ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : รับซื้อของโจร ภาค nooing

(N)
การซื้อขายพระ

ตอนรับซื้อของโจร

อ่านข่าวหนังสือพิมพ์ และในเนตวันนี้(14 กันยายน 2557) ว่ามีเซียนพระลักพระ บางฉบับก็ว่ารับของโจร ซึ่งข้อเท็จจริงจะเป็นประการใดค่อยให้ศาลตัดสินเอาครับ ในที่นี้ไม่ขอกล่าวถึงและพาดพิงใครทั้งสิ้น โดยไม่อยากให้ร้านพระ หรือทุกท่านเกิดความกลัวในการรับซื้อ ขายพระจนเกินไป จึงขออนุญาตเขียนบทความนี้ขึ้น

ความผิดฐานรับของโจรตามประมวลกฎหมายอาญาได้บัญญัติไว้ว่า

มาตรา 357 ผู้ใดช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำหรือรับไว้โดยประการใด ซึ่งทรัพย์อันได้มาโดยการกระ ทำความผิดถ้าความผิดนั้นเข้าลักษณะลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีด เอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอกหรือ เจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานรับของโจรต้อง ระวางโทษจำคุกไม่เกินห้าปี หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้ง จำทั้งปรับ

ถ้าการกระทำความผิดฐานรับของโจรนั้น ได้กระทำเพื่อค้ากำไร หรือได้กระทำต่อทรัพย์อันได้มาโดยการลักทรัพย์ตาม มาตรา 335 (10) ชิงทรัพย์หรือปล้นทรัพย์ ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ หกเดือนถึงสิบปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงสองหมื่นบาท...

ลองดูตัวอย่างนี้ครับ

1.สมชายเข้าไปลักพระขุนแผนครูบาจันต๊ะรุ่น 1 ฝังตะกรุด ซึ่งมีอยู่องค์เดียว มูลค่า 1 ล้านบาท ในร้านของสมหวัง อย่างนี้สมชายผิดลักทรัพย์ เป็นความผิดอาญาแผ่นดิน ยอมความไม่ได้ ทางแพ่งก็เป็นเรื่องละเมิดต้องชดใช้ค่าสินไหมทดแทน

2.สมชายเอาพระขุนแผนครูบาจันต๊ะที่ลัก ไปให้สมศรี ภรรยาของสมชายซึ่งรู้ว่าสมชายลักพระดังกล่าวมาจากร้านของสมหวัง โดยนำไปขายที่ร้านของสมโชคที่กาดคำสาย ซึ่งเป็นตลาดจำหน่ายพระ โดยสมโชคไม่รู้ว่าเป็นพระขุนแผนฯที่ได้มาจากการลักทรัพย์ กรณีนี้ใครจะผิดอะไรบ้าง ตอบ สมชายผิดลักทรัพย์ สมศรีผิดรับของโจร สังเกตุให้ดีว่าความผิดฐานรับของโจรไม่จำเป็นต้องเสียค่าตอบแทน เพียงแต่ช่วยพาเอาไป รับไว้ ก็มีความผิดฐานรับของโจรได้และสมศรีก็รู้ดีว่าพระขุนแผนฯได้มาจากการลักทรัพย์ เมื่อได้ความว่าเอาทรัพย์ไปขาย เท่ากับเป็นการได้กระทำเพื่อค้ากำไรต้องรับโทษหนักขึ้นตามมาตรา 357 วรรคสอง ส่วนสมโชคจะมีความผิดหรือไม่ อันนี้ท่านผู้อ่านที่เป็นร้านรับเช่าพระหรือท่านที่ชอบชื้อ สะสมพระคงลุ้นอยู่ ก็ขอตอบว่าตามข้อเท็จจริงกรณีตัวอย่างนี้ สมโชคไม่รู้ว่าพระขุนแผนฯ ได้มาจากการกระทำความผิดฐานลักทรัพย์ เท่ากับขาดเจตนาในการกระทำความผิด สมโชคเจ้าของร้านที่รับซื้อพระไม่มีความผิดตามกฎหมาย

3.กรณีสมสมร ไปซื้อพระขุนแผนครูบาจันต๊ะฯ ที่ร้านของสมโชค ในราคา 2 ล้านบาท โดยไม่รู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ลักมา สมสมรต้องคืนพระให้สมหวังเจ้าของที่แท้จริงหรือไม่ กรณีนี้ต้องพิจารณาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1332

ปพพ.ม.1332 บุคคลผู้ซื้อทรัพย์สินมาโดยสุจริตในการขายทอดตลาดหรือในท้องตลาด หรือจากพ่อค้าซึ่งขายของชนิดนั้น ไม่จำต้องคืนให้แก่เจ้าของแท้จริง เว้นแต่เจ้าของจะชดใช้ราคาที่ซื้อมา

เมื่อสมสมรซื้อพระโดยไม่รู้ว่าเป็นพระที่ลักมาจากร้านของสมโชค ซึ่งอยู่ในตลาดคำสายอันเป็นสถานที่ขายพระ เป็นท้องตลาดคามความในมาตรา 1332 ไม่จำต้องคืนพระ แต่หากสมหวังเอาเงินคืนสมสมร 2 ล้านบาท ตามราคาที่สมสมรซื้อพระมา สมสมรต้องคืนพระให้สมหวังไป ตามมาตรา 1332

พิจารณาทั้งสามตัวอย่างข้างต้นคงทำให้ทุกท่านอุ่นใจได้บ้าง กรณีร้านค้าไม่ใช่ว่าเมื่อซื้อพระที่ได้มาจากการกระทำความผิดแล้วเราจะผิดรับของโจรเสมอไป ข้อสำคัญอยู่ที่เรารู้หรือไม่รู้เท่านั้นว่าเป็นพระที่ลักมา เช่น เรารู้จักเจ้าของพระขุนแผนดังกล่าวดี และเจ้าของก็ประกาศขายในเวป ที่เราใช้บริการอยู่ทุกวัน หากมีกรณีที่มีคนอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของนำมาขาย เราก็รับซื้อ อย่างนี้คงอ้างไม่ได้ว่าไม่มีเจตนากระทำความผิด หรือในกรณีด้านผู้ชื้อ ก็อุ่นใจได้บ้างว่าอย่างน้อยแม้จะต้องคืนพระ ก็ต้องได้รับเงินคืนจากเจ้าของที่แท้จริงก่อน ไม่ใช่เสียเงินฟรีๆ แต่ก็ต้องเป็นการซื้อจากท้องตลาดนะครับ ปัญหาว่าร้านที่เปิดในเวปเป็นท้องตลาดด้วยหรือไม่ อันนี้ไม่มีฎีกา แต่ความเห็นส่วนตัวเห็นว่าเป็นท้องตลาดครับ หวังว่าคงเป็นภูมิคุ้มกันให้ทุกท่านได้บ้างนะครับ

พระยุติธรรมล้านนา

ขอบคุณที่มา http://www.pralanna.com/boardpage.php?topicid=77961





ขออนุญาตนำบทความด้านบนมาเผยแพร่ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนสมาชิกวงการพระครับ ที่นี้มาว่าเรื่ององค์ประกอบความผิดกัน


องค์ประกอบภายนอกความผิดฐานรับของโจร

1.ทรัพย์ที่ได้มาโดยการกระทำความผิด ถ้าความผิดนั้นเข้าลักษณะลักทรัพย์ วิ่งราวทรัพย์ กรรโชก รีดเอาทรัพย์ ชิงทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฉ้อโกง ยักยอก หรือเจ้าพนักงานยักยอกทรัพย์

2. ช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาทรัพย์ไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้โดยประการใดซึ่งทรัพย์ในข้อ 1

องค์ประกอบภายใน คือ เจตนา

ต้อง “รู้” ว่าเป็นของโจร. ตามหลักกฎหมาย ผู้กระทำต้องรู้ว่าเป็นของโจร ถ้าผู้กระทำ “ไม่รู้” ว่าเป็นของโจร เมื่อ “ไม่รู้” ก็ถือว่า “ไม่มีเจตนา” (มาตรา ๕๙ วรรคสาม) และเมื่อ “ไม่มีเจตนา” ก็ “ไม่มี

ความผิด” (เพราะขาดองค์ประกอบภายใน)จะดูว่า “รู้” หรือ “ไม่รู้” นั้น ยากจะนำสืบให้เห็นด้วยประจักษ์พยาน จึงต้องดูจากพฤติการณ์แวดล้อม และพิรุธแห่งการกระทำ หรือที่เรียกว่า “กรรมเป็นเครื่องชี้

เจตนา” เช่น

1.รับซื้อจากบุคคลที่ไม่อยู่ในฐานะจะขายของชนิดนั้นได้ เช่นเป็นเด็ก.

2.รับรับซื้อในราคาถูกมาก.

3.รับซื้อรถที่ไม่ทะเบียน หรือหลักฐานเอกสารใด ๆ ในการได้มารับซื้อโทรศัพท์มือถือที่มีเครื่องอุปกรณ์ไม่ครบ และผู้ขายก็ไม่มีหลักฐานยืนยันความเป็นเจ้าของได้ แม้จะรับซื้อในท้องตลาดก็ตาม.

พฤติการณ์เหล่านี้พอให้สงสัยได้ว่ารับเอาไว้โดยรู้ว่าเป็นของโจร โดยโจทก์จะต้องนำสืบให้เห็นว่าจำเลยรับไว้โดยรู้ว่าทรัพย์นั้นได้มาจากการกระทำความผิด

4. ทรัพย์นั้นต้องยังไม่ถูกแปลงสภาพ ถ้าหากทรัพย์ที่ได้จากการกระทำความผิด ถูกแปรสภาพไปแล้ว คนที่มารับทรัพย์ที่ถูกแปรสภาพไปนั้น จะไม่ผิดฐานรับของโจร เช่นลักโคมาแล้วแร่เนื้อเอามาทำแกง

เนื้อ คนซื้อแกงเนื้อไปกิน ไม่ผิดฐานรับของโจร แม้รู้ว่าโคนั้นถูกลักมา หรือลักปืนมาขาย เงินที่ได้จากการขายปืน ไม่ใช่ของเจ้าของปืน ไม่เป็นของโจร ใครที่รับเงินนั้นไปไม่ผิดรับของโจร

5. ผู้กระทำจะต้องมีเจตนาในการช่วยซ่อนเร้น ช่วยจำหน่าย ช่วยพาเอาไปเสีย ซื้อ รับจำนำ หรือรับไว้ด้วยประการใด ๆ ต้องรู้ด้วยว่า ทรัพย์นั้นเป็นของโจร



*****************************************************

กรณีรับซื้อของโจรจะเข้าข่ายหรือไม่ ให้ดูที่เจตนา และองค์ประกอบต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นครับ ถ้าเรามั่นใจว่าเราบริสุทธิ์ใจ ไม่มีเจตนาและไม่เข้าข่ายกรณีข้างต้น ให้เราสบายใจได้ครับ สิ่งที่อยากย้ำเตือนเพื่อนสมาชิกคือ

1. สติ สำคัญมากครับ หากเราโดนเรื่องนี้ สิ่งแรกที่ควรทำคือตั้งสติให้ดี เพราะทุกสิ่งที่เราพูด ที่เราสื่อสารออกมาทั้งทางเวบบอร์ด หรือ ช่องทางต่าง ๆ มันก็อาจจะเป็นหลักฐานมัดตัวเราได้ เพราะฉะนั้น ต้องรู้ก่อนว่า อะไรควรสื่อสารออกมาแค่ไหน เรื่องอะไรควรเล่า หรือไม่เล่า ต้องพิจารณาด้วยครับ เพราะมันจะเป็นองค์ประกอบความผิดได้

2. การซื้อขายในเวป ให้เราสบายได้อยู่อย่าง ว่าเราซื้อขายในที่ ๆ มีการซื้อขายสิ่ง ๆ นั้น จึงย่อมได้รับความคุ้มครองตามประมวลกฏหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1332 (อ่านข้างต้น) เพราะฉะนั้น หากเราทำการซื้อขายโดยวิสัยปกติ ไม่ได้มีนอกมีใน หรืออะไรที่ส่อไปในทางรู้เห็นเป็นใจ กฏหมายย่อมคุ้มครองเราครับ



หวังว่าคงเป็นประโยชน์บ้าง ไม่มากก็น้อย ที่เอามาทั้งหมดก็ไม่ใช่รู้เองนะครับ เพราะถึงแม้จะเรียนกฏหมายมา แต่ก็ไม่ได้ใช้งานเลย รู้แค่หลัก ๆ เท่านั้น เรื่องลึก ๆ ก็ใช้ถามเพื่อนกู (เกิ้ล) เอาครับ

โดยคุณ nooing (28.8K)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 12:36 น.]



โดยคุณ ข้าวไทย (2.2K)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 13:00 น.] #3718956 (1/25)
ขอบคุณครับ

โดยคุณ looknam1 (2.6K)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 13:10 น.] #3718964 (2/25)
มีประโยชน์มากครับ ขอเข้ามมาศึกษารับความรู้ด้วยครับ

ขอบคุณท่าน nooing มากๆครับ

โดยคุณ ลูกลุงรูญ (1K)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 13:14 น.] #3718966 (3/25)
ชัดเจนครับ เยี่ยมจริง ๆ

โดยคุณ j_jang (5.2K)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 13:21 น.] #3718969 (4/25)
ยอดเยี่ยม ขอขอบคุณสำหรับข้อความดีๆจ้า
จากเด็กช่างกลที่มาคนเดียว แต่กล้านะ......


โดยคุณ nooing (28.8K)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 13:23 น.] #3718970 (5/25)
คุณ j_jang ก็นะ

โดยคุณ JOMPOL10 (3.9K)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 13:46 น.] #3718976 (6/25)

โดยคุณ กล้วยปิ้ง (909)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 14:17 น.] #3718988 (7/25)
ยอดเยี่ยมครับ มีประโยชน์มาก ขอบคุณครับ..

โดยคุณ เมธี2205 (1.6K)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 14:28 น.] #3718993 (8/25)
สุดยอดมากครับ

โดยคุณ thanaanan (6.7K)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 14:30 น.] #3718995 (9/25)


(N)

โดยคุณ kataibin8 (558)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 15:31 น.] #3719020 (10/25)
มีประโยชน์มาก ขอบคุณครับ

โดยคุณ piyathus (1K)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 15:46 น.] #3719024 (11/25)
ขอบคุณครับ

โดยคุณ เขยนคร (389)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 16:14 น.] #3719041 (12/25)


(N)
1111

โดยคุณ Jungjung (1.3K)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 16:21 น.] #3719043 (13/25)
ส่วนใหญ่เมื่อเจอทรัพย์ที่ถูกขโมยมาตำรวจมักจะแจ้งว่ารับของโจรหากคืนก็จบเรื่อง ส่วนมากก็จะคืนให้ตำรวจไป ส่วนตำรวจจะไปเอาเงินจากเจ้าของทรัพย์หรือเปล่าอันนี้ไม่รู้

โดยคุณ nooing (28.8K)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 16:41 น.] #3719059 (14/25)
ปกติ ถ้าเราไม่รู้อะไร หรือซื้อจากคนทั่วไปที่นำมาขาย ก็จะต้องคืนทรัพย์นั้นไป ตามมาตรา 357 ครับ ซึ่งกรณีนี้หากยืนยันได้ว่าซื้อมาโดยไม่ทราบว่าเป็นของโจร อันนี้ก็ไม่ต้องรับผิดตามมาตรา 357

ซึ่งตำรวจมักจะอ้างมาตรานี้เพื่อริบของกลางคืนไป เราก็จะกลัว และให้คืนไป

แต่ที่บอกคือ มาตรา 1332 ซึ่งมีข้อยกเว้นว่าเราซื้อจากตลาด หรือพ่อค้าที่ขายของชนิดนั้น ๆ อันนี้เราไม่ต้องคืนทรัพย์ นอกจากจะได้รับชำระราคาเท่าที่เราซื้อมาเสียก่อน และหากรับชำระแล้วเราก็จำเป็นต้องคืนครับ เพราะเป็นสิทธิ์ของเจ้าของเดิม ซึ่งเค้าก็จะต้องไปฟ้องเอามูลค่าคืนจากคนที่ขโมยไปอีกทอดหนึ่ง

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องขึ้นอยู่กับการเจรจา ว่าเราจะสู้แค่ไหน หากพระไม่แพงมากใครก็อยากให้จบเรื่อง ก็คืน ๆ ไป หรือแม้กระทั่งค่าน้ำร้อนน้ำชาเพิ่มยังยอมเลย อันนี้ก็แล้วแต่พิจารณาเอาเองครับ บอกกันไม่ได้ ความคุ้มแต่ละคนไม่เท่ากันครับ

โดยคุณ pongldc (3.6K)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 20:18 น.] #3719136 (15/25)
ให้ความรู้ยอดเยี่ยมไปเลยครับ ท่าน noonig

โดยคุณ นายเก้ (3.4K)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 20:25 น.] #3719139 (16/25)

โดยคุณ นายมะขวิด (1K)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 20:45 น.] #3719154 (17/25)
มีประโยชน์มากครับ เป็นความรู้ที่ดีมากครับ ขอบคุณครับ

โดยคุณ ปฏิพัทธ์2539 (1.4K)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 21:19 น.] #3719175 (18/25)

โดยคุณ อาจารย์คง (464)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 22:30 น.] #3719209 (19/25)

โดยคุณ uthai08 (2.4K)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 23:57 น.] #3719249 (20/25)
ขอบคุณครับผม

โดยคุณ kwwee (2.6K)  [พฤ. 11 ก.พ. 2559 - 23:57 น.] #3719250 (21/25)
ขอบคุณมากครับท่าน noonig อ่านแล้วได้ความรู้และเข้าใจได้ง่ายดีครับ แต่มีอยู่วรรคหนึ่ง ที่หลังจากอ่านแล้วยังติดข้อสงสัยอยู่นิดๆครับ คือข้อความวรรคที่ว่า

"หรือลักปืนมาขาย เงินที่ได้จากการขายปืน ไม่ใช่ของเจ้าของปืน ไม่เป็นของโจร ใครที่รับเงินนั้นไปไม่ผิดรับของโจร"

อันนี้ถ้าจะให้ผมเข้าใจ ผมก็เข้าใจว่า "ถ้าหากสามีไปลักปืนมาขาย แล้วเอาเงินไปให้ภรรยา ภรรยาก็ไม่มีความผิดฐานรับของโจร ทั้งๆที่ภรรยารู้ว่าสามีไปลักปืนมาขาย" ใช่หรือเปล่าครับ?

ขอขอบคุณมาล่วงหน้าสำหรับคำตอบครับท่าน

โดยคุณ nooing (28.8K)  [ศ. 12 ก.พ. 2559 - 02:48 น.] #3719271 (22/25)
ตอบคุณ kwwee

ใช่ตรับ เพราะทรัพย์มันได้แปลสภาพเป็นเงินไปแล้ว ซึ่งเงินเป็นทรัพย์ที่ยากแก่การพิสูจน์และแยกแยะได้ว่ามาจากส่วนไหน เพราะไม่รู้ก็คือไม่รู้ครับ เหมือนเราบริสุทธิ์ใจ มันก็ไม่มีความผิดครับ อีกอย่างหากโดนจับจริงคงไม่มีใครยอมรับว่ารู้ ว่ามาจากทรัพย์ที่เป็นของโจรก็ต้องบอกว่า ก็เอาเงินมาให้ใช้จ่ายปกติใครจะไปรู้ หากใครยอมรับก็เรื่องใหญ่ทีนี้ก็แยกเป็น 2 ส่วนเลย คือ ดูว่าสมรู้ร่วมคิดกับความผิดประธาน คือ พวกลักทรัพย์ ปล้นทรัพย์ ฯลฯ ด้วยหรือไม่ หรือ หากรู้ว่าทรัพย์มาจากการกระทำผิด ก็อาจจะโดนอายัดไปครับ เพราะฉะนั้นจึงยากแก่การพิสูจน์ครับ

เพราะฉะนั้นกรณีข้อยกเว้นนี้หากตีความให้ชัดเจน คือต้องไม่รู้ครับ เพราะกฏหมายจะเขียนลักษณะไม่เอาผิดผู้บริสุทธิ์เสมอ

โดยคุณ kwwee (2.6K)  [ศ. 12 ก.พ. 2559 - 03:19 น.] #3719272 (23/25)
ขอบคุณมากครับท่าน

โดยคุณ wattana09 (585)  [ศ. 12 ก.พ. 2559 - 09:21 น.] #3719308 (24/25)


(N)

โดยคุณ เจ้าหญิง (615)  [ส. 05 มี.ค. 2559 - 14:15 น.] #3725327 (25/25)
เยี่ยมมากคะ

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1