(N)
ทำไมไม่ถอยรถยุโรปสักคัน?
น้องที่สนิทกันถามขึ้นมาขณะดื่ม
เมื่อประมาณปีก่อน
ผมยิ้มให้...
ยิ้มไรพี่นี่พูดจริงๆนะ(เค้าถาม)
พี่ขับได้สบายๆ
ผ่อนสบายๆ
ผมยิ้มอีกที
แล้วนึกไปถึงพี่ชายของเพื่อน
เมื่อ5ปีก่อน
เค้าชื่อพี่ดอม
เค้าเป็นคน
โคตรจะมัธยัสถ์
พี่ดอมเคยเป็นพนักงาน
หาเงินได้เดือนละหมื่นต้นๆ
จนปัจุบันตอนที่คุย ณ ตอนนั้น
เดือนละ2-300,000
ผมก็บอกพี่ชอบBenzไม่ใช่ไง
ทำไมไม่เอาล่ะผ่อนเดือน6-70,000เอง
เงินพี่เหลือๆหว่ะ(ผมพูด)
เค้ายิ้มให้ผม....
เฮ้ยเอาจริงๆ
พี่ขับก็ขับได้แล้ว(ผมพูดซ้ำ)
เค้ายิ้มให้ผมอีกที....
จนเค้าทำผมรู้สึกว่าผม
เป็นพวกฟุ่มเฟือย
ผมเลยบอกว่า.....
ไม่ใช่นะพี่!
ชีวิตมีไว้ใช้ป่ะว่ะพี่?
ถ้าหาเงินแล้วไม่ใช้
ตายไปเสียดาย
เค้าหัวเราะ....
พร้อมพูดว่า....
ใช่! น่าเสียดาย
เค้าสูงพอกับผม
เค้าเอาแขนซ้ายโอบไหล่ผม
พร้อมชี้มือขวา
ไปที่ตึกที่กำลังสร้าง....
นายเห็นตึกที่กำลังสร้างนั่นป่ะ?
ตึก100ชั้นนั่นเหรอ(ผมถาม)
ไอ้ห่า 10กว่าชั้นเว้ย(เค้าพูดสำเนียงฮาๆ)
ผมยิ้ม(เพราะพูดเล่นๆ)
มึงว่าเค้าติดwallpaperก่อน
หรือเค้าวางเสาเข็มก่อนว่ะ?
ผมตอบก็เสาเข็มดิ!
แล้วถ้ามึงจะสร้างบ้านตัวเอง
มึงจะจ้างให้ช่างลงเสาก่อน
หรือจ้างคนมาติดWallpaperก่อน?
จะบ้าเหรอ?
ไม่ลงเสา ไม่ก่ออิฐ
ไม่ฉาบกำแพง
บ้านยังไม่เสร็จ ปูนยังไม่แห้ง
จะติด wallpaper
ได้ไง(ผมพูดกวนๆไป)
เค้าหัวเราะลั่นออกมา
แล้วพูดว่า...
เออ...นั่นสิ!
แล้วพี่จะคิดถึงwallpaperได้ยังไง?
ในเมื่อโครงสร้างตึกพี่ยังไม่เสร็จเลย(เค้ายิ้ม)
แล้วเอ็งล่ะ
กำลังติดwallpaper
บนอากาศหรือเปล่า?(เค้าถามผม)
ผมกลืนน้ำลายเฮือก
คำพูดของคำเป็นธรรมดาๆ
ที่แทงลึก
ตอนนั้น
ผมหาเงินได้เดือนละแสน
มีร่วม200,000ในบางเดือน
ผมกล้าพูดว่า...
ผมเป็นวัยรุ่นอายุ20ต้นๆที่มีความสุข
แต่หลังประโยคที่พี่ดอมพูด
ผมนึกในใจ
"อะไรคือโครงสร้างของกู?"
ผมมองไปที่รถของผม
ผมซื้อโครงมันมาไม่กี่แสน
ผมแต่งเพื่อให้
มันเป็นรถที่แรงและสวยไปรวมเป็นล้าน
ผมหมดค่าปรับแต่ง
เพราะถ้าใครเล่นรถพวกนี้จะรู้ว่า
นอกจากมันจะอยู่กับช่างมากกว่าอยู่กับเรา
มันจะมีอะไรให้ต้องทำเพิ่ม
เดือนละเป็นหมื่นๆ
ในทุกเดือน
ผมมองไปที่ของฟุ่มเฟือยที่มี
ผมมีครบหมดที่คนควรจะมี
แต่ผมก็เริ่มพบความจริงว่า...
ชีวิตผมไม่มีโครงสร้างอะไรเลย
เสาเข็มก็ไม่มี
อิฐก็ไม่มี หลังคาก็ไม่มี
มีแต่ไม้อัดตั้งอยู่กลางแจ้ง
และผมก็เอาแต่ใช้เงินซื้อwallpaper
สวยๆมาติด
ผมใช้เงินไปกับการติดwallpaper
บนไม้อัด ที่ไม่มีหลังคา
ผมคิดว่ามันสวยงาม
ใช่มันสวย ผู้คนชื่นชม
และยิ่งผู้คนชื่นชม
เยินยอ
ผมก็ยิ่งติดwallpaper มากขึ้น
ทำให้คนรู้ว่าชีวิตผมสวยงาม
แต่เมื่อวันนึง
ที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ
จริงๆไม่สิ
ปีนึงเลยมากกว่า!
ปี54 น้ำท่วม
และtsunamiเข้าที่ญี่ปุ่น
ผมขายรถไม่ได้ร่วม8เดือน
รายได้ไม่เข้า8เดือน
วันนั้นwallpaperที่ติดบนไม้อัด
เริ่มถูกฝนตกใส่
เริ่มแสดงความยุ่ยเละออกมา
ไม่อัดที่เป็นโครงแข็งแรง
เริ่มผุพังลงมา
เหลือแต่เศษศากบนพื้น
ทุกอย่างบนอากาศว่างเปล่า
ไม่มีใครมองเห็น
ผมหาเงินได้3ล้านกว่า
ใน2ปีแรกที่ทำงาน
แต่ผมเหลือเงินแค่6แสน
แต่ผมต้องใช้ชีวิตและดูครอบครัว
เป็นเวลาอีก8เดือน
ผมเริ่มคิดว่าก่อนหน้านั้น2ปี
ผมเป็นนักศึกษาคนนึงได้เงิน
ไปเรียนแต่อาทิตย์ละ1,300
ไม่ได้อวดใคร
ผมก็อยู่ได้
ผมเริ่มแยกความจริงอะไรบางอย่าง
ในชีวิตออก
ผมเริ่มตระหนัก
ผมเริ่มนึกถึงคำของพี่ดอม
ที่จริง
ผมไม่ได้สร้างรากฐานอะไรเลย
ผมเอาแต่ติดwallpaper
บนไม่อัดกลางแดด!
มีแต่ความสวยงาม
แต่ไม่มีความมั่นคงสักนิด
เมื่อมีลม หรือฝน
ทุกอย่างก็พร้อมจะพังลงมา
เมื่อเหตุการณนี้ผ่านไป
ผมโชคดีที่ไม่ได้เป็นหนี้อะไร
แต่มันก็แทบไม่เหลืออะไรเลย
ผมจำได้เหลือตังค์ไม่กี่หมื่น
ทั้งที่เคยหาตังค์ได้หลายล้าน
นี่คือบทเรียนชีวิตชิ้นใหญ่
หลังวิกฤติผมตัดใจขายรถคันนั้น
ก่อนหน้านั้นผมกำลังมองว่า
ผมชอบรถมาก
และผมจะออกรถยุโรปอย่างที่ใจอยาก
แต่เหตุการณ์กับคำพูดพี่ดอม
มันทำให้ผมมองโลกใหม่
"เป้าหมายทุกอย่าง"
"ผมยังเอาเหมือนเดิม"
"สิ่งที่อยากได้ก็ต้องเอาในชาตินี้"
"แต่ทุกครั้งผมจะคิดว่า...."
"โครงสร้างต้องมาก่อน"
"ผมไม่เอาแล้วชีวิตแบบเสาเข็มไม่มี"
"แต่ตกแต่งอย่างดี
sofaอย่างดี
ทีวีอย่างดีพรมอย่างดี
wallpaperอย่างดี
แต่ไม่มีหลังคา"
"ไม่เอา"
"เอาโครงก่อน"
"ถ้าโครงสร้างเสร็จ"
"จะตกแต่งก็ไม่ว่ากัน"
"ถือว่าให้ความสุขชีวิต"
"วันนั้นจะใช้สุดก็ไม่ว่ากัน"
ผมยึดหลักนี้
แม้ตอนหลังผมจะกลับมา
มีรายได้เท่าเดิมในปีต่อมา
และมากกว่าเดิมในปัจจุบันแล้ว
ผมก็ไม่ได้ซื้อรถยุโรป
อย่างที่คิดตอนแรก
"ผมไม่ใช่อดแบบไม่มีเหตุผล"
"แต่ผมรู้ว่าอดใจไปเพื่ออะไร?"
"ผมเคยรู้แล้วว่าติดwall กลางแจ้งเป็นยังไง"
และผมรู้ว่าอะไรสำคัญที่สุด ณ ตอนนี้
ผมมักชอบเดินหรือขับรถเล่น
ไปตามที่มีการก่อสร้างต่างๆ
เพราะมันทำให้ผมเข้าใจชีวิต
เวลาที่ผมเห็นตึกสร้างอยู่
ยิ่งตึกไหนสร้างเร็วๆ
ผมแทบจะไม่เห็นความสวยงามอะไรเลย
นอกจากโครงไม้เหล็กและปูน
มันเลอะเทอะและไม่สวยอยู่พักใหญ่
ไม่มีอะไรน่ามอง
จนมันสูงเต็มขนาด
จนวันที่เหล็กค้ำยันต่างๆ
ถูกถอดจากตึก
เมื่อตึกอยู่ได้ด้วยตัวเอง
หลังจากนั้นก็เริ่มมีสีสวยงาม
มีหน้าต่างประตู
มีการตกแต่ง
"และก็ตามมาด้วยWallpaper"
"และก็ตามมาด้วย
ความสุขของผู้อยู่อาศัย"
พี่ๆ
"ไม่เอาเหรอพี่(น้องถาม)
"ผมหลุดจากสิ่งที่คิด"
"มาจดจ้องกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
คือน้อง"
น้องเปิดรูปรถคันหนึ่งซึ่งเป็นรถที่ผมชอบ
แล้วส่งรูปwallpaper รถคันนั้น
เข้าLineผม"
ผ่อนเดือนแสนหน่อยๆเอง
พี่สบายๆอยู่แล้ว
เอาป่าวๆๆไปดูกัน(น้องคะนั้นคะยอ)
ผมนึกชั่วครู...
ก่อนตอบ.....
เอาสิ.....
เมื่อตึกเราเสร็จเมื่อไหร่
แน่นอน....
วั้นนั้น...
"เราจะไปสั่งWallpaperกัน😊" |