(N)
เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่กองกำกับการสถานีตำรวจภูธรเมืองสมุทรสาคร พล.ต.ต.กฤษณะ ศิริปิยะวัฒน์ รอง ผบช.ภ.7 รรท.ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พร้อมด้วย พ.ต.อ.จำลอง งามเนตร รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร พ.ต.อ.สุรจิต ชิงนวรรณ์ รอง ผบก.ภ.จว.สมุทรสาคร และ พ.ต.อ.สุระพรรณ นาทวรทัต ผกก.สภ.เมืองสมุทรสาคร ได้สั่งการให้ พ.ต.ท.พงษ์ศิริ เก่งนอก รอง ผกก.(สส) สภ.เมืองสมุทรสาคร พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองสมุทรสาคร นำตัวนายธนพล สกุลกรุณา อายุ 22 ปี ผู้ต้องหาคดี ความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พร้อมของกลางเป็นสร้อยคอทองคำ น้ำหนักประมาณ 2 บาท 1 เส้น สร้อยข้อมือทองคำน้ำหนักประมาณ 2 บาท 1 เส้น พระเครื่องเลี่ยมทอง 1 องค์ โทรศัพท์มือถือ 3 เครื่อง บัตรเอทีเอ็ม 1 ใบ และเอกสารหลักฐานการติดต่อสื่อสารทางไลน์ที่ใช้เพื่อการต้มตุ๋นหลอกขายพระเครื่อง
นายโชคชัย ยุทธนารัฐ อายุ 54 ปี ผู้เสียหายเล่าว่า ตนเองนั้นเป็นคนชอบสะสมพระเครื่อง และได้มีการเช่าพระเครื่องทั้งจากบุคคลที่รู้จัก เพื่อนๆ ในแวดวงพระเครื่อง และทางเฟสบุ๊ค ซึ่งตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาหลายปีที่มีการติดต่อซื้อขายทางเฟสบุ๊คนั้น ก็ไม่เคยมีปัญหาใดๆ มาก่อน ทุกคนก็ซื้อขายกันด้วยความซื่อตรงมาตลอด จนกระทั่งล่าสุดตนเองเห็นเฟสบุ๊คของเซียนพระรายหนึ่งในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ และทราบมาว่าเป็นเซียนพระชื่อดัง โดยไม่รู้ว่ามีคนเข้าไปแฮ็กเฟสบุ๊คของเซียนพระรายนี้ ด้วยความชอบเครื่องรางแพะ ของขลังของหลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก จังหวัดระยอง จึงได้ติดต่อขอซื้อจำนวน 1 คู่ ( 2 ตัว) ตามที่ประกาศขายไว้ในหน้าเฟสบุ๊ค และเมื่อโทรศัพท์ไปสอบถามราคาตามหมายเลขที่ขึ้นไว้ก็ได้รับคำตอบว่า คู่ละ 140,000 บาท แต่ลดได้เหลือคู่ละ 120,000 บาท ตนเองจึงต่อรองเหลือ 100,000 บาท ซึ่งทางผู้ขายก็ยินยอมแล้วบอกให้โอนเงินให้ก่อน โดยทางตนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร เพราะทำเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ในวันนั้นไม่สามารถโอนเงินผ่านบัญชีได้ครบจำนวน เนื่องจากบัญชีธนาคารที่มีอยู่มีการจำกัดจำนวนเงินที่ให้โอนในแต่ละวัน ตนจึงโอนไป 50,000 บาท ซึ่งก็ทำให้ผู้ต้องหาโทรศัพท์มาหาตนหลายครั้ง เพราะต้องการให้ตนโอนเงินให้ครบทันที ตนจึงเกิดความสงสัย ก็เลยให้เพื่อนที่อยู่ในแวดวงพระเครื่องที่อำเภอหาดใหญ่ ตรวจสอบบุคคลตามหน้าเฟสบุ๊คว่ามีจริงหรือไม่ แล้วก็ได้รับคำยืนยันว่ามีตัวตนอยู่จริง เป็นคนดี มีชื่อเสียงในแวดวงพระเครื่อง เชื่อถือได้ ดังนั้นตนจึงเล่าให้เพื่อนฟังถึงพฤติกรรมของคนที่ตนติดต่อขอเช่าเครื่องรางแพะตามที่ปรากฏบนหน้าเฟสบุ๊ค ครั้นพอสืบที่มาที่ไปและทางเพื่อนได้ทำทีเป็นติดต่อขอจ่ายเงินสด จึงได้รู้ว่าเฟสบุ๊คของเซียนพระชื่อดังนั้น ถูกนายธนพลฯ แฮ็กไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพื่อนำไปหลอกต้มตุ๋นบุคคลอื่นๆ จึงได้เข้าแจ้งความไว้ต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองสมุทรสาคร และทางด้านของเซียนพระชื่อดังในอำเภอหาดใหญ่ที่ถูกแฮ็กเฟสบุ๊คนั้น ก็ได้เข้าแจ้งความไว้แล้วเช่นเดียวกัน
สอบสวนผู้ต้องหารับสารภาพว่า เป็นแฮกเกอร์ที่เข้าไปแฮกเฟซบุ๊กเซียนพระชื่อดังจริง โดยตนเองนั้นเรียนจบเพียงแค่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ไม่มีความรู้เรื่องพระเครื่องใดๆ และไม่มีพระเครื่องรุ่นดังอยู่ในมือเลยแม้แต่องค์เดียว แต่ด้วยความที่ชอบเล่นเกมส์ออนไลน์ จึงได้เรียนรู้วิธีการแฮ็กข้อมูลทางเฟสบุ๊ค ซึ่งตนจะเข้าไปส่องเฟสบุ๊คของเซียนพระก่อน แล้วค่อยๆ แฮ็กเข้าไป หากของใครที่ไม่มีการป้องกันไว้ก็จะทำได้สำเร็จ จากนั้นก็จะนำไปหลอกต้มตุ๋นพวกที่ชอบเช่าพระเครื่องตามเฟสบุ๊ค โดยจะไปหาภาพจากอินเตอร์เน็ต เน้นเป็นเกจิชื่อดัง พระเครื่องหายาก และเครื่องรางของขลังต่างๆ แล้วก็นำมาโพสต์ในเฟสบุ๊ค เมื่อมีคนติดต่อเข้ามาก็จะบอกขายในราคาที่ต่ำกว่าท้องตลาดหรือที่บอกขายกันทั่วไป ซึ่งก็มีบุคคลหลงเชื่อหลายราย ได้เงินมาแล้วไม่ต่ำกว่า 2 แสนบาท ส่วนเงินที่ได้มาก็จะนำไปเล่นพนันออนไลน์ และใช้จ่ายในชีวิตประจำวันโดยไม่ต้องทำงาน ส่วนบัญชีและบัตรเอทีเอ็มที่ใช้ก็เป็นชื่อบุคคลอื่น ที่หลอกให้เพื่อนช่วยเปิดมาให้
พ.ต.ท.พงษ์ศิริ เก่งนอก รอง ผกก.(สส) สภ.เมืองสมุทรสาคร เปิดเผยว่า ผู้ต้องหารายนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจตามไปจับกุมตัวได้ในบ้านเช่าแห่งหนึ่งย่านจังหวัดสตูล ซึ่งจากการตรวจสอบพบมีหมายจับในข้อหาฉ้อโกงทรัพย์อยู่แล้วถึง 3 หมายด้วยกัน ทั้งนี้หากผู้ใดที่สงสัยว่าจะถูกหลอกลวง ด้วยการโอนเงินให้ผู้ต้องหารายนี้ในลักษณะดังกล่าว ก็สามารถมาติดต่อขอดูตัวได้ที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร และแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติม ส่วนบุคคลที่มีชื่อตามบัญชีธนาคารที่ผู้ต้องหาใช้ในการให้ผู้เสียหายโอนเงินมาให้นั้น จะต้องเรียกมาสอบปากคำว่ามีส่วนรู้เห็นกับการกระทำความผิดในครั้งนี้ด้วยหรือไม่ แต่จากการตรวจสอบเบื้องต้น ยังไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องด้วยแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ติดตามข่าวได้จากลิ้งค์นี้เลยครับ
http://www.matichon.co.th/news/457192
|
|