(D)
เรามาทำความเข้าใจกับคำว่า การครอบครองปรปักษ์ คืออะไรก่อนครับ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 บัญญัติ ว่า บุคคลใดครอบครองทรัพย์สินของผู้อื่นไว้โดย สงบ และโดนเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ ถ้าเป็นอสังหาริมทรัพย์ได้ครอบครองติดต่อกันเป็นเวลา 10 ปี ถ้าเป็นสังหาริมทรัพย์ครอบครองติดต่อกัน 5 ปี ท่านว่าบุคคลนั้นได้กรรมสิทธิ์
อธิบายคำว่า สงบคือ ไม่ถูกฟ้องขับไล่ ไม่มีตำรวจมาจี้จ๊ะ ไม่มีพนักงานมาขับไล่ เป็นต้น
เปิดเผยคือ ใช้ทรัพย์ตามปกติ ที่บุคคลธรรมดา ปฏิบัติกัน
ด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ คือแสดงความเป็นเจ้าของ เช่น ซ่อมแซม บำรุง ทรัพย์ เป็นต้น
เริ่มด้วยคดีพิพาท มีตัวละครดั่งนี้
1.หลวงพ่อพยอม(หลวงพ่อ) คือ ผู้ที่ซื้อที่ดินโดยสุจริต
2.ผม คือ ผู้ที่ขายที่ดินให้วัดสวนแก้ว
3.นาย ก. คือ ผู้ที่เป้นเจ้าของที่ดินที่แท้จริง
4.กรมที่ดิน
5.ศาลชั้นต้น(ศ.)
ช่วงที่ 1
ผมได้ครอบครองที่ดิน แปลง 1 เป็นเวลา 10 ปี โดย สงบ และโดนเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของ แน่นอนผมได้ครอบครองที่ดินแปลงนี้โดยการ ครอบครองปรปักษ์ ผมจึงได้ยื่นคำร้องฝ่ายเดียว ต่อ ศ. ท่านก็พิจราณา จากหลักฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พยานแวดล้อม พยานบุคคล โดยไม่มีผู้ใดคัดค้าน ศ.พิพากษา ให้ผมมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้ โดยการครอบครองปรปักษ์.......ผมก็นำคำพิพากษา ไปยื่นต่อกรมที่ดิน เมื่อกรมที่ดิน ได้เห็นว่ามีคำพิพากษาแล้ว ก็ออกโฉนดที่ดิน แปลงนี้ให้ผม................ผมจึงได้นำโฉนดที่ดินนี้ ไปขายให้หลวงพ่อ
หลวงพ่อท่านก็ซื้อที่ดิน ไว้โดยสุจริต เพื่อที่จะได้นำที่ดิน ไปทำประโยชน์ที่วัดต่อไป ในราคา 10 กว่าล้านบาทครับ
ช่วงที่ 2 (3 เดือนผ่านไป) ดูการต่อสู้ ของนาย ก. ว่าเขาเก่ง และฉลาดเพียงใด
นาย ก. เจ้าของที่ดิน ตัวจริงปรากฏตัวขึ้น จึงได้ยื่นคำคัดค้าน ต่อศ.ว่า........นาย ก.ให้ผม อยู่อาศัย ในเวลาที่ นาย ก. ไม่อยู่ คำว่า ให้อยู่อาศัย งั้นก็แสดงว่า ผมไม่ได้ครอบครอง ด้วยเจตนาเป็นของตนเอง เพราะเขาให้ผมอยู่อาศัยครับ เขาให้ผมอยู่อาศัยครับ แม้ว่าผมจะครอบครองโดยสงบ และ เปิดเผย ผมก็ไม่ได้สิทธิในการครอบครองปรปักษ์ เมื่อ ศ.ท่านได้รับฟังข้อเท็จจริงเพิ่นขึ้น จึงพิพากษาเพิกถอนกรรมสิทธิ
ผลคือ ผมไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดิน ไม่มีสิทธินำที่ดินไปขาย หลวงพ่อที่ซื้อที่ดินโดยสุจริต ก็ต้องคืนที่ดินให้ นาย ก.ไปครับ จบกัน หมดกัน แล้วจะทำไงกับ เงิน ที่หลวงพ่อท่านเสียไป 10 กว่าล้าน จะฟ้องเรียกใครได้บ้าง...............................
1.ผม คือผู้ที่ ทำตามข้อกฎหมายทุกอย่าง ครอบครอง 10 ปี ไปยื่น ต่อ ศ. ศ.พิพากษา นำคำพิพากษา ไปยื่นต่อ กรมที่ดิน กรมที่ดิน ออกโฉนด นำโฉนดไปขาย ให้หลวงพ่อ 10 กว่าล้าน ถามว่า ผมผิดตรงไหนครับ.....
2.กรมที่ดิน ก็เมื่อคำพิพากษามาแล้ว ก็ออกโฉนดตามคำพิพากษา ถามว่า ผิดตรงไหนครับ..........
3.นาย ก. เจ้าของที่ดิน ที่แท้จริง ก็อีกนั้นหละ ทำไมตอนยื่นคำร้องต่อ ศ.ถึงไม่มาร้องค้าน แต่ ศ.ท่านก็พิพากษาให้คืนแล้ว..............
4. .....................................................
สรุป คดีพิพาทนี้
ทางวัดเขาสวนแก้ว สูญเงิน ไป 10 กว่าล้าน ทั่งที่ซื้อที่ดิน โดยสุจริต และถ้าจะอุทธรณ์ หลวงพ่อท่านบอกว่า ให้จบดีกว่า เป็นพระ ขึ้นโรงขึ้นศาล ดูไม่ดี โวยมากไปก็ดูไม่ดี ความจริงแล้ว.....หลวงพ่อท่าน มอบหมายให้ใครไปแทนก็ได้ครับ ไม่ว่าจะเป็น กรรมการวัด ตั่งทนาย ไปแทนก็ได้ครับ หลวงพ่อไม่ต้องไป ศ.เองก็ได้ครับ
..............ที่นำคดีนี้ ว่าโพส ก็เพียงว่า จะมีประโยชน์ต่อพี่ๆบ้างไม่มาก ก็น้อย ในการ ซื้อ ไม่ว่าจะเป็น บ้าน ที่ดิน อื่นใดแม้ซื้อโดยสุจริต โฉนดที่ราคาหลายแสน หลายล้าน ก็จะเป็นแค่ถุงกระดาษกล้วยแขกได้ครับ
ปล.รบกวนพี่ๆที่จะแสดงความคิดเห็น อย่าพาดพิง ถึง บุคคลที่ 3 นะครับ
การนี้ผมลงรายละเอียด ได้เท่านี้แหละครับ ถ้าอยากรู้ ลึก ชันเจน กว่านี้หลังเว็บ จะดีกว่าครับ กลัวติดคุก จ้าพี่น้อง |