(N)
ผู้ทรงศีล
หลับตานั่งสมาธิอยู่ริมน้ำ
ยินเสียงดิ้นรนบนผิวน้ำ
...ก็ลืมตาขึ้น
เห็นแมงป่องตกน้ำป๋อมแป๋ม
ท่านจึงใช้มือช้อนมันขึ้นมา
ขณะนั้นแมงป่องก็ชูหางขึ้น
แล้วต่อยตรงลงไปที่มือท่าน
ท่านปล่อยแมงป่องลงที่ฝั่ง
แล้วหลับตาทำสมาธิต่อ
ผ่านไปสักครู่ก็ได้ยินเสียงอีก
ลืมตาขึ้น เห็นแมงป่องตัวเดิม
ตกลงไปในน้ำอีกครั้งหนึ่ง
ก็เอามือช้อนมันขึ้นมาอีก
แน่นอน..
แมงป่องต่อยไปที่มือท่านอีก
ท่านก็หลับตาทำสมาธิต่อ
..ผ่านไปสักครู่ก็เกิดขึ้นซ้ำอีก
ชาวประมงที่อยู่ข้างๆก็พูดขึ้น
"ทำไมช่างโง่จัง ไม่รู้หรือว่า
แมงป่องมันต่อยคน?"
ผู้ทรงศีลตอบว่า
"รู้..โดนมันต่อยสามครั้งแล้ว"
ชาวประมงพูดว่า
"แล้วท่านทำไมยังจะช่วยมันอีก"
ผู้ทรงศีล
"การต่อยเป็นสัญชาตญาณของมัน
แต่ความเมตตา เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
เป็นสัญชาตญาณของเรา"
"สัญชาตญาณของมัน
ไม่สามารถมาเปลี่ยน
สัญชาตญาณของเรา"
ขณะนั้นเอง
ก็ได้ยินเสียงดิ้นรนในน้ำอีก
แมงป่องตัวเดิมนั่นแหละ
ท่านไม่รีรอเตรียมที่จะนำมือ
ที่บวมเป่งยื่นไปช่วยมันอีก
ชาวประมงส่ายหัว
แล้วยื่นกิ่งไม้แห้งให้กับผู้ทรงศีล
ท่านจึงใช้ไม้ช้อนแมงป่องขึ้นมา
ชาวประมงยิ้มและพูดว่า
"ความเมตตานั้นดีนะท่าน
ในเมื่อมีเมตตาต่อแมงป่อง
ก็ต้องมีเมตตาต่อตัวเองด้วย
ฉะนั้นความเมตตาในตัวเอง
ต้องมีวิธีการของความเมตตา"
ต้องดูแลตัวเองให้ดีเสียก่อน
ถึงจะมีสิทธิไปช่วยผู้อื่นพ้นทุกข์
นิทานเรื่องนี้ผมชอบมาก
ทำให้ได้คิดถึงประโยคหนึ่ง
ที่ผู้คนสมัยนี้มักชอบพูดกัน
"เดี๋ยวนี้จะทำตัวเป็นคนดีนั้นยาก"
ใช่แล้ว สัญชาตญาณของคนดี
คือ ..ทำความดี..
แต่ผู้ถูกช่วยอาจจะไม่ใช่คนดี
และผลของการช่วยคนที่ไม่ดี
ก็อาจจะไม่เกิดผลที่ดีได้
แล้วทำไมจึงเป็นเช่นนี้?
เหมือนกับชาวประมงพูดไว้
"เมตตาต้องมีวิธีการของมัน"
"ความเมตตานั้นดี
ในเมื่อจะเมตตาต่อแมงป่อง
ก็ต้องเมตตาต่อตัวเองด้วย"
ในความเป็นจริงกำลังเตือนเรา
ต้องรู้จักรับผิดชอบต่อตัวเองก่อน
ถึงจะสามารถรับผิดชอบต่อผู้อื่น
ได้อย่างแท้จริง
คนที่รับผิดชอบต่อตัวเองไม่ได้
แล้วคิดจะไปรับผิดชอบต่อผู้อื่น
จะเป็นไปได้ไหม?
ดูแลตัวเองให้ดีก่อนสิ
ถึงจะมีสิทธิ์ไปดูแลผู้อื่น
และประโยคนี้ก็ชอบมาก
"สัญชาตญาณของแมงป่อง
นั้นต่อยคน แต่ของเราคือความเมตตา
สัญชาตญาณของมันจะไม่สามารถมา
เปลี่ยนสัญชาตญาณของเรา"
"ความเมตตานั้นดี
ในเมื่อจะเมตตาต่อแมงป่อง
ก็ต้องเมตตาต่อตัวเองด้วย
และต้องมีปัญญาด้วย"
จะไม่ให้ความเลวของผู้อื่น
มามีอิทธิพลกับความดีของเรา
จะไม่ยอมให้การกระทำและวาจา
ของผู้อื่นมามีผลต่อจิตใจ
และการกระทำของเรา
ผู้มีปัญญาสามารถควบคุมอารมณ์
ด้วยสติปัญญาของตัวเองได้
ผู้เขลาปัญญา อารมณ์ของตนจะขึ้น
อยู่กับพฤติกรรมและวาจาของผู้อื่น
จงอย่าทอดทิ้งความดีของเรา
เพราะความเลวของผู้อื่น
-------
Cr: Coach Tommy Nattakorn Ongsuntronchai |