(D)
-คำตอบที่ถูกต้องก็คือ เชื่อตัวเองซิครับ
-เพื่อนๆคงสงสัยว่าผมคงจะเริ่มเพี้ยนแล้วละครับ ให้เชื่อตัวเองทั้งที่ดูพระนั้นๆไม่เป็นเอาซะเลย แต่อย่าเพิ่งงงครับ ผมขอชี้แจงวิธีการคิดก่อนนะครับ
-พื้นฐานแรกของการคิด - ถ้าเราไม่รู้ควรปรึกษาผู้รู้ หรือผู้เชี่ยวชาญ หรือผู้ชำนาญการ เช่น เป็นไข้ไม่สบายควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญคือแพทย์ปริญญา ไม่ใช่หมอตี๋ หรือหมอชาวบ้าน , มีปัญหาคดีฟ้องร้อง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านกฏหมายคือทนายความปริญญา ไม่ใช่ทะแนะหรือคนดีแต่พูดอวดรู้ , มีปัญหาพระแท้-เก๊ ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านพระเครื่อง ?????.
-แล้วผู้ชำนาญการด้านพระเครื่องเป็นใคร????? ในปัจจุบันนี้ยังไม่มีสถาบันผลิตผู้เชี่ยวชาญด้านพระเครื่องปริญญาออกมา ไม่เหมือน แพทย์ เภสัช วิศวะ ทนาย ฯลฯ ดังนั้นผู้เชี่ยวชาญด้านพระเครื่องจึงเป็นการยอมรับในด้านพฤตินัยมากกว่าว่าบุคคลนั้นๆมีความชำนาญด้านพระเครื่องในแต่ละชนิด เนื่องจากพระเครื่องมีหลากหลายชนิดกัน จึงทำให้ผู้เชี่ยวชาญพระเครื่องสามารถเลือกศึกษาในสายที่ตัวเองชอบได้ เช่น ชอบเหรียญ พระกรุ พระหล่อ ฯลฯ โดยผู้เชี่ยวชาญคนนั้นๆเมื่อได้รับการยอมรับจากนักเล่นพระโดยรวมว่ามีความชำนาญพระด้านนั้นๆเราก็จะเรียกคนนั้นว่า เซียนพระ
-และถ้ามีความชำนาญด้านใดเป็นพิเศษเราก็เรียกบุคลนั้นกันว่า เซียนสายตรง
-ขนาดเราไม่สบายยังต้องเลือกแพทย์ที่เราจะไปหา , ขณะที่เรามีปัญหาคดีความยังต้องเลือกทนายไปสู้คดีแทนเรา แล้วทำไมแห่พระจึงแห่ไปเรื่อยๆไม่คัดเลือกเซียนพระก่อนเล่า
-ดังนั้นการแห่พระเพื่อนๆต้องคัดเลือกเซียนคนที่เราจะไปปรึกษาก่อนว่ามีความรู้มีความชำนาญจริงหรือไม่ก่อนจะปรึกษาเซียนคนนั้นทุกคนไปครับ เมื่อประเมินแล้วว่าเป็นเซียนจริง ก็ต้องดูต่อว่าเซียนคนนั้นจะให้ข้อมูลเราตรงจริงหรือไม่ มีประโยชน์แอบแฝงหรือไม่ เมื่อได้ข้อแนะนำมาแล้วสามารถนำมาเป็นข้อมูลสำหรับตัดสินใจพระแท้-เก๊ได้จริงหรือไม่
-เมื่อเพื่อนๆได้ปรึกษาเซียนพระที่เชื่อถือได้หลายๆท่าน ก็นำข้อมูลที่ได้มาสรุปได้ด้วยตัวเราเองว่าพระของท่านนั้นๆแท้ หรือเก๊ ครับ
-สรุป การตัดสินพระแท้-เก๊ ต้องเป็นเจ้าของพระตัดสิน ภายใต้ข้อมูลที่เสนอแนะอย่างถูกต้องของผู้ชำนาญการด้านพระเครื่อง หรือ เซียนพระครับ |
|