ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : เรื่องของพระราหู

(D)
พอดีมีเพื่อนเมลล์มาให้อ่าน เห็นว่ามีประโยชน์มากจึงนำมาให้เพื่อนๆอ่านกันครับ

เรื่องของพระราหู(พระพุธ) กลางคืน
มีอยู่ว่าพระราหูทรงเป็นอสูรเทพ คือเป็นเทพที่มีรูปกายเป็นยักษ์นั่นเอง มีพระวรกายสีดำสนิทและทรงอาภรณ์สีดำสนิทบ้างก็สีทองแดง พาหนะ ตามตำราชาวฮินดู คือสิงห์ สำหรับโหราศาสตร์ไทย ทรงครุฑเป็นพาหนะ

ตำนานการกำเนิดของพระราหูมีอยู่มากมายหลายเรื่อง เช่น
พระราหู เป็นโอรสของพระวิประจิตติ และพระนางสิหิกา เมื่อแรกเกิดขึ้นพระราหูมีหางเป็นนาค และสถิตอยู่ในวิมานสีนิชลหรือสีดำขลับโดยมีพาหนะเป็นพญาครุฑ พระราหูถือเป็นเทวะองค์ที่ 8 ในบรรดาเทพแห่งนพเคราะห์

ในคัมภีร์อินเดียโบราณ บันทึกว่าพระศิวะได้นิรมิตผีโขมด 12 ตน และร่ายพระเวทป่นให้ผีนั้นแหลกละเอียดเป็นผุยผงจากนั้นนำผ้าสีดำสนิทมาห่อ และประพรม ด้วยน้ำอมฤตเสกสรรบันดาลให้กลายเป็นเทวะองค์ที่ 8 นาม พระราหู

คัมภีร์โบราณฮินดูกล่าวว่าพระราหูทรงเป็นโอรสของพระพฤหัสบดีกับนางสิงหิกา

บางคัมภีร์กล่าวว่าทรงเป็นพี่น้องกับพระอาทิตย์และพระจันทร์ก่อนมากำเนิดบนสวรรค์ เรื่องเล่าอดีตชาติเรื่องราวเกิดขึ้นที่บ้านเศรษฐีผู้มั่งคั่งผู้หนึ่งมีบุตรชาย 3 คน คนโต อดีตชาติคือพระอาทิตย์ คนรอง อดีตชาติคือพระจันทร์ และคนสุดท้อง อดีตชาติคือพระราหู ต่อมาเมื่อเศรษฐีได้ถึงแก่กรรมลงทั้ง 3 พี่น้องได้นิมนต์พระมาทำบุญโดยการใส่บาตร พี่คนโตได้คว้าขันทองคำพร้อมอธิษฐานด้วยเสียงดังว่าผลบุญที่กระทำจงส่งผลให้เกิดเป็นพระอาทิตย์เพื่อส่องแสงในยามกลางวัน พี่คนรองคว้าได้ขันเงินเมื่อใส่บาตรเสร็จจึงอธิฐานดังๆ ว่าขอให้เกิดเป็นพระจันทร์ทำหน้าที่ส่องแสงยามค่ำคืนด้วย ส่วนคนสุดท้องเมื่อได้ฟังพี่ชายทั้ง 2 ของตนอธิฐานก็โกรธเป็นอย่างมากจึงคว้ากระบุงใส่ข้าวมาใส่บาตรอธิฐานดังๆ ว่าขอให้เกิดเป็นพี่ชายใหญ่ของพระอาทิตย์และพระจันทร์ มีร่างกายใหญ่โตจนสามารถบดบังแสงแห่งพระอาทิตย์และพระจันทร์ไว้
กาลต่อมาเมื่อทั้ง 3 คนสิ้นอายุลงคำอธิฐานก็เป็นดังที่ขอไว้ทั้งสิ้น

เวลากลางวัน เมื่อพระราหูโคจรพบพระอาทิตย์ก็บดบังแสงไว้มิให้ส่องมายังโลก เหตุนี้จึงเรียกว่าการเกิดสุริยุปราคา

เวลากลางคืน เมื่อพระราหูก็จะเข้าบดบังอมพระจันทร์ไว้ให้มืดมิด เหตุนี้จึงเรียกกันว่า จันทรุปราคา หรือจันทรคราส

ซึ่งเกิดจากความโกรธพี่ชายทั้ง 2 ของตนที่ได้อธิฐานไว้จึงเกิดเป็นความพยาบาทสืบเนื่องกันมา
ส่วนสาเหตูที่พระราหูตัวขาด 2 ท่อนนั้นก็เพราะว่า เล่ากันว่าพระราหูได้แปลงตัวเป็นเทวะองค์หนึ่งเข้ารวมในการชุมนุมของทวยเทพ และได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไป แต่ทว่า พระสุริยาทิตย์ และพระจันทร์ได้สังเกตเห็น เข้าจึงนำความไปบอกพระวิษณุหรือพระนารายณ์ ว่าพระราหูผู้เป็นอสูรได้แปลงร่างไปเป็นเทวะและลอบดื่มน้ำอมฤตนั้น พระนารายณ์ทรงกริ้วนักจึงขว้างด้วยจักรถูกพระราหูจนวรกายขาดไปครึ่งองค์ แต่ทรงมิสิ้นชีพเนื่องจากได้ดื่มน้ำอมฤตเข้าไปแล้วจึงมีฤทธานุภาพสูงเทียมเท่ากับ เทวะทั้งมวล พระราหูจึงเหลือแต่เพียงท่อนหัวล่องลอยไปมาในชั้นสวรรค์คอยจับพระอาทิตย์และพระจันทร์มากินเพื่อแก้แค้นดังเช่นเดิม

ส่วนท่อนตัวหรือท่อนล่างของพระราหูที่กระเด็นขาดหายไปได้กลายไปเป็นพระเกตุเป็นเทวะแห่งนพเคราะห์องค์ที่ 9 ซึ่งมีรูปลักษณ์เป็นดาวหางหรือ ดาวผีพุ่งไต้ เกิดขึ้นนานๆ ครั้งในชั้นบรรยากาศนั่นเอง

อีกตำนานเล่าไว้ว่าเหตุเกิดจากพญาครุฑ (พระอาทิตย์) อยากกินพญานาค (พระเสาร์) จึงเข้าไล่จับมาทำอาหาร พญานาคหนีไปหาพระราหูเพื่อขอให้ช่วยเหลือ จึงต่อสู้กันสุดท้ายพญาครุฑพ่ายแพ้จึงเข้าเฝ้าพระอินทร์ (พระพฤหัส) สุดท้ายพระอินทร์ก็ไม่สามารถจับพญาครุฑได้ ส่วนพระราหูเหลือบไปเห็นน้ำอมฤตด้วยความเหนื่อยล้าจึงยกน้ำอมฤตขึ้นดื่ม เมื่อพระอินทร์เห็นดังนั้นก็บรรดาลโทสะขว้างจักรเพชรเข้าใส่ร่างพระราหูขาดออก 2 อ่อน แต่ก็ไม่ตายด้วยดื่มน้ำอมฤตก่อนแล้ว

โดยคุณ aumphorn (771)  [อ. 23 พ.ค. 2549 - 22:07 น.]



โดยคุณ aumphorn (771)  [อ. 23 พ.ค. 2549 - 22:14 น.] #32834 (1/1)
คงมีประโยชน์กับเพื่อนๆไม่มากก็น้อยนะครับ

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1