ร่วมเสนอความคิดเห็น

หัวข้อกระทู้ : ช่วยกันเชียร์หน่อยครับ



(N)


วิว…สู้ๆๆๆๆๆๆๆ

โดยคุณ nua550 (583)  [จ. 05 ส.ค. 2567 - 13:03 น.]



โดยคุณ goods (2K)  [จ. 05 ส.ค. 2567 - 18:40 น.] #4030713 (1/11)
เมื่อวานอินเดีย เซ็ตแรก เกือบทำได้นำตั้ง 6 คะแนน โดน เดนมาร์กแซงชนะเฉย คู่แข่งของวิว น่ากลัว ทั้งสูงทั้งยาว เป็นกำลังใจให้เหรียญทองแรกของไทยครับ สู้ๆน้องวิววว

โดยคุณ kwwee (2.6K)  [จ. 05 ส.ค. 2567 - 18:44 น.] #4030714 (2/11)
ในปี 2013 คุณแม่ของวิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์ เดินทางมาที่โรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด เพื่อเข้าพบกับ "แม่ปุก" กมลา ทองกร เจ้าของโรงเรียน จุดประสงค์คือมาขอทุน ให้ลูกชายได้เป็นนักกีฬาในการดูแลของบ้านทองหยอด
ณ เวลานั้น บ้านทองหยอด เพิ่งจะปั้นเมย์-รัชนก อินทนนท์ (18 ปี) เป็นแชมป์โลกคนแรกของประเทศไทย ดังนั้นนักแบดมินตันเยาวชนคนไหนที่อยากไปไกลถึงระดับโลก ก็จะคิดถึงบ้านทองหยอดเป็นที่แรกๆ
บ้านทองหยอด คือโรงเรียนแบดมินตันเอกชน ที่จะดูแลนักกีฬาประมาณ 50 คน โดยจะออกทุนให้ทุกอย่าง ทั้งทีมโค้ช, เวทเทรนเนอร์, นักวิทยาศาสตร์การกีฬา, ค่าเครื่องบินเดินทางไปแข่งต่างประเทศ, ค่าอุปกรณ์แบดมินตัน ฯลฯ ดังนั้นถ้านักกีฬาคนไหน ได้อยู่ในโรงเรียน จะสามารถโฟกัสที่การแข่งได้อย่างเต็มที่
โค้ชเป้-ภัททพล เงินศรีสุข อดีตนักกีฬาทีมชาติ ลูกชายคนโตของกมลา-เจ้าของโรงเรียน ที่อนาคตจะกลายเป็นโค้ชคู่ใจของกุลวุฒิเล่าว่า
"ผมรู้จักวิวมานานแล้ว เพราะเขาคือเด็กที่เก่งที่สุดในประเทศตอนนั้น สุดเขต ประภากมล เคยบอกว่า 'เด็กคนนี้มีพรสวรรค์ น่าเอามาส่งเสริม' แต่ตอนนั้น ผมก็ทำอะไรไม่ได้ เพราะน้องเขามีสังกัดอยู่แล้ว คือสโมสรแบดมินตันอมาตยกุล เราก็เลยได้แต่จับตาดูอยู่ห่างๆ พอวันนั้นตัวน้องอยากย้ายมาอยู่บ้านทองหยอด เราก็เลยดีใจ"
"โมเมนต์แรกที่ผมเจอน้องวิว เขานั่งรออยู่ที่คอร์ตแบดมินตัน เพราะคุณแม่ของวิว คุยกับคุณกมลาอยู่ที่ออฟฟิศ ผมก็เลยเดินไปคุยกับเขา แล้วถามว่า 'ทำไมอยากย้ายมาบ้านทองหยอดล่ะ' คำตอบของวิวคือ 'ผมอยากเป็นแชมป์โลก อยากเป็นมือหนึ่งของโลก ผมอยากเป็นเหมือนพี่เมย์' คือ ณ เวลานั้น นักกีฬาแบดมินตันทุกคนชาย-หญิง ก็มีเมย์-รัชนก เป็นแรงบันดาลใจกันทั้งนั้น"
สุดท้ายคุณกมลา ก็รับวิว-กุลวุฒิ มาเป็นนักเรียนของบ้านทองหยอด และให้ทุนเต็มรูปแบบ
นี่เป็น Win-Win Situation นักกีฬาได้อยู่ในโรงเรียนที่มีมาตรฐานสูงสุด ส่วนบ้านทองหยอดก็ได้ดาวรุ่งพรสวรรค์มาอยู่ในการดูแล
เมื่อย้ายมาปั๊บ วิว ไล่ถล่มเด็กรุ่นเดียวกันขาดลอย ตอนอายุ 12 ปี ก็ไม่มีเด็ก 12 คนไหนสู้ได้ พออายุ 13 ก็เอาชนะเด็ก 13 สบายๆ แต่ปัญหาคืออ วิวยังไม่ดีพอที่ข้ามรุ่น ไปชนะเด็กที่อายุมากกว่า 3-4 ปีได้
โค้ชเป้เล่าว่า "วิวเป็นคนมีเทคนิค และมันสมองที่เก่งกว่าเด็กรุ่นเดียวกัน ถ้าคนไม่เคยดูแบดมินตัน อยากให้นึกถึงโรเจอร์ เฟเดอเรอร์ นั่นคือวิวจะเล่นฉลาด และเลือกช็อตได้ถูกต้องเสมอ"
"แต่สิ่งที่วิวยังขาดไป คือเรื่องสภาพร่างกาย ณ เวลานั้น เขายังไม่รู้จักวิทยาศาสตร์การกีฬา เขาเป็นเด็กที่เจ้าเนื้อหน่อย ไม่ดูแลตัวเองดีพอ ดังนั้นเราก็ต้องค่อยๆ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ทั้งการกิน การใช้ชีวิต และการซ้อมของน้องเขา"
"เขาเป็นเฟเดอเรอร์โดยธรรมชาติ แต่เราก็อยากให้มีความแข็งแรงแบบราฟาเอล นาดาล ผสมด้วย"
หลังจากอยู่บ้านทองหยอด 2 ปี วิวเก่งขึ้น และแกร่งขึ้น ในวัย 15 วิวติดเยาวชนทีมชาติไปแข่งที่ประเทศสเปน แต่แพ้รอบ 16 คนสุดท้าย
จากนั้นพออายุ 16 ปี เขาได้แชมป์เยาวชนโลกครั้งแรกที่อินโดนีเซีย พออายุ 17 ปีได้แชมป์เยาวชนโลกครั้งที่สองที่แคนาดา และพออายุ 18 ได้แชมป์เยาวชนโลกครั้งที่สามที่รัสเซีย
แชมป์เยาวชนโลก 3 สมัยซ้อน นั่นทำให้กุลวุฒิพร้อมแล้ว ที่จะกระโดดมาสู่นักกีฬาอาชีพในวัย 19 ปี
โค้ชเป้ เล่าให้ฟังว่า ในการปั้นกุลวุฒิให้เป็นซูเปอร์สตาร์นั้น โรงเรียนบ้านทองหยอด ทำอย่าง "ใจเย็น" ไม่เร่งรัด ไม่กดดันเด็ก เพราะพวกเขาเคยมีบทเรียนมาแล้วในสมัยเมย์-รัชนก
"การที่เมย์เก่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว ได้แชมป์เยาวชนโลกตอน 14 และแชมป์โลกตอน 18 เพราะเราโฟกัสที่เขาคนเดียว ทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามี เพื่อป้อนให้น้องเมย์เต็มแม็กซ์ คือจริงอยู่ น้องเขาประสบความสำเร็จเร็ว แต่สิ่งที่เราไปสร้างให้นักกีฬาโดยไม่รู้ตัวคือภาวะความกดดัน"
"เด็ก 18 ต้องมารับความคาดหวังทุกอย่างคนเดียว โดนแรงกดดันจากโค้ช และโดนแรงกดดันจากทุกคนให้ต้องชนะ ชนะ ชนะ มันเลยปลูกฝังความเครียดให้น้องเมย์ตั้งแต่นั้น เมื่อต้องเจอสภาวะกดดันตอนโต เมย์จึงรับมือมันไม่ค่อยดี"
"เราเองก็ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาด จากกรณีของเมย์ เราก็ได้บทเรียน ในการสอนนักกีฬาว่า ควรจะค่อยๆ เพิ่มความกดดันให้ผู้เล่นทีละขั้น ให้เขาเติบโตไปตามจังหวะ ไม่ใช่โยนตูม ทุกสิ่งทุกอย่าง มันจะมีผลต่อจิตใจเขาในระยะยาว"
"ผมจึงได้เข้าใจว่า คนเราจะแข่งอะไรก็แข่งได้นะ แต่แข่งกับธรรมชาติไม่ได้ เด็กอายุ 14 เราก็ต้องปล่อยให้เขาสนุกในแบบของเขา"
ตัวอย่างที่โค้ชเป้ อธิบายให้เห็นภาพชัดเจน เช่น บทสนทนาก่อนแข่ง เวลาเมย์บอกว่าเครียด โค้ชเป้จะตอบว่า "เมย์จะเครียดทำไม?" ซึ่งคำพูดแบบนี้ ไม่ได้ช่วยให้นักกีฬาลดความเครียดลงเลย
พอมาเคสของวิว ถ้าวิวบอกว่าเครียด คราวนี้โค้ชเป้จะรู้แล้วว่า ต้องพูดอย่างไร เขาจะบอกว่า "ถ้าเครียดก็ปล่อยให้ตัวเองเครียดไปเลยนะ สบายๆ เดี๋ยวมันก็ผ่านไป วันนี้ลงไปสนุกกับเกมกันดีกว่า"
ประโยคที่เป็นคีย์พอยต์สำคัญ จากโค้ชเป้ก็คือ "ตอนเมย์พุ่งขึ้นมา เรายังไม่มีองค์ความรู้อะไรเลย ว่าการดูแลนักกีฬาพรสวรรค์ระดับโลก ต้องทำอย่างไร แต่พอเรามีประสบการณ์จากเคสของเมย์แล้ว ทำให้เราดูแลน้องวิวได้ดีขึ้น สามารถเข้าใจเขาได้มากขึ้นกว่าเดิม"
ดังนั้นถ้าจะบอกว่า วิวเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง ส่วนหนึ่งก็เพราะบทเรียนที่บ้านทองหยอด เคยเรียนรู้มาแล้ว จากเคสของเมย์-รัชนกนั่นเอง
สำหรับนิสัยส่วนตัวของวิว-กุลวุฒินั้น โค้ชเป้บอกว่า เขาเป็นเด็กดี ไม่ติดเที่ยว ไม่กินเหล้า ไม่สูบบุหรี่ สนใจแต่แบดมินตันอย่างเดียว และชอบเล่นเกมตามประสาวัยรุ่น ฟังดูเหมือนเพอร์เฟ็กต์ แต่โค้ชเป้ก็บอกว่า วิวมีจุดอ่อนอยู่เช่นกัน คือเรื่องโภชนาการ
"โดยพื้นฐานของวิว เขาเป็นคนชอบกิน ครั้งนึงน้องเขาบอกผมว่าอยากกินปลาแซลม่อน ผมก็โอเค แต่สุดท้าย วิวกินแซลม่อนไป 1 กิโล ผมก็แบบ เฮ้ย กินได้ แต่ไม่ใช่กินเยอะขนาดนั้น คือเราก็ต้องช่วยๆ เตือนสติน้องเขาว่า จะแข่งแล้วนะ ต้องรักษา Shape ร่างกาย ให้พร้อม อย่าปล่อยตัวเด็ดขาด"
วิว เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังจากเป็นคนไทยคนแรกในรอบ 9 ปี ที่คว้าเหรียญทองแบดมินตันชายเดี่ยวได้ในซีเกมส์ ปี 2021
จากนั้นปี 2022 เขาสร้างประวัติศาสตร์เป็นผู้ชายไทยคนแรกที่เข้าชิง แบดมินตันชายเดี่ยว ในรายการชิงแชมป์โลก แต่ไปแพ้วิคเตอร์ แอ็กเซลเซ่น จากเดนมาร์กในนัดชิง
พอเข้าสู่ปี 2023 กุลวุฒิที่อายุ 22 ปี ก็เริ่มสุกงอม ร่างกายเขาสมบูรณ์พร้อม และมีประสบการณ์มากพอ
หลังจากเทิร์นโปรเป็นนักกีฬาอาชีพ วิวประกาศไว้ว่า ความฝันสูงสุดของเขามี 3 อย่าง คือ 1) แชมป์โลก 2) เหรียญทองโอลิมปิก และ 3) แชมป์รายการแบดมินตันที่เก่าแก่ที่สุดในโลก ออลอิงแลนด์
ฝันแรกที่ไปถึงก่อน คือแชมเปี้ยนโลก ในเดือนสิงหาคมปี 2023
ทุกๆ ปี ยกเว้นปีโอลิมปิก BWF จะจัดแข่งขันศึกชิงแชมป์โลก โดยวิวเข้าชิงติดต่อกันเป็นปีที่สอง และคราวนี้ เขาไม่พลาด คว้าแชมป์ได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการโค่นโคได นาราโอกะ จากญี่ปุ่นในรอบชิงชนะเลิศ 2-1 เกม
ทุกอย่างเหมือนจะสวยงาม การได้แชมป์โลกอย่างรวดเร็วตั้งแต่อายุ 22 เขาน่าจะครองความยิ่งใหญ่ไปได้อีกนาน
แต่หลังจากได้แชมป์โลกปั๊บ อยู่ๆ กุลวุฒิ ก็ฟอร์มหลุดไปอย่างไม่คาดคิด
ส่วนหนึ่งเพราะเขาโดนอาการบาดเจ็บเล่นงานหนัก แถมยังเป็นไข้หวัดสายพันธุ์บี จนต้องนอนโรงพยาบาล เดี๋ยวป่วย เดี๋ยวหาย เหมือนพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรก
นอกจากนั้น สภาพจิตใจก็ดูมีปัญหา เพราะต้องแบกรับคำว่า "แชมป์โลก" จนเวลาเล่น ไม่เป็นตัวเอง
อันดับของเขา หลังจากได้แชมป์โลก จึงค่อยๆ ร่วงลงไป หลุดท็อป 8
เข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์ 2024 ทีมงานบ้านทองหยอด ปล่อยไปแบบนี้ไม่ได้แล้ว เพราะอีกไม่นานโอลิมปิกก็จะมาถึง ขั้นแรก พวกเขาจับวิวเข้าโปรแกรมลดน้ำหนัก 3 เดือนเต็ม จิตใจเดี๋ยวว่ากัน เอาร่างกายก่อน
เมื่อเข้าคอร์สอย่างจริงจัง น้ำหนักเริ่มลด และไม่เจออาการบาดเจ็บเล่นงานอีก วิวก็ฟอร์มกลับมา ได้เข้าชิงครั้งแรกในรอบ 7 เดือน ในรายการเฟรนช์ โอเพ่น แม้จะแพ้ ฉือ หยู่ฉี ในรอบชิงก็ตาม แต่ก็ถือว่าทิศทางดีขึ้น
วิวสภาพร่างกายโอเคกว่าเดิม และสุดท้ายได้เป็นมือวางอันดับ 8 ของโอลิมปิก ในประเภทชายเดี่ยว คือก็ยังดีกว่าหลุดท็อป 8 แล้วจะไปเจอเส้นทางที่โหดหินกว่านี้
โค้งสุดท้ายก่อนโอลิมปิกจะเริ่ม สิ่งที่ฝั่งบ้านทองหยอดกังวลที่สุด คือเรื่องจิตใจของวิวกับโอลิมปิกครั้งแรก ทุกคนกลัวว่าวิวจะคอนโทรลตัวเองไม่ได้ จนสติหลุด
ประสบการณ์ของโค้ชเป้ ที่ผ่านโอลิมปิกมาหลายครั้งรู้ดีว่า ในรายการใหญ่ที่สุดอย่างนี้ ถ้าคุณไม่นิ่งเมื่อไหร่ก็จบเมื่อนั้น
สิ่งที่โรงเรียนบ้านทองหยอดทำ คือการติดต่อไปที่ "อาจารย์ปลา" ผศ.ดร.วิมลมาศ ประชากุล นักจิตวิทยาการกีฬา ที่เทรนนิ่ง เทนนิส พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จนได้เหรียญทองโอลิมปิกที่โตเกียวมาแล้ว ให้เข้ามาช่วยทีมแบดมินตันเป็นกรณีพิเศษ
ถ้าเราเห็นเทนนิส กับ วิว มีความสนิทสนมกัน ส่วนหนึ่งเพราะพวกเขาเป็นนักกีฬาอาชีพ ที่ร่วมงานกับอาจารย์ปลาเหมือนกันนั่นเอง
นี่เป็นเรื่องที่น่าประทับใจ ที่โรงเรียนบ้านทองหยอด นำสิ่งดีๆ ที่กีฬาอื่นๆ ทำแล้วได้ผล เอามาประยุกต์ใช้กับตัวเองบ้าง
อาจารย์ปลา จะเข้ามาถามว่าอะไรที่กุลวุฒิไม่สบายใจ และเปิดพื้นที่ให้ถามอะไรก็ได้ที่ต้องการ ในยุคนี้ นักจิตวิทยาการกีฬา ถือว่ามีบทบาทอย่างมาก กับการแข่งขันในระดับ Elite ของโลก
เราจะสังเกตว่า การเตรียมตัวของกุลวุฒินั้น เข้มมาก คือถ้ารายการทั่วไป แค่เตรียมร่างกายให้พร้อมก่อนแข่งก็พอ
แต่โอลิมปิกมันต้องใส่ใจมากกว่านั้น จิตใจก็ต้องสน การเทรนนิ่งก็ต้องละเอียด เพราะเดิมพันมันเยอะ คุณแพ้ทีเดียว ตกรอบ ต้องแก้ตัวใหม่อีก 4 ปีข้างหน้า
หลังจากเตรียมตัวทุกอย่างพร้อมแล้ว ก็ได้เวลาแข่งขันโอลิมปิก กุลวุฒิอยู่ในกลุ่มซี เจอคู่ปรับที่ไม่ยาก คือ จูเลียน พอล (เมาริเชียส) และ คัลเล่ โคลโยเน่น (ฟินแลนด์)
เคล็ดลับสำคัญของเขาหนึ่งอย่างคือ "มองไปทีละรอบ" อย่าเพิ่งฝันไกลเกิน อย่าไปจินตนาการว่ารอบต่อไป จะเจอใครยังไง ชนะไปทีละเกมก่อน โดยวิวกล่าวว่า "ผมมองถึงรอบ 16 คน เอาให้ผ่านรอบแบ่งกลุ่มให้ได้ก่อน ไม่อยากเพิ่มความกดดันให้ตัวเอง"
การโฟกัสทีละนัด ได้ผลเป็นอย่างดี วิวเข้ารอบด้วยการเป็นแชมป์กลุ่ม แบบไม่เสียเกม
จากนั้นเข้าสู่รอบน็อกเอาต์ ก็เอาชนะเคนตะ นิชิโมโตะ มือวาง 12 ในรอบ 16 คนสุดท้าย ได้อย่างตื่นเต้น 2-1 เกม คือคัมแบ็กกลับมาได้ ทั้งๆ ที่แพ้เกมแรกก่อนแท้ๆ
จากนั้น กุลวุฒิ โคจรมาเจอ ฉือ หยู่ฉี มือ 1 ของโลก ในรอบ 8 คนสุดท้าย เป็นคนที่มีสถิติเหนือกว่าวิวเสียด้วย
ถ้าหากสังเกตในช่วงเสี่ยงทายเหรียญ กุลวุฒิจะเลือกฝั่งอย่างตั้งใจมาก เขาเลือกเล่น "ฝั่งเหนือลม" ในเกมแรกเสมอ ซึ่งเรื่องนี้ วิวเคยอธิบายเอาไว้ก่อนโอลิมปิกว่า
"สนามมันมีทั้งตามลมและต้านลม คุณต้องเข้าใจก่อนว่ามันคืออะไร ต้านลมคือคุณตีเท่าไหร่ ยังไงก็ไม่ออก ส่วนอีกฝั่งตีนิดเดียวก็ออก" ถ้าหากไม่ศึกษาสนามให้ถ่องแท้ มันก็คือแพ้ตั้งแต่ก่อนเกมจะเริ่มแล้ว
ในการเจอฉือ หยู่ฉี คราวนี้ วิวเตรียมตัวมาดีมาก วางแผนทุกอย่างแบบสมบูรณ์ หลายเพลย์โจมตีเร็วจนฉือ หยู่ฉี ตั้งตัวไม่ติด
โค้ชเป้เคยเล่าว่า จะมีการดูวีดีโออย่างละเอียด เพื่อศึกษาว่านักกีฬาคนนั้น เล่นแบบไหนระหว่างทัวร์นาเมนต์ การวางกลยุทธ์ให้อีกฝ่ายตั้งรับไม่ทัน จะทำให้ได้เปรียบมากในสนาม
กุลวุฒิ ถล่มฉือ หยู่ฉี เละ 2 เกมรวด ไม่ไว้หน้ามือหนึ่งของโลก นี่เป็นฟอร์มที่ดีที่สุด จนแฟนแบดมินตันต่างประเทศ สดุดีว่า "นี่คือการเล่นที่ยอดเยี่ยมที่สุดในรอบ 2 ปี ไร้เทียมทาน เหมือนโมโมตะในปี 2019 และ วิคเตอร์ ในปี 2021"
เมื่อเอาชนะ ฉือ หยู่ฉี ได้แล้ว รอบรองชนะเลิศ กุลวุฒิเจอกับ ลี ซี เจีย จากมาเลเซีย นัดนี้กุลวุฒิโชว์ทักษะเกมรับระดับโลก คู่แข่งตีมาเท่าไหร่ก็ไม่ยอมจำนน สวนคืนกลับไปได้ทุกครั้ง จนแฟนๆ มาเลย์ท้อใจ สุดท้ายเอาชนะได้ 2 เกมรวด เข้าชิงเหรียญทองได้สำเร็จ โดยจะไปเจอกับวิคเตอร์ แอ็กเซลเซ่น แชมป์เก่าชาวเดนมาร์ก
กุลวุฒิอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด เป็นร่างทองของจริง แต่แฟนๆ ต่างประเทศ ยังมองว่าเขาเป็นรองเล็กน้อย ความเห็นหนึ่งในโลกออนไลน์บอกว่า "วิคเตอร์คือตัวเต็งตอนนี้ กุลวุฒิยังพัฒนาได้อีกไกล แต่พูดกันตรงๆ ฟอร์มที่เอาชนะ ฉือ หยู่ฉี ได้ในรอบ 8 คน มันไม่ใช่ฟอร์มปกติของเขา"

โดยคุณ พรชมพู (18K)  [จ. 05 ส.ค. 2567 - 19:05 น.] #4030715 (3/11)
เชียร์ๆๆๆๆ


โดยคุณ nua550 (583)  [อ. 06 ส.ค. 2567 - 09:33 น.] #4030722 (4/11)


(N)


ช่วยเชียร์กันต่อครับ

โดยคุณ nua550 (583)  [อ. 06 ส.ค. 2567 - 09:34 น.] #4030723 (5/11)
“บี-จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง” นักมวยสากลทีมชาติไทย จะลงแข่งพบกับ “อิมาเน เคลิฟ(Imane KHELIF)” นักมวยแอลจีเรีย ที่มีโครโมโซม xy ในรุ่น 66 กิโลกรัมหญิง รอบ 4 คนสุดท้ายหรือ รอบรองชนะเลิศ เวลา 03.34 น. วันที่ 7 สิงหาคม(ดึกของคืนวันที่ 6 ส.ค.67)

โดยคุณ kwwee (2.6K)  [อ. 06 ส.ค. 2567 - 13:33 น.] #4030728 (6/11)
รูปร่างหน้าตาคล้ายผู้ชายทั้งคู่เลย อิอิอิ

โดยคุณ nua550 (583)  [พ. 07 ส.ค. 2567 - 09:51 น.] #4030741 (7/11)


(N)


น้องเทนนิส…สู้ๆๆๆๆๆๆๆ ( ช่วยเชียร์กันต่อครับ )

โดยคุณ nua550 (583)  [พ. 07 ส.ค. 2567 - 09:54 น.] #4030742 (8/11)
เทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ จอมเตะไทย รุ่น 49 กก.หญิง เจ้าของเหรียญทอง โอลิมปิกเกมส์ 2020 มีคิวลงชิงชัยในวันที่ 7 สิงหาคมนี้ เวลาไทยจะเริ่มแข่งขันตั้งแต่เวลา 14.00 น.
รอบ 16 คนสุดท้าย เทนนิส จะพบกับ อนา ดา คอสตา ดา ซิลวา ปินโต จากติมอร์เลสเต หรือ อูเมมะ เอล บุชชี่ จากโมร็อกโก เวลา 15.47 น.

หากชนะจะผ่านเข้ารอบ 8 คนสุดท้าย ไปพบกับผู้ชนะระหว่าง อวิสฮาก เซมเบิร์ก จากอิสราเอล หรือ ดุนยา อาบูตาเลบ จากซาอุดีอาระเบีย เวลา 19.53 น

ส่วนรอบรองชนะเลิศ จะเริ่มเตะเวลา 21.21 น. และเริ่มแข่งรอบชิงชนะเลิศ วันที่ 8 ส.ค. เวลา 02.19 น. (คืนวันที่ 7 ส.ค.)

โดยคุณ nua550 (583)  [ศ. 09 ส.ค. 2567 - 13:21 น.] #4030780 (9/11)


(N)


1,2

โดยคุณ nua550 (583)  [ศ. 09 ส.ค. 2567 - 13:21 น.] #4030781 (10/11)


(N)


3,4

โดยคุณ nua550 (583)  [ศ. 09 ส.ค. 2567 - 13:22 น.] #4030782 (11/11)


(N)


5,6

!!!! กรุณา Login ก่อนจึงจะเสนอความคิดเห็นได้ !!!


Copyright ©G-PRA.COM
www1