(D)
ประวัติการสร้างพระเสด็จกลับของหลวงปู่สุภา กันตสีโล
วัตถุประสงค์ในการสร้างพระเสด็จกลับ
เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า หลวงปู่สุภา ได้สร้างวัดที่เกาะสิเหร่ จังหวัดภูเก็ตเสร็จตั้งแต่ปี พ.ศ.2504 พร้อมทั้งได้สร้างพระพุทธไสยาสน์ ประดิษฐานไว้บนยอดเขาเกาะสิเหร่ และท่านได้ทูลเกล้าฯ ขอพระราชทานแววพระเนตร จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จพระนางเจ้าฯพระบรมราชินีนาถ ซึ่งได้รับพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานให้ตามความปรารถนา หากแต่พระพุทธไสยาสน์องค์นั้นยังมิได้มีวิหารครอบคลุม เป็นเพียงแต่ใช้สังกะสีมุงไว้เท่านั้น หลวงปู่สุภาจึงมีความประสงค์ที่จะสร้างพระวิหารครอบคลุมพระพุทธไสยาสน์เป็นการโดยเสด็จพระราชกุศลเพื่อให้สมพระเกียรติ แต่ยังขาดปัจจัยในการสร้างอีกมาก หลวงปู่จึงได้ทำการสร้างพระเสด็จกลับ เพื่อหาปัจจัยทำการดังกล่าว
การสร้างพระเสด็จกลับที่วัดสารอด เขตราษฏร์บูรณะ กรุงเทพ
หลวงปู่ได้เดินทางเข้ากรุงเทพ เพื่อพบอาจารย์ชุม ไชยคีรี ซึ่งเป็นอาจารย์ที่มีความรู้ความสามารถ และมีความชำนาญในการสร้างพระมาเป็นเวลานาน ท่านได้ขอความร่วมมือจากอาจารย์ชุม เพื่อนำเอาว่านยา แร่ธาตุ ที่ท่านสะสมไว้ตั้งแต่ครั้งเมื่อท่านเดินธุดงค์ สร้างรูปพระและวัตถุมงคลเพื่อสมนาคุณแก่ศิษยานุศิษย์ และผู้มีจิตศรัทธา ที่บริจาคปัจจัยร่วมทุนสร้างพระวิหารในครั้งนี้ อาจารย์ชุมมีความยินดีและอนุโมทนาในกุศลครั้งนี้ พร้อมกันนั้นได้มอบแร่ธาตุ ว่านยา ผงวิเศษกว่า 1000 ชนิด ที่อาจารย์ได้สะสมไว้เพื่อนำมาประสมกับว่านยาของหลวงปู่สุภา
อาจารย์ชุม ได้อัญเชิญวิญญาณขุนแผน ซึ่งท่านเคารพนับถือเป็นอย่างสูงในชีวิตของท่าน โดยที่ถือว่าเป็นวิญญาณวิเศษ เป็นเทพชั้นสูง เข้าประทับทรงเชิญเข้าร่วมการกุศล วิญญาณขุนแผนผู้ปรารถนาพระโพธิญาณก็ยินดีอนุโมทนาอนุญาตให้ทำพระเป็นรูปทรงขุนแผนเรือนแก้ว พร้อมทั้งบอกตำราและวิธีการสร้างพระตามตำราอาจารย์คง ผู้เป็นอาจารย์ของท่าน อาจารย์คงเป็นผู้สร้างพระขุนแผนซุ้มเรือนแก้วให้แก่ขุนแผนตั้งแต่ครั้งต้นสมัยกรุงศรีอยุธยาเมื่อครั้งขุนแผนเป็นแม่ทัพ ท่านรับเข้าประทับทรงเป็นประธานทำพิธีปลุกเสก บรรจุคุณให้มีคุณครบถ้วนตามคุณวิเศษของท่านเมื่อครั้งท่านยังมีชีวิต
ต่อจากนั้นอาจารย์ชุม ได้ไปเชิญอาจารย์อุทัย ดุจศรีวัชร์ อายุ 74 ปี ซึ่งเป็นผู้ทรงความรู้ทางคุณพระและทางไสยศาสตร์เป็นพิเศษอีกท่านหนึ่งมาร่วมด้วย อาจารย์อุทัยก็ยินดีอนุโมทนาและท่านยังได้อุทิศว่านยา แร่ธาตุ ผงวิเศษ ทำผ้ายันต์เสือ ผ้ายันต์สิงห์ ซึ่งเป็นผ้ายันต์ที่ท่านเคยใช้ได้ผลดีมาแล้วเข้าสมทบในการกุศล และได้อุทิศตัวเข้าร่วมปลุกเสกตลอดพิธี
ต่อจากนั้นก็พิจารณาหาสถานที่ทำพิธี เฒ่าแก่ยู่ลิ้น แซ่เฮง ได้ขอร้องให้ไปทำพิธีที่วัดสารอด เขตราษฏร์บูรณะ กรุงเทพ โดยให้เหตุผลว่าวัดสารอดเป็นวัดที่เก่าชำรุดทรุดโทรม และกำลังทำการบูรณะปฏิสังขรณ์อยู่
หลวงพ่อสุภา และอาจารย์ชุม จึงได้ไปพบอธิการชนาง เอี่ยมอุดม เจ้าอาวาสและกรรมการวัด ทุกคนเมื่อทราบเรื่องราวต่างก็ยินดีและให้ความสะดวกทุกประการ
พิธีสร้างพระเสด็จกลับจึงกำหนดทำขึ้นที่วัดสารอด เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2506 การพิมพ์พระเริ่มตั้งแต่วันที่ 20 พฤศจิกายน 2506 และพิมพ์ครบ 84000 องค์เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2506 เริ่มทำพิธีปลุกเสกเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2506 และพิธีสมโภชได้ทำเสร็จเรียบร้อยในวันที่ 24 มกราคม 2507 เวลา 6.00 นาฬิกา รวมเวลาทั้งสิ้นสองเดือนเศษ
พระเสด็จกลับหรือพระผงวิเศษจำนวน 84000 องค์ เป็นพระทรงขุนแผนเรือนแก้ว ทรงพระรอด รูปและลูกประคำหลวงปู่คงของอาจารย์ชุม รูปเหรียญหลวงปู่สุภา กันตสีโล ที่สร้างด้วยว่านยาแร่ธาตุ พญาว่าน มหาว่าน น้ำพระพุทธมนต์อันศักสิทธิ์ รวม 2000 กว่าชนิด ผ้ายันต์เสือ ผ้ายันต์สิงห์ ของอาจารย์อุทัย ดุจศรีวัชร์ น้ำมันมหานิยมเลิกรบของอาจารย์ชุม ไชยคีรี ที่ทำพิธีสร้างและพิธีพุทธาภิเษกที่อุโบสถวัดสารอด เขตราษฏร์บูรณะ จังหวัดธนบุรี(ในสมัยนั้น)
พิธีพุทธาภิเษก
วันที่ 23 ธันวาคม 2506 เวลา 6.30 นาฬิกา ถือเป็นอุดมฤกษ์พุทธาภิเษกและปลุกเศก อาจารย์ชุม ไชยคีรี อาจารย์อุทัย ดุจศรีวัชร์ เป็นผู้ทำพิธีบวงสรวงสังเวย เวลา 9.00 น.หลวงปู่สุภาเจิมเทียนชัย และอาจารย์ทั้งสามท่านร่วมกันอธิษฐานเชิญครูอาจารย์และวิญญาณเทพเข้าประจำในมณฑลพิธี วิญญาณขุนแผนเข้าประทับตรวจความเรียบร้อยของพิธี อาจารย์อุทัยเข้าบริกรรมเริ่มตั้งธาตุ บรรจุธาตุเป็นเวลา 8 ชั่วโมงพร้อมกันนั้นอาจารย์ชุม นำพระผงวิเศษที่สร้างพร้อมกันรวม 108 องค์ ไปโดยเรือยนต์พร้อมด้วยพระสงฆ์ 5 รูป ไปทำพิธีบวงสรวงสังเวยกลางแม่น้ำแล้วกลับมาทำพิธีที่ศาลเทพารักษ์ที่ได้สร้างไว้ที่แม่น้ำหน้าวัดสารอด
เวลา 19.00น. พระเถระผู้ใหญ่ 9 รูปจากพระอารามหลวงต่างๆ มีสมเด็จพระวันรัตน์วัดพระเชตุพนเป็นประธานเจริญพระพุทธมนต์
เวลา 20.30น. เชิญวิญญาณอาจารย์คงผู้เป็นอาจารย์ของขุนแผนเข้าประทับทรง จุดเทียนชัย พระสงฆ์ชุดพุทธาภิเษก 4 รูป สวดคาถาจุดเทียนชัย หลวงพ่อสุภานั่งปรกฯ วิญญาณขุนแผนเข้าประทับทรง อาจารย์ชุม อาจารย์อุทัย เข้าทำการปลุกเสกพระสวดพุทธาภิเษก
เวลา 21.00น. หยุดพัก เปิดโอกาสให้ผู้ใหญ่ที่มาในพิธีเข้าพบวิญญาณขุนแผนที่ประทับทรงถึงเวลา 22.00
เวลา 24.00น. ขุนแผนพร้อมด้วยวิญญาณเทพ ทำพิธีปลุกเสกตลอดพิธี มีพุทธาภิเษกและบรรจุคุณโดยพระอาจารย์ผู้ทรงคุณชุดละ 9 อาจารย์และเชิญวิญญาณขุนแผนเข้าประทับทรง บรรจุคุณตลอดพิธี โดยแบ่งเวลาออกเป็น 5 ระยะ ดังนี้
ระยะที่1
ก. เสกตั้งธาตุ บรรจุธาตุ แต่งธาตุ เสกพระคาถาจุติจากสวรรค์ชั้นดุสิตลงสู่พระครรภ์พระพุทธมารดา เสกพระคาถาประสูติจากพระครรภ์ เสกพระคาถาเสด็จย่าง 7 ก้าว พระอาการ 32 พระคาถาบำเพ็ญพระบารมีจนสำเร็จเป็นพระพุทธเจ้าเป็นเวลา 3 วัน
ข. เสกธาตุ 4 อาการ 32 อักขระ 16 หัวใจของ 5 หัวใจ 108 อย่าง 108 จบ เป็นเวลา 3 วัน
ค. เสกธาตุ 4 อาการ 32 อักขระ 16 หัวใจของ 5 หัวใจ 108 อย่าง คาถาชุดคงกระพัน อย่างละ 108 จบ เป็นเวลา 5 วัน
ระยะที่ 2 เสกกันปืน มหาอุด กันวัตถุระเบิด ห้ามดิน น้ำ ลม ไฟ เสกผูก เสกกัน เป็นเวลา 5 วัน
ระยะที่ 3 เสกแคล้วคลาด เสกศักดิ์สิทธิ์ 1 ไปกลับ เสกแปลงรูปหุ่นพยนต์ เสกกำแพงเพชรเจ็ดชั้น เสกมงกุฏพระพุทธเจ้า เป็นเวลา 5 วัน
ระยะที่ 4 เสกมหานิยม มหาเสน่ห์ มหาระรวย มหาลาภ เลิกรบ เลิกเบียดเบียน เป็นเวลา 5 วัน
ระยะที่ 5 เสกรวม เสกผูก เสกกัน 4 วัน รวมเป็นเวลาพุทธาภิเษกและปลุกเสก 30 วัน วันละ 3 เวลา คือ 5.00น. 9.00น. 21.00 น.
ในการเสกนี้พระอาจารย์ที่เป็นภิกบุต้องแสดงอาบัติทุกครั้งแล้วจึงเข้าปริมณฑลพิธี อาจารย์ที่เป็นฆราวาสต้องนุ่งขาวห่มขาวสมาทานศีลห้าโดยถือพรหมจรรย์เป็นวัตร อยู่ประจำในบริเวณพิธี และบริเวณวัดตลอดพิธี เมื่อเสกจบลงระยะหนึ่งๆก็ทำการพิสูจน์ทดลองต่อหน้าประชาชนให้ผู้สนใจชม เป็นการอบรมศึกษาวิธีทำจิตให้เข้าถึงคุณพระไปในตัว การทดลองนี้เป็นการชี้ให้เห็นว่าคุณพระพุทธมีอยู่จริงแม้นท่านจะเสด็จเข้าสู่นิพพานไปแล้วก็ตาม ถ้าผู้ใดเข้าถึงพระพุทธคุณ เอาพระพุทธคุณเป็นที่พึ่ง พระพุทธคุณก็สามารถเป็นที่พึ่งที่ระลึกและกำจัดภัยแก่ผู้นั้นได้จริง
วันที่ 23 มกราคม 2507 เวลา 20.00น. ได้นิมนต์พระเถระผู้ทรงคุณทางวิปัสสนากรรมฐาน 9 รูป สวดพระธรรมจักรกัปปวัฒนสูตร พระมหาสมัยสูตร สวดพุทธาภิเษกและปลุกเสกด้วยอาจารย์ชุดเดิม ถึงเวลา 23.30 น.
วันที่ 24 มกราคม 2507 เวลา 03.00น. ได้นิมนต์พระเถระผู้ทรงคุณทางวิปัสสนากรรมฐาน 9 รูป เข้านั่งปรกสงบเสียงอื่นๆจนหมดจนถึงเวลา 04.00น. ต่อจากนั้นสวดพุทธาภิเษกบทสุดท้าย พระอาจารย์และอาจารย์ชุดเดิมจุดเทียมมงคลเจิมเวียนเป็นทักษิณาวัตร 3 รอบ พระเถระ 9 รูปสวดชัยมงคลคาถา ย่ำฆ้อง ย่ำกลองจนถึงเวลา 06.00น. พระสวดคาถาดับเทียนชัย พระอาจารย์และอาจารย์ชุดเดิมดับเทียนชัยและเทียนเจิมพร้อมกัน พระอาจารย์ - อาจารย์ และคณะกรรมการนำพระผงวิเศษทุกพิมพ์ที่สร้างขึ้นพร้อมกันในพิธี และพระผงทุกรุ่นทุกพิมพ์ของอาจารย์ชุมที่เคยสร้างมาเมื่อครั้งก่อนๆพร้อมด้วยแบบพิมพ์ อธิษฐานบรรจุเข้าไปในกรุใต้ฐานพระประธานในอุโบสถวัดสารอด เสร็จแล้วถวายอาหารบิณฑบาตแด่พระสงฆ์ในวัดจำนวนประมาณ 50 รูป
เวลา 08.00น. พระเถระ 9 รูปสวดชัยมงคลคาถา พระเถระอาวุโสนั่งเป็นประธาน พระอาจารย์และอาจารย์รวม 10 รูปบริกรรมนับองค์พระให้คะแนนร้อน คะแนนพัน คะแนนหมื่น เมื่อตรวจนับเสร็จแล้วมอบองค์พระให้คณะกรรมการ
เวลา 10.30น. ได้นิมนต์พระ 9 รูป มีสมเด็จพระวันรัตน์วัดพระเชตุพนฯเป็นประธานทำพิธีสมโภชน์ พระอาจารย์และอาจารย์พร้อมคณะกรรมการและผู้พิมพ์พระทำบุญตักบาตรถวายเครื่องไทยทาน
วันที่ 25 มกราคม 2507 เวลา 06.00-12.00น. อาจารย์ชุมได้เปิดปฐมฤกษ์แจกพระให้แก่ทหารบก ทหารเรือ ทหารอากาศ และตำรวจในเครื่องแบบ วิญญาณขุนแผนเข้าประทับทรงประพรมน้ำพระพุทธมนต์ หลวงพ่อสุภา กันตสีโล และอาจารย์อุทัย แจกพระและผ้ายันต์แก่ทหารตำรวจและประชาชนผู้บริจาคปัจจัย ไปจนถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2507
วันที่ 13-19 กุมภาพันธ์ 2507 ทำพิธีแจกพระที่วัดเกาะสีคิ้ว อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมา
วันที่ 23-29 กุมภาพันธ์ 2507 ทำพิธีแจกพระที่สำนักวิหารธรรมขุนแผนอุทิศ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส
วันที่ 1-7 มีนาคม 2507 ทำพิธีแจกพระที่สำนักสงฆ์เกาะสิเหร่ จังหวัดภูเก็ต
|