความศักดิ์สิทธิ์เข้มขลังของหลวงพ่อ
นอกจากนี้ก็ยังมี เครื่องรางที่ทำเป็นรูปดวงตา จริงๆ แล้วหลวงพ่อท่านสร้างมาในยุคต้นๆ พร้อมกับดาวอาถรรพ์ เนื่องจากเป็นสื่อความหมายของการมีดวงตาเห็นธรรม อันหมายถึงปัญญาสูงสุด แต่สิ่งซึ่งหลวงพ่อท่านได้นำมาผสมได้แก่ข้าวสารหินและข้าวสารดำ ท่านเคยกล่าวว่าท่านได้พบข้าววิเศษที่ผู้วิเศษแต่โบราณได้เสกไว้จนกลายเป็นหินหนักสามตันครึ่ง ท่านจึงนำมาเป็นส่วนผสมในการสร้างเป็นดวงตาและพระอื่นๆ ขึ้นมา สำหรับดวงตานี้ท่านได้บอกกับคนใกล้ชิดว่ามีตาทำให้เกิดเมตตาเอ็นดู และเม็ดตาทำให้เกิดปัญญาคล่องในการเรียนเขียนอ่าน ดวงตานี้หลวงพ่อท่านให้ใช้คู่กับพระหรือเครื่องรางแบบอื่นด้วยยิ่งดี ดวงตาจะมีสีออกดำหรือสีน้ำตาลอ่อน ซึ่งสีดำจะแก่สมุนไพรว่านยาไม้มงคลและข้าวสารดำเป็นส่วนใหญ่ สีเหลืองจะเป็นข้าวสารหินแลไม้มงคล บางครั้งดวงตาก็จะติดเพชร หรืองบางทีไม่ติดก็มี แต่ที่แน่ๆ แม่เหล็กต้องดูดติด เพราะท่านได้สูตรการสร้างแบบเดียวกับที่น้ำพี้และได้เหล็กน้ำพี้ผสมเป็นเนื้อเอก บางคนลูกเรียนหนังสือไม่เก่งก็ลองให้แขวนดวงตาดูสักพัก เพราะท่านบอกเรื่องนี้ไว้ว่าสิ่งนี้จะช่วยให้เกิดปัญญาคล่องการเรียนเขียนอ่าน ดวงตานี้ดูเหมือนว่าหลวงพ่อท่านจะทำน้อยเช่นกัน จะมีสองขนาด แต่ถ้าไม่สังเกตุก็จะไม่รู้ถ้าสังเกตก็จะเล็กใหญ่หว่ากันเล็กน้อยเท่านั้น ท่านมักจะพูดเสมอว่าสิ่งนี้ดีจริง หาสิ่งเปรียบปานได้ยากเพราะทำด้วยข้าวศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าว ข้าวคือตัวแทนของแม่พระโพสพ อันหมายถึง ความอุดมสมบูรณ์อิ่มเอม ดังนั้นในพระอื่นหลวงพ่อจึงมีรูปแม่พระโพสพอยู่เสมอ
จริงๆ แล้ววัตถุมงคลของท่านมีมากเหมือนกันแต่คนไม่ค่อยรู้ เท่าที่ผู้เขียนทราบก็มี ดาวอาถรรพ์และดาวมหามงคล คุณพ่อปลัด พระราหู ลูกประคำ มีดหมอ ตะกรุด พระสูตร พระวินัย พระปรมัต สมเด็จปรกโพธิ์ พระสมเด็จใหญ่หลังพระสังกัจจายน์ สมเด็จเล็กหลังเจ้าแม่กวนอิม พระปางโปรดดาวดึงส์ พระปางธรรมจักร ลูกอมปฐวีธาตุ ลูกอมเนื้อผงอาถรรพ์ พระปางเปิดโลก พระพิมพ์ขี่เต่า-วัว (พระปลดหนี้) พระพิมพ์ขี่ไก่-พญานาค (พระแคล้วคลาด) พระพิมพ์ขี่รางสีห์-วัว (พระค้าขาย) สีผึ้งมหาเสน่ห์ พระพิมพ์ท่านเจริญธรรมด้านหลังท่านอาจารย์มั่น (อาจารย์ของหลวงพ่อผินะ) รูปถ่ายเก่า รูปพระปางชมพูบดีใส่กรอบโบราณ นอกจากนี้ยังมีพิมพ์อื่นๆ อีก

โดยคุณ kumairoo (3.7K)  [พฤ. 03 ก.ค. 2551 - 16:30 น.] #312117 (5/20)
หลวงพ่อผินะ แห่งวัดสนมลาว ตอนที่ 3


( บทความนี้ถือว่าเป็นการบูชาครูบาอาจารย์ หลวงพ่อผินะ พระอรหันต์ผู้มีอภิญญาฤทธิ์ในยุคนี้ )


หลวงพ่อผินะ แห่งวัดพระสนมลาว ตอนที่ 3
พระผู้นั่งสมาธิลืมตาถอดจิตมรณภาพ
โดย บัวเกต



เรื่องราวของอภินิหารและจิตตานุภาพของหลวงพ่อผินะนั้น เป็นเรื่องที่ผู้คนกล่าวขานกันมาตลอด แต่ด้วยหลวงพ่อท่านเป็นผู้ที่ปฏิเสธสื่อต่างๆ คือไม่ยึดติดอยู่กับชื่อเสียงสรรเสริญเยินยอ ท่านจึงไม่ค่อยให้เผยแพร่แต่ก็มีบางคนที่ได้พบเห็นเรื่องราวที่เหนือธรรมชาติมากมายจากหลวงพ่อท่าน เช่น ท่านเคยเสกทรายเพื่อนำไปสะกดและขับไล่อาถรรพ์ในที่ของลูกศิษย์คนหนึ่ง โดยให้นำทรายมาใส่ในถังน้ำที่มีน้ำอยู่ แล้วท่านก็ใช้มือเปล่าจุ่มน้ำ แล้วใช้จิตดูดทรายเข้ามาที่ฝ่ามือทีละกำมือ เมื่อยกมือขึ้นพ้นน้ำปรากฏว่ามือท่านแห้งสนิท หลวงพ่อผินะท่านเสกทรายแบบนี้ทีละกำมือจนทรายหมดในถังน้ำ เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นประมาณปีพ.ศ. 2542ได้รับการบอกเล่าจากลูกศิษย์สายตรงที่รับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อ บางคนบอกว่าหลวงพ่อผินะนั้นมีพลังจิตที่พิเศษเข้มแข็งเหมือนกับ หลวงปู่ศุข วัดมะขามเฒ่า จังหวัด ชัยนาท หรือบางคนก็ว่าเหมือนหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพธิ์ แต่ที่แน่ๆ ก็คือ เครื่องรางของขลังหรือพระเครื่องต่างๆที่ท่านได้ปลุกเสกนั้นล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์เป็นอย่างมาก สามารถจะดลบันดาลให้เรื่องราวต่างๆประสบแต่เรื่องดีๆในชีวิต หลวงพ่อท่านพูดกับหลายคนเสมอว่าพระเครื่องและเครื่องรางของท่านต่อไปจะหายากพลิกแผ่นดิน ให้เก็บรักษาให้ดีๆ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของท่านนั้นถือว่าเป็นตัวช่วยที่เห็นผลจริงในนาทีนี้ หากไม่ฝืนกฏแห่งกรรมแล้วไซร้ ความเข้มขลังย่อมส่งผลแน่นอน > >
เมื่อปีพ.ศ. 2536 หลวงพ่อผินะได้บอกคนใกล้ชิดหลายๆคนว่า ปีพ.ศ. 2540 เงินจะต่อเงิน แต่ให้ระวังความวุ่นวาย มีลูกศิษย์ของท่านบางคนหัวไวเลยซื้อเงินดอลล่าร์เก็บไว้เป็นจำนวนมาก พอปีพ.ศ.2540 ก็ได้มีการประกาศค่าเงินบาทลอยตัว จากราคาหนึ่งดอลล่าร์ยี่สิบสี่บาทกลายเป็นหนึ่งดอลล่าร์ห้าสิบบาท ปรากฏว่าลูกศิษย์คนนี้ได้กำไรมากพอที่จะนำเงินไปถวายท่านหนึ่งล้านบาทสดๆ เรื่องนี้ก็เป็นที่เลื่องลือกันในหมู่ลูกศิษย์ท่าน กล่าวขานกันว่าท่านมีอนาคตังสญาณคือการล่วงรู้อนาคตอย่างแม่นยำ มีหูทิพย์ตาทิพย์สามารถพูดคุยสื่อสารกับเทวดาและจิตวิญญาณต่างๆได้ เช่น ท่านสามารถสื่อสารกับเทพองค์หนึ่งในโลกทิพย์ได้ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นอาจารย์ของหลวงพ่อ และคอยบอกกล่าวแนะนำการปฏิบัติของท่านให้เจริญก้าวหน้าขึ้นไปอีก เทพองค์นี้มีชื่อว่า ท่านเจริญธรรม

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาได้มีนักพัฒนาที่ดินที่ภูเก็ตท่านหนึ่งได้บูชาแม่เนื้อหอมและวัตถุมงคลอื่นๆไป เมื่อได้บูชาไปสามสัปดาห์ปรากฏว่านักธุรกิจท่านนี้ได้โทรมาเล่าขานประสบการณ์ให้ฟังว่า แม่เนื้อหอมนั้นดีมากรวมทั้งวัตถุมงคลอื่นๆก็เช่นกัน หลังจากได้ทำตามวิธีบูชาและสวดคาถาสมหวังแล้ว โครงการที่ติดขัดอยู่นั้นได้มีนายทุนอนุมัติเงินร่วมสามร้อยล้านบาททั้งๆที่ขอไปแค่สองร้อยล้านเท่านั้น ส่วนนายทุนอีกคนเสนอขอซื้อโครงการนี้เช่นกัน ส่วนนายทุนอีกคนก็มาขอร่วมลงทุนด้วย และยังมีคนอื่นๆเสนอเงื่อนไขดีๆมาให้ ทั้งๆที่เมื่อก่อนนี้จะพูดคุยกับใครก็ไม่มีคนสนใจหรือไปขอความช่วยเหลือกับใครก็มีแต่คนปฏิเสธ แต่เดี๋ยวนี้มีแต่คนดีๆเข้ามาช่วยเหลือทางธุรกิจสวนกระแสกับภาวะปัจจุบัน จริงๆแล้วยังมีตัวอย่างอื่นๆที่มีคนบูชาวัตถุมงคลของหลวงพ่อผินะแล้วประสบความสำเร็จในเรื่องต่างๆมากมาย อย่างเรื่องการขายที่ดิน เมื่อเร็วๆนี้ก็มีคนขายที่ได้สิบกว่าล้านบาท หลังจากได้บูชาเครื่องรางและพระเครื่องของหลวงพ่อ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นเงินทอง ความรัก แคล้วคลาด คุ้มครองในทุกๆด้าน พระของหลวงพ่อล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์ทั้งสิ้น จากนี้จะกล่าวถึงพระเครื่องพิมพ์ต่างๆ ซึ่งหลวงพ่อตั้งชื่อตามหมวดของพระไตรปิฏก และเรื่องราวที่ได้เกิดขึ้นในพระพุทธศาสนา หลวงพ่อท่านได้นำมาใส่ในพระองค์เล็กๆได้อย่างเป็นปริศนาธรรมแฝงตัวไว้เช่นกัน

พระสูตร ลักษณะเป็นพระปางมหาจักรพรรดิ์ถือจักรแก้วที่พระอุระ พระปางนี้ก็คือปางเดียวกันกับปางปราบพระยาชมพูบดี โดยที่พระพุทธเจ้าเนรมิตตัวท่านเองเป็นพระมหาจักรพรรดิ์ สื่อความหมายถึงความยิ่งใหญ่และความสำเร็จ ด้านล่างมีรูปพระแม่ธรณีบีบมวยผม อันหมายถึงการชนะอุปสรรคหมู่มารทั้งหลาย ส่วนอีกด้านเป็นรูปแม่พระโพสพ อันหมายถึงความอุดมสมบูรณ์เรื่องอาหารการกิน ส่วนด้านหลังเป็นรูปของพระสังกัจจายน์และมีหัวใจพระฉิมของพระสิวลี ด้านล่างเป็นเลขหนึ่งและสอง อันหมายถึงพระอาทิตย์และพระจันทร์ซึ่งเป็นตัวแทนของหยินกับหยางหรือกลางวันกลางคืน ส่วนเนื้อของพระจะมีสีดำเป็นเนื้อผงใบลานยุคแรกๆ ต่อมาจะเป็นเนื้อไม้มงคลผสมผงวิเศษผสมข้าวสารหินและที่สำคัญก็คือดินศักดิ์สิทธิ์จากน้ำพี้ เนื้อพระจะออกเป็นสีน้ำตาลเป็นดินดิบ และที่สำคัญก็คือหลวงพ่อเคยพิสูจน์ให้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์โดยใช้ทรายกรอกตาแล้วเม็ดทรายไม่เข้าตาเลยสักนิด การเอาทรายกรอกตานั้นท่านให้เอามือถ่างตาไว้เลยแล้วภาวนาคาถาของหลวงพ่อผินะเอง ส่วนทรายที่นำมากรอกตานั้นก็ใช้ระยะห่างไม่เกินคืบ พอปล่อยทรายมาปรากฏว่าฝุ่นทรายไม่เข้าตาแม้แต่เม็ดเดียว พระพิมพ์นี้หลวงพ่อผินะท่านบอกว่าสามารถคุ้มครองคนใกล้ชิดได้เจ็ดคน โดยท่านลองให้คนนอนเรียงกันเจ็ดคน แต่มีเพียงคนเดียวที่มีพระพิมพ์พระสูตรนี้ แต่พอเอาทรายกรอกตาทั้งเจ็ดคนเม็ดทรายก็ไม่เข้าตาเลย หลวงพ่อยังเคยบอกว่าพระสูตรชื่อว่าราชาธิราช แคล้วคลาดจากภัยนาๆหากินคล่องเพราะมีหัวใจพระฉิม อยู่ในนั้นด้วย เป็นของที่คู่กับชายชาตรีโดยแท้ ไม่ควรยืมใช้กันเด็ดขาด พระพิมพ์นี้ยังคงไม่แพงนัก ยังคงพอหากันได้ไม่ยาก ที่วัดก็อาจพอมีอยู่เช่นกัน

พระปรมัตถ์หรือสมเด็จพระยาปารมัตถ์ พระพิมพ์นี้มีสองพิมพ์ พิมพ์ที่หนึ่งท่านทำเหมือนพิมพ์พระสูตร แต่ขนาดเล็กเท่าองคุลีสุดท้ายของข้อปลายนิ้วก้อย ด้านหน้าเหมือนพระสูตร แต่ด้านหลังเป็นรูปนารายณ์ทรงครุฑส่วนอีกแบบจะเป็นรูปพระสังกัจจายน์ มีสองเนื้อคือสีดำเนื้อผงใบลาน อีกเนื้อสีน้ำตาลเป็นเนื้อดิน ส่วนอีกพิมพ์เป็นพิมพ์ที่สององค์ใหญ่ เราเรียกว่า A &#8211 A ด้านหน้าเป็นรูปพระปางปราบท้าวชมพูบดีข้างๆเป็นตัวหนังสือ A &#8211 A ด้านหลังเป็นปางมารวิชัยข้างๆมีตัวหนังสือ A &#8211 A พระปรมัตนี้หลวงพ่อผินะท่านนำมาห่อกับผ้าเช็ดหน้าแล้วม้วน เอาไว้ตีไล่ไข้ไล่โรค ปัดโรคภัยต่างๆ รวมไปถึงไล่คุณไสยศาสตร์ ขับผีสิงกันผีพลายเสนียดจัญไรทั้งหลาย และยังมีทางเมตตาเป็นหลักอีกด้วย พระรุ่นนี้หลวงพ่อบอกว่าใช้ได้ทั้งชายและหญิง แต่ไม่ควรยืมกันใช้เช่นกัน

พระปางโปรดดาวดึงส์ เป็นช่วงเวลาที่พระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นไปโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เนื่องจากพอพระพุทธเจ้าประสูตรได้แค่เจ็ดวัน พระมารดาของท่านก็สวรรคต พระพุทธเจ้าเล็งเห็นว่าต้องตอบแทนบุญคุณของพระมารดา แต่ติดอยู่ที่ท่านขึ้นสวรรค์ไปแล้ว จึงต้องตามไปเทศน์โปรดบนสวรรค์อยู่สามเดือน ในระหว่างนั้นหมู่ชนทั้งหลายก็รู้สึกว่าขาดที่พึ่ง พระองค์จึงทรงอนุญาติให้ทำพระไม้แก่นจันทน์เป็นตัวแทนพระองค์ และได้อธิษฐานฉัพพรรณรังสีไว้เป็นพุทธนิมิตร หากใครมีข้อสงสัยเรื่องธรรมต่างๆก็สามารถถามจากพระไม้จันทน์นี้ได้ การไปโปรดพุทธมารดาคราวนั้นสามารถทำให้เหล่าเทวดาทั้งหลายมีดวงตาเห็นธรรมเป็นโกฏิ ได้สำเร็จพระโสดาบันจนถึงพระอรหันต์เป็นลำดับ ถือว่าเป็นการโปรดสัตว์และมีผู้สำเร็จมรรคผลมากที่สุดในพุทธกาล ส่วนครั้งที่สองที่มีผู้มีดวงตาเห็นธรรมสำเร็จมรรคผลเป็นจำนวนนับแสนคนก็คือตอนที่ปราบท้าวชมพูบดี ที่ท่านทรมานท้าวชมพูบดีโดยเนรมิตรพระองค์เองเป็นพระมหาจักรพรรดิ์ พระพิมพ์นี้ด้านหน้าเป็นรูปพระสององค์ซ้อนกันอยู่ในท่านั่งสมาธิ แต่องค์เล็กทำเป็นรูปคล้ายพระสูตรคือเป็นทรงเครื่องถือจักรแก้วที่หน้าอก ส่วนด้านหลังเป็นพระยืนปางถวายเนตรอันหมายถึงพระประจำวันอาทิตย์ หรือหมายถึงแสงสว่าง ซึ่งก็คือ ปัญญาเป็นเปรียบดั่งแสงสว่างนั่นเอง ส่วนเนื้อพระก็เป็นพระเนื้อดินผสมว่าน บางทีก็มีสีทอง หรือเป็นสีดินเดิม หรือเป็นสีแดง พระพิมพ์นี้สามารถสำเร็จอธิษฐานในทุกๆด้าน เพราะเมื่อมีแสงสว่างก็หมายถึงเห็นช่องทางความจริงต่างๆรวมถึงทางที่ใช้แก้ปัญหา นอกจากนี้ยังดีในทางหนุนดวงชะตาวาสนาให้เจริญสูงส่ง ท่านใดที่ทำอะไรไม่ขึ้นก็ลองนิมนต์มาคล้องคอดูสักพัก รับรองว่าดวงท่านจะเปิดแน่นอน หยิบจับอะไรก็จะได้สำเร็จตามอธิษฐานที่ปรารถนาไว้

พระปางเปิดโลก การเปิดโลกนั้นมีในพุทธประวัติถึงตอนที่พระพุทธเจ้ากลับจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ ในระหว่างนั้นเวลาได้ครบพรรษาคือสามเดือนพอดี ซึ่งก็คือช่วงออกพรรษานั้นเอง ท่านได้เสด็จกลับจากสวรรค์ ในระว่างนั้นทั้งเทพพรหมยมยักษ์เทวดาทั้งหลาย พระอินทร์พร้อมท้าวจตุโลกบาลก็เสด็จตามมาส่ง โดยเนรมิตบันไดทองบันไดแก้ว พระพุทธเจ้าจึงทรงแสดงปาฏิหาริย์เปิดสามโลกให้หมู่ชนทั้งหลายได้เห็นพร้อมกัน มนุษย์และสัตว์บนโลกสามารถเห็นเหล่าเทวดาทวยเทพทั้งหลายว่ามีรัศมีความงดงามเพียงใด รัศมีนั้นก็ไม่อาจเทียบรัศมีแห่งพระพุทธเจ้าได้ อีกทั้งเมืองบาดาลนาคพิภพทั้งหลายก็พากันขึ้นมาอนุโมทนาบุญในครั้งนี้ด้วย มนุษย์ก็สามารถเห็นนาคพิภพเช่นกันว่ามีความวิจิตรสวยงามเช่นไร หลวงพ่อดู่แห่งวัดสะแกอยุธยาเคยกล่าวกับผู้เขียนเสมอถึงการเปิดโลกของพระพุทธเจ้า หลวงพ่อดู่ท่านว่าวันนั้นขนาดมดดำมดแดงที่ได้เห็นแสงฉัพพรรณรังสีของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็เกิดจิตปรารถนาพุทธภูมิอยากเป็นพระพุทธเจ้ากับเข้าบ้างอย่างนับไม่ถ้วน พระพิมพ์นี้ด้านหน้าเป็นปางลีลาบนดอกบัว อันเป็นคติธรรมว่าพระพุทธเจ้าเสด็จไปไหนจะมีดอกบัวรองรับเสมอทุกพระบาท และกำลังเสด็จกลับจากดาวดึงส์ ส่วนพระหัตถ์ซ้ายยกขึ้นอธิษฐานเปิดสามโลกให้พระแก่สรรพสัตว์ทั้งหลาย ด้านหลังเป็นรูปพระปางจักรพรรด์ถือจักแก้ว ด้านล่างเป็นพระแม่ธรณี สื่อความหมายถึงการขจัดอุปสรรคต่างๆ อีกด้านเป็นรูปแม่พระโพสพถือรวงข้าว อันหมายถึงการทำมาหากินอุดมสมบูรณ์ พระพิมพ์นี้เป็นเนื้อดินดิบผสมว่าน เนื้อดินผสมเกสา เนื้อดินผสมพระธาตุ มีทั้งแบบทาสีเงินสีทอง หลวงพ่อท่านชอบทาพระเป็นสองสี คือเงินกับทอง อันเป็นสื่อของการให้พรว่าขอให้มีเงินมีทองตลอดเวลา พระปางเปิดโลกนี้จะดีมากกับเรื่องบริวาร การปกครองคน ใครดวงบริวารเสียๆก็ลองหามาบูชาติดตัวดูก็แล้วกัน

ก่อนจะหมดตอนที่สามนี้ ผู้เขียนอยากให้ระวังของปลอมไว้บ้าง เพราะเท่าที่ทราบนั้นเริ่มมีออกมาบ้างแล้ว หรือไม่ก็มั่วนิ่มไปเรื่อยๆ ในการที่จะบูชาแบบใดก็แล้วแต่ควรเริ่มที่วัดพระสนมลาวก่อน ลองสอบถามที่วัดก่อนว่ามีหรือไม่ เพราะท่านจะได้ของแท้แน่นอน เท่าที่ทราบก็คือบล็อกต่างๆของเดิมของหลวงพ่อนั้นได้ถูกทำลายไปหมดแล้ว ทางวัดไม่สามารถทำเสริมขึ้นมาภายหลังได้ และที่สำคัญการบูชาวัตถุมงคลตรงจากที่วัดก็เท่ากับท่านทำบุญไปด้วยในตัว เพราะเงินที่ได้ก็เข้าวัดเช่นกัน วัตถุมงคลทุกอย่างทางวัดพระสนมลาวเป็นผู้รับรองว่าทันหลวงพ่อแน่นอน เพราะวัดยังต้องพัฒนาสร้างถาวรวัตถุและปรับปรุงวัดอีกมาก เมื่อเดือนก่อนทางวัดก็ได้ขุดเจอพระพุทธรูปหินทรายชำรุดจำนวนหนึ่ง เสมาโบราณ ลูกนิมิตโบราณ ของทั้งหมดนี้อยู่ในสมัยอยุธยาตอนต้น ดังนั้นจึงเป็นหลักฐานทางโบราณคดีว่าวัดนี้สร้างมาพร้อม ๆ กับวัดพระศรีสรรเพ็ชรที่อยุธยา นับเวลาก็ร่วม 400 ปี จึงอยากให้ท่านที่เห็นความสำคัญและเกิดศรัทธา ได้เข้ามาร่วมบุญพลิกฟื้นวัดนี้ให้กลับมาเจริญรุ่งเรืองเหมือนครั้งอดีต เพื่อเป็นการสืบสานพระพุทธศาสนาให้อยู่คู่แผ่นดินไทยตลอดกาลนาน

โดยคุณ kumairoo (3.7K)  [พฤ. 03 ก.ค. 2551 - 16:32 น.] #312120 (6/20)
หลวงพ่อผินะ แห่งวัดพระสนมลาว อมตะเถระเหนือสมมุติ ตอนที่ 4

กำลังมหาจักรพรรดิ์ โดย บัวเกตุ

มีหลายคนสงสัยว่าหลวงพ่อท่านใช้วิชาอะไรหนอถึงได้สามารถทำให้เครื่องรางของขลังและวัตถุมงคลมีพลังมากจนกลายเป็นตัวช่วยเพื่อให้เกิดเรื่องดีๆกับผู้ที่ใช้และนับถือ เท่าที่ผู้เขียนสังเกตุดูก็ได้เคล็ดบางอย่างมาว่า ผู้ที่จะสร้างพระปางปราบพญาชมพูบดีได้นั้น โดยส่วนใหญ่ก็จะต้องสำเร็จวิชามหาจักรพรรดิ์ ซึ่งพลังของวิชามหาจักรพรรดิ์นี้ ผู้ที่สำเร็จได้จะต้องสามารถเชิญพลังของพระพุทธเจ้าตอนที่แปลงร่างเป็นมหาจักรพรรดิ์ลงมาสถิตย์ในวัตถุมงคลเครื่องรางต่างๆได้จริงๆ เพราะพระพุทธเจ้าเองก็เคยเกิดเป็นมหาจักรพรรดิ์นับชาติไม่ถ้วน ก็รวบรวมบารมีตอนเป็นมหาจักรพรรดิ์ทุกๆชาติเข้ามารวมกัน อย่าลืมว่าในหมู่ปุถุชนด้วยกันนั้น พระราชาเป็นใหญ่กว่าชนทั้งปวง และพระมหาจักรพรรดิ์ก็เป็นใหญ่กว่าพระราชาอีกที ดังนั้นผู้ที่ได้พลังจักรพรรดิ์นั้นจะต้องมีจิตที่ประภัสสรทรงพลังในเรื่องกสินและเข้าใจแตกฉานถึงวิธีการวางอารมณ์จริงๆในขณะที่ทำการอธิษฐานจิต พลังของจักรพรรดิ์นั้นสามารถบังคับธาตุทั้งสี่ให้กำเนิดขึ้นมาใหม่ได้ แต่ถ้าเป็นสายวิชาของหลวงพ่อดู่วัดสะแกที่เป็นไตรสรณาคมณ์นั้นท่านเรียกว่าได้ภูติพระเจ้า คือการบังคับมหาภูติทั้งสี่ให้กลับมาชุมนุมรวมกันอีกก็ได้ เพราะพระพุทธเจ้านั้นเมื่อครบห้าพันปีแล้ว พระธาตุของพระพุทธเจ้าทั้งหลายก็จะกลับมารวมกันเพื่อโปรดสัตว์ครั้งสุดท้ายและประกาศปิดพุทธันดรของพระองค์ พร้อมกับจะให้พุทธทำนายเรื่องของพระศรีอาริยเมตไตรในภายภาคหน้าเช่นกัน ดังนั้นวิชาของหลวงพ่อผินะน่าจะเป็นกำลังมหาจักรพรรดิ์เดียวกันกับครูบาอาจารย์ในยุคก่อนๆถึงได้มีพลังมากมายอย่างนี้
เคยมีผู้ที่เป็นศิษย์ของท่านเล่าให้ฟังว่าครั้งหนึ่งที่ทางวัดต้องจำเป็นใช้ไม้ใหญ่ในพื้นที่วัดพระสนมลาวมาสร้างเสนาสนะ หลวงพ่อท่านได้เลือกต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งไว้ ท่านก็ได้ไปแผ่เมตตากับรุกขเทวดา และได้ไปยืนบอกด้วยวาจาว่า ขอเชิญท่านรุกขเทวดาที่สิงสถิตย์ที่ไม้ต้นนี้ ทางวัดมีความจำเป็นที่จะใช้ไม้ที่ท่านได้สถิตย์อยู่ ขอให้ท่านได้ย้ายออกไปอยู่อีกต้น พร้อมกับชี้มือไปที่ต้นไม้อีกต้น และยังบอกอีกว่า อาตมาได้คุยกับเขาแล้ว เขาอนุญาติให้ท่านไปอยู่ด้วยได้ เมื่อยืนแผ่เมตตาสักพักก็ใช้ฝ่ามือตบฟาดไปที่ต้นไม้ที่อยากจะตัดอย่างแรงๆทีเดียว หลังจากนั้นสามวันปรากฏว่าต้นไม้ใหญ่นี้ได้ลู่กิ่งทิ้งใบเหมือนต้นไม้ที่ขาดน้ำยืนต้นตาย ทางวัดก็ได้ตัดไม้ต้นนี้ไปทำประโยชน์ตามที่ได้ขอไว้ เรื่องนี้แสดงให้เห็นถึงความมีเมตตาจิตต่อรุกขเทวดาของท่าน และยังแสดงให้เห็นว่าหลวงพ่อผินะท่านสามารถสื่อสารกับเทพเทวาวิญญาณทิพย์ต่างๆได้จริงๆ
อีกเรื่องที่พึ่งเกิดไม่นานนี้ก็คือเรื่องเด็กๆที่กำลังเรียนหนังสืออยู่ มีครอบครัวหนึ่งได้ให้ลูกห้อยดวงตาที่หลวงพ่อทำไว้เป็นปริศนาของการมีดวงตาเห็นธรรมอันหมายถึงการมีสติปัญญาดี ปรากฏว่าปรกติแล้วเด็กคนนี้เรียนปานกลางไม่โดดเด่นเท่าไหร่ซึ่งทางบ้านก็ไม่ได้หวังอะไรมาก แต่ตอนสอบเอ็นทรานซ์ก็สามารถสอบติดมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่ง และได้คณะที่พอใช้ได้ ผลอันนำมาซึ่งความปลาบปลื้มกับพ่อแม่และญาติพี่น้องเป็นอย่างยิ่ง ถึงกับเอ่ยปากกับผู้เขียนว่า ตัวเขาเองมั่นใจในบารมีของหลวงพ่อจริงๆ และคราวนี้ก็เชื่อว่าเป็นพลังของเครื่องรางที่เป็นรูปดวงตาแน่นอน หลวงพ่อผินะเคยบอกว่าดวงตานั้นมาจากปิตาและมาตา คือการเอาบารมีพ่อและแม่มารวมกัน ไปไหนมาไหนก็มีคนเมตตามีปัญญาเอาตัวรอดได้ไม่ต้องกลัวใคร
เรื่องราวของผู้ที่ได้บูชาวัตถุมงคลของท่านไปแล้วมีประสบการณ์มากมาย ที่สำคัญเห็นผลไวมากๆถ้าเราได้เลื่อมใสปฏิบัติถูกต้อง แต่เมื่อก่อนไม่ค่อยมีคนได้รู้เนื่องด้วยหลวงพ่อผินะท่านไม่ใช่พระที่ชอบทำประชาสัมพันธ์ และวัตถุมงคลของท่าน ท่านก็ทำเอง ไม่ได้ไปจ้างวานใครตามโรงงานที่ทำออกมารุ่นเดียวเป็นหมื่นๆชิ้น อย่างดาวยุคต้นๆก็เคยมีผู้บันทึกคร่าวๆว่ามีแค่สี่ร้อยดวงเท่านั้นเอง และเป็นพิมพ์ที่หลากลาย หากแยกพิมพ์กันจริงๆแล้วแต่ละพิมพ์ในยุคต้นๆตั้งแต่ท่านอยู่ทางใต้และที่เพชรบูรณ์กับช่วงแรกของวัดพระสนมลาว คาดกันว่าแต่ละพิมพ์นั้นไม่น่าจะเกินหนึ่งร้อยดวง ยิ่งถ้าเป็นคุณพ่อปลัดก็นับชิ้นกันได้เลย อาจมีแค่หลักร้อยเช่นกัน เพราะถือว่าเป็นงานมาสเตอร์พีซเลยก็ว่าได้ ดูแล้วเกือบเหมือนกันแต่ก็ไม่เหมือนกันสักกะชิ้น ทีนี้เรามาดูเรื่องประเภทของวัตถุมงคลกันต่อดังนี้
สมเด็จพิมพ์ใหญ่ด้านหลังเป็นรูปพระสังกัจจายน์ พระพิมพ์นี้หลวงพ่อผินะมักจะทำเป็นสองสีหน้าหลัง โดยส่วนใหญ่ด้านหน้าจะเป็นสีทอง ด้านหลังจะเป็นสีเงิน หรือบางองค์ก็จะเป็นสีแดงหรือสีนาค พระพิมพ์นี้ดีมากในเรื่องโชคลาภ เคยมีเรื่องเล่ากันว่ามีครั้งหนึ่งที่ลูกศิษย์หลวงพ่อที่ชอบไปเล่นไพ่มากราบหลวงพ่อ แล้วได้ถามถึงเรื่องของวัตถุมงคลว่าต้องบูชาพระอะไรขึ้นคอดี หลวงพ่อกลับไปหยิบพระสมเด็จพิมพ์นี้ให้ลูกศิษย์พร้อมกับบอกว่า &#8220 เอาไปลองติดตัวดู เนี่ยนะสมเด็จไพ่ป๊อก ชอบไปเล่นไพ่นักไม่ใช่เหรอ ห้อยแล้วมีโชคนะ &#8221 แต่หลวงพ่อผินะท่านก็อบรมเรื่องการเล่นการพนันว่ามันไม่ดีนะ เลิกเล่นได้ก็ดี ลูกศิษย์คนนี้ก็อดไม่ได้ที่จะไปเล่นอีก แต่ก็มีโชคกลับมาทุกที แม้แต่ผู้ที่ผู้เขียนแนะนำให้ลองบูชาพระสมเด็จรุ่นนี้ ก็ถูกหวยติดกันมาเก้างวดแล้ว แต่ถูกแบบนิดหน่อยพอฟังเพราะไม่ได้ซื้อเยอะ พระสมเด็จรุ่นนี้มีส่วนผสมของดินจากเหล็กน้ำพี้ แม่เหล็กจึงดูดติด และท่านได้ผสมด้วยว่านและผงวิเศษต่างๆรวมทั้งข้าวสารหิน ดังนั้นพุทธคุณจึงหนักไปในทางดูดโชคลาภเงินทอง คุ้มครองแคล้วคลาด
พระสมเด็จพิมพ์เล็กด้านหลังเป็นรูปเจ้าแม่กวนอิม พระสมเด็จพิมพ์นี้องค์จะย่อมกว่า ด้านหน้ามีลักษณะเดียวกันแต่ด้านหลังเป็นรูปเจ้าแม่กวนอิม พระสมเด็จพิมพ์นี้เป็นอิทธิพลมาจากลัทธิมหายานที่นับถือเจ้าแม่กวนอิมซึ่งเป็นหนึ่งในพระโพธิสัตว์ที่เป็นที่นับถือกันทั่วโลก จะสังเกตุเห็นการทำรูปปั้นต่างๆที่เกี่ยวกับเรื่องราวเทพยดาในวัด ท่านพูดกับหลายคนเสมอว่าเจ้าแม่กวนอิมเป็นพระโพธิสัตว์ที่มีบารมีมาก และยังคงแผ่พลังมาสู่ทุกผู้ทุกคนที่นับถือ พระพิมพ์นี้มีพุทธคุณดีมากในเรื่องความเมตตา การติดต่องานการต่างๆ และด้วยความที่เป็นขนาดเล็กพอดี จึงเหมาะกับสุภาพสตรีเป็นอย่างมาก
พระพิมพ์สามเหลี่ยม บางคนก็เรียกว่า เป็นพระนางพญาพิมพ์ขี่สัตว์ต่างๆ ถ้าใครเคยเข้าไปที่วัดพระสนม ลาว ก็คงจะเคยเห็นที่หน้าจั่วของหอพระสูงๆ ทำเป็นรูปปูนปั้นของพระพุทธรูปและด้านล่างเป็นรูปของสัตว์ต่างๆ รูปที่จั่วปูนปั้นนี้ทำทั้งสี่ทิศแต่ละทิศมีรูปที่แตกต่างกัน ความจริงแล้วก็คือรูปของพระพุทธเจ้าทั้งห้าพระองค์ในกัปป์นี้ อันได้แก่พระกุกุสันโท สัญลักษณ์เป็นรูปไก่ พระโกนาคมสัญลักษณ์เป็นรูปพญานาค พระกัสสโปสัญลักษณ์เป็นรูปเต่า พระสมณโคดมสัญลักษณ์เป็นรูปวัว พระศรีอาริยเมตไตรสัญลักษณ์เป็นรูปสิงห์ หลวงพ่อผินะได้นำบารมีแห่งพระพุทธเจ้าห้าพระองค์มารวมเป็นคู่ๆ เพื่อให้เกิดผลบารมีที่แตกต่างและอำนาจพุทธคุณก็จะต่างกันไปด้วย โดยหลวงพ่อผินะท่านได้ทำไว้สามพิมพ์ดังนี้ พระปลดหนี้ ว่าคาถา &#8220 พุทธา&#8221 ด้านหน้าจะเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนเต่า ด้านหลังเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนวัว บางคนก็เรียกว่าพระเต่า-วัว พระแคล้วคลาด ว่าคาถา &#8220 นะโม&#8221 ด้านหน้าเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนสิงห์หรือราชสีห์ ด้านหลังเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนวัว บางคนก็เรียกว่าพระราชสีห์-วัว พระค้าขาย ว่าคาถา &#8220ยะธา&#8221 ด้านหน้าเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนราชสีห์ ด้านหลังเป็นพระสามเหลี่ยมนั่งบนวัว พระพิมพ์สามเหลี่ยมทั้งสามพิมพ์นี้เป็นพระพิมพ์มาตรฐานของหลวงพ่อผินะ และโดยรวมแล้วมีแบบทั้งที่ปิดทองและไม่ปิดทอง แบบด้านหน้าเป็นสีเงินด้านหลังเป็นสีทองก็มี เนื้อขององค์พระจะเป็นเนื้อดินน้ำพี้ผสมผงมงคลเช่นข้าวสารหินและไม้ว่านมงคลที่หลวงพ่อเก็บรวบรวมตอนที่ธุดงค์อยู่ในป่า ดังนั้นพระของท่านจึงใช้แม่เหล็กดูดติด พุทธคุณก็อยู่ที่เราเลือกใช้เอา เพราะวัตถุมงคลของท่านไม่เป็นสองรองใครแน่นอน
ตะกรุดโทนเนื้ออลูมีเนียม ตะกรุดของท่านแปลกกว่าคนอื่นๆแน่นอน หนึ่งเดียวจริงๆ เกจิอาจารย์ท่านอื่นใช้ทองแดงบ้าง ตะกั่วบ้าง หรือเนื้อเงินเนื้อทอง แต่ของท่านใช้โละอัลลอยด์ที่เราเรียกว่าอลูมีเนียมมาทำเป็นตะกรุด เหตุที่ใช้ก็คงเป็นเพราะเป็นสิ่งที่เหลือจากการรองซากของอสุภะกรรมฐานของท่าน และไม่น่าเชื่อว่าท่านเสกจนตะกรุดม้วนและแข็งมาก แต่มีน้ำหนักเบาเป็นที่สุด เคยมีคนลองเอามาคลี่ดู กว่าจะคลี่ออกได้เล่นเอาเหงื่อตกเหมือนกันเพราะหลวงพ่อเสกจนแข็ง ยันต์ที่ท่านลงก็เป็นนะอกแตกหรือบางที่ก็เป็นพุทธหน้าทอง ซึ่งแสดงว่าตะกรุดของหลวงพ่อผินะดีทางคุ้มครองแคล้วคลาดและเมตตาเป็นหลัก ตะกรุดโทนของท่านเป็นเครื่องรางอีกชิ้นหนึ่งที่ถือได้ว่ามีประสบการณ์มากจริงๆ เป็นที่แสวงหากันมากในขณะนี้ ถ้าเจ้าของหวงๆละก็บุกกันเป็นหมื่นเหมือนกัน
ลูกอม ท่านมีอยู่สองลักษณะที่ได้พบเห็นมาก็คือ อย่างแรกเป็นเนื้อผงแบบเข้มข้น เนื้อแบบนี้เป็นเนื้อเดียวกับแม่เนื้อหอม ซึ่งจะห่อกระดาษแก้วสีทองบ้างหรือไม่ห่อกระดาษก็ได้ ในบรรดาลูกศิษย์หวงกันมากจริงๆ เพราะหลวงพ่อได้ใส่ผงอาถรรพ์เยอะมาก มักมีประสบการณ์ในเรื่องความมีเสน่ห์เมตตาแก่ผู้พบเห็น ที่สำคัญก็คือมีจำนวนน้อย ลูกอมแบบนี้ตอนนี้มีคนเล่นหาเปลี่ยนมือกันในราคาร่วมหนึ่งหมื่นห้าพันบาทเมื่อต้นปี ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะขยับราคากันไปอีกเท่าใด ลูกอมแบบที่สองเท่าที่เห็นมาต้องเรียกว่าเป็นเม็ดปฐวีธาตุ เพราะเป็นเม็ดหินกลึงเป็นสีน้ำตาลอ่อน เท่าที่ดูน่าจะทำมาจากหินตระกูลหินพระธาตุ เม็ดปฐวีธาตุนี้มีน้อยมากๆเช่นกัน พุทธคุณน่าจะเป็นเรื่องของความคุ้มครองและเมตตาเป็นหลัก ลูกอมปฐวีธาตุนี้ได้ยินครั้งแรกก็จากท่านเจ้าคุณนรรัตน์วัดเทพศิรินทร์ ท่านให้คนไปเก็บที่บางบ่อ แล้วนำมาอธิษฐานจิตอีกที ต่อมาก็เป็นหลวงปู่คำพันนครพนม ท่านก็ให้คนเก็บหินจากแม่น้ำโขงแล้วนำมาเสกเช่นกัน

โดยคุณ kumairoo (3.7K)  [พฤ. 03 ก.ค. 2551 - 16:46 น.] #312131 (7/20)


(D)
ข้อมูลเพิ่มเติมหาได้จากเวปไซด์ต่างๆครับ
บทสนทนาที่น่าสนใจ ลองเข้าไปดูที่เวปพลังจิตก็ได้ ขอบคุณครับ

โดยคุณ kumairoo (3.7K)  [ศ. 04 ก.ค. 2551 - 21:01 น.] #312753 (8/20)


(D)


ดาวอาถรรพน์รุ่นแรกของวัดสนมลาว..มีแร่ธาตุผสมจากจ.นครศรีธรรมราช..
ดินแร่จากจ.สุราษฏร์ธานี้และผงเพชรจากถ้ำแก้วสุรการณต์เติมพลังด้วยของอาถรรพน์
(ดาวดวงนี้เป็นรุ่นแรกครับ)

ข้อมูลโดย คุณพรสวรรค์สรรหา โพสไวในเวปไซด์พลังจิต

โดยคุณ kumairoo (3.7K)  [ศ. 04 ก.ค. 2551 - 21:02 น.] #312755 (9/20)


(D)
ภาพซ้ำยังแก้ไม่หาย

โดยคุณ kumairoo (3.7K)  [ศ. 04 ก.ค. 2551 - 21:06 น.] #312759 (10/20)
ความเป็นมาของดาวอาถรรพน์รุ่นแรก(ของสำนักสงฆ์เจริญธรรมสามเจ้าเขาโบสถ์)วัดสนมลาวสระบุรี
ส่วนผสมของมวนสานคือ
๑.ดินแร่จาก จ.สุราษฏร์ธานี้ ๒. แร่วุลแฟมไมค์ จากเขาศูนย์ (ทานพอ) จ.นครศรีธรรมราช ๓.เพชรจากถ้ำแก้วสุรการณต์
จ.นครศรีธรรมราช ๔.แร่ยูเรเนียม ที่เขาใช้ประทำหัวจรวด(กันฟ้าผ่า)๕.น้ำยา จากบ่ออาถรรพน์ถ้ำแก้วสุรการณต์(ท่านเจริญธรรม)
จ.นครศรีธรรมราช...ครั้งแรก เมื่อผสมมวลสาร ใช้ผงกาวเป็นตัวเชื่อมอัดลงพิพม์ได้ประมาณ๖องค์ก็นำไปทำให้แห้งอัดพลังจิตรเดี่ยวๆอีก๗วันให้หลวงถุงเงิน และหลวงยูรฯคนละองค์..


ข้อมูลโดย คุณพรสวรรค์สรรหา โพสไว้ในเวปไซด์พลังจิต

โดยคุณ kumairoo (3.7K)  [ศ. 04 ก.ค. 2551 - 21:11 น.] #312762 (11/20)
วัถุอาถรรพน์..ที่หลวงพ่อนะ นำมาทำดาวรุ่นแรก..
ทำไมดินแร่จากจ.สุราษฏร์ธานี จึงมีอาถรรพน์น่าอัศจรรย์มีแรงดึงดูดใจคนทั้งโลกมาชื่นชมได้ หลวงพ่อผินะ ท่านกล่าวว่ามันมีอาถรรพน์อยู่ในตัว
เพราะดินแร่สุราษฏร์ เป็นดินดำเนียรละเอียดนวล เหมาะแก่การทำเซรามิก
เครื่องปั้นดินเผา และงานเครื่องปั้นฝีมือต่างๆ เพราะเคลือบและพ่นสีติดง่ายเวลาเผาอบออกมาก็ไม่เป็นตามสะดวกทุก
อย่างจำหน่ายได้ดี โรงงานเซรามิกที่จ.สระบุรี สั่งดินแร่สุราษฏร์มาเป็นขบวนรถไฟมาเป็นเวลา10ๆปี
เหตุไรแร่วุลแฟมไมค์(หรือทังสเตลล์)จากเขาศูนย์(ทานพอ)จ.นครศรีธรรมราช จึงมีอาถรรพน์ ให้คนหลงไหลอยากได้
ตามประวัติพ.ศ.2511 ถึง 2513 แร่แห่งนี้มีราคาแพงมาก กก ละ250 บาท มีสัมปะทานให้ขุดแร่
และแย่งกันยิงกันตายเป็นพันเป็นหมื่นทำมัยนะเพชรถ่ำแก้วสุรการณต์ จึงมีอาถรรพน์ ดึงดูดใจคนได้ทั้งล้า หลวงพ่อนะ ว่า คำว่าเพชรมันค่ามากเปรียบเสมือนสภาพของจิตรที่บริสุทธ์แล้วแร่ยูเรเนียมมีอาถรรพน์ในตัวก็คือใช้ประกอบเป็นพลังงาน นิวเคลียได้
ได้ให้เกิดการทำลายได้อย่างมหาศาล หลวงพ่อนะ ท่านกล่าวว่า (ติดหัวจรวดกันฟ้าผ่าได้ด้วย)
น้ำยาจากบ่ออาถรรพน์ถ้ำแก้วสุรการณต์(ท่านเจริญธรรม)
หญิง ชาย ใดก็ดี คนเกลียดกันโกรธกันก็ดี กินน้ำอาถรรพน์นี้แล้วรักกันดีกันเสมอไป


ข้อมูลโดย คุณพรสวรรค์สรรหา โพสไว้ในเวปไซด์พลังจิต

โดยคุณ kumairoo (3.7K)  [ศ. 04 ก.ค. 2551 - 21:14 น.] #312766 (12/20)


(D)
แม่พิมพ์ดาวอาถรรรพน์ก็จะแกะด้วยมือธรรมดาจะเป็น๒อัน..อันหนึ่ง๕แฉก..อันหนึ่ง๘แฉก
ตรงกลางจะกรวงเมื่อประกบกันแล้วใส่ลูกกริ่งกันฟ้าผ่าใช้กาวติดเหล็กเป็นตัวเชื่อมทั้ง๒แผ่นสังเกตจะเห็นได้ง่ายว่ามีรอยประกบกัน..
หมายเหตุ แกะพิมพ์ด้วยมือกดด้วยนิ้วมือครั้งต่อมา..องค์ดาวกรอบและเปราะเพราะผสมแร่ธาตุไปมาก
หลวงพ่อผินะ ก็เลยสั่งให้ผสมใหม่อีกครั้งที่๒ ได้ผสมดินแร่และมวลสารเพิ่มขึ้นอีกแต่ผงเพชรหมดแล้ว คราวนี้กดได้
๑๔ องค์อัดพลังเดี่ยวๆอีกเป็น ๑๐ ๆวัน ดั่งรูปที่ให้ชมอยู่ขณะนี้

โดยคุณ kumairoo (3.7K)  [ศ. 04 ก.ค. 2551 - 21:15 น.] #312767 (13/20)


(D)
ข้อมูลโดย คุณพรสวรรค์สรรหา โพสไว้ในเวปไซด์พลังจิต

โดยคุณ kumairoo (3.7K)  [ศ. 04 ก.ค. 2551 - 21:18 น.] #312772 (14/20)


(D)
ครั้งที่๓ ที่นี้หลวงถุงเงินเรียนหลวงพ่อนะ ว่าดาวที่ทำออกมา หนาไปไม่สะดวกในการเหลี่ยมขอให้หลวงพ่อนะสั่งทำขึ้นใหม่ให้บางลง เพราเปลื่องมวลสารและไม่สวยด้วย หลวงพ่อนะก็ได้ทำตามคำขอ ที่นี้ก็ได้ออกมาทั้งแข็งแน่น บาง สวย ถูกใจว่างั้นเถอะ กดพิมพ์ ออกมาได้ ๑๘ องค์ อัดพลังจิตรเดี่ยวๆ อีกเป็นเดือน แบ่งให้หลวงยูรฯ ๙องค์ ดั่งรูปที่นำมาให้ชมกันต่อไปนี้


ข้อมูลโดย คุณพรสวรรค์สรรหา โพสไว้ในเวปไซด์พลังจิต

โดยคุณ kumairoo (3.7K)  [ศ. 04 ก.ค. 2551 - 21:18 น.] #312773 (15/20)


(D)
ข้อมูลโดย คุณพรสวรรค์สรรหา โพสไว้ในเวปไซด์พลังจิต

โดยคุณ jcainfo (6K)  [ส. 05 ก.ค. 2551 - 17:21 น.] #313211 (16/20)
ขอบคุณพี่ kumairoo มากครับ ที่นำข้อมูลของพระอริยสงฆ์อีกรูปของเมืองไทยมาเผยแพร่ครับ

โดยคุณ exjung (184)  [อ. 08 ก.ค. 2551 - 01:20 น.] #314729 (17/20)
อยากได้วัตถุมงคลของหลวงพ่อ แต่กลัวสู้ราคาไม่ไหวดิ

โดยคุณ kumairoo (3.7K)  [อ. 08 ก.ค. 2551 - 15:49 น.] #315061 (18/20)
วัตถุมงคลของหลวงพ่อมีเยอะครับ ถ้าจะขอพึ่งพุทธคุณไม่เกี่ยง
ขอให้ทันหลวงพ่อ ยังมีไม่แพงอีกมากครับ

โดยคุณ palofreedom (223)(3)   [พฤ. 18 ก.ย. 2551 - 09:47 น.] #368026 (19/20)
อยากทราบการใช้ ดาว หลวงพ่อผินะ ว่าใช้อย่างไร

โดยคุณ toaphong (1.1K)  [พฤ. 09 เม.ย. 2552 - 20:23 น.] #590431 (20/20)
สุดยอดครับ นำข้อมูลมาให้ดูกัน

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1