(N)
เรื่องเล่าชาวจีพระ
อัครเดช หนุ่มใหญ่นายหนึ่งได้ไปส่งภรรยาที่วัดเพราะภรรยาของอัครเดชนั้น
เข้าวัดฟังธรรมเป็นประจำเมื่อมีโอกาส ครั้งนี้ภรรยาก็ชักชวนอัครเดชให้ลองเข้าร่วมฟังพระแสดงธรรมด้วย
นี่คุณ วันนี้ก็ว่างไม่ได้ไปไหน ลองเข้าฟังพระธรรมเทศนากับฉันดูสักครั้งเป็นไรล่ะ
ก็ได้ครับคุณ อัครเดชตอบรับ คิดว่าวันนี้ก็ว่างไม่ได้ไปไหนน่าจะได้อะไรดีๆกลับไปบ้าง
ระหว่างหลวงพ่อแสดงธรรม ทุกคนพนมมือตั้งใจฟัง ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเงียบสงบ
หลวงพ่อที่เทศน์อยู่นั้น ได้แสดงคำสอนของพระพุทธเจ้า ด้วยน้ำเสียงน่าฟัง ชัดเจน และแสดงข้อคิด
ชี้ให้เห็นถึงเรื่องการทำความดี ทำดีได้ดี การอยู่ร่วมกันของสังคม ว่าต้องรู้จักวางตนอย่างไร
ซึ่งทุกอย่างก็ล้วนแต่เรื่องราวดีๆ ที่สามารถเก็บเอามาเป็นข้อคิด และนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างดีทีเดียว
หลวงพ่อก็แสดงธรรมด้วยน้ำเสียงอันนุ่มนวลน่าฟังเป็นอย่างยิ่งต่อไปเรื่อยๆ
สาธุชนร่วมฟังธรรมกันอย่างตั้งอกตั้งใจ ท่ามกลางความเงียบของผู้มาฟังธรรมทั้งหลาย
ทันใดนั้นเสียงสัญญาณโทรเข้าของโทรศัพท์มือถือดังกังวานขึ้น
โอว นั่นมันบั๊กแตงโม...โอ..นั่นมันบั๊กส้มโอ..โอวนั่นมันบั๊กพร้าวน้ำหอม........ฯ
ทุกคนหันมาทางอัครเดช รวมทั้งภรรยาของอัครเดชที่ที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็มองมาด้วยสายตาเกรี้ยวกราด
มันเป็นสัญญาณเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์มือถือของอัครเดชนั่นเอง อัครเดชลนลาน
รีบปิดโทรศัพท์มือถือ และด้วยท่านั่งพับเพียบและโทรศัพท์อยู่ในกระเป๋ากางเกง
เสียงเรียกเข้าจึงดังอยู่นานพอสมควรทีเดียว หลวงพ่อที่เทศน์อยู่เงียบเสียง
และหันมองมาทางอัครเดชด้วยสายตาเย็นชา หลังจากอัครเดชปิดเสียงแล้ว หลวงพ่อจึงเริ่มเทศน์ต่อ
การอยู่ร่วมกันในสังคมนั้น ควรรู้จักการปฏิบัติตน ไม่ควรทำให้ตนเองนั้นดูเป็นคนที่น่ารังเกียจ
อัครเดชหน้าชา วางตัวไม่ถูก ทุกคนหันมามองอัครเดช เหมือนตัวประหลาดอะไรที่หลงเข้ามายังไงยังงั้น
แล้วพ่อก็แสดงธรรมเทศนาต่อไปอีกยืดยาวจนจบ
ขากลับจากวัด ตั้งแต่ลงศาลามา ภรรยาอัครเดชได้เข้ามาต่อว่าอัครเดชเป็นการใหญ่
คุณนี่โตเสียเปล่า ทำไมเข้าสังคมที่เขาฟังเทศน์หรือประชุมกันอยู่ ไม่รู้จักปิดโทรศัพท์มือถือ
อัครเดชมองหน้าภรรยา
ผมขอโทษคุณ ผมลืมจริงๆ
ภรรยาอัครเดชตาขวางใส่
รู้มั้ยฉันอายเขาแค่ไหน ทุกคนหันมามองกันใหญ่ ฉันไม่น่าชวนคุณขึ้นมาเลย
หลังจากกลับถึงบ้าน ภรรยายังไม่ยอมเลิกรา ต่อว่าต่อขานอัครเดชต่ออีก อัครเดชเสียใจมาก
ตกเย็นเขาต้องระเห็จออกจากบ้าน เขาแวะไปที่บาร์เหล้าแห่งหนึ่ง สั่งเบียร์มานั่งดื่มด้วยความเสียใจ
เขาดื่มหมดไปสองขวด สั่งต่อขวดที่สาม เขารินเบียร์ขวดที่สามด้วยใจที่รู้สึกเสียใจ เสียงเทศน์ที่หลวงพ่อ
เทศนาเรื่องการอยู่ในสังคม ตลอดจนคำต่อว่าต่อขานจากภรรยามันก้องอยู่เต็มสองหู
เพล้ง.. อัครเดชทำขวดเบียร์หลุดมือแถมแก้วเบียร์บนโต๊ะก็ถูกมืออัครเดชปัดร่วงลงพื้น
พนักงานร้านหลายคนต่างรีบเดินมาที่โต๊ะอัครเดช
อัครเดชรีบกล่าว ขอโทษด้วยครับ มันหลุดมือ ผมใจลอยไปหน่อย
พนักงานรีบบอก ไม่เป็นไรค่ะ คุณยกเท้าขึ้นหน่อยนะคะ เดี๋ยวหนูจะเช็ดและกวาดพื้นให้นะคะ
พนักงานชายรีบเข้ามาเก็บเศษแก้ว เศษขวดออกไป พนักงานหญิงก็เช็ดถู หน้าตายิ้มแย้ม
ไม่นานนักผู้จัดการก็เดินถือเบียร์ขวดใหม่เข้ามาหาอัครเดช พร้อมกล่าวว่า
ดื่มเบียร์ให้มีความสุขนะครับ พร้อมหันไปสั่งพนักงานให้นำแก้วแช่เย็นใบใหม่มาให้ด้วย
อัครเดชยิ้มให้ผู้จัดการพร้อมกล่าว
ผมต้องขอโทษด้วยนะครับ ที่ทำเรื่องวุ่นวาย
ผู้จัดการยิ้มให้แล้วกล่าวตอบ
ไม่เป็นไรครับ อุบัติเหตุเกิดขึ้นได้เสมอ แต่หากเราสามารถจัดการให้มันคืนสภาพได้ เราก็มีความสุขร่วมกันได้แล้วครับ
อัครเดชยิ้มหลังจากผู้จัดการได้เดินออกจากโต๊ะไป อัครเดชจิบเบียร์เย็นๆลงคอพร้อมรำพึง
กรูจะมาแต่บาร์เหล้า..ไม่เข้าวัด
คำท้ายเรื่อง
****** การสอนให้คนปฏิบัติในเรื่องดีๆให้ถูกต้องด้วยการชี้หรือว่ากล่าวให้ได้รับความอับอาย
อาจไม่สามารถบรรลุให้คำสอนนั้นสำเร็จได้
******ต่างกับการเอาอกเอาใจ เยินยอเพื่อให้บุคคลทำในสิ่งไม่ดี หากการเอาอกเอาใจเยินยอนั้น
สร้างความประทับใจอย่างเพียงพอ ภารกิจนั้นก็จะสำเร็จสมประโยชน์ได้
อามิตตาพุทธ |